วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

"บิ๊กตู่" หารือ เลขาฯ องค์การสันนิบาตมุสลิมโลก


เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ดร. มุฮัมมัด บิน อับดุลกะรีมอัลอีซา (Dr. Mohammad bin Abdulkarim Al-Issa)เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลกเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือที่ดีระหว่างกัน ไทยชื่นชมความเป็นผู้นำทางศาสนาและสนับสนุนแนวทางอิสลามสายกลางของซาอุดีอาระเบีย รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างศาสนิกชนต่างศาสนา พร้อมหวังว่า การเยือนไทยครั้งนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับองค์การสันนิบาตมุสลิมโลกที่เป็นรูปธรรมเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่ายต่อไป ไทยยินดีที่เลขาธิการฯ ให้ความสนใจในความเป็นพหุสังคมของไทย ที่ประกอบไปด้วยผู้คนต่างศาสนาที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ 

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำว่า ไทยพร้อมสนับสนุนภารกิจขององค์การสันนิบาตมุสลิมโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามหลักของศาสนาอิสลาม และเป็นสะพานในการพูดคุยระหว่างผู้คนที่หลากหลายที่จะนำมาซึ่งสันติภาพ ความยุติธรรม และการอยู่ร่วมกัน จึงหวังว่าการเยือนของเลขาธิการฯ ในครั้งนี้จะช่วยนำมาซึ่งความแน่นแฟ้นระหว่างไทยกับโลกมุสลิม

ด้านเลขาธิการฯกล่าวขอบคุณและยินดีที่การเยือนไทยในครั้งจะช่วยเสริมสร้างและขยายเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศไทยและส่งเสริมปฏิสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์ระหว่างผู้คนที่มีประเพณีทางศาสนาที่ต่างกับเลขาธิการฯ รู้สึกยินดีและภาคภูมิใจที่ได้เยือนไทยในครั้งนี้ก่อนที่จะเดินทางมาได้ศึกษาประวัติและเห็นถึงความเข้มแข็งของสังคมไทยเป็นหนึ่งในความสนใจในการเดินทางเยือนประเทศไทยโดยเลขาธิการฯเห็นว่าประเทศไทยมีจุดแข็งและมีลักษณะที่น่าชื่นชมคือการมีปฏิสัมพันธ์ที่หลากหลายของสังคมพหุวัฒนธรรมไม่ปรากฏข้อขัดแย้งซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐาน 3 ประการ ได้แก่การอบรมในระดับครอบครัวระดับศาสนาและศีลธรรม และในระดับสถาบันการศึกษา ทำให้สังคมไทยน่าชื่นชม และเป็นตัวอย่างที่ดีในการอยู่อย่างปรองดองของพหุวัฒนธรรม

ทั้งนี้ เลขาธิการฯ กล่าวยืนยันและพร้อมสนับสนุน ให้ความช่วยเหลือ และเป็นสะพานพูดคุย เพื่อให้เกิดสันติภาพ และสันติสุขในประเทศ ซึ่งในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยแลกเปลี่ยนอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ของไทยด้วยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียินดีที่ไทยสามารถเป็นแกนกลางเชื่อมอาเซียนกับประเทศมุสลิม โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเดินหน้าความร่วมมือให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย รวมถึงกับองค์การสันนิบาตมุสลิมโลกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วธ.ประเดิมงานใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ เปิดสารพันอาหารย่านกะดีจีน-คลองสาน”

กระทรวงวัฒนธรรมเปิด “งานวัดพัฒนาประชาคม ไหว้พระรับพรย้อนวันวาน สารพันอาหารย่านกะดีจีน-คลองสาน” ณ วัดประยุรวงศาวาส  ภายใต้งานใต้ร่มพระบารมี 2...