วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2564

"พิชัย"จี้"ประยุทธ์"ประกาศให้ชัด! 120 วันเปิดประเทศไม่ได้"ลาออก"



“พิชัย” จี้ “ประยุทธ์” ยืนยัน 120 วันเปิดประเทศ ถ้าทำไม่ได้ต้องออกไป ห่วง ไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน (Stagflation) เมื่อเงินเฟ้อและดอกเบี้ยพุ่งขึ้น แนะ เอาตำแหน่งนายกฯ จำนำเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน 2564  นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้ประกาศทั่วประเทศเป็นเหมือนสัญญาประชาคมว่าจะเปิดประเทศไทยใน 120 วันซึ่งจะตรงกับวันที่ 14 ตุลาคม 2564 และจะมีวัคซีน 105.5 ล้านโดสมาฉีดให้ประชาชนก่อนเปิดประเทศ ก็อยากให้ทำให้สำเร็จเพื่อเศรษฐกิจไทยจะได้เริ่มลืมตาอ้าปากได้บ้าง แต่เนื้องจากที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ล้มเหลวในการบริหารและผิดคำพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์รักษาสัญญาประชาคมโดยเอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเป็นประกัน หากทำไม่ได้หรือล้มเหลวอีก จะต้องประกาศไม่ดำรงตำแหน่งอีกต่อไปทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งน่าจะพอทำให้ประชาชนมีความมั่นใจขึ้นมาได้บ้าง เพราะพลเอกประยุทธ์แทบจะไม่เหลือเครดิตให้ประชาชนเชื่อถือได้อีกแล้วไม่ว่าจะพูดอย่างไร จากความผิดพลาดซ้ำซ้อนที่ผ่านมา อย่าให้ประชาชนคิดว่าเพราะพี่โทนี่ ประกาศในคลับเฮ้าส์ว่าจะเปิดประเทศได้ใน 6 เดือนจึงทำให้พลเอกประยุทธ์เต้นตามและประกาศ 120 วันเพียงเพื่อเบิ้ลบลัฟฟ์พี่โทนี่ แต่พลเอกประยุทธ์กลับไม่ได้มีแผนงานอะไรรองรับ ไม่ต่างจากการกู้เงิน 7 แสนล้าน แล้วลดการกู้มา 5 แสนล้านได้เพราะไม่ได้มีแผนงาน กู้มาก่อนแล้วค่อยคิด แต่การเปิดประเทศจะยากกว่ามากเพราะต้องเตรียมความพร้อมหลายด้านที่พลเอกประยุทธ์อาจจะไม่มีความสามารถที่จะคิดได้ครบและอาจจะทำได้ไม่ทัน


ทั้งนี้ ยังไม่ทันไรนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว. พลังงาน ได้ออกมาประกาศว่า 120 วันนี้ นับจากวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งไม่ตรงกับที่พลเอกประยุทธ์ประกาศไว้ ซึ่งเท่ากับไม่เชื่อว่าพลเอกประยุทธ์จะเปิดประเทศได้ใน 120 วันจริง ซึ่งเท่ากับเป็นการตบหน้าพลเอกประยุทธ์อย่างแรง และต่อมาโฆษกรัฐบาลยังตบหน้าพลเอกประยุทธ์ซ้ำอีกโดยประกาศว่าไม่ใช่เป็นการเคาท์ดาวน์แต่เป็นแค่หลักการยิ่งทำให้เครดิตของพลเอกประยุทธ์ที่มีน้อยอยู่แล้วต้องกลายเป็นเครดิตติดลบทันที ดังนั้นตนจึงอยากเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ออกมายืนยันคำพูดของตัวเองที่เป็นสัญญาประชาคมไปแล้วว่าประเทศไทยจะเปิดประเทศได้ในวันที่ 14 ตุลาคม โดยเอาตำแหน่งมาเป็นประกัน ซึ่งหากทำไม่ได้จริงก็ต้องลาออกไปและไม่ต้องกลับมาอีก แต่ถ้าจะกลับคำพูดก็ควรออกมาประกาศเองเพื่อขอโทษประชาชนที่พูดเพียงเพราะต้องการจะเอาชนะพี่โทนี่เท่านั้น แต่วิธีคิดและวิธีบริหารคงสู้ไม่ได้ เลยจะขอถอนสัญญาประชาคม แล้วดูว่าประชาชนจะว่าอย่างไร เพราะทุกวันนี้ก็มีแต่ข่าวคนหมดตัว และหมดหวังกับพลเอกประยุทธ์กันแทบทั้งประเทศแล้ว ขนาดคลิปเจ้าของโกดังชาบูที่ต้องหมดตัวและออกมาระบายถึงพลเอกประยุทธ์คนยังเข้าดูหลายล้านคน 


การเร่งเปิดประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็น เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็วซึ่งส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูง ราคาสินค้าเริ่มมีราคาสูงขึ้นอย่างมาก โดยราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นไปอีก ในสหรัฐอัตราเงินเฟ้อได้พุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปีหรือเงินเฟ้อสูงขึ้นถึง 5 % และเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 7% หลังจากปีที่แล้วติดลบที่ -3.5% ซึ่งทำให้คาดการณ์กันว่าดอกเบี้ยในสหรัฐอาจจะต้องขึ้นเร็วกว่าที่คาดกันไว้เดิม โดยอาจต้องขึ้นดอกเบี้ยในต้นปีหน้าเลย ซึ่งทั้งอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบมาถึงเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัวไม่มีทิศทางที่จะฟื้นตัว อัตราการว่างงานยังสูง แต่ต้องมาเจอกับภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะผลักให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน หรือ Stagflation ได้ ซึ่งเป็นสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และน่ากลัวที่สุด ซึ่งอาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ต้องย่ำแย่ต่อเนื่องไปอีกหลายปีกว่าจะหลุดพ้นได้ ประชาชนจะยิ่งลำบากกันอย่างแสนสาหัส ซึ่งจะเป็นภาวะข้าวยากหมากแพงของจริง และหนี้ต่างๆทั้ง หนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน หนี้ธุรกิจ หนี้เสียธนาคาร แม้กระทั่งหนี้นอกระบบ จะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น แต่รายได้กลับน้อยลง หรืออาจจะไม่มีรายได้เลย หนี้สินจะยิ่งพุ่งสูงขึ้นทั้งในภาครัฐและในภาคเอกชน


อย่างไรก็ดี การที่จะเปิดประเทศได้ต้องมีแผนรองรับทั้งแนวทางสาธารณสุขและแนวทางการฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ต้องคิดให้ครบทั้ง 2 ด้าน โดยแนวทางสาธารณสุขยังเป็นปัญหาอย่างมาก คนติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นกว่า 3 พันคนทุกวัน และมีคนตายวันละ 20-30 คนทุกวัน และยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง วัคซีนก็ยังขาดแคลนและยังไม่มีหมายกำหนดการที่ชัดเจน อีกทั้งวัคซีนมีให้เลือกจำกัด โดยมีข้อมูลจำนวนมากยืนยันว่าวัคซีนซิโนแวคที่พลเอกประยุทธ์มีแผนงานจะฉีดให้ประชาชนเพิ่มอีกหลายสิบล้านโดส จะไม่สามารถป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่มาจากประเทศอินเดียได้ และไวรัสสายพันธุ์นี้จะระบาดมากในไทย เหมือนกับที่ประเทศชิลีที่มีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนแล้วกว่าครึ่งประเทศแล้วแต่ใช้วัคซีนซิโนแวคเป็นวัคซีนหลักกว่า 70% แต่ไม่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้ ต้องกลับไปปิดประเทศอีก อีกทั้งยังมีไวรัสที่กลายพันธ์ุแล้วอีกหลายสายพันธุ์ที่วัคซีนที่พลเอกประยุทธ์เลือกมาอาจจะป้องกันไม่ได้เลย ทั้งที่วัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นามีราคาใกล้เคียงกันแต่มีประสิทธิภาพการป้องกันสูงกว่าแต่รัฐบาลกลับไม่ซื้อ ไม่แน่ใจว่าเพราะสหรัฐมีนโยบายห้ามการจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นหรือไม่ จึงไม่ยอมสั่งวัคซีนจากสหรัฐที่มีคุณภาพดีกว่าเข้ามา นอกจากนี้การกระจายการฉีดให้ครบ 100 ล้านโดสเพื่อจะเปิดประเทศได้ จะทำได้อย่างไร ภายใต้การบริหารของพลเอกประยุทธ์ ไม่ใช่จะฉีดเฉพาะคนงานของบริษัทไทยเบฟตามที่เป็นข่าวและต้องยกเลิกไปเพราะถูกตำหนิอย่างมาก ส่วนแนวทางการฟื้นเศรษฐกิจนี้ ตนและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้บอกไปมากแล้วและยังมีอีกมาก โดยจะต้องคิดและทำหลายๆด้านไปพร้อมๆกัน ซึ่งไม่แน่ใจว่าพลเอกประยุทธ์จะเข้าใจไหม อาจจะต้องขอให้พี่โทนี่สอนอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องที่จะฟื้นเศรษฐกิจไทยได้ใน 6 เดือน พลเอกประยุทธ์จะได้เต้นตามก็น่าจะเป็นประโยชน์ โดยปัจจุบันพลเอกประยุทธ์คิดได้เพียงแค่การเปิดโรงรับจำนำเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มหนี้ให้ประชาชนมากขึ้น แต่ไม่ได้คิดวิธีสร้างรายได้เพื่อมาใช้หนี้ได้ ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้เอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจำนำไว้ หากเปิดประเทศและฟื้นเศรษฐกิจไม่ได้ก็น่าจะต้องยึดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคืนได้แล้ว เพราะทำประเทศไทยแหลกเหลวมานานแล้ว ส่วนจะคิดดอกเบี้ยทบต้นกันอย่างไร ก็แล้วแต่ประชาชนส่วนใหญ่จะเห็นควร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แนะแนวแก้ "ขัดแย้ง-รุนแรง" ของชาวพุทธ ในปริบทพุทธสันติวิธี

การใช้หลักพุทธสันติวิธีในการแก้ไขความขัดแย้งในวงการพระสงฆ์และสังคมไทยสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดปัญหาความรุนแรงและเสริมสร้าง...