วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

อธิบดีพช.เดินหน้าต่อรอบ 2 ชวนชาวไทยปลูกกระชาย-ฟ้าทลายโจรป้องกันโควิด-19

 


อธิบดีพช.เดินหน้าต่อรอบ 2 ชวนชาวไทยปลูกกระชาย-ฟ้าทลายโจร ขยายผลการดำเนินงานโครงการปลูกผักสวนครัว ด้วยพืชสมุนไพรไทย เพื่อป้องกันโควิด-19

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม 2564 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยว่า ด้วยกรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สู่ปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยรณรงค์ให้มีการปลูกผักสวนครัวทั่วประเทศ เน้นการพึ่งตนเอง เพื่อให้รอดพ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) จากผลตอบรับการน้อมนำแนวพระราชดำริฯ สู่การปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร รอบ 2 ด้วยการบูรณาการความร่วมมือกับ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” พบว่า มีผู้นำที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 77,545 คน ที่ร่วมรณรงค์สร้างกระแสการปลูกผักสวนครัวอย่างน้อย 10 ชนิด มากถึง 6,439,330 ครัวเรือน ก่อให้เกิดสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2,268,832 ครัวเรือน และลดรายจ่าย ถึง 3,126,634 ครัวเรือน จนนำไปสู่การถ่ายทอด ทักษะชีวิตวิถีใหม่ ผ่านการส่งเสริมให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานศึกษา ศาสนสถาน เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ในการปลูกผักสวนครัว โดยเฉพาะศาสนสถาน ซึ่งเป็นผู้ผลักดันและขยายผลการปลูกผักสวนครัวจากศาสนสถานสู่ชุมชนตามหลัก “บวร”


ทั้งนี้ ผลสำเร็จของระยะที่ผ่านมา กรมการพัฒนาชุมชน จึงมองไปข้างหน้าที่จะต่อ ยอดให้เกิดความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยจะขับเคลื่อนการดำเนินงาน “น้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างความมั่นคงทางอาหาร สู่ปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร” รอบ 2 (ต่อเนื่อง) โดยการรณรงค์ให้ทุกครัวเรือนปลูกผักสวนครัว เช่น กล้วย 5 หน่อ มะละกอ 5 ต้น พืชสวนครัว อื่นๆ โดยเฉพาะ ขิง ตะไคร้ กะเพรา โหระพา บวบ รวมถึงพืชสมุนไพร เช่น กระชาย ฟ้าทะลายโจร ขิง ข่า ตะไคร้ มะกรูด มะนาว กะเพรา โหระพา และพริกให้ครบทุกบ้าน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 


สมุนไพรไทย นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยป้องกันโควิด19 และบรรเทาอาการเบื้องต้นของไข้หวัด หรือป้องกันการติดเชื้อได้ เช่น กระชาย พบว่า สารสกัดของกระชายขาว สามารถแสดงฤทธิ์ในการต้านไวรัสทั้งในระยะก่อนและหลังการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับ ฟ้าทะลายโจร โดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้การรับรองแล้วว่ามีสารแอนโดกราโฟไลด์ ที่สามารถรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ โดยให้รับประทานฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลน์ วันละ 180 มิลลิกรัม เป็นเวลา 5 วัน จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย จะเห็นได้ว่า สมุนไพรไทยมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์อย่างมากมาย จนทั่วโลกให้การยอมรับ จึงเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ที่สามารถนำมาช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชนรอดพ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้เป็นอย่างดี


ดังนั้น กรมการพัฒนาชุมชนจึงได้มีหนังสือประสานขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยเป็นผู้นำให้พี่น้องข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชนและทุกกระทรวงทบวงกรม ผู้นำจิตอาสา ภาคีเครือข่ายในทุกตำบลหมู่บ้านได้ช่วยกันสร้างความมั่นคงด้านอาหารด้วยการปลูกพืชผักสวนครัว และพืชสมุนไพรซึ่งเป็นทั้งอาหารและยารักษาโรคต่างๆหลายโรครวมทั้งโควิด19 อย่างกระชาย ขิง ฟ้าทลายโจร หากทุกครัวเรือนมีการปลูกพืชสมุนไพรไทย จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่พี่น้องประชาชน สามารถพึ่งตนเองได้ ในท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 นี้ ได้อย่างปลอดภัย และต่อเนื่องจนเป็นนิสัยหรือวัฒนธรรมการปลูกพืชผักสวนครัวสร้างความมั่นคงด้านอาหาร และขอเชิญชวนทุกท่านส่งภาพการปลูกพืชผักสวนครัวแบ่งปันแรงบันดาลใจให้พี่น้องของเราในfb ปลูกพืชปลูกผักปลูกรักกับ พช. ด้วยจะขอบคุณยิ่ง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวฝากช่วงท้าย 


 

   


 

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

"มนัญญา"ดึงสหกรณ์บรรพตพิสัย นำร่องปลูกฟ้าทะลายโจร แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม



 "มนัญญา"ดึงสหกรณ์บรรพตพิสัย นำร่องปลูกฟ้าทะลายโจร แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมส่งเสริมปลูกพืชสมุนไพรไทยมากขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม 2564  นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โครงการส่งเสริมอาชีพของสหกรณ์การเกษตร ณ ตลาดกลางสหกรณ์การเกษตรบรรพตพิสัย จำกัด ต.บ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ เพื่อติดตามนโยบายในการปฏิบัติงาน 

ทั้งนี้ นางสาวมนัญญา กล่าวว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามงานในการผลักดันให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี สหกรณ์การเกษตรบรรพตพิสัย จำกัด เป็นศูนย์กลางในการสร้างอาชีพให้แก่เกษตรกรโดยใช้หลักการตลาดนำการผลิต โดยได้ขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการประกอบอาชีพมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสหกรณ์ดังกล่าวมีการส่งเสริมการปลูกฟ้าทะลายโจร เนื่องจากเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยและมีความต้องการของตลาดสูง สมาชิกเข้าร่วมโครงการ 27 ราย พื้นที่ปลูกใน ต.บ้านแดน 7 ไร่ และ ต.บึงปลาทู 7 ไร่ สหกรณ์ฯ ทำหน้าที่รวบรวมและแปรรูป โดยจัดสรรแปลงสหกรณ์ (แปลงกลาง) ควบคุมการปลูกแบบอินทรีย์ ใช้ระบบสหกรณ์ และให้ความรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน จัดสรรแนวเขตรอบแปลงป้องกันละออง สารเคมี ควบคุมคุณภาพสระน้ำของสหกรณ์ ระยะเวลาเก็บเกี่ยวรอบแรก 3 – 4 เดือน มีผลผลิตจำนวน 14,164 กก. มูลค่า 169,968 บาท (ปี 2563/2564) โดยรวบรวมและคัดคุณภาพพร้อมอบแห้ง รวมทั้งยังรับซื้อฟ้าทะลายโจรสดจากสมาชิก และจัดหาตลาดขณะเดียวกันยังแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ “เจลแอลกอฮอลล้างมือฟ้าทะลายโจร” สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรด้วย

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ทำให้สมุนไพรไทยฟ้าทะลายโจรได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และขาดตลาด และพบว่ามีสารสำคัญชนิดหนึ่ง คือ สารแอนโดรกราโฟไลด์ สรรพคุณช่วยลดไข้ บรรเทาหวัด เจ็บคอ กระทรวงเกษตรฯ จึงต้องการส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์ เกษตรกรหันมาปลูกสมุนไพรฟ้าทะลายโจรมากขึ้น ซึ่งจะมีการส่งเสริมนำร่องที่สหกรณ์การเกษตรบรรพตพิสัย จำกัดเป็นแห่งแรกในการส่งเสริมการปลูกและแปรรูปโดยผ่านขบวนการสกรณ์และจะขยายโครงการไปทั่วประเทศ ส่งเสริมให้เป็นสมุนไพรประจำบ้าน และที่ผ่านมาได้มอบนโยบายให้กรมวิชาการเกษตร เร่งวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจรเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ และสอนวิธีการปลูก การดูแลให้แก่สมาชิกสหกรณ์ เกษตรกรต่อไป

สำหรับสหกรณ์การเกษตรบรรพตพิสัยมีปริมาณธุรกิจแปรรูปดำเนินงานได้สูงกว่าเป้าหมาย 82.86 % และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี มีศักยภาพด้านการรวบรวมและแปรรูป และมีมูลค่าการแปรรูปสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.38 มีสมาชิกทั้งสิ้น 2,171 คน คิดเป็นร้อยละ 20.6 ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมดในอำเภอบรรพตพิสัย

โอกาสนี้ รมช.เกษตรฯ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัด และเครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดนครสวรรค์ อาทิ นิทรรศการผลิตภัณฑ์สมุนไพร (ฟ้าทะลายโจร) นิทรรศการและจำหน่ายสินค้าโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้านสานต่ออาชีพการเกษตร จังหวัดนครสวรรค์ มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 116 คน และโครงการซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ ฯ ทั้งหมด 3 แห่ง ได้แก่ 1) สหกรณ์การเกษตรไพศาลี จำกัด 2) สหกรณ์เพื่อการตลาด ลูกค้า ธ.ก.ส. จำกัด และ 3) สหกรณ์การเกษตรศาลเจ้าไก่ต่อ จำกัด.

 


วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

"เฉลิมชัย"เปิดแนวรุกสมุนไพรฝ่าแนวรบสู้โควิด-19


 
"เฉลิมชัย"เปิดแนวรุกสมุนไพรฝ่าแนวรบสู้โควิด-19  จับมือกระทรวงสาธารณสุขและสภาการแพทย์แผนไทยระดม6พันคลีนิคพร้อมฮอตไลน์สายด่วนใช้สมุนไพรและตำรับยาไทยร่วมรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เตรียมคิกออฟ "เพชรบุรีโมเดล" เดินหน้าการแพทย์ทางร่วม 3 แนวทาง           

วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2564  นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร แถลงว่า  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ"โควิด-19"ระลอกใหม่ที่รุนแรงมากขึ้นดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้เร่งส่งเสริมพืชสมุนไพรและตำรับยาไทยเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19โดยผนึกความร่วมมือกับสภาการแพทย์แผนไทยและกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขจากข้อสั่งการดังกล่าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดการประชุมหารือโดยประสานกับดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรเป็นประธานและมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ. พล.ร.อ.ชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทย

พันเอกนายแพทย์พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา ประธานมูลนิธิจิตเป็นผู้ให้ใจเป็นนิพพาน นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมกสรแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ดร.ภญ.มณฑกา ธีรชัยสกุล ผู้อำนวยการกองสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจ รศ.ดร.ธัญญะ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พท.ภ.บัญชา สุวรรณธาดา ที่ปรึกษาโครงการพัฒนาการแพทย์ไทนร่วมสมัย ฯลฯ 



ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่า พร้อมดำเนินแนวทางการแพทย์ทางร่วมระหว่างการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนไทยโดยใช้สมุนไพรและตำรับยาไทยควบคู่กับยาแผนปัจจุบันซึ่งมี 3 แนวทางในการขับเคลื่อน 1.แนวทางการป้องกันการติดเชื้อโดยใช้เครื่องยาสมุนไพรและตำรับยาไทย 2.แนวทางการรักษาผู้ป่วยด้วยยาแผนปัจจุบัน เครื่องยาสมุนไพรและตำรับยาไทย 3.แนวทางการฟื้นฟูผู้ป่ายหลังการรักษาโดยเฉพาะกรณีLong COVID Syndrome      

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า สภาการแพทย์แผนไทยแจ้งว่าปัจจุบันมีคลีนิคแพทย์แผนไทย 6,000 คลินิคและแพทย์แผนไทยกว่า30,000 คนรวมทั้งศูนย์ฮ็อทไลน์แพทย์แผนไทยที่มีอยู่ทุกภาคและยังมีคลีนิคจิตอาสาแพทย์แผนไทยอีก60แห่งและคลังยาสมุนไพรและตำรับยาไทยของสภาการแพทย์แผนไทยที่พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ขณะที่รองอธิบดีกรมแพทย์แผนไทยแจ้งว่ากระทรวงสาธารสุขมีแพทย์แผนไทยประจำโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งและมีการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามเช่นที่กรุงเทพ นครปฐมและเพชรบุรี

ทั้งนี้ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าควรเริ่มทดสอบแนวทางการแพทย์ทางร่วมที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดเพชรบุรีซึ่งมีความพร้อมมากที่สุดเป็นแห่งแรกตามข้อเสนอของพอ.นายแพทย์พงศพศักดิ์ ตั้งคณาโดยให้มีการจัดกลุ่มผู้ป่วยตามกลุ่มยาและให้ตรวจเลือดผู้ป่วยทั้งก่อนและหลังการบำบัดรักษาเพื่อวัดผลลัพธ์หากได้ผลดีจะขยายผลต่อไป

"จากนั้นได้มีการประชุมต่อเนื่องที่จังหวัดเพชรบุรีเมื่อวานนี้(วันที่6ก.ค.)เป็นการประชุมร่วมระหว่าง ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี สาธารณสุขจังหวัด ทีมแพทย์แผนไทยเพชรบุรี พ.อ.นายแพทย์ พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา โดยนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีเห็นด้วยและพร้อมดำเนินการในการรักษาผู้ป่วยตามแนวทางการแพทย์ทางร่วม ทั้งนี้ในส่วนสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรียินดีที่จะดำเนินการทันทีที่มีคำสั่งจากกระทรวงสาธารณสุขให้สามารถดำเนินการทดสอบดังกล่าวโดย พ.อ.นายแพทย์ พงศ์ศักดิ์แจ้งว่าพร้อมร่วมดำเนินการทดสอบและจะเป็นผู้สนับสนุนเครื่องยาและตำรับยาไทยเช่นฟ้าทะลายโจร กระชาย เบญจโลกวิเขียร(5ราก) จันทน์ลีลาเป็นต้น"    

ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรยังแถลงต่อไปว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการสนับสนุนและส่งเสริมสมุนไพรไทยอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ.และนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการฯ. โดยขับเคลื่อนนโยบายผ่านแผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทยประกอบด้วย 5 ด้านคือ 1.ด้านยุทธศาสตร์สมุนไพรแห่งชาติ 2 .ด้านการวิจัยและนวัตกรรมสมุนไพร 3 .ด้านวัตถุดิบสมุนไพร 4 .ด้านส่งเสริมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพร และ 5 .ด้านส่งเสริมภาพลักษณ์และการตลาดสมุนไพร  



กระทรวงเกษตรฯมีบทบาทหน้าที่ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมผลิตผลของสมุนไพรไทยที่มีศักยภาพตามความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งจากการดำเนินการที่ผ่านมาได้สนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพร 64,917 ไร่ จำนวน 80 ชนิด แบ่งเป็น พื้นที่ที่มาตรฐาน GAP จำนวน 54,755 ไร่  พื้นที่ที่มาตรฐาน Organic Thailand จำนวน 13,162 ไร่  พร้อมทั้งจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกร จำนวน 60 กลุ่มและมีการจัดทำมาตรฐานสินค้า GAP และมาตรฐานพืชสมุนไพรตามกลุ่มของส่วนที่ใช้ของพืช จำนวน  5 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1หัว เหง้า และราก ฉบับที่ 2ใบ ส่วนเหนือดิน และทั้งต้น ฉบับที่  3ดอก พืช สมุนไพรแห้ง                 ฉบับที่ 4 ผลและเมล็ด และฉบับที่ 5เปลือกและเนื้อไม้    

นอกจากนี้กระทรวงเกษตรยังมีการพัฒนาบุคคลากรเพื่อตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบสมุนไพร รวมทั้งแผนดำเนินการปรับปรุงห้องปฏิบัติการที่ได้รับรองมาตรฐาน              ISO 17025 เพื่อให้บริการตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบมาตรฐาน GAP หรือมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และได้จัดทำแผนที่ความเหมาะสมของที่ดินสำหรับปลูกพืชสมุนไพร (Land Suitability) จำนวน  24 ชนิด เช่นฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน ไพล บัวบก กระชายดำ กระชายเหลือง กระวาน ข่า ขิง คำฝอย ตะไคร้ บุก พริกไทย ว่านชักมดลูก กระเจี๊ยบแดง เก๊กฮวย ดีปลี บอระเพ็ด พญายอ เพชรสังฆาต มะระขี้นก มะลิ มะแว้งเครือ และมะแว้งต้น รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพร เพื่อให้มีฐานข้อมูลพื้นที่ปลูกสมุนไพรที่ชัดเจนสามารถส่งเสริมเกษตรกรได้ โดยมีฐานข้อมูลสมุนไพร ประกอบด้วย  

1) ข้อมูลพื้นที่ปลูกสมุนไพร จากกรมส่งเสริมการเกษตร   2) ข้อมูล Land Suitability (แผนที่ความเหมาะสมของที่ดินสำหรับปลูกพืชสมุนไพร) จากกรมพัฒนาที่ดิน  3) ข้อมูลพืชสมุนไพรที่ได้รับการรับรอง GAP จากกรมวิชาการเกษตร   4) ข้อมูลพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพร ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม   

"สมุนไพรเป็นพืชเศรษฐกิจและพืชสุขภาพ ใช้ประโยชน์หลากหลายทั้งในการประกอบอาหารเป็นยารักษาโรค อาหารเสริมดูแลสุขภาพ และเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ปัจจุบันความต้องการใช้สมุนไพรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากมูลค่าการบริโภควัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 43,100 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 52,100 ล้านบาทในปี 2462 ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ และมุ่งเน้นใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมากขึ้นทำให้เกิดแรงหนุนเรื่องธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้านสุขภาพ รวมถึงโครงสร้างประชากรและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งเรื่องสังคมผู้สูงอายุ และกระแสค่านิยมการบริโภคอาหารปลอดภัยมากขึ้นโดยเฉพาะในการแพร่ระบาดของโควิด19ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ เกษตรกรจะมีรายได้แน่นอนและมั่นคงถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญนอกจากนี้กระทรวงเกษตรฯ.ได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการส่งเสริมการแปรรูปสมุนไพรให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นสำหรับตลาดในประเทศและต่างประเทศแทนการส่งออกสมุนไพรในรูปของวัตถุดิบ

โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุดดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ห่วงใยประชาชนจึงสั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ.สนับสนุนและร่วมมือในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาลโดยใช้3แนวทางป้องกัน-รักษา-ฟื้นฟูด้วยสมุนไพรและตำรับยาไทยเสริมการแพทย์แผนปัจจุบัน พร้อมกับชี้แนะว่าประเทศจีนคือตัวอย่างของประเทศที่ใช้สมุนไพรและตำรับยาจีนควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบันสู้กับโควิด-19จนประสบความสำเร็จ ซึ่งสมุนไพรและตำรับยาไทยใช้มาหลายร้อยปีได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยประชาชนคนไทยมาในแต่ละยุคแต่ละสมัย ให้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ การเสริมการแพทย์แผนปัจจุบันด้วยการแพทย์แผนไทยจะช่วยแก้ไขปัญหาโควิด-19ได้เป็นอย่างดี และควรทำพร้อมกันทั่วประเทศ" นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

กรมพัฒน์ ร่วม NECTEC ดันแผนพัฒนาแรงงานด้าน AI เป้า 3 ปี 10,000 คน

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ดันแผนพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ เป้าหมาย 10,000 คน ในระยะ...