วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เพียงกดไลค์!ช่วยคนจนกัมพูชามีบ้านอยู่

             "ทำบุญปีใหม่ ด้วยสร้างบ้านหลังใหม่ให้คนยากจนเพียงกดไลค์ LIKE ท่านผู้เจริญงดงามในบุญ ประสงค์ทำบุญปีใหม่เพื่อเป็นของขวัญของชีวิต ข้าพเจ้าขอเชิญชวนท่านทำบุญด้วยการสร้างบ้านใหม่มอบให้คนยากจน เพียงกดไลค์ ที่เฟซบุ๊กนี้ Dream Foundation Australia 1,000 ไลค์ จะได้บ้านสองหลัง ขณะนี้ข้าพเจ้าต้องการเพียง 400 ไลค์ เท่านั้น ภายในสองวันนี้ หากได้ตามจำนวนดังกล่าว มูลนิธิ Dream Foundation Australia จะมอบบ้านสองหลังให้คนยากจน ครับ

             การทำบุญแบบนี้ง่ายมากครับ เพียงกดไลค์เท่านั่นเองครับ กรุณาไปยังที่เฟซบุ๊กนี้ แล้วกดไลก์ ครับ ผม
https://www.facebook.com/pages/Dream-Foundation-Australia/221430444663465?ref=stream&viewer_id=1409592375

             หากท่านมีเพื่อน กรุณาชวนกันทำบุญด้วยครับ อีกวิธีหนึ่ง ข้าพเจ้าของแนะให้ท่านไปที่เฟซบุ๊กดังกล่าวแล้ว ดูที่ See All แล้วกด และไปที่ Invite กดชวนเพื่อน ๆ ทำบุญด้วยกันครับ (ง่ายมาก ครับ ) ร่วมทำบุญด้วยกันครับ เพียงกดไลค์ บ้านใหม่สองหลังจะได้เป็นของผู้ยากจนครับ"

             ข้อความนี้เป็นคำเชิญชวนเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2556 จากเฟซบุ๊ก Sothea Yon ซึ่งเป็นพระชาวกัมพูชา ที่จบการศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)  เคยเป็นอาจารย์สอนระดับปริญญาตรีที่ มจร วิทยาเขตอุบลราชธานี สอนภาษาเขมรที่วิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวศึกษาอุบลราชธานีและเป็นวิทยากรวิจารณ์งานนิสิตระดับปริญญาตรีคณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเป็นประจำ พร้อมกันนี้ได้เดินทางกลับไปพัฒนาประเทศบ้านเกิด

             ได้ติดตามเฟซบุ๊กของท่านตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมกัมพูชาและภาคตะวันออกของไทย ได้จัดกิจกรรมรับบริจาคนำสิ่งของไปบริจาคผู้ประสบภัย และได้เห็นกิจกรรมของท่านตลอดมาโดยมุ่งพัฒนาเยาวชนให้มีคุณธรรมจริยธรรมพร้อมเสริมความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งก็ถือว่าตรงตามวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยนอกจากจะเน้นด้านการเรียนการสอนแล้วยังให้ความสำคัญกับการบริการสังคมด้วย

             วิธีการเชิญชวนกดไลค์ให้ถึงเป้าที่กำหนดของผู้ที่บริจาคเงินสร้างบ้านให้กับคนยากจน แค่เพียงกดไลค์ก็คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงอะไรและมีที่มาที่ไปที่ชัดเจน จึงถือว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสนับสนุนเพราะเป็นการช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกด้วยกัน

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

พม่าออกบัตรพระถวาย'ครูบาบุญชุ่ม' เตรียมจัดใหญ่งานวันเกิด9วัน9คืน

             ใกล้จะถึงวันคล้ายวันเกิดของพระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร  พระเกจิล้านนาชื่อดังสายป่ากรรมฐาน  ซึ่งเป็นที่นับถือของประชาชนชาวภาคเหนือและทั่วประเทศไทยในวันที่ 5 ม.ค.2557 นี้แล้ว โดยศิษยานุศิษย์ได้กำหนดจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ 9 วัน 9 คืน ระหว่างวันเสาร์ที่ 28 ธ.ค.2556 – วันอาทิตย์ที่ 5 ม.ค.2557 ที่วัดดอนเรือง เมืองพง จ.เชียงตุง รัฐฉาน ประเทศพม่า และขณะนี้กำลังเตรียมงานอยู่

             พระครูบาบุญชุ่มนั้นเป็นชาวไทยใหญ่ได้บวชตั้งแต่เป็นสามเณร เดินทางไปเผยแพร่ธรรมหลายประเทศ และได้เดินทางจากประเทศพม่าบ้านเกิดเข้ามาจำวัดที่ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2547 ได้ตั้งสัจจะถือศีลที่วัดถ้ำราชคฤห์ อ.งาว จ.ลำปาง ตลอดการเข้าพรรษานานถึง 3 เดือน ไม่มีการปลงผม ไม่ฉันอาหารใดๆและไม่รับกิจนิมนต์ ไม่รับบิณฑบาต แม้ว่าจะมีคนนำไปถวาย แต่ฉันเพียงผลไม้ที่ลูกศิษย์นำมาถวาย และที่หาได้ตามป่าเท่านั้น เพราะปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดตามรอยพระพุทธเจ้า และได้ออกจากถ้ำเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2556 ซึ่งเป็นวันออกพรรษา

             และเมื่อวันที่ 15 พ.ย.2556 ได้เดินทางไปยังวัดดอนเรือง เมืองพง จ.เชียงตุง ประเทศพม่า เพื่อโปรดญาติโยม โดยไม่มีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทย พร้อมกันนี้ทางการพม่าออกบัตรประจำตัวพระภิกษุถวายแก่พระครูบาบุญชุ่มแล้ว สามารถเดินทางเข้าออกประเทศพม่าได้อย่างสะดวก

             อย่างไรก็ตามช่วงที่พระครูบาบุญชุ่มพักอยู่ที่ประเทศพม่านี้ ศิษยานุศิษย์ยังสามารถติดตามการเคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่องผ่านทางเฟซบุ๊ก"ครูบาบุญชุ่มครูบาสายล้านนาสายป่ากรรมฐาน" ควบคู่ไปกับคำสอนอย่างเช่นตอนที่จะเดินทางไปประเทศพม่าได้เตือนสติคนไทยอย่าทะเลาะกันเพราะจะอายพม่าเขาพร้อมกับมอบคาถาต่างๆอย่างเช่น

             "ความสุขอยู่ไม่ไกล ถ้าใจเรารู้จักปล่อยวาง

             พระนิพพานอยู่ไม่ไกล ถ้าใจเรามีศรัทธา

             พระนิพพานอยู่ไม่ไกล ถ้าใจเรามีสติ

             พระนิพพานอยู่ไม่ไกล ถ้าใจเรามีสมาธิ

             พระนิพพานอยู่ไม่ไกล ถ้าใจเรามีปัญญา

             นิพพานปัจจโยโหตุ"

             มนต์คาถาเงินหมื่นล้าน แสนล้าน พันล้าน (ไม่จน) โอมนะโมพุทธายะ นะ มะ พะ ธะ ยะ นะ มะ อะ อุ นะโมพุทธายะ เกสุสุวัง สะสะยายันตัง สังเก นะรันยายะเป

             คาถาลอดช่อง เกสุสุวัง เกสุสุวัง เกสุสุวัง

             คาถาแคล้วคลาด นะ มะ อะ อุ นะโมพุทธายะ นะ มะ พะ ธะ ยะ นะชาลิติ

             คาถาครอบจักรวาล เกสุสุวัง สะสะยายันตัง สังเก นะรันยายะเป เกสุสุวัง สะสะยายันตัง สังเก นะรันยายะปิ

             คาถาป้องกันสารพิษ ป้องกันภัยอันตรายทุกอย่าง ทะสะขะ สะมังวิสาตุ ทะสะขะ สะมังวิสาตุ ทะสะขะ สมังวิสาตุ

             นับเป็นปัจฉิมโอวาทก้อนเดินทางออกจากประเทศไทยก็ว่าได้

             หรืออย่างเช่นคาถาที่ว่า

             "ติโลกะนาถัง อะหังวันทามิ ภควาติ

             เตสาหัง สิระปาเต วันทามิปริสุทธาเม

             วะจะสา มะสาวา วันทาเมเต

             ตะถาคะเต สะยะเน อะสะเนถาเน

             กัมมะเนจาปิ สัพพาะทา สะทา สุเขนะ

             รักขันตุ สะทาโสถี ภะวันตุเม

             โดยผู้ใช้พระคาถานี้ จะประสบแด่ความสุข ความเจริญ ในทุก ๆ ด้าน ปราศจาคโรคภัยไข้เจ็บ และภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวงมาเบียดเบียน ผู้ใช้พระคาถานี้ควรสวดมนต์ ไหว้พระ และภาวนาเป็นประจำ (ถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา) รู้จักกตัญญู-ปรนนิบัติรับใช้ อ่อนน้อมถ่อมตน ต่อบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณทั้งหลาย เป็นนิจ

             และในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ศิษยานุศิษย์ได้มีสร้างพระผงครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร รุ่น 49 ปี 28 พรรษา มอบเป็นของขวัญปีใหม่ฟรี โดยได้รับความเมตตาอนุเคราะห์จากพระครูบาเจ้าบุญชุ่ม อาทิ เกษรดอกไม้แสนดวง ผสมมวลสารมงคล ผงพุทธคุณ  น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ดินถ้ำพญานาคถ้ำมหาโพธิสัตว์ราชคฤห์ที่พระครูบาเจ้าบุญชุ่มอธิษฐานจิตเข้ากรรมฐาน 3 ปี 3 เดือน 3 วัน 3 ชั่วโมง 33 นาที พร้อมด้วยมวลสาร 3 มหามงคล เพื่อสร้างถวายเป็นสังฆบูชา อาจาริยบูชา น้อมถวายแก่พระครูบาเจ้าบุญชุ่มเนื่องในโอกาสครบรอบ 49  ปี 28 พรรษา วันที่  5 มกราคม 2557

: สำราญ สมพงษ์รายงาน


วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หลบการเมืองร้อน!ร่วมสร้างพระพุทธรูป500ฟุตกุสินารา

             ช่วงนี้คนไทยกำลังสาละวนอยู่กับปัญหาการเมือง มวลมหาประชาชนภายใต้การนำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. เคลื่อนพลบุกสถานที่ราชการทำเนียบรัฐบาล นอนกลางถนนราชดำเนินมาเป็นเวลาแรมเดือนแล้ว

             ตั้งธงปฏิรูปการเมืองใหม่ แก้ปัญหารัฐบาลคอร์รัปชั่นกินเมือง ราคาน้ำมันแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้านไม่รู้ใครได้ประโยชน์ ส่งผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศยุบสภา แต่มวลมหาประชาชนยังไม่หยุดบีบต่อ ต้องลาออกจากการเป็นนายกฯรักษาการ เปิดทางตั้งสภาประชาชนปฏิรูปการเมืองก่อนถึงค่อยเลือกตั้ง แต่อีกฝ่ายหนุนรัฐบาลไม่ยอมต้องเลือกตั้งถึงค่อยปฏิรูป

             ทำให้บางคนเกิดความรู้สึกว่า "เมืองไทยวุ่นวายหนอ เมืองไทยขัดข้องหนอ" จะหลีกหนีไปหาที่สงบจิตใจก็กลัวจะเป็นอย่างพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.น.7 ที่ขอลาบวชที่แดนพุทธภูมิช่วงม็อบเดือดก็โดนเด้งเข้ากรุ

             จะออกไปร่วมม็อบมากก็กลัวโดนอุ้มเหมือนกับ พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท พระลูกวัดเบญจมบพิตร ที่โพสต์ข้อความล่าสุด สะท้อนความขัดแย้งระหว่างพระกับตำรวจที่เกิดขึ้นผ่านสังคมโซเชียลมีเดีย

             แผ่เมตตาก็แล้ว เตือนสติให้รู้จักพอก็แล้ว ให้ฟังความรอบข้างข้อมูลให้มากๆ ยึดหลักกาลมสูตร แต่เพราะอคติบังตายากที่จะมองอีกฝ่ายเป็นมิตรอย่างนั้น ก็ขอปลีกวิเวกคิดเสียว่า "สัตว์ย่อมเป็นไปตามกรรม" ก็แล้วกัน

             พอม็อบเริ่มนิ่งจึงได้หามุมสงบจิตใจได้ข่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่เมืองกุสินารา รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดียแดนพุทธภูมิ  มีพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่สูงขนาด 500 ฟุต ปางปฐมเทศนา ก็จิตนาการไม่ออกว่าสูงขนาดไหน แต่เข้าใจว่าคงจะสูงเท่าๆกับพระพุทธรูปโบราณที่ประเทศอาฟกานิสถานที่ถูกตาลีบันระเบิดทำลายหรือสูงกว่า จึงถือว่าเป็นข่าวที่เป็นมงคลยิ่ง

             เมืองกุสินารานั้นเป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถานแห่งที่ 4 ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองเอกหนึ่งในสองของแคว้นมัลละ อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำคู่กับเมือง ปาวา เป็นที่ตั้งของ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า

             และที่น่าปลื้มปิติไปกว่านั้นก็คือว่ามี Hon. Chief Minister Sri Akhilesh Yadav มุขมนตรีรัฐอุตตรประเทศ เดินทางไปเป็นประธานในพิธี และมีพระสงฆ์นิกายต่างๆและชาวพุทธร่วมถึงพระและฆราวาสคนไทยไปร่วมพิธีหลายหมื่นคน

             พระเทพโพธิเทศ ประธานสงฆ์วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล ได้มอบหมายให้พระครูปริยัติโพธิวิเทศ หัวหน้าฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เจ้าอาวาสวัดไทยเชตวันมหาวิหาร  ไปร่วมงานและได้มีโอกาสมอบพระพุทธชินราชให้แก่มุขมนตรีรัฐอุตตรประเทศ

             พระครูปริยัติโพธิวิเทศหรือพระมหาคมสรณ์ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก "ท่านคมสรณ์ ข่าวสารงาน-พระธรรมทูตอินเดีย"ที่สนทนากับมุขมนตรีรัฐอุตตรประเทศ ความว่า ในนามคณะสงฆ์จากประเทศไทย ขอแสดงความชื่นชมและยินดีที่ท่านได้ดำเนินการจนโครงการฯ นี้เริ่มขึ้นได้หลังจากที่คณะทำงานใช้ความพยายามมากว่า 13 ปี ซึ่งนำศรัทธาสร้างโดยองค์ทะไลลามะที่ 14 แห่งทิเบตบนพื้นที่ 500 ไร่

             "เพื่อเป็นนิมิตแห่งความสำเร็จและชัยชนะในนานาปัญหาและอุปสรรคที่ผ่านมาขอมอบพระพุทธชินราช อันเป็นพุทธสัญญลักษณ์แห่งราชาแห่งชัยชนะ และหวังในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในโครงการต่อไป ขณะเดียวกันอาตมามีโครงการสร้างวัดอีกแห่งหนึ่งที่สาวัตถี ถ้ามีโอกาสก็ขอเชิญไปที่นั่นกำลังดำเนินการ และจะทำให้ยิ่งใหญ่กว่าที่เมืองกุสินารา อาตมาจะไปพบท่านที่เมืองลักเนาว์หากมีเรื่องที่ต้องขออุปถัมภ์ช่วยเหลือ"  พระครูปริยัติโพธิวิเทศ ระบุ

             ขณะที่มุขมนตรีรัฐอุตตรประเทศ กล่าวว่า "ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ผมได้ทำตามสัญญาที่เคยกล่าวไว้เมื่อครั้งเข้าไปกราบพระคุณเจ้าที่วัดเมื่อครั้งก่อน หากมีเวลาผมจะไปเยี่ยมที่วัดไทยอีก มีอะไรให้ผมรับใช้กรุณาแจ้งบอกได้เลยนะครับ"

             พอวันรุ่งขึ้นเฟซบุ๊ก Namaste Dhamma ได้โพสต์ภาพการเผยแพร่พิธีดังกล่าวของสื่อประเทศอินเดียค่อนข้างเป็นข่าวใหญ่

             ผู้ที่ติดตามเฟซบุ๊ก"ท่านคมสรณ์ ข่าวสารงาน-พระธรรมทูตอินเดีย,Namaste Dhamma,วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์-อินเดีย" จะได้เห็นกิจกรรมที่เป็นพุทธานุสสติอย่างต่อเนื่อง ร่วมถึงข้อคิดเตือนสติสำหรับคนไทยอย่างเช่นล่าสุดความว่า

             "ความเมตตา คือ ความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน ความหวังดี ความปรารถนาดี ถ้าเราเป็นเพื่อนกับใคร จะสังเกตได้เลยว่า เราคิดถึงแต่จะให้ประโยชน์กับเขา ไม่เคยคิดที่จะเบียดเบียนทำร้ายเลย นั่นคือลักษณะของเพื่อนจริงๆ ซึ่งความจริงแล้วก็เป็นสภาพของธรรมชนิดหนึ่ง คือ เมตตา ในภาษาบาลี ซึ่งภาษาไทยก็ใช้คำว่า “มิตร” หรือ “เพื่อน” เพราะฉะนั้นเวลาไหนที่เราเกิดหวังดีต่อใคร ให้ทราบว่าสภาพธรรมนั้นเกิดขึ้นกำลังทำกิจหวังดี"

             พระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงกระทำเป็นแบบอย่างในการใช้หลักธรรมนำการเมือง แล้วนักการเมืองไทยที่เป็นชาวพุทธจะไม่ลองทำตามบ้างหรือ

: สำราญ สมพงษ์รายงาน




วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อุทยานธารโบกขรณีชูจุดขายไฮซีซั่น

          หน.อุทยานฯธารโบกขรณีเชิญชวนสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสายงามช่วงไฮซีซั่น
         
              9ธ.ค.2556 นายวีระศักดิ์ ศรีสัจจัง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ธารโบกขรณี เปิดเผยว่า ช่วงไฮซีซั่น ทางอุทยานฯมีความพร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับธรรมชาติเชิงอนุรักษ์และวิถีชีวิตชาวเล ซึ่งพื้นที่ 6,500 ไร่ หรือ 104 ตารางกิโลเมตรของอุทยานฯ ที่ครอบคลุมท้องที่อำเภออ่าวลึก และอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่นั้น มีสภาพภูมิประเทศเป็นป่าดงดิบที่มีธารน้ำไหลลอดภูเขา เหมาะสำหรับการพักผ่อน เล่นน้ำ พบแหล่งศิลปะถ้ำจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นภาพเขียนสีโบราณ ที่ถ่ายทอดให้เห็นวิธีชีวิตและวัฒนธรรมของมนุษย์ยุคโบราณ
         
              โดยหมู่เกาะห้อง ที่ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยจำนวน 12 เกาะ เกาะห้องเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด จุดเด่นอยู่ที่ “อ่าวบิเละ” เป็นชายหาดที่ขาวสะอาด ทรายละเอียด แนวหาดโค้งแบ่งออกเป็นสองช่วงคล้ายปีกนกบิน น้ำทะเลใส สามารถมองเห็นปะการังน้ำ นอกจากนี้ยังมีเกาะที่ความสวยงามอีกหลายเกาะ เช่น ทะเลแหวกที่เกาะผักเบี้ย เกาะกามิด เกาะเหลาลาดิง เกาะฮันตู อีกด้วย
         
              นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ได้ให้นโยบายกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่า จะเดินหน้าและปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ ทั้งคุ้มครองดูแลทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งโบราณคดีที่ทรงคุณค่าอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนฟื้นฟูทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมให้คืนสู่สภาพสมดุล และมีการบริหารจัดการพื้นที่เพื่ออำนวยประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวและนันทนาการ การศึกษาวิจัย และการพัฒนาคุณภาพของประชาชนในท้องถิ่น ดังคำขวัญของอุทยานที่ว่า ‘ถิ่นเก่าธารอโศก มาโบกขรณี มีธารน้ำตกสวย รวยถ้ำล้ำค่า ภาพเขียนสีดึกดำบรรพ์ สวรรค์เกาะห้อง’ทั้งนี้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป สามารถติดต่อรับบริการได้ที่ อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี 2/2 หมู่ที่ 2 ถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ต.อ่าวลึกใต้ อ. อ่าวลึก จ. กระบี่ 81110 โทรศัพท์ 0 7568 1071, 0 7568 2058 โทรสาร 0 7568 2058 : fb/อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี
         
              ด้านนายสนิท องศารา ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 5 (นครศรีธรรมราช) กล่าวว่า ได้กำชับให้หัวหน้าอุทยานฯ ประสานทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่บูรณาการร่วมมือกัน ในการเชื่อมโยงพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งนอกจากอุทยานฯจะคุ้มครองพื้นที่อนุรักษ์ภายใต้ดูแลของชุมชน ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาลแล้ว นักท่องเที่ยวทั้งไทยและทั่วโลกต่างเกิดความประทับใจในการให้บริการของอุทยานฯและเจ้าหน้าที่ได้อีกด้วย

ร่วมสร้างพระมหาธาตุเจดีย์พอเพียงพุทธชยันตีเฉลิมราช

              เมื่อเวลา 13.09น.วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2556ที่ผ่านมามีพิธีทอดผ้าป่าและวางศิลาฤกษ์สร้าง "พระมหาธาตุเจดีย์2600ปี พุทธชยันตีเฉลิมราช" หรือพระมหาธาตุเจดีย์พอเพียง ศูนย์ปฏิบัติธรรมมาบเอื้อง เพื่อเศรษฐกิจพอเพียง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ตรงข้ามศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ภายใต้การนำของพระราชญาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม9 กาญจนาภิเษก ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร หรืออาจารย์ยักษ์  ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ โดยมีผู้ร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

              มูลเหตุ 3 อย่างแห่งการสร้างพระมหาธาตุเจดีย์พอเพียง คือ 2,600 ปี พุทธชยันตี แห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก 85 ปี พระมหากษัตริย์ภูมิพล ผู้ทรงพระราชทานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการออกแบบคล้ายเจดีย์ "สาญจี" ที่สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช

              พร้อมทั้งพระมหาเจดีย์องค์นี้ ยังได้ประโยชน์ถึง 3 อย่าง คือ 1. เป็นหอบรรจุพระบรมสารีริกขธาตุและอรหันตธาตุ  2. เป็นหอแสดงพระอัจฉริยภาพ 3 มหาบุรุษ  3. เป็นห้องเรียน หอประชุมและสถานที่ปฏิบัติธรรม

              ผู้มีจิตศรัทธาเพื่อปฏิบัติบูชาและร่วมสร้าง "พระมหาธาตุเจดีย์2600ปี พุทธชยันตีเฉลิมราช" เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูกตเวที ต่อมหาบุรุษทั้ง 3 พระองค์ สามารถติดต่อสอบถามที่พระอาจารย์สังคม ธนปัญโญ 089-5742528,



: สำราญ สมพงษ์รายงาน



วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

'ในหลวง'ทรงถวายบัวยอดฉัตรพุทธคยา

          โครงการหุ้มทองคำยอดฉัตรพระมหาเจดีย์พุทธคยา เป็นการทำงานที่ศาสนิกชนชาวพุทธทั่วโลกร่วมกันนำทองคำซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ที่สูงค่า มาถวายเป็นพุทธบูชา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นพุทธศาสนูปถัมภก ทรงตั้งสัตยาธิษฐานนำพาชาวไทยทั้งประเทศเป็นตัวแทนพุทธศาสนิกชนทั่วโลกร่วมกันถวายทองคำเป็นอามิสบูชาสู่การปฏิบติบูชา เพื่อเป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา นำพาประเทศชาติและประชาชนให้อยู่เย็นเป็นสุขและพัฒนาสถาพรตลอดไป

             โครงการนี้เกิดขึ้นโดยรัฐบาลอินเดียและยูเนสโกได้มอบหมายให้ประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดทำโครงการหุ้มทองคำยอดฉัตรพระมหาเจดีย์พุทธคยา ณ วัดมหาโพธิมหาวิหาร พุทธคยา สาธารณรัฐอินเดีย โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2556 เนื่องในโอกาสสมโภชพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ธรรมสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ซึ่งการนำทองคำมาหุ้มยอดฉัตรพระมหาเจดีย์พุทธคยานี้ เชื่อว่าสิ่งที่พุทธศาสนิกชนร่วมกันถวายเป็นอามิสบูชานี้จะอยู่ได้เป็นร้อยๆ พันๆ ปี และโครงการนี้เป็นโครงการที่คนไทยทั้งประเทศได้ร่วมกัน ในทุกภาคส่วนทั้ง  ศาสนา รัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป

             ที่ต่างร่วมใจกันทำงานเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ กับทั้งถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกในโอกาสจัดงานฉลองพระชันษา 100 ปี 3 ตุลาคม 2556 และเป็นโครงการที่ทางวัดพุทธคยาจะบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของศาสนาพุทธที่เมืองพุทธคยาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 4 ในประวัติศาสตร์โลกที่ทรงร่วมบูรณะพระมหาเจดีย์พุทธคยาต่อจากพระเจ้าอโศกมหาราข พระเจ้าหุวิชกะ และพระเจ้ามินดง ดั่งคำจารึกในแผ่นทองคำทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ความว่า

             "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร์ รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก มีพระราชศรัทธา ทรงนำพาระชาชนชาวไทยทั้งชาติ ร่วมกันสร้างทองคำบริสุทธิ์ 289 กิโลกกรัม นำมาประดิษฐาน ณ ยอดพระมหาโพธิเจดีย์นี้ เพื่อเป็นพุทธกตเวทิตบูชา แด่สมเด็จพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ณ ที่แห่งนี้ ขออานุภาพแห่งการบูชาสูงสุดนี้ บันดาลให้ชาติไทยรุ่งเรืองด้วยพุทธศาสนาตลอดกาลนิรันดร์ ให้คนไทยมีความสามัคคีกัน มีความสันติ และสุขสถาพรตลอดไปเทอญ"

              ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้ทรงลงพระนามในแผ่นทองคำเพื่อร่วมถวายเป็นพุทธบูชา พร้อมกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จพระดำเนินมาร่วมพิธีสมโภชยอดฉัตรทองคำในวันที่ 30 สิงหาคม 2556 ด้วย   

             การทำงานในครั้งนี้จึงเป็นการทำมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่ที่เริ่มจากอามิสบูชาสู่การปฏิบัติบูชา โดยการรวมทุกหัวใจของพุทธศาสนิกชนทุกคนมาร่วมกันปฏิบัติบูชาถวายพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการฉลองพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ธรรม ดังคำกล่าวของแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ที่ได้กล่าวถึงความหมายของอามิสบูชาสู่การปฏิบัติบูชาว่า

             "จากการนำทองคำมาเป็นอามิสบูชาสู่การหลอมรวมให้เรามีธรรมเป็นเครื่องคุ้มครองใจ ในพิธีสมโภชยอดฉัตรทองคำที่ประเทศไทย เราจึงร่วมกันเจริญพุทธมนต์บท อิติปิโสภควา 5,000 จบ เพื่อเป็นการสรรเสริญพระคุณของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมสัมพุทธเจ้า เมื่อเราได้นำทองคำมาถวาย ณ พระมหาเจดีย์พุทธคยา ก็มีการร่วมกันเจริญพุทธมนต์บท อิติปิโสภควาอีก 5,000 จบนี่คือการหลอมรวมทุกพลังศรัทธามาปฏิบัติบูชา มาอธิษฐานจิตร่วมกันนำธรรมะกลับสู่หัวใจของคน เพื่อให้สังคมไทยอยู่เย็นเป็นสุข พ้นทุกข์ร่วมกัน"

             พลังแห่งศรัทธาที่มีต่อองค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้หลอมรวมทุกดวงใจของชาวพุทธให้เป็นหัวใจทองคำ ธาตุแห่งความบริสุทธิ์ สูงค่า และ ยั่งยืน และเป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่า ชาวพุทธพร้อมที่จะน้อมนำหลักธรรมของสอนของพระพุทธองค์มาปฏิบัติบูชาเพื่อนำพาสังคมไทยไปสู่สังคมแห่งความสงบและศานติ

.................................

: เสถียรธรรมสถานรายงาน


หลบการเมืองร้อนร่วมงานบุญแห่พระบาง


ไหว้พระธาตุพูสีที่พระธาตุ
ประทุมมาศบัวทองพนมสถาน
หนเหนือขุนน้ำคือลำคาน
พู้นย่านบรรพชนพิชัยเมือง

หนออกหันสู่ภูซวง
ภูแมนแดนสรวงสถิตเนื่อง
ผานม ผาบัง ประนังเนือง
อร่ามเรือง ลาดภู แผ่นดินงาม


หนใต้ไล้ลู่ด้วยลำโขง
ข้ามโค้งลำของบ่เคยขาม
เลี้ยงย่านเลี้ยงยุคอยู่ทุกยาม
เรืองรามขุนลอผู้หล่อแดน

หนตก กราบพระ หลวงพระบาง
โขงคว้าง ถั่งหล้า พญาแถน
ปู่เญอ ย่าเญอ ยังคงแคว้น
ใจเมือง ใจแมน ใจแผ่นดิน..

              กลอนเรื่อง "หลวงพระบาง" ของอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ กวีรัตนโกสินทร์นี้ อาจารย์ตั้งใจแต่งเพื่อเป็นการเชิญชวนผู้สนใจที่จะเดินทางไปร่วมงานบุญแห่พระบาง ที่เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาวระหว่างวันที่ 13-16 ธันวาคมนี้

              ดังนั้นใครถวิลหาลมหนาว หลบเรื่องการเมืองร้อนไปค้นหาความง่ายงามของภาษาเพื่อนบ้านอย่างลาว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลงานบุญใหญ่ในเมืองมรดกโลกอย่างหลวงพระบาง ซึ่งทางการแขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว ประกาศกำหนดการรัฐพิธีเฉลิมฉลองการอัญเชิญพระพุทธรูป "พระบาง"  ไปประดิษฐานยังหอพระบาง เป็นเวลา 3 วัน ดังนี้ วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2556  เวลา 08.00 น. เคลื่อนขบวนแห่พระพุทธรูป "พระบาง" ไปรอบเมืองหลวงพระบาง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนสักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล

              ช่วงค่ำตั้งแต่เวลา 18.00 น. มีการแสดงทางวัฒนธรรมเฉลิมฉลอง การอัญเชิญพระพุทธรูป "พระบาง" อาทิ การขับทุ้มหลวงพระบาง ฟ้อนนางแก้ว ฯลฯ วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2556  เวลา 08.00 น. เคลื่อนขบวนแห่กองบุญผ้าป่าถวายพระบาง ให้พุทธศาสนิกชนรวมอนุโมทนาบุญ  ช่วงค่ำ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. มีการแสดงทางวัฒนธรรมเฉลิมฉลอง การอัญเชิญพระพุทธรูป "พระบาง" อาทิ การขับทุ้มหลวงพระบาง ฟ้อนนางแก้วฯลฯ วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2556   เวลา 06.00 น. ประเพณีตักบาตรตามธรรมเนียมชาวหลวงพระบาง เวลา 10.00 น. ถวายกองบุญผ้าป่าเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธรูป"พระบาง"  เวลา 11.00 น.ถวายภัตตาหารเพล แล้วเป็นอันเสร็จสิ้นการเฉลิมฉลอง

              ขณะเดียวกัน "ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต" นักค้นคว้าอิสระ รองเลขาธิการมูลนิธิสโมสรมิตรภาพวัฒนธรรมสากล จัดทริปพิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ระหว่าง 13-16 ธันวาคม นี้ นอกเหนือจากงานหลักคือ งานฉลองหอและแห่พระบางแล้ว ยังนำชมสถานที่ท่องเที่ยวจ่างๆ ในเมืองหลวง และวังเวียง อีกด้วย วิทยานำชมโดย "ศรัณย์ บุญประเสริฐ" ผู้เชี่ยวชาญด้านอุษาคเนย์ศึกษาและมัคคุเทศท้องถิ่นชาวลาว

              ล่าสุดสำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ นำเสนองานเขียนผลงานนักการทูต "เสน่ห์ภาษาลาว" โดย "พิษณุ จันทร์วิทัน" เอกอัครราชทูตไทยประจำ สปป.ลาว นครหลวงเวียงจัน พิมพ์ใหม่ล่าสุดไฉไลกว่าเดิมสี่สีทั้งเล่ม "ฟรี" สำหรับลูกทัวร์ ทริปงานแห่พระบาง หอพระบาง เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว ระหว่าง 13-16 ธันวาคม ( 4 วัน 3 คืน)  ทัวร์เริ่มต้นที่หนองคายราคา 7,500 บาท

              ในแง่มุมทางประวัติศาสตร์และวรรณคดี เมืองหลวงพระบางมีความเกี่ยวพันกับมหากาพย์แห่งอุษาคเนย์เรื่องท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง ทั้งนี้ยังเชื่องโยงกับต้นเรื่องพระเพื่อน พระแพง และพระลอมรณา จากเอกสารประกอบการสัมมนาศูนย์สังคีตศิลป์สัญจร ธนาครกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เรื่อง ท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง "มหากาพย์แห่งอุษาคเนย์"  ณ โรงละครแห่งชาติ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2548 บอกเรื่องราวเค้าเรื่องท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง ต้นเรื่องพระเพื่อน พระแพง และพระลอมรณา โดยเฉพาะเมืองของพระลอ

              โอกาสนี้  "ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต" ได้คัดย่อดังนี้ "วรรณคดีเรื่องพระลอ" ฉบับที่แพร่หลายทุกวันนี้ มีร่ายเริ่มบอกความเป็นมาของตัวละครสองฝ่าย คือพระลอ กับฝ่ายพระเพื่อน พระแพง ฝ่ายพระลออยู่เมืองแมนสรวง เนื้อร่ายระบุตำแหน่งว่าอยู่ทาง "ทิศตะวันออกหล้า แหล่งไล่สีมา ท่านนา"  หนังสือพระลอไม่ได้บอกว่าเอาอะไรเป็นศูนย์กลาง? จึงไม่รู้ว่าทิศตะวันออก–ทิศตะวันตก ของอะไร? เลยต้องคาดคะเนจากจากตอนพระลอเสี่ยงน้ำข้ามแม่(น้ำ)กาหลง มีร่ายบอกว่า "ถึงแม่กาหลง ปลงช้างชิดติดฝั่ง นั่งสำราญรี่กัน แล้ว ธ ให้ฟันไม้ทำห่วง พ่วงเป็นแพสรรพเสร็จ ธ ก็เสด็จข้ามแม่น้ำแล้วไส้"

              ตรงนี้เป็นพยานให้รู้ว่าเมืองแมนสรวงของพระลออยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำกาหลง เมื่อจะต้องไปหาพระเพื่อนพระแพงด้วยแรงมนต์เสน่ห์ จึงต้องต่อแพข้ามแม่น้ำ เพราะเมืองสรวงของพระเพื่อน พระแพงอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำกาหลง ปัญหาที่นักปราชญ์ราชบัณฑิตคิดค้นถกเถียงกันมานานมาก แต่ยังตกลงกันไม่ได้คือ แม่น้ำกาหลงอยู่ที่ไหน? แท้จริงแล้ว น้ำแม่กาหลงก็คือแม่น้ำโขงหรือน้ำแม่ของ มีอยู่ในโคลงกลอนท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง ในเล่มศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ น้ำแม่กาหลงในท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง เป็นแม่น้ำเดียวกันกับน้ำแม่กาหลงในพระลอ เพราะวรรณคดีสองเรื่องนี้เกี่ยวข้องต่อเนื่องกัน พูดง่ายๆ ว่าท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง เป็นเรื่องตอนต้นของพระลอ

              ส่วนพระลอเป็นเรื่องตอนปลายของท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง ท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง เป็นใหญ่อยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำโขง (เรียกแม่กาหลง) ชื่อดินแดน "โยนก"  บริเวณที่ราบลุ่มน้ำกก–อิง ทางเชียงแสน–เชียงราย–พะเยา ได้ขยายอำนาจข้ามน้ำแม่โขงไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นเขตของแถนกับแมน โดยมีแถนลอเป็นใหญ่ พวกแถนได้ร่วมกันต่อต้านแล้วฆ่าท้าวฮุ่งขาดคอช้างตายในสนามรบ เชื้อสายของท้าวฮุ่งสืบมาถึงพระพิษณุกร ครองเมืองสรวงอยู่ทางตะวันตกของน้ำแม่กาหลง (ในพระลอ) มีลูกสาว 2 คนชื่อ พระเพื่อน พระแพง แถนลอเป็นใหญ่อยู่ทางทิศตะวันออก เรียกเมืองกาหลง บริเวณริมน้ำโขง หรือหลวงพระบาง ทุกวันนี้ เชื้อสายของแถนลอ สืบต่อมาเป็นท้าวแมนสรวง ครองเมืองแมนสรวง อยู่ทางตะวันออกของน้ำแม่กาหลง (ในพระลอ) มีลูกชายชื่อพระลอ ในวรรณคดีเรื่องพระลอได้กล่าวพาดพิงถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งยุคท้าวฮุ่งไว้ 2 ครั้ง

              ครั้งแรก เมื่อพระลอถูกเสน่ห์ จะไปหาพระเพื่อนพระแพง นางบุญเหลือผู้เป็นแม่ได้บอกพระลอว่า พวกเราไปฆ่าปู่เขามีโคลงบาทหนึ่ง "เพราะปู่เขาเรารอน ขาดเกล้า"  ครั้งหลัง เมื่อย่าเลี้ยงรู้ว่าพระเพื่อนพระแพงสมสู่กับพระลอก็โกรธแล้วสั่งให้ฆ่าพระลอ เพราะเป็นลูกศัตรู ดังมีร่ายตอนหนึ่งบอกว่า พระลอนี้เป็น "ลูกไพรีใจฉกาจ ฆ่าพระราชบิดา แล้วลอบมาดูถูก ประมาทลูกหลานเรา"  ด้วยเหตุทั้งหมดนี้เอง พระเพื่อน พระแพง และพระลอ ถึงต้องถูกพิฆาตยืนตายพร้อมกันสามคน

              สำหรับทริปนี้ รับจำนวน 35 ที่นั่งเท่านั้น และจะหมดเขตวันที่ 9 ธันวาคมแล้ว ผู้สนใจสามารถแจ้งเข้าร่วมการเดินทางได้ที่ "ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต" โทร. 0851666473  หรือ mahashin19@gmail.com

..............................

: สำราญ สมพงษ์(FB-Samran Sompong)

“หมอชลน่าน” เปิดหอสงฆ์อาพาธดูแลสุขภาพพระสงฆ์ตามหลักพระธรรมวินัย รพ.หนองคาย

หมอชลน่าน เปิดศูนย์หัวใจชายแดน ระเบียงเศรษฐกิจสุขภาพสู่อินโดจีน รพ.หนองคาย เพิ่มศักยภาพการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจทั้งชาวไทย นักท่องเที่ยวและประเ...