วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ซัดกันนัว! "พปชร.-ปชป." ปมรบ.เลือกตั้งโกงน้อยกว่า "รบ.คสช."




"กำนันสมบัติ" ส.ส.สระบุรี พปชร. ตามขยี้"เทพไท" ปมดิสเครดิต คสช. ชี้เป็น ส.ส.หลายสมัย แต่เดินคนเดียวไร้ราคาไม่มีใครคบหา แนะควรทำตัวเป็นต้นแบบ เพราะทำภาพนักการเมืองเสียหาย คนรุ่นใหม่ไม่กล้าเข้ามาทำงาน ขณะที่ "เทพไท" โต้กลับส.ส.สมัยแรก ตีโพยตีพายนอกสภาฯ หวังสร้างราคาค่างวดให้ตัวเอง


วันที่ 27 มิ.ย.นายสมบัติ  อำนาคะ ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส. นครศรีธรรมราช อภิปรายรายงานยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการพัฒนาประเทศ ต่อที่ประชุมสภาฯเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ระบุว่ายุค คสช. พบการทุจริตคอร์รัปชั่น มากกว่ารัฐบาลเลือกตั้งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า เห็นด้วยกับนายสมพงษ์ โสภณ ส.ส. ระยอง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ออกมาตอบโต้นายเทพไท เมื่อวันที่ 26 มิย. ที่ผ่านมา เพราะนายเทพไทเป็น ส.ส. มาหลายสมัย ควรจะทำตัวให้มีราคา มีเพื่อน มีพี่มีน้องในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่เดินไปไหนมาไหนในสภา เดินคนเดียวไม่มีใครเขาเดินด้วย ก็เพราะว่าเป็นคนเอาดีเข้าตัวชั่วให้คนอื่น ตัดสินคนนั้นคนนี้ โดยลืมมองตัวเองพี่น้องตัวเองที่ยังมีคดีทุจริตการเลือกตั้ง นายฯอบจ.นครศรีธรรมราชเมื่อปี 2557นึกว่าเพื่อน ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎร เขา ไม่ทราบถึงพฤติกรรมที่เป็นอยู่

ส.ส.สระบุรี พรรคพปชร. กล่าวต่อว่า อยากจะฝากไปถึง ส.ส. เทพไท ว่าขอให้ท่านทำหน้าที่ผู้แทนราษฏร ในจังหวัดของท่านให้พี่น้องประชาชนรักและศรัทธาดีกว่า ขออย่าให้มาทำตัวเป็นคนที่ชอบวิจารณ์คนนั้นคนนี้ว่าดีไม่ดี โดยไม่มองตัวเองก่อน การเมืองประเทศไทยในวันนี้คือ การพัฒนาประเทศ ให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดีปลอดภัยจากโรคภัยต่างๆ ที่ผ่านมาประเทศไทยนั้น ได้เกิดการทะเลาะกันในเรื่องความคิดการชี้นำที่ผิดๆ ทำให้ประเทศไทยนั้นติดกับดักมาร่วม20 ปี 

วันนี้ประเทศไทยของเรากำลังเดินหน้าพัฒนาประเทศ อยากจะขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของของตัวเองในวันนี้วันข้างหน้าให้สมบูรณ์ และขอให้มีความรู้สึกสำนึกในหน้าที่ในความรับผิดชอบของแต่ละคนจะดีกว่ามั้ย 

"ถ้านักการเมือง อย่างนายเทพไท คิดได้แต่เอาคนนั้นคนนี้มาเปรียบเทียบแล้วเอาสถิติความคิดมาวิจารณ์ ชี้นำ ผมว่าไม่ถูกต้อง วันนี้ประเทศไทย โดยการบริหารของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกลาโหม ได้มีพัฒนาบริหารประเทศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผลมาถูกที่ถูกทางแล้ว ในสภาผู้แทนราษฎร ก็มีฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบด้วยเหตุด้วยผล ฝ่ายรัฐบาลก็บริหารประเทศด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม สามารถตรวจสอบได้ เป็นประชาธิปไตยที่สวยงามอยู่แล้วในเวลานี้ ก็ไม่ทราบว่าท่าน ส.ส. เทพไท จะไป ละเมอเพ้อพก อะไรกับสิ่งที่ผ่านมา"

นายสมบัติ กล่าวและว่า วันนี้คนรุ่นใหม่ๆ เยาวชน ที่ติดตามการเมืองชอบการเมือง คนเหล่านี้จะเป็นกำลังหลักของชาติในอนาคต มีความสนใจการเมืองอยากมาเสียสละเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อประเทศชาติ แต่ที่ไม่กล้าเข้ามา ก็เพราะมีนักการเมืองแบบนายเทพไท 

"ท่านเทพไท ควรให้เกียรตินักการเมืองด้วยกัน ต่างคนต่างมีหน้าที่ คุณควรจะเสียสละเวลา เสียสละความคิด แล้วลงไปพื้นที่อยู่กับพื้นที่ เพื่อไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนของคุณจะดีกว่า" นายสมบัติกล่าว


"เทพไท" โต้กลับส.ส.สมัยแรก ตีโพยตีพายนอกสภาฯ หวังสร้างราคาค่างวดให้ตัวเอง

นายเทพไท  กล่าวว่า ตนได้อภิปรายแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ และได้นำสถิติดัชนีความโปร่งใสขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International-TI) มาเปรียบเทียบลำดับความโปร่งใสของรัฐบาลแต่ละชุด จนสร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐบางคนนั้น ขอชี้แจงว่าการอภิปรายของตนเป็นการทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ มีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารงานของฝ่ายบริหาร เมื่อมีการเสนอแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ในการอภิปรายเสนอแนะ และติชมไปข้อเท็จจริง ถ้าหากรัฐบาลไม่อยากให้มีการอภิปรายในเรื่องนี้ ก็ไม่ควรนำเข้ามาสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
          
ส่วนข้อกล่าวหาว่าตนเองอยู่ ฝ่ายรัฐบาลไม่มีมารยาทในการแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนั้น ตนขอชี้แจงว่า
          
1.การอภิปรายวิจารณ์แผนยุทธศาสตร์ชาติเป็นการทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ถ้าอภิปรายผิดพลาดหรือพาดพิงให้รัฐบาล หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้รับความเสียหาย ส.ส.ทุกคนในสภาก็สามารถใช้สิทธิ์ท้วงติง หรือประท้วงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้
          
2.การทำหน้าที่ของตนเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และการอภิปรายก็อยู่ในกรอบของแผนยุทธศาสตร์ชาติ หากมีอภิปรายนอกประเด็นทำให้รัฐบาลเสียหาย ประธานที่ประชุม(นายชวน หลีกภัย) คงจะทักท้วงหรือให้ยุติการอภิปรายไปแล้ว
          
3.การนำสถิติดัชนีความโปร่งใส ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International-TI) ขึ้นมาเปรียบเทียบความโปร่งใสของรัฐบาลแต่ละชุด ก็เป็นข้อมูลทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบได้ว่า ปี พ.ศ.2553 สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ อยู่ในลำดับที่ 78 ปี พ.ศ.2556 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อยู่ในลำดับที่ 102 และในปี พ.ศ.2559 และ พ.ศ.2562 สมัยรัฐบาล คสช.(พลเอกประยุทธ์)อยู่ที่ลำดับ 101
          
4.การอภิปรายเรื่องลำดับความโปร่งใสของรัฐบาลแต่ละชุด ตนได้เปรียบเทียบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกับรัฐบาล คสช.ที่มาจากรัฐประหาร ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำและพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคร่วมรัฐบาลแต่ประการใด
          
"จึงอยากจะให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐคนดังกล่าว ได้ไปทบทวนบทบาทการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรของตัวเองก่อนว่า ได้ทำหน้าที่ ส.ส.ได้สมบูรณ์แล้วหรือยัง เพราะเพิ่งเป็น ส.ส.สมัยแรก ไม่ได้แสดงบทบาทในสภาผู้แทนราษฎรเลย ได้เป็น ส.ส. ก็เพราะโหนกระแสพลเอกประยุทธ์เข้ามา และถ้าหากจะท้วงติงการทำหน้าที่ของผมในสภาผู้แทนราษฎร ก็ควรนำไปพูดในสภาไม่ใช่ออกมาตีโพยตีพายข้างนอก เพื่อสร้างราคาค่างวดให้ตัวเองต่อผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น"นายเทพไท กล่าว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ดร.มหานิยม" พาไปไหว้ พระวัดงามตามรอยพระอริยะ วัดป่าโสมพนัสสกลนคร

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ดร.นิยม เวชกามา อดีต สส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย  หรือ "ดร.มหานิยม" ในฐานะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีคนที...