วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ญี่ปุ่นสร้าง AI บุดดาห์บอท สามารถแชทกับพระพุทธเจ้า ผ่านมือถือได้ทุกที่ทุกเวลา แนะไทยสร้างพุทโธจีพีที

@siampongnews ญี่ปุ่นสร้าง #AI #บุดดาห์บอท สามารถแชทกับ #พระพุทธเจ้า ผ่านมือถือได้ทุกที่ทุกเวลา แนะไทยสร้างพุทโธจีพีที #ข่าวtiktok #tiktokหน้าฝน #tiktokshop ♬ เสียงต้นฉบับ - samran sompong

หลังจากที่ได้รายงานอิทธิพลปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอต่อพระพุทธศาสนา โดยได้ระบุว่า ฝ่ายมหายานหลังจากประเทศจีนสร้างหลวงพ่อเอไอประเทศญี่ปุ่นสร้างเจ้าแม่กวนอิมเอไอเมื่อประมาณปี 2562 หลังจากนั้นก็เงียบไป ฝ่ายหินยานนั้นไม่ได้มีความเคลื่อนคิดที่จะสร้างแต่อย่างใด

 ต่อมาได้ทราบข้อมูลจากเว็บไซต์ Themetter ได้รายงานว่า มหาวิทยาลัยเกียวโตได้สร้าง AI ‘บุดดาห์บอท’  ที่สามารถแชทกับพระพุทธเจ้าผ่านมือถือได้ทุกที่ทุกเวลาเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยคณะนักวิจัยญี่ปุ่นจากมหาวิทยาลัยเกียวโตพัฒนา AI ‘บุดดาห์บอท’  สำเร็จครั้งแรกเมื่อ เม.ย. ปีที่แล้ว และเพิ่งพัฒนาเวอร์ชันล่าสุดสำเร็จเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยได้ป้อนข้อมูลเนื้อหาเกี่ยวกับพระไตรปิฎกเข้าไป 

โปรแกรมบุดดาห์บอทเป็นการผสมผสานระหว่างระบบ AI บุดดาห์บอท เข้ากับเทคโนโลยีความจริงเสมือน (AR) ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพของพระพุทธเจ้าโดยมีภาพพื้นหลังเป็นสถานที่จริงที่ผู้ใช้งานอยู่  และสามารถตอบคำถามข้อสงสัยและคลายความกังวลของผู้ใช้งานได้แบบอัตโนมัติ 

AI บุดดาห์บอทสามารถตอบได้มากกว่า 1,000 คำตอบ ซึ่งคำตอบจะขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ผู้ใช้เลือกมาพูดคุย และปรึกษา  บุดดาห์บอทมีหน้าตาเหมือนช่องแชททั่วไปที่สามารถป้อนข้อความด้วยการพิมพ์หรืออัดเสียงก็ได้ ให้ความรู้สึกราวกับว่าได้แชทกับพระพุทธเจ้าในชีวิตจริง

ขณะนี้ AI บุดดาห์บอทเวอร์ชันล่าสุดจะให้บริกาเพียงโอกาสพิเศษเท่านั้น อย่างไรก็ดีคณะนักวิจัยวางแผนว่าจะเปิดตัวระบบ AI บุดดาห์บอทนี้สู่สาธารณะในภายหลัง แต่ขอพัฒนาระบบก่อน

เซย์จิ คุมากาอิ  หัวหน้าทีมวิจัยและรองศาสตราจารย์ด้านพุทธศาสนศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้เปิดเผยว่า “ศาสนาพุทธกำลังเผชิญกับความจริงที่โหดร้ายเนื่องจากรายได้ของวัดที่ลดลง ประกอบกับความวิตกกังวลและความทุกข์ของผู้คนเพิ่มขึ้น และวิกฤตอื่นๆ เราจึงต้องการตอบสนองต่อความท้าทายเหล่านี้ด้วยการผสมผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมเข้ากับ AI และ metaverse”

จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ดร.สำราญ สมพงษ์เกิดความคิดว่า ประเทศไทยน่าจะสร้างพุทโธจีพีทีขึ้นมาเช่นเดียวกับ AI บุดดาห์บอท จึงเข้าไปตั้งคำถามถึงวิธีการสร้างและโค้ดจากแชทจีพีทีก็ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ หากชาวพุทธที่มีจิตศรัทธาและมีทุนทรัพย์จะสร้างก็สามารถดำเนินการสร้างได้ทันที



"อภัยภูเบศร" ยกตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร แลนด์มาร์คการท่องเที่ยวภาคตะวันออก ไปไว้ในงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี 2566” ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์



"อภัยภูเบศร" ยกตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร แลนด์มาร์คการท่องเที่ยวภาคตะวันออก ไปไว้ในงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี 2566” ชูวัฒนธรรม สมุนไพร ขมเป็นยา พาเที่ยวไทย พร้อมกิจกรรมน่าสนใจอีกมากมาย พลาดไม่ได้ 2-6 สิงหาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ร่วมจัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ปี 2566” จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ระหว่างวันที่ 2-6 ส.ค. 66 ณ ฮอลล์ 5-8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยภายในงาน อภัยภูเบศรจัดเต็มบูธสมุนไพร นำเสนอการท่องเที่ยวให้ทุกการเดินทางปลอดภัย ด้วยสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ที่ครอบคลุมทั้งการป้องกันและบรรเทาอาการของโรค โควิด-19 หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไอ เจ็บคอ ท้องเสีย ป้องกันยุง ป้องกันไข้เลือดออก และสมุนไพรจำเป็นที่ต้องพกติดตัวในยามฉุกเฉิน เช่น รางจืด มัสคูลสเปรย์ ยาทาแผลฆ่าเชื้อ เปลือกมังคุด เป็นต้น



ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร ประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาภูมิปัญญาไทย เปิดเผยว่า สมุนไพรเป็นวัฒนธรรมแห่งชีวิต ที่ต้องการการธำรงรักษาและพัฒนาไม่หยุดนิ่ง ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรจำเป็นชนิดหนึ่งดังที่ได้เห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19ที่ผ่านมาและขณะนี้ก็ยังอยู่ในฐานะโรคประจำถิ่นเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ซึ่งฟ้าทะลายโจรชนิดรับประทานนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพกติดตัว มีติดบ้านหรือจะปลูกไว้ใช้การได้ทันที เริ่มมีอาการรีบกินจะช่วยให้โรคไม่ลุกลามและรุนแรงขึ้น นอกจากนี้การเดินทางอาจมีปัญหาคอแห้ง เจ็บคอ มีแผลในปาก มีกลิ่นปาก สามารถบรรเทาอาหารเหล่านี้ได้ด้วยการใช้สเปรย์พ่นคอฟ้าทะลายโจรทางอภัยภูเบศรพัฒนาขึ้นในชื่อ อภัยเม้าท์สเปรย์ซึ่งมีการศึกษาทางคลินิกพบว่าดีกว่าสเปรย์สมุนไพรพ่นคอจากต่างประเทศด้วยฤทธิ์ลดการอักเสบที่โดดเด่นของฟ้าทะลายโจร


@siampongnews #อภัยภูเบศร #อภัยบีกลีบบัวแดง ♬ Dj Prety Girls - Dhota Ap

ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร ยังกล่าวเสริมอีกว่า นอกจากนี้ฟ้าทะลายโจรยังมีฤทธิ์ป้องกันยุงกัด มีความอ่อนโยน ปลอดภัย ใช้ได้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง พ่นทิ้งไว้ที่ผิวได้กันยุงได้ถึง 2.7 ชั่วโมง โดยอภัยภูเบศรได้ออกผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายยุง เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งความภูมิใจของอภัยภูเบศร ขณะเดียวกันฟ้าทะลายโจรยังมีประโยชน์ต่อผิว ต้านการอักเสบช่วยลดปัญหาผิวหนังต่าง ๆ เช่น บวม แดง คัน แห้งเป็นขุย นอกจากฤทธิ์ต้านการอักเสบแล้ว ความขมของฟ้าทะลายโจรยังช่วยทำให้การทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลไกปกป้องผิวหนังทำงานได้ดีขึ้นจากการที่ผิวหนังของคนเรามี receptor หรือตัวรับความขมอยู่ ฟ้าทะลายโจรยังช่วยคืนความหนุ่มสาวให้ผิวหนัง ชะลอความชราและทำให้เซลล์ชั้นนอกของผิวหนังเกาะเกี่ยวกันได้ดีขึ้นผิวหนังแข็งแรงขึ้นช่วยป้องกันเชื้อโรคและสารพิษได้ดีขึ้น ทางเราจึงพัฒนาสบู่เหลวและสบู่ก้อนจากฟ้าทะลายโจรสูตรอ่อนโยนขึ้นในชื่อ “อภัย เฮิร์บการ์ด”


“ความว๊าวของฟ้าทะลายโจรอีกอย่างคือการนำมาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้คือ “ฟ้า อภัย โทนิค” ซึ่งคล้าย ๆ กับการบำรุงร่างกายของตะวันตกกลุ่ม bitter tonic  เช่น Gin Tonic สมัยโบราณมีการใช้ควินินเป็นสารขมแต่ต่อมาใช้สารขมชนิดอื่น ในสังคมไทยมีวัฒนธรรมการเติมสารขมในอาหารเช่น ในใช้ดีสัตว์ ขี้เพี้ย เปลือกไม้ ใบไม้เช่นใบฟ้าทะลายโจร ใส่ในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติ บำรุงน้ำดี ช่วยย่อย ลดความร้อนในร่างกาย ในงานนี้ท่านสามารถมาชิม “ฟ้า อภัย โทนิค”พ้อมแจกสูตรให้ไปทำเองหรือเพื่อจำหน่ายด้วยก็ได้ สำหรับท่านที่ต้องการเมล็ดฟ้าทะลายโจรกลับไปปลูก สามารถรับได้ที่งานนี้เช่นกัน” ดร.สุภาภรณ์ กล่าว


ดร.สุภาภรณ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากฟ้าทะลายโจรแล้ว เราได้เตรียมผลิตภัณฑ์สมุนไพรจำเป็นที่มีไว้ในการเดินทางหรือเป็นของฝากในราคาพิเศษ เช่น มัสคูลสเปรย์ จากสารสกัดสมุนไพรกระดูกไก่ดำ เพื่อบรรเทาอาการปวดและอักเสบเฉียบพลัน จากการลื่น หกล้ม กระแทก ช้ำบวม การ์ซิดีน ยาทาแผลฆ่าเชื้อและทำให้แผลหายเร็วจากเปลือกมังคุด แคปซูลรางจืด ชารางจืด แก้แพ้ ลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด สเปรย์รางจืดแก้แพ้ทางผิวหนัง ลดอาการผิวหนังอักเสบหลังการสัมผัสแดด ยาหม่อง ยาดม ยาอมมะขามป้อมฯ และผลิตภัณฑ์ใหม่บำรุงผิวหน้าจาก CBD ที่เราปลูกและสกัดเอง


ดร.ภญ. สุภาภรณ์ ปิติพร ยังทิ้งท้ายว่า การท่องเที่ยวทำให้สังคมไทยแข็งแรง เม็ดเงินลงสู่ชุมชน และธำรงศิลปวัฒนธรรมของชาติ สำหรับอภัยภูเบศรแล้วเรามีแหล่งวัตถุดิบสมุนไพรเกษตรอินทรีย์จากเครือข่ายชาวบ้าน เช่น สหกรณ์เกษตรอินทรีย์จังหวัดปราจีนบุรี กลุ่มทับทิมสยามจังหวัดสระแก้ว นอกจากสมุนไพรแล้วยังมีกิจกรรมสุดพิเศษ กับบู๊ทอภัยภูเบศรตรวจธาตุเจ้าเรือนเฉพาะบุคคล จากแพทย์แผนไทย รับฟรี !! เมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจร ชิมฟรี !! เครื่องดื่มฟ้าอภัยโทนิคผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพราคาพิเศษ มาสุขกาย สุขใจ ได้ช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน

 

พบกันได้ที่ บูธ “สมุนไพรอภัยภูเบศร” ตั้งอยู่ภายในสถาปัตยกรรมจำลองตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ปราจีนบุรี เป็น Landmark ที่สง่างาม ตั้งอยู่ Zon 2 ภาคตะวันออก อยู่ด้านหน้า ระหว่างประตู 5 และ 6 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ


วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

นิสิตหลักสูตรสันติศึกษา มจร สืบสานรักษาต่อยอดพระพุทธศาสนา



วันที่ 30  กรกฏาคม 2566 พระปราโมทย์ วาทโกวิโท, ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษาระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เปิดเผยว่า ขอเชิญท่านผู้ใหญ่ใจดี ร่วมเป็นเจ้าภาพ ถวายภัตตาหารเพลทุกวันเสาร์ โดยมีพระสงฆ์เป็นพระนิสิต จำนวน 20  รูป  ฉันภัตตาหารเพลพร้อมเจริญพระพุทธมนต์ซึ่งเป็นสิริมงคลกับชีวิตและครอบครัว ซึ่งเป็นพระนิสิตระดับปริญญาโท หลักสูตรสันติศึกษา มจร  รุ่น 10 และรุ่น 11  ณ อาคารเรียนรวม หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตำบลลำไทร  อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  

โดยสามารถร่วมเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลได้ วันละ 3 โต๊ะ โต๊ะละ 2,500 บาท ฉันจำนวน 22 รูป หรือ ตามกำลังศรัทธาของแต่ละท่าน  ซึ่งเจ้าภาพสามารถระบุความต้องการในการร่วมเป็นเจ้าภาพ เช่น ทำบุญวันเกิด  ทำบุญอุทิศส่วนกุศลผู้ล่วงลับ ทำบุญในโอกาสครบรอบแต่งงาน  หรือ ทำบุญในวาระอื่น ๆ เป็นต้น 

โดยวันเสาร์แรกของการเรียนในระดับปริญญาโท  คือ วันเสาร์ที่ 29 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566  ในนามผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษาระดับปริญญาโท มจร ขออนุโมนาบุญอย่างยิ่งกับนิสิตที่เป็นเจ้าภาพ และบุคคลใดจะร่วมเป็นเจ้าภาพสามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่เจ้าหน้าที่ประสานงานการบริการนิสิต ระดับปริญญาโท  หลักสูตรสันติศึกษา มจร  โทรศัพท์  

082 4229562 หรือผ่าน ID: LINE  bbour  หรือแจ้งความประสงค์ที่ผู้อำนวยการหลักสูตรโดยตรงผ่าน ID: LINE : 1952653  โดยความมุ่งหวังเพื่อการสืบสาน รักษา ต่อยอดศาสนทายาทให้มีสติปัญญาเพื่อรักษาพระพุทธศาสนาสืบไป  

@siampongnews #หนังสือบาลีรวมชุดป ♬ Dino Song - Mr. Popolo

วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

สุดทันสมัย "รถไฟไทยทำ" ผลงาน "บิ๊กตู่" จับต้องได้



สุดทันสมัย “รถไฟไทยทำ” ความเจริญที่จับต้องได้ ผลสำเร็จโครงการวิจัยและพัฒนารถไฟต้นแบบ หวังรองรับความต้องการตลาดกว่า 2,425 ตู้ในระบบขนส่ง ชี้ “พล.อ.ประยุทธ์” เดินหน้าพลิกโฉมอุตสาหกรรมระบบราง ทั้งผลิต-วางโครงสร้างขนส่ง ดันเศรษฐกิจโตก้าวกระโดด

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566  น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไม่เพียงแต่เดินหน้าโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อยกระดับเมือง ยกระดับคุณภาพชีวิตพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนอย่างต่อเนื่องแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังมุ่งมั่นผลักดันนโยบาย Thai First ของรัฐบาลในการสนับสนุนและส่งเสริมให้ใช้ผลิตภัณฑ์สินค้าที่ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบรางของประเทศที่ต้องการให้มีตัวรถไฟที่จะมีการซื้อ-ขาย ในอนาคต โดยมีเป้าหมายให้ต้องมีส่วนประกอบหรือชิ้นส่วนผลิตในประเทศ (Local Content) ไม่น้อยกว่า 40% จากเดิมที่มีการนำเข้าสินค้าประเภทตัวรถไฟและส่วนประกอบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ถึง 2561 มีมูลค่าสูงถึง 80% เมื่อเทียบกับมูลค่ารวมของสินค้าทุกประเภทในระบบราง 

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ว่าต่อจากนี้ไปอีก 20 ปี จะมีความต้องการตู้รถไฟโดยสารไม่น้อยกว่า 2,425 ตู้ จากการเพิ่มขึ้นของทางรถไฟที่รัฐได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารถไฟต่อตู้ เฉลี่ยตู้ละ 50 ล้านบาท รวมมูลค่าสำหรับตลาดการผลิตตู้รถไฟโดยสารประมาณ 100,000 ล้านบาท 



น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้เป็นการสนับสนุนภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  ไปยังหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ภายใต้การกำกับของสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ที่มีภารกิจในการสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ โดยผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ทำให้งานวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในเชิงพาณิชย์

“โครงการวิจัยและพัฒนารถไฟโดยสารต้นแบบ (รถไฟไทยทำ) โดยสำนักวิจัยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ กิจการร่วมค้า ไซโนเจน-ปิ่นเพชร จำกัด และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก บพข. เพื่อพัฒนาตู้รถไฟโดยสารต้นแบบที่เน้นการวิจัยพัฒนาและรวบรวมเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีอยู่ภายในประเทศเป็นหลัก โดยมีรายงานความคืบหน้าล่าสุดสามารถประกอบตัวรถไฟที่มีชิ้นส่วนภายในประเทศได้เป็นครั้งแรก คิดเป็น 44.1% ของมูลค่าสินค้ากรณีรวมแคร่รถไฟ และหากคิดเฉพาะตู้รถโดยสารพร้อมอุปกรณ์ประกอบไม่รวมแคร่รถไฟจะมีมูลค่า local content ถึง 76%” น.ส. ทิพานัน กล่าว 

@siampongnews มุ้งเลี้ยง#ตั๊กแตนปาทังก้า🦗 ♬ Sequência da Dz7 - MC Menor Do Alvorada & TRASHXRL

ทั้งนี้ ตัวรถออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินชั้นธุรกิจและชั้นเฟิร์สคลาสในรถไฟความเร็วสูง มีที่นั่งจำนวน 25 ที่นั่ง ประกอบด้วยชั้น Super Luxury 8 ที่นั่ง และชั้น Luxury 17 ที่นั่ง ทุกที่นั่งมีจอภาพส่วนตัวสำหรับให้บริการด้านความบันเทิงและสั่งอาหาร ซึ่งจะมีพนักงานเสิร์ฟหุ่นยนต์นำอาหารมาส่งถึงที่นั่ง  จุดเด่นของรถขบวนชุดนี้ยังเป็นขบวนที่มีความเงียบเนื่องจากไม่มีตัวเครื่องยนต์ปั่นไฟในตัวรถ

นอกจากนี้ยังมีระบบห้องน้ำสุญญากาศและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาตัวรถให้มีน้ำหนักที่เบาลง จากการออกแบบด้วยระบบ Space Frame Modular Concept และแคร่รถไฟที่ทำความเร็วได้ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอีกด้วย ซึ่งได้มีการจดทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากโครงการแล้วจำนวน 7 ผลงาน ขณะนี้อยู่ในขั้นของการทดสอบบนทางรถไฟจริง สำหรับการให้บริการ หากผ่านการทดสอบตรงนี้แล้วก็จะสามารถนำไปใช้จริงได้ 

“พล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ผลักดันให้โครงการสำเร็จ ถือเป็นภาคภูมิใจในองค์ความรู้และความสามารถของคนไทยไม่ด้อยไปกว่าชาติใด ซึ่งความสำเร็จของโครงการนี้จะช่วยให้ประเทศประหยัดค่าใช้จ่ายซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 50% เมื่อเทียบกับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ยกระดับการเดินทางที่มีความสะดวกสบาย ทันสมัยและปลอดภัยในระดับสากล รองรับการแข่งขันและการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ จึงถือเป็นผู้นำที่พลิกโฉมยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางของไทยในทุกมิติ”น.ส.ทิพานัน กล่าว

จัดตั้งรัฐบาลใหม่ยังไม่เรียบร้อย หาหนังสือมนต์พิธี-นวโกวาท มาสวดศึกษาจะรู้ใครคือมิตรแท้-มิตรเทียม




@siampongnews จัดตั้งรัฐบาลใหม่ยังไม่เรียบร้อย หาหนังสือ #มนต์พิธี #นวโกวาท มาสวดศึกษจะรู้ #มิตรแท้ #มิตรเทียม #ข่าวtiktok iktok ktok #tiktokหน้าฝน #tiktokshop ♬ เสียงต้นฉบับ samran sompong

 เอวัมเม  สุตังฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา  อะเสวะนา จะ พาลานังปัณฑิตานัญจะ เสวะนา    ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ แปลว่า ไม่แอดคนชั่ว แอดคนดีเป็นเพื่อน นับคือคนที่น่านับถือเป็นไอดอล   คงจะสงสัยว่าทำไมคลิปนี้ผมถึงขึ้นต้นด้วยภาษาบาลีดังกล่าว

@siampongnews #หนังสือมนต์พิธี ♬ Stel Kendo Stel Kenceng Jedag Jedug - Rian DTM
ก็เพราะว่าช่วงของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งนั้น มาจนกระทั้งการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ก็ยังไม่เรียบร้อย และคำฮิตนำมาพูดกันมาก็คือคำว่าเพื่อน เพื่อนต้องไม่หักหลังเพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน ไม่ทิ้งอุดมการณ์ ไม่มีมิตรและศัตรูถาวรทางการเมือง

ก็ไม่รู้ว่าคนที่พูดและคนที่ฟังนั้นเป็นเพื่อนกันแบบไหน ดังนั้นคนที่เสพข่าวควรที่จะหาหนังสือมนต์พิธีและนวโกวาท มาสวดมาศึกษาถึงจะได้รู้มิตรแท้-มิตรเทียมมีลักษณะเป็นเช่นใด และจะได้ดูออก หากไม่สามารถเที่ยวหาซื้อตามร้านหรือห้างต่างๆแล้ว ในตระกร้าติ๊กต๊อกนี้ก็มีวางจำหน่ายนะ 
@siampongnews #นวโกวาทแพ็ค ♬ Chill Vibes - Tollan Kim
หนังสือเล่มแรกคือนังสือมนต์พิธีมาสวดโดยเฉพาะ มงคลสูตร ที่ขึ้นต้นว่า เอวัมเม  สุตังฯเอกัง สะมะยัง ภะคะวา ดังกล่าว และต้องหาหนังสือนวโกวาทมาศึกษาว่าคนพาลกับบัณฑิตนั้นมีลักษณะอย่างไร โดยในหมวดคิหิปฏิบัติมีหลักปฏิบัติสำหรับฆราวาส คือทิศ 6  ท่านได้กำหนดบุคคลประเภทต่างๆ ไว้ที่คนเราต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์ทางสังคม  ดุจทิศที่อยู่รอบตัวเรา    โดยอุตตรทิศคือทิศเบื้องซ้าย ทิศเหนือ อันได้แก่ มิตรสหายหรือเพื่อนแท้ ท่านได้กำหนดลักษณะที่ควรปฏิบัติต่อกันระหว่างมิตรดังนี้
       ก. บุคคลพึงบำรุงมิตรสหายที่เป็นมิตรแท้  ๔ ประเภท คือ
๑. มิตรมีอุปการะ
๒. มิตรร่วมทุกข์ร่วมสุข
๓. มิตรแนะประโยชน์
๔. มิตรอนุเคราะห์ ( อนุกัมปกะ )

ดังนี้คือ
           1) เผื่อแผ่แบ่งปัน
           2) พูดจามีน้ำใจ
           3) ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
           4) มีตนเสมอ ร่วมสุขร่วมทุกข์กัน
           5) ซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน
        ข. มิตรสหายย่อมอนุเคราะห์ตอบ ดังนี้
           1) เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาป้องกัน
           2) เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อน
           3) ในคราวมีภัย เป็นที่พึ่งได้
           4) ไม่ละทิ้งในยามทุกข์ยาก
           5) นับถือตลอดถึงวงศ์ญาติของมิตร

ขณะเดียวกันท่านได้กำหนดตัวชี้วัดหรือลักษณะมิตรเทียม มิตตปฏิรูป ไม่ใช่มิตรแท้ มี ๔ พวก ได้แก่
คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
ยอมเสียน้อยโดยหวังจะเอาให้มาก
ตัวมีภัย จึงมาช่วยทำกิจของเพื่อน
คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัว

ก็เอาเป็นหลักในการพิจารณาจะแอดเพื่อนหรือลบเพื่อนนะครับ
 
 
 

"ราชทัณฑ์" นำ "จนท.-ผู้ต้องขัง" ทั่วประเทศ นั่งสมาธิเจริญจิตตภาวนา ถวายเป็นพระราชกุศล



วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 เวลา 13.00 น. นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานในการนำคณะผู้บริหารส่วนกลางกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้อำนวยการทัณฑสถาน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมราชทัณฑ์ ตลอดจนผู้ต้องขังทั่วประเทศ นั่งสมาธิเจริญจิตตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ส่วนกลางกรมราชทัณฑ์ร่วมนั่งสมาธิเจริญจิตตภาวนา ณ ห้องสัมมนากรมราชทัณฑ์ ชั้น 3 ในส่วนของผู้บัญชาการเรือนจำและผู้อำนวยการทัณฑสถานเรือนจำ 143 แห่งทั่วประเทศจัดขึ้น ณ สถานที่ตั้งของเรือนจำ

นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การนั่งสมาธิเจริญจิตตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้นำผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สังกัดกรมราชทัณฑ์ จำนวน 15,000 คน และผู้ต้องขังทั่วประเทศจำนวน 260,000 คน เข้าร่วมในพิธี โดยบันทึกเวลาการทำสมาธิเจริญจิตตภาวนาผ่านแอปพลิเคชัน "สมาธิเสบียงบุญ" พร้อมกันทั่วประเทศเพื่อเทิดพระเกียรติและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ตลอดจนการแสดงความจงรักภักดีที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โครงการราชทัณฑ์ ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นโครงการที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นการเติมเต็มสิทธิของผู้ต้องขัง ให้ได้รับการบริการทางสุขภาพ เฉกเช่นประชาชนทั่วไป กรมราชทัณฑ์รู้สึกซาบซึ้ง ในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ นับเป็นขวัญกำลังใจ และสิริมงคลของข้าราชการ ผู้เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ต้องราชทัณฑ์ ที่ต่างพร้อมน้อมรับพระบรมราโชบาย จักขอสืบสานพระราชปณิธานด้วยความจงรักภักดี และจักมุ่งมั่นเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท เพื่อร่วมกันพัฒนาและสรรค์สร้างสังคมไทยให้มีความเจริญก้าวหน้าสืบไป

เปิดป้ายศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนสังขะสุรินทร์ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา


เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 เพจวัดนายโรง หลังเซ็นทรัลปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ ที่พระครูรัตนโสภณ เป็นเจ้าอาวาส และเป็นประธานโครงการพัฒนาวัดธรรมรัตน์โพธาราม ที่บ้านทุ่งเจริญ ตำบลพระแก้ว อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์   ได้โพสต์ข้อความว่า  ประมวลภาพพิธีเปิดป้ายศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จ.สุรินทร์ ปลูกต้นไม้ และปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว   เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๓๐ น. ที่ผ่านมา ณ ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จ.สุรินทร์ ตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งเจริญ ตำบลพระแก้ว อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ 

เป็นโครงการร่วมกันระหว่างวัดนายโรง องค์การบริหารส่วนตำบลพระแก้ว สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอสังขะ ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้มอบหมายให้ นายสรสาสน์ สีเพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในพิธี มีข้าราชการ จากหน่วยงานต่างๆ และประชาชนเข้าร่วมในพิธี ประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ จังหวัด สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอสังขะ อบต.พระแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหนองคู ผู้ใหญ่บ้านทุ่งเจริญ พร้อมด้วยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้อำนวยการพร้อมด้วยนักเรียนจากโรงเรียนบ้านพระแก้ว โรงเรียนบ้านกระสัง คณะจิตอาสาในตำบลพระแก้ว  และญาติธรรมจากวัดนายโรง บ้านหนองคู บ้านทุ่งเจริญ เป็นจำนวนมากเข้าร่วมในกิจกรรม ขออนุโมทนาขอบคุณทุกๆท่านที่ได้รวมพลังเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมในครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

“สมศักดิ์” ควง “วิสุทธิ์” หอบ ส.ส.เพื่อไทย ศึกษาดูงานภัยแล้ง-โคล้านตัว

 


“สมศักดิ์” ควง “วิสุทธิ์” หอบ ส.ส.เพื่อไทย ศึกษาดูงานภัยแล้ง-โคล้านตัว ลั่นไม่ทิ้งเกษตรกร เตรียมพัฒนาให้มีรายได้สูงขึ้น แนะ ส.ส.ทำงานเต็มที่ ห้ามทอดทิ้งประชาชน หมั่นลงพื้นที่รับฟังปัญหา ลดความเหลื่อมล้ำ ลั่นสังคมจะเดินได้ห้ามขัดแย้ง เพราะความทุกข์จะเกิดกับชาวบ้าน

เมื่อ วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต  จิตรอารีรัตน์ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม  นางสาวสกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร นายนิพนธ์ คนขยัน  ส.ส.บึงกาฬ  นางสาวธัญธารี สันตพันธ์  ส.ส.อุบลราชธานี นายภาควัต ศรีสุรพล นายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข นางสาววิภาณี ภูคำวงศ์  ส.ส.ขอนแก่น  นายเชิงชาย ชาลีรินทร์  นายศิวะ พงศ์ธีระดุลย์ ส.ส.ชัยภูมิ   นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์  นายวารุจ ศิริวัฒน์  นายรวี เล็กอุทัย  ส.ส.อุตรดิตถ์   นายนพพล เหลืองทองนารา นางสาวพิมพ์พิชชา ชัยสุภกิจเจริญ ส.ส.พิษณุโลก และ นายสมเจตน์ แสงเจริญรัตน์ ส.ส.เลย ได้ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย เพื่อติดตามการแก้ปัญหาภัยแล้งด้วยการสร้างธนาคารน้ำใต้ดิน รวมถึงเยี่ยมชมโครงการโคล้านตัว

@siampongnews มุ้งเลี้ยง#ตั๊กแตนปาทังก้า🦗 ♬ Sequência da Dz7 - MC Menor Do Alvorada & TRASHXRL

โดยมี นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ  นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง  นางสาวประภาพร ทองปากน้ำ และนายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล ส.ส. สุโขทัย และนายมนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย (อบจ.) นายเขตพงศ์ กุลนาถศิริ รองนายกฯ ให้การต้อนรับ ซึ่งเมื่อคณะเดินทางมาถึง ได้เดินทางไปสักการะพระพุทธรัตนสิริสุโขทัย บริเวณเกาะกลางแผ่นดินรูปหัวใจ (ทุ่งทะเลหลวง) ก่อนที่คณะจะเดินทางต่อไปยัง อบจ.สุโขทัย เพื่อรับฟังบรรยายสรุปการแก้ปัญหาภัยแล้งด้วยการสร้างธนาคารน้ำใต้ดิน ขณะเดียวกันในช่วงบ่ายยังได้เดินทางไปเยี่ยมประชาชนและชมโครงการโคล้านตัว ที่ตำบลบ้านไร่ อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย

นายสมศักดิ์ เล่าว่า การสร้างทะเลหลวงแห่งนี้ได้รับงบประมาณ 1,000 ล้านบาท ในสมัยท่านนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร โดยเวลานั้น ถูกโจมตีเป็นจำนวนมากว่าโครงการนี้ จะทำให้น้ำท่วมในตัวเมืองสุโขทัย แต่หากเวลานั้น เราไม่ก่อสร้างหรือผลักดัน จังหวัดสุโขทัย ก็จะมีปัญหาในเรื่องน้ำ และความแห้งแล้งที่มากกว่านี้ แต่วันนี้น้ำในทุ่งทะเลหลวง สามารถผลิตน้ำประปาเลี้ยงประชาชนได้ถึง 5 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.คีรีมาศ อ.ศรีสำโรง อ.กงไกรลาศ และ อ.บ้านด่านลานหอย

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนดีใจและยินดีต้อนรับคณะ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ที่เดินทางมาดูงานในจังหวัดสุโขทัย   เพราะถ้าเราไม่เข้าถึง ไม่รับฟังปัญหาคนทั่วประเทศ โดยเฉพาะคนที่ลำบาก ที่เข้าไม่ถึงการบริการของรัฐ รวมถึงความเหลื่อมล้ำที่มีปัญหา เราจึงจำเป็นต้องยืนเคียงข้างประชาชน  ซึ่งอะไรที่เราไม่รู้ก็ต้องหาผู้รู้มาช่วย โดยบ้านเมืองกำลังมีการเปลี่ยนแปลง พวกเราเป็นคนไทยยังต้องอยู่กับการเกษตรไปตลอดชีวิต ดังนั้น อย่าไปทะเลาะกันให้บ้านเมืองวุ่นวาย เพราะความลำบากจะตกอยู่กับประชาชน

“ผมเคยทำไร่ชาต้นแบบ เพื่อจะให้พี่น้องชาวสุโขทัย มีอาชีพใหม่ แต่ก็ยอมรับว่า ไม่สำเร็จ เพราะเป็นดินเหนียวในบริเวณที่ปลูก ผมก็สู้ต่อไม่ยอมแพ้ โดยดึงข้าราชการเข้ามาช่วย เพื่อพัฒนาดินว่าตรงไหนในจังหวัดควรปลูกอะไร หรือปัญหาที่มาใหม่ คือ เอลนีโญ อากาศจะร้อนและฝนไม่ตกภายใน 3 ปี เราต้องหาทางแก้ไข เพื่อเตรียมรับมือ เราต้องทำบ่อบาดาล การทำเอาน้ำลงดิน หรือ ธนาคารน้ำใต้ดิน บางคนก็บอกว่าทำไม่ได้จริงบ้าง แต่หน่วยงานรัฐอย่างกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ก็เข้ามาสนับสนุนให้ชุมชน โดยเราเป็น ส.ส.ต้องยืนเคียงข้างประชาชน อะไรที่ทำได้ต้องทำ รวมถึงเตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหา เพราะประชาชนเลือกพวกเรา มาเพื่อแก้ไขปัญหา” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า การผลักดันโครงการโคล้านตัว เริ่มมาแล้วกว่า 20 ปี ตั้งแต่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ต้องยอมรับเวลานั้นไม่สำเร็จ จนถูกติฉินนินทา บ้างก็ว่าเพ้อเจ้อ แต่ตนยังมองว่าโครงการนี้ช่วยประชาชนได้ จึงได้เดินหน้าต่อ และวันนี้ก็สำเร็จในระดับหนึ่ง ซึ่งเราวัดจากประชาชนที่นำวัวไปเลี้ยง เวลานี้บางครอบครัวมีวัวมูลค่าหลักแสนบาท ขณะเดียวกันหลายพรรคการเมือง ก็ยังมีนโยบายโคล้านตัวที่ตนเคยคิด และเวลานี้ภาครัฐอย่างกองทุนหมู่บ้าน ก็หันมาสนับสนุนให้แก่ประชาชน รวมถึงรัฐบาล ก็ได้อนุมัติเงินแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท โดยโครงการนี้เดินหน้าไปได้ เพราะคนแบบตนไม่ยอมแพ้ และทำงานแบบนอกกรอบ 

ขณะที่ นายมนู เปิดเผยว่า เวลานี้นายสมศักดิ์ ทำงานแบบไม่มีหยุดหย่อน เพื่อพัฒนาจังหวัดสุโขทัย ซึ่งโครงการต่างๆ ทาง อบจ.สุโขทัย ก็สนับสนุนทุกเรื่อง ที่เป็นประโยชน์ของประชาชน โดยเวลานี้ก็มีการเตรียมการรับภัยแล้งแล้วด้วยการทำธนาคารน้ำใต้ดิน รวมถึงแผนขุดลอกคูคลองให้มากขึ้น และสนับสนุนการสร้างอาชีพให้กับประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งก็จะทำต่อไปให้ดีที่สุด

 ส่วน นายธนกฤต กล่าวว่า โครงการนี้ตนได้ไปรวบรวมคนชอบทำบุญ หาทุนมาทำโครงการนี้ เมื่อในปลายปี 2562 เพราะคำพูดเพียงคำเดียวว่า เรานั่งทำงานในกระทรวงยุติธรรม เราจะช่วยอะไรเกษตรกรได้บ้าง เพราะเราอยากทำงานให้คลอบคลุม จากวันนั้น ตนจึงได้เดินหน้าตามแนวคิดของท่านสมศักดิ์ และเวลานี้ตนภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เพราะประชาชนได้ประโยชน์ไปแล้วหลายร้อยครัวเรือน

ด้าน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้จะเรียกท่านสมศักดิ์ ว่าเป็นรัฐมนตรีอะไร เพราะเป็นมา 14 สมัย และครั้งนี้ ก็เชื่อว่า พรรคเพื่อไทย จะได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน เพื่อจะเดินหน้าทำงานเต็มที่ ทั้งในเรื่องของภัยแล้ง น้ำท่วม โดยเวลานี้ ก็เร่งศึกษาหาแนวทางกันอยู่ ส่วนโครงการวัวล้านตัว พรรคเพื่อไทย ก็จะเดินหน้าให้เป็นวัวเงินล้าน ขณะเดียวกัน เราต้องเดินหน้าจัดการพวกวัวเถื่อน หมูเถื่อน ที่ลักลอบนำเข้ามาในประเทศ ซึ่งทำให้ผู้ค้าในประเทศไทยแย่ ส่วนการพัฒนาวัคซีน ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่เราจะทำให้ส่งออกวัวปลอดเชื้อ และสร้างความมั่นใจให้กับต่างประเทศได้ 

วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เลขาฯยันผู้ตรวจการแผ่นดิน ใช้อำนาจอย่างเที่ยงธรรมเป็นกลาง



เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ย้ำปมการตรวจสอบรัฐสภาครบองค์ประกอบ ส่งไม้ต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ ยืนยันใช้อำนาจอย่างเที่ยงธรรมและเป็นกลาง

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2566   พ.ต.ท. กีรป  กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่าตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560  กำหนดให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นผู้วินิจฉัยและเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญในกรณีที่สมาชิกรัฐสภาและประชาชนยื่นเรื่องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 213 ว่ามติของรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียน นอกจากนี้ในคำร้องเรียนได้มีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดมาตรการชั่วคราว โดยขอให้มีคำสั่งชะลอการให้ความเห็นชอบบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยในเรื่องนี้ออกมา  ซึ่งนอกจากบทบาท หน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560 มาตรา 22 แล้วนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่และอำนาจอื่นที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 46 และมาตรา 48 เมื่อบุคคลถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้จากการกระทำของหน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหน่วยงานซึ่งใช้อำนาจรัฐ ซึ่งการละเมิดนั้นเป็นผลจากบทบัญญัติแห่งกฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ผู้ถูกละเมิดสิทธิสามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่ต้องยื่นเรื่องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินก่อน โดยให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ถ้าผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ผู้ร้องเรียนจึงมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาต่อไป  

 ทั้งนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 วินิจฉัยว่าคำร้องดังกล่าว เข้าองค์ประกอบ เงื่อนไข และหลักเกณฑ์ ในการเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ คือ ผู้ร้องเรียนเป็นบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพโดยตรง และได้รับหรืออาจจะได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย และมีการกระทำที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพที่เกิดจากหน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหน่วยงานที่ใช้อำนาจรัฐ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการร้องเรียน “การกระทำของรัฐสภา” ที่ได้มติตีความว่า “การเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบในรอบที่สอง เป็นญัตติทั่วไป ต้องห้ามนำเสนอญัตติซ้ำอีก นั้น เป็นมติที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ” ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐสภาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นหนึ่งในสามของอำนาจอธิปไตย รัฐสภาจึงถือเป็น “หน่วยงานซึ่งใช้อำนาจรัฐ” หากการกระทำของรัฐสภาละเมิดสิทธิเสรีภาพ ย่อมถูกตรวจสอบได้โดยศาลรัฐธรรมนูญ และมติตีความของรัฐสภาที่เกิดขึ้น ก็มีผลเป็นการนำข้อบังคับการประชุมไปทำให้กระบวนการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้กำหนดเรื่องการพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้เป็นการเฉพาะแล้วมาตรา มาตรา 159 ประกอบ มาตรา 272 และการดำเนินการของรัฐสภา ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง ที่กำหนดไว้ว่า รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม ดังนั้น เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียน ประกอบกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2561 จึงเห็นว่าเข้าองค์ประกอบและหลักเกณฑ์ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะเสนอคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อให้เป็นที่ยุติ 

และที่สำคัญในคำร้องเรียนผู้ร้องเรียนได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งชะลอการให้ความเห็นชอบบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ซึ่งเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่สามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณามาตรการหรือวิธีการใด ๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยได้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2561 มาตรา 71 โดยผู้ร้องเรียนส่วนหนึ่งเป็นประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และได้ใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เป็นการแสดงเจตจำนงที่จะได้บุคคลตามบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากมติตีความดังกล่าวของรัฐสภาขัดต่อรัฐธรรมนูญ ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสิทธิของผู้ร้องเรียน ทำให้บุคคลที่ผู้ร้องเรียนแสดงเจตจำนงผ่านการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้รับการพิจารณาเห็นชอบโดยสมาชิกรัฐสภาเพียงครั้งเดียวในสมัยประชุมเดียวกัน และผลของการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของรัฐสภายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงกระทบต่อความมั่นคงแห่งสิทธิเสรีภาพของผู้ร้องเรียนรวมถึงประชาชนทั่วไป และยังสร้างแนวบรรทัดฐานที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่บุคคลที่ได้รับการเสนอให้รัฐสภาเห็นชอบแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในครั้งแรกแล้วไม่ได้รับความเห็นชอบจะไม่สามารถเสนอให้รัฐสภาพิจารณาซ้ำได้อีก ทำให้กระบวนการคัดเลือกแต่งตั้งบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญขัดต่อหลักความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ ส่งผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของประเทศ ดังนั้น หากไม่มีการยุติการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน ย่อมเล็งเห็นได้ว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาต่อสิทธิของผู้ร้องเรียน 

@siampongnews #หนังสือมนต์พิธี ♬ Stel Kendo Stel Kenceng Jedag Jedug - Rian DTM

ส่วนผู้ร้องเรียนซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยมีสิทธิและหน้าที่โดยตรงในการเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี หากมติตีความของรัฐสภาข้างต้นขัดต่อรัฐธรรมนูญย่อมก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสิทธิและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของผู้ร้องเรียน ทำให้ผู้ร้องเรียนลงคะแนนเห็นชอบบุคคลตามบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียงครั้งเดียวในสมัยประชุมเดียวกัน และผลของการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และโดยที่นายกรัฐมนตรีเป็นประมุขของฝ่ายบริหารอันถือเป็นตำแหน่งสำคัญที่มีหน้าที่จัดตั้งคณะรัฐมนตรีและบริหารราชการแผ่นดิน และจะต้องนำความกราบบังคมทูลต่อพระมหากษัตริย์เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง หากรัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย แต่ต่อมาภายหลังแม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยว่าการกระทำของรัฐสภาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่ผู้ร้องเรียนก็ไม่อาจจะใช้สิทธิลงคะแนนเลือกบุคคลที่ได้เคยเสนอชื่อต่อรัฐสภาได้อีกต่อไป ดังนั้น จะก่อให้เกิดความเสียหายเช่นเดียวกัน เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุอันมีน้ำหนักรับฟังได้ มีเหตุผลสนับสนุนเพียงพอ และเป็นคำขอ 

ที่อยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2561 มาตรา 71 จึงเห็นพ้องกับคำร้องเรียนที่จะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณามีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีข้อวินิจฉัยในเรื่องนี้ออกมา ซึ่งก็เป็นดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่อไป 

 

 

ความเจริญอีกขั้น! ผลงาน"บิ๊กตู่" ร่างแผนแม่บทรถไฟฟ้าฉบับใหม่ M-MAP 2 กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ครอบคลุม 33 เส้นทาง


เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2566   น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและขนส่งของประเทศ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยในส่วนของโครงข่ายรถไฟฟ้า ได้ผลักดันให้มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง  ตามแผน M-MAP เดิมส่งผลให้ปัจจุบันมีรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้เปิดให้บริการแล้ว 242.34 กิโลเมตร และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง105.40 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามด้วยสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมการเดินทางของประชาชนที่เปลี่ยนไป จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดทำแผนแม่บทโครงข่ายรถไฟฟ้าฉบับใหม่ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน 

@siampongnews #ข้าวหงษ์ทอง ♬ Sunrise - Official Sound Studio

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า  กรมการขนส่งทางรางได้รายงานผลการดำเนินการ “โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาแบบจำลองการคาดการณ์ความต้องการเดินทางด้วยระบบรางและการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (พื้นที่ต่อเนื่อง) ระยะที่ 2”หรือ M-MAP 2 เพื่อต่อยอดแผน M-MAP เดิม ให้มีความครอบคลุม สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของเมืองในอนาคต และตอบสนองความต้องการในการเดินทางของประชาชนอย่างแท้จริง

สำหรับแผนการพัฒนา M-MAP 2 นี้มีทั้งสิ้น 33 เส้นทาง แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1.เส้นทาง M-MAP 1 ที่ยังไม่ดำเนินการมีจำนวน 8 เส้นทาง

2. ส่วนเส้นทางใหม่จำนวน 14 เส้นทาง

3. เสนอต่อขยาย จำนวน 11 เส้นทาง

ซึ่งการจัดลำดับความสำคัญแผนการพัฒนา M-MAP 2 สามารถแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

A1 : เส้นทางที่มีความจำเป็น / มีความพร้อม “ดำเนินการทันที” จำนวน 4 เส้นทาง ได้แก่

A1-1) รถไฟฟ้าสายสีแดง รังสิต – ธรรมศาสตร์ (Commuter)

A1-2) รถไฟฟ้าสายสีแดง ตลิ่งชัน – ศาลายา (Commuter)

A1-3) รถไฟฟ้าสายสีแดง ตลิ่งชัน – ศิริราช (Commuter)

A1-4) รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล แคราย – บึงกุ่ม (Light Rail)

A2 : เส้นทางที่มีความจำเป็น / แต่ต้องเตรียมความพร้อมก่อน “คาดว่าดำเนินการภายในปีพ.ศ. 2572” จำนวน 6 เส้นทาง ได้แก่

A2-1) รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ – หัวลำโพง (Commuter)

A2-2) รถไฟฟ้าสายสีเขียว สนามกีฬาแห่งชาติ – ยศเส (Heavy Rail)

A2-3) รถไฟฟ้าสายสีเขียว บางหว้า – ตลิ่งชัน (Heavy Rail)

A2-4) รถไฟฟ้าสายสีแดง วงเวียนใหญ่ – บางบอน (Commuter)

A2-5) รถไฟฟ้าสายสีเงิน บางนา – สุวรรณภูมิ (Light Rail)

A2-6) รถไฟฟ้าสายสีเทา วัชรพล – ทองหล่อ (Light Rail)

B : เส้นทางมีศักยภาพ เนื่องจากผ่านการศึกษาความคุ้มค่าในโครงการ M-MAP 1 หรือเป็นเส้นทางใหม่ที่มีปริมาณผู้โดยสารถึงเกณฑ์ที่จะพัฒนาเป็นระบบรถไฟฟ้าได้ จำนวน 9 เส้นทาง ได้แก่

B-1) รถไฟฟ้าสายสีฟ้า พระโขนง – ท่าพระ (Light Rail)

B-2) รถไฟฟ้าสายสีฟ้า สาทร – ดินแดง (Light Rail)

B-3) รถไฟฟ้าสายสีเทา วัชรพล – ลำลูกกา (Light Rail)

B-4) รถไฟฟ้าสายสีเขียว คูคต– วงแหวนรอบนอก (Heavy Rail)

B-5) รถไฟฟ้าสายสีเขียว ตลิ่งชัน - รัตนาธิเบศร์ (Heavy Rail)

B-6) รถไฟฟ้าสายสีเขียว สมุทรปราการ – บางปู (Heavy Rail)

B-7) รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางแค – พุทธมณฑล สาย 4 (Heavy Rail)

B-8) รถไฟฟ้าสายสีแดง บางบอน – มหาชัย – ปากท่อ (Commuter)

B-9) รถไฟฟ้าสายสีแดง หัวลำโพง – วงเวียนใหญ่ (Commuter)

C : เส้นทาง Feeder ดำเนินการเป็นระบบ Feeder เช่น Tram ล้อยาง, รถเมล์ไฟฟ้า จำนวน 26 เส้นทาง ได้แก่

C-1) เส้นทาง ลาดพร้าว – รัชโยธิน – ท่าน้ำนนท์

C-2) เส้นทาง ดอนเมือง – ศรีสมาน

C-3) เส้นทาง ศาลายา – มหาชัย

C-4) เส้นทาง ศรีนครินทร์ – บางบ่อ

C-5) เส้นทาง คลอง 6 – องค์รักษ์

C-6) เส้นทาง รัตนาธิเบศร์ – แยกปากเกร็ด

C-7) เส้นทาง คลองสาน - ศิริราช

C-8) เส้นทาง บางซื่อ – พระราม 3

C-9) เส้นทาง ราชพฤกษ์ – แคราย

C-10) เส้นทาง พระโขนง – ศรีนครินทร์

C-11) เส้นทาง บางซื่อ – ปทุมธานี

C-12) เส้นทาง เมืองทอง – ปทุมธานี

C-13) เส้นทาง บางแค – สำโรง

C-14) เส้นทาง แพรกษา – ตำหรุ

C-15) เส้นทาง ธรรมศาสตร์ – นวนคร

C-16) เส้นทาง บางนา – ช่องนนทรี

C-17) เส้นทางสุวรรณภูมิ – บางบ่อ

C-18) เส้นทาง บรมราชชนนี - ดินแดง – หลักสี่

C-19) เส้นทาง ธัญบุรี– ธรรมศาสตร์

C-20) เส้นทาง คลอง 3 – คูคต

C-21) เส้นทาง มีนบุรี - สุวรรณภูมิ – แพรกษา - สุขุมวิท

C-22) เส้นทาง เทพารักษ์ – สมุทรปราการ

C-23) เส้นทาง บางใหญ่ – บางบัวทอง

C-24) เส้นทาง บางปู - จักรีนฤบดินทร์

C-25) เส้นทาง ครุใน – สมุทรปราการ

C-26) เส้นทาง ปทุมธานี– ธัญบุรี

“การทำแผนพัฒนานี้ก็เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมให้ข้อคิดเห็นกับแผนพัฒนานี้ด้วย จะเห็นได้ว่า ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มุ่งมั่นพัฒนาชาติสู่ความเจริญทุกรูปแบบ ผลักดันแผนแม่บทรถไฟฟ้า M-MAP 2 เพื่อรองรับการพัฒนาในอนาคต ยกระดับการเดินทางของประชาชนผ่านระบบขนส่งสาธารณะได้สะดวก ทันสมัยมากขึ้น ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว อีกทั้งจะช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัด ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน”น.ส.ทิพานัน กล่าว

 

28 กรกฎาคม "วันเฉลิมพระชนมพรรษา ร.10" สมเด็จพระสังฆราช มีพระดำรัสถวายพระพร



เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม  2566 เพจสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้โพสต์ข้อความว่า เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพร ความว่า

        


“อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงน้ำจิตมุทิตาปราโมทย์ และถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน          

ราชอาณาจักรไทย มีพระมหากษัตริย์ เสด็จสถิตในพระราชสถานะพระประมุข เป็นศรีสง่าแห่งอาณาประชาชน มาโดยตลอดจำเนียรกาลประวัติ หากพิจารณาถึงพระราชกรณียกิจ และพระราชจริยวัตร แห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณธรรมอันประเสริฐ อาจเป็นเครื่องตักเตือนพระราชหฤทัยสมเด็จพระมหากษัตริย์ในรัชกาลลำดับต่อ ๆ มา รวมถึงบรรดาประชาชนผู้อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภาร ให้น้อมนำมาเป็นแบบอย่างทางพระราชปฏิบัติและทางปฏิบัติ อันจะยังให้ประชาคมโลก ต่างชื่นชมแซ่ซ้องสดุดี ว่าชาติไทยเรานี้ ถึงพร้อมด้วยเอกลักษณ์ของชาติอันดีงาม คือมีพระพุทธศาสนาเป็นหลักใจ และมีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงธรรม เสด็จอยู่เป็นหลักชัย ครั้นเมื่อพระมหากษัตริย์ของชาวไทย เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเจริญทางพระราชไมตรี ณ แว่นแคว้นดินแดนใด ย่อมจักมีแต่ผู้ยกย่องกล่าวขวัญว่าทรงเป็นมหามิตร เป็นการส่งเสริมให้คนไทยทั้งหลาย ไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งหนใด ต่างก็พลอยได้รับชื่อเสียงเกียรติยศตามไปด้วยอย่างสมภาคภูมิ ทั้งนี้ ก็ด้วยเดชะพระบารมี          

สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงตั้งพระบรมราชปณิธาน สืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริ พระราชจริยวัตร ตลอดจนพระราชกรณียกิจ ของสมเด็จพระบรมราชบุพการี เพื่อให้บ้านเมืองไทยประสบความสุขสวัสดิ์ อำนวยผลให้ทรงสำเร็จประโยชน์ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขของอาณาราษฎรใต้ร่มพระบารมี จึงทรงเจริญทางพระราชไมตรีกับนานาประเทศทั่วไป ด้วยพระราชอัธยาศัยอันงดงาม นับเป็นหน้าที่ ตามพระราชสถานะธรรมิกราชา สมด้วยโพธิสัตวภาษิต ที่มีมาใน “เตมิยโพธิสัตวชาดก” ความว่า

ยํ ยํ ชนปทํ ยาติ               นิคเม ราชธานิโย

สพฺพตฺถ ปูชิโต โหติ          โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติ.          

แปลความว่า “ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ไปสู่แว่นแคว้น ตำบล หรือเมืองหลวงใด ๆ ก็ตาม ย่อมมีผู้บูชาในที่ทั้งปวง” ด้วยประการฉะนี้          

ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และเดชะแห่งสัจจวาจา ตลอดจนพระราชกุศลธรรมจริยา ที่ทรงสั่งสมมาด้วยดี โปรดอภิบาลรักษา สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เสด็จสถิตเป็นมิ่งขวัญหลักชัยแห่งราชอาณาจักรไทย ตลอดกาลนาน เทอญ.”


“สุพันธุ์” ย้ำนโยบายไทยสร้างไทยลดความเหลื่อมล้ำชาวนา ถึงเวลาแก้ปัญหาทั้งระบบ



เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม  2566 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทยให้ความเห็นถึงรายงานจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ชี้ว่าชาวนาไทยยังยากจนที่สุดในอาเซียน แม้จะเป็นประเทศที่ส่งออกได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลกมาตลอด 

นายสุพันธุ์ระบุว่าสิ่งที่ทำให้ชาวนาไทยยังยากจนที่สุดนั้นไม่ใช่ราคาขายที่ปลายน้ำ แต่เป็นปัญหาต้นน้ำคือต้นทุน โดยเฉพาะราคาปุ๋ยที่พุ่งสูงขึ้นกว่าเท่าตัวจากวิกฤตการณ์ยูเครน-รัสเซีย และราคาที่แตกต่างกันมากระหว่างข้าวเปลือกกับข้าวสาร โดยในช่วงที่ผ่านมาพรรคไทยสร้างไทยลงพื้นที่พูดคุยกับเกษตรกร พบว่าขายข้าวสารได้เพียงกิโลกรัมละประมาณ 10 บาท บางพื้นที่ขายได้ราคาต่ำกว่ากิโลกรัมละ 5 บาทเท่านั้น

ปัญหาประการต่อมาที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีนี้คือภัยแล้งเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ทำให้ขาดแคลนน้ำสำหรับการเพาะปลูก พรรคไทยสร้างไทยจึงเสนอว่าต้องมีการปฏิรูประบบชลประทานทั้งระบบโดยเร็ว และตนมองว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรหากจะสละรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ สักหนึ่งเส้น เพื่อทำระบบชลประทานใหม่ทั้งระบบในจังหวัดพื้นที่แห้งแล้ง 

นอกจากนี้ นายสุพันธุ์ ย้ำว่าจะต้องมีการช่วยเหลือเรื่องต้นทุนโดยต้องทำให้ราคาปุ๋ยถูกลงเพราะไม่สามารถทราบได้ว่าสงครามจะยุติลงเมื่อไหร่และยังไม่มีแนวโน้มว่าสงครามจะยุติในเร็ววัน ขณะเดียวกันก็ต้องลดช่องว่างระหว่างผลผลิตต้นน้ำกับปลายน้ำ โดยเฉพาะเรื่องของโรงสีและพ่อค้าคนกลาง ที่อาจจะต้องเพิ่มโรงสีชุมชน หรือการจัดหาตลาดที่ไม่ได้ผ่านพ่อค้าคนกลาง การทำตลาดแบบ Farm to Market เพื่อให้เกษตรกรได้รับรายได้จากผู้บริโภคโดยตรง ลดบทบาทของพ่อค้าคนกลางลง มีการ Matching ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคโดยตรง

และปัญหาที่สำคัญที่สุดอีกปัญหาหนึ่งคือ การพัฒนาพันธุ์ข้าว ที่ประเทศไทยเองพัฒนาได้ช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศคู่แข่ง ทั้งๆ ที่เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านชีวภาพแต่กลับมีข้าวอยู่ในตลาดโดยเฉพาะตลาดส่งออกอยู่ไม่กี่สายพันธุ์ และเน้นแต่การผลิตในปริมาณมาก ซึ่งการผลิตโดยเน้นปริมาณอาจไม่ตอบโจทย์โลกปัจจุบันที่ต้องการความหลากหลายและสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา แต่อาจเปลี่ยนมาเน้นความหลากหลายแทน และนำเสนอเรื่องราวที่มาที่ไปของข้าวแต่ละสายพันธุ์ สร้างอุปสงค์ใหม่ๆ ให้กับข้าวไทยโดยนำเสนอสายพันธุ์ใหม่ๆ หรือสายพันธุ์ที่ยังไม่เป็นที่นิยมมากให้กับตลาดแทน 

นายสุพันธุ์ระบุว่า ปัญหาของวิธีคิดเรื่องการเกษตรไทยในปัจจุบันคือเรามักจะคิดว่าผลิตอย่างไรให้ได้ปริมาณมากเพื่อจะส่งออกได้มาก และคาดหวังว่าจะได้รายได้ที่มากตาม แต่กลับไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างไรให้ผลิตให้ได้คุณภาพสูง เพื่อให้ได้ราคาที่สูงตามคุณภาพโดยไม่ต้องเน้นแต่ปริมาณอย่างเดียว พร้อมทั้งเน้นการปลูกพืชหมุนเวียนในช่วงที่ไม่ได้เพาะปลูกข้าวเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ทั้งปี และคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่ที่จะตั้งขึ้นมาจะเข้าใจเรื่องดังกล่าว และแก้ไขปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรได้ ไม่ใช่มีแต่ออกนโยบายแทรกแซงกลไกตลาด


@siampongnews #ข้าวหงษ์ทอง ♬ Sunrise - Official Sound Studio

พระที่ปรึกษาปลัดมหาดไทยถวายโซลาร์เซลล์วิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนจังหวัดตาก


เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม  2566  พระปัญญาวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย  ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ถวายโซลาร์เซลล์วิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน

ท่านพระอาจารย์วิทยา กิจจวิชโช พระเถระจากวัดป่าบ้านตาด ได้ตั้งวัดที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเสียงใหม่ และมีสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนเครือข่าววัดป่าบ้านตาด ต้องมีภาระค่าไฟฟ้าแต่ละเดือนจำนวนมาก เพราะเปิดตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีการโฆษณาหารายได้ มีเพียงญาติโยมช่วยบริจาคค่าไฟฟ้าเป็นเวลากว่า 15 ปี ถ้าได้โซล่าเซลล์มาลดค่าใช้จ่ายในตอนกลางวันน่าจะดี

ทางวัดป่าศรีแสงธรรมจึงได้ถวายท่านโดยมีผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ 2 แผ่น ทั้งหมด 36 แผ่น ทีมงานช่างขอข้าวไปติดตั้งที่โรงพยาบาลบ้านตาก จ.ตาก ก็เลยไปติดตั้งถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา น้อมถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ขอให้พระองค์มีพระเกษมสำราญ มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับพสกนิกรทุกหมู่เหล่าได้พึ่งพระบารมี ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

@siampongnews #หนังสือมนต์พิธี ♬ Stel Kendo Stel Kenceng Jedag Jedug - Rian DTM

วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

"อภัยภูเบศร" ผลึกกำลังชุมชนใน จ.ปราจีบุรี สู้วิกฤติโลกร้อน ระดมปลูกต้นไม้สมุนไพร 2,222 ต้น


 

"อภัยภูเบศร" ผลึกกำลังชุมชนใน จ.ปราจีบุรี สู้วิกฤติโลกร้อน ระดมปลูกต้นไม้สมุนไพร 2,222 ต้น บนพื้นที่กว่า 80 ไร่  เพื่อรักษาสมดุลย์โลกและคน ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน 

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรพร้อมด้วย เครือข่ายภาคประชาสังคม จ.ปราจีนบุรี นับร้อยคน ประกอบด้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลวง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางเดชะ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดปราจีนบุรี  สำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดปราจีนบุรีเกษตรอำเภอบ้านสร้าง สหกรณ์เกษตรอินทรีย์ปราจีนบุรีจำกัด สภาเกษตรกรจังหวัดปราจีนบุรี กำนันตำบลบางพลวง ผู้ใหญ่บ้านบางไทร เจ้าหน้าที่มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรในพระอุปถัมภ์ฯ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ในพื้นที่ทุ่งบางพลวงจำนวน 2,222 ต้น บนพื้นที่ จำนวน 83 ไร่ 80 ตารางวา ซึ่งได้รับบริจาคมาจากคุณปราณี สัจจกมล เมื่อปี พ.ศ.2562  เพื่อให้มูลนิธิฯ ใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์พันธุ์บัวและพืชท้องถิ่น และเพื่อปลูกวัตถุดิบสมุนไพร โดยเฉพาะกลีบบัวหลวงสีแดง(ชมพู)ในการทำผลิตภัณฑ์อภัยบี ซึ่งช่วยในการนอนหลับ ฟื้นฟูความจำและป้องกันสมองเสื่อม 



ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ที่เลือกปลูกต้นไม้ในวันนี้ เนื่องจากเป็นวันสำคัญของชาวอภัยภูเบศร ซึ่งตรงกับวันที่ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร(ชุ่ม อภัยวงศ์)รอนแรมผ่านหนทางลำเค็ญจากพระตะบองถึงปราจีนบุรี ส่วนจำนวนต้นไม้ 2,222 ต้นมีความหมาย หมายถึงความร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ความรักความเมตตาที่มอบให้แก่กัน แม้ปัญหาโลกร้อนเป็นปัญหาระดับโลกจนมองไม่เห็นว่าจะเยียวยาได้อย่างไร แต่ถ้าเราลงมือทำพร้อมๆกัน ทั้งโลกมันต้องช่วยได้



ดร.สุภาภรณ์ กล่าวต่อว่า สภาพพื้นที่เดิมของที่ดินดังกล่าว เป็นพื้นที่ทำนา มูลนิธิฯ ได้พัฒนาพื้นที่ตามแนวคิดโคก หนอง นา ทำให้มีพื้นที่ปลูก้นไม้สมุนไพรบนโคก เมื่อที่ดินมีความเหมาะสมระดับหนึ่ง จึงทำการปลูกต้นไม้สมุนไพรจำนวน 2,222 ต้น เพื่อช่วยลดโลกร้อนขึ้นซึ่งโลกก็คงเหมือนคนที่เป็นไข้สูง ต้องการยาลดไข้ ต้นไม้เป็นยาลดไข้ที่ดีที่สุด ต้นไม้ 1 ต้นลดอุณหภูมิรอบ ๆ ต้นได้ 2-4 องศา ลดปริมาณคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ และเพิ่มออกซิเจน  

ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า มูลนิธิฯ ทำงานในการตอบสนองต่อปัญหาของสังคมตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่นน้ำท่วม การของโรคโควิด-19 การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างการลดโลกร้อนนี้ เราเป็นส่วนหนึ่งมาตลอดเช่นการมุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบสมุนไพรเกษตรอินทรีย์ที่มีการรับรองมาจรฐาน นอกจากอินทรีย์วัตถุจะดึงคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในอากาศมาสะสมไว้แล้วยังจะห้ามการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร เป็นต้น การปลูกต้นไม้สมุนไพรครั้งนอกจากเป็นการรักษาโลกร้อน แล้วยังทำให้มีคลังยา คลังอาหาร คลังปุ๋ย คลังไม้ใช้สอย ทั้งช่วยรักษาผืนดินผืนน้ำที่สะอาดปราศจากสารพิษเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ ถือเป็นการทำบุญใหญ่ให้กับมูลนิธิและประเทศชาติด้วย

“การปลูกต้นไม้สมุนไพรจึงเป็นการช่วยทั้งโลกและคน ถือเป็นการผนึกกำลังของเครือข่ายภาคประชาสังคมของมูลนิธิฯ ในจังหวัดปราจีนบุรีที่ทำงานด้านเกษตรอินทรีย์และการอนุรักษ์ธรรมชาติ ในงานนี้ได้กำหนดชนิดของต้นไม้ไว้ 10 ชนิด คือ กุ่ม มะดัน มะกอกน้ำ มะขวิดมะตูม มะคำไกร เลี่ยนดอกม่วงทองหลางพฤกษ์ ก้ามปูหรือจามจุรี โดยระยะแรกมุ่งเน้นที่ต้นไม้เร็วคือ ฉำฉาหรือก้ามปูหรือจามจุรีซึ่งเป็นพืชตระกูลถั่วจึงมีคุณสมบัติในการปรับปรุงคุณภาพของดินให้ดีขึ้นด้วยการทำงานร่วมกับแบคทีเรียในการตรึงไนโตรเจน ใบใช้ทำปุ๋ยหมักได้ มีการนำไปผสมดินขาย เป็นดินผสมใบก้ามปู หรือนำเฉพาะใบก้ามปูแห้งมาใส่ถุงขาย สามารถสร้างอาชีพได้ ส่วนชนิดอื่นเป็นพืชสมุนไพรท้องถิ่นดั้งเดิม ชาวบ้านใช้ประโยชน์เป็นทั้งอาหาร ยาสมุนไพรและไม้ใช้สอยดังนี้” ดร.สุภาภรณ์ กล่าว

ด้านนางระตะนะ ศรีวรกุล อดีตประธานสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ กล่าวว่า วันนี้ทุกคนช่วยกันทำงานเต็มที่ด้วยพลังกายพลังใจที่เต็มเปี่ยมส่วนหนึ่งจากการที่ปีนี้ฝั่งปราจีนบุรีเห็นไฟป่าลุกโชนข้ามวันข้ามคืนบริเวณเขาอิโต้ทางขึ้นเขาใหญ่และทราบข่าวไฟป่าลุกลามที่จังหวัดนครนายกที่อยู่ไม่ไกลกัน รวมทั้งปรากฏการณ์ฝนทิ้งช่วง ตอนนี้จะเข้าพรรษาแล้วดินยังไม่ชุ่มน้ำ ทำให้ทุกคนเห็นความสำคัญในกิจกรรมปลูกต้นไม้สมุนไพรในทุ่งบางพลวงครั้งนี้มาก และเชื่อมั่นในมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ในการดูแลต้นไม้ที่พวกเขาปลูกให้เติบโตต่อไป ทางสหกรณ์จะมาขอใช้ใบก้ามปูเอาไปทำปุ๋ยด้วย ทางเครือข่ายอยากให้มีหน่วยงานที่ลงมือทำอย่างมูลนิธิ พร้อมจะร่วมมือ ทั้งแรงกายและการสนับสนุนต้นไม้ ขอให้แจ้งมา 

สำหรับสมุนไพรที่ปลูกในพื้นที่ดังกล่าว มีสรรพคุณทางยามากมายอาทิ เลี่ยนดอกม่วง Melia azedarach L. ใบเป็นส่วนผสมในตำรับ ยาทาพระเส้น ในตำราพระโอสถพระนารายณ์ ทั้งต้น เป็นยาอายุวัฒนะ ดอกมีกลิ่นหอมใช้สกัดน้ำหอมและใช้บูชาพระ  


@siampongnews #อภัยภูเบศร #อภัยบีกลีบบัวแดง ♬ Dj Prety Girls - Dhota Ap

มะตูม Aegle marmelos (L.) Corrêa เป็นยาอายุวัฒนะ ผลนำมาทำน้มะตูม ชามะตูม ใบสด คั้นน้ำกิน แก้หลอดลมอักเสบ  แก้หวัด แก้ผดผื่นคัน ไทยรอยด์เป็นพิษ ยอดอ่อนรับประทานเป็นผัก ใบคั้นน้ำทำแกงบวนในงานมงคล 


มะคำไก่ Putranjiva roxburghii Wall. เด่นในด้านต้านการอักเสบ ใบเข้าตำรับยาทาพระเส้นในตำราพระโอสถพระนายณ์ ใบ ตำพอกหรือดองเหล้าทาแก้ปวดข้อปวดเข่า ราก แก้กษัย แก้เส้นเย็น ทำให้เส้นเอ็นหย่อน แก้เอ็นพิการ เมล็ด ใช้ทำเป็นลูกประคำ ไม้ใช้สร้างบ้าน ใช้ทำด้ามจับเครื่องมือทางเกษตร


 มะกอกน้ำ Elaeocarpus hydgrophilus Kurz เป็นต้นไม้สมุนไพร ที่คนปราจีนบุรีเชี่ยวชาญในการดอง แช่อิ่ม หือกินกับน้ำปลาหวาน พริกเกลือ ช่วยแก้ไอ แก้เสมหะ ระบายความร้อนในร่างกาย เมล็ดกลั่นเป็นน้ำมันได้เหมือนน้ำมันมะกอก 


มะดัน  Garcinia schomburgkiana Pierre เป็นต้นไม้สมุนไพรที่คนปาจีนบุรีเชี่ยวชาญในการนำผลไปดอง แช่อิ่ม ผล ใบอ่อนช่วยปรุงรสเปรี้ยวในอาหารมีการนำผลมาตากแห้งเก็บไว้ใช้ สรรพคุณทางยาคือช่วยแก้ไอ ไข้หวัด กิ่งมะดันใช้หนีบไก่ปิ้งทำให้มีกลิ่นหอมขึ้น 


มะขวิด Limonia acidissima L.ใช้ปะโยชน์เช่นเดียวกับมะตูม ยางเหนียวรอบเมล็ดที่ยังไม่สุกใช้เป็นกาวทำเครื่องประดับ เป็นกาวติดกระดาษ และผสมกับปูนขาวใช้เป็นวัสดุอุดรอยต่อ ป้องกันน้ำรั่วซึมได้


 ทองหลาง Erythrina fusca Lour. ใบอ่อนกินสดกับเมี่ยงปลาแนม เมี่ยงคำ เมี่ยงปลาทู เป็นพืชบำรุงดิน หรือนำไปอ่อนไปลวกกินกับแกงหรือใส่ในแกงได้ เปฃือก ใบ ดอก เข้ายาอายุวัฒนะ ทองหลางยังให้ความชุ่มชื้นและเติมปุ๋ยให้ดิน 


กุ่มน้ำ Crateva religious G.Forst. ผักกุ่มดองโดยใช้ดอกและใบอ่อนเป็นเมนูผักบำรุง่างกาย บำรุงกำลัง คู่วิถีคนปราจีนบุรี  เปลอกเป็นยาแก้อักเสบ ขับปัสสาวะ ช่วยบรรเทาอาการต่อมลูกหมากโต มีข้อควรระวังคือใบและกิ่งมีสารไฮโดรเจนไซยาไนด์ที่เป็นพิษ ไม่ควรกินสด ควรดองหรือต้มก่อนรับประทาน


ยุวชนอาเชียนดวงตาเห็นกาแฟจาริกาโน่ สนใจงานพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน



เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม   พระสุธีรัตนบัณฑิต (สุทิตย์ อาภากโร ป.ธ.7)  เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม คณบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)  ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Suthito Aphakaro" ความว่า Suthito Aphakaro   ความฝันกับการเดินทางของค่ายยุวชนอาเชียน  ใจเป็นหนึ่งสู่เครือข่ายพระธรรมจาริก @ กาแฟจาริกาโน่  

วันที่ 24-26 กรกฎาคม 2566 ได้เป็นตัวแทนของคณะพระธรรมจาริกและบัณฑิตวิทยาลัย นำพายุวชนอาเชียนของศูนย์อาเชียน มหาจุฬาฯ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเยี่ยมชมโครงการพระธรรมจาริก ไร่เชิญตะวัน วิสาหกิจชุมชนกาแฟดอยช้าง และเครือข่ายป่าชุมชนในพื้นที่อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย รวมทั้งการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดเชียงราย

 ยุวชนอาเชียนจากลาว ไทยและตัวแทนอีก 2-3 ประเทศ สนใจงานพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน การพัฒนาวิสาหกิจชุมชน การท่องเที่ยว และการเผยแผ่พระพุทธศาสนาบนพื้นที่สูง ในการนี้ ได้ดำเนินการและเยี่ยมชม ดังนี้ 

1. เยี่ยมชมไร่เชิญตะวันของท่าน ว.วชิรเมธี เพื่อรับฟังแนวคิดการพัฒนาพุทธเศรษฐศาสตร์ ที่เป็นต้นแบบของการพัฒนาของ UNSCR

 2. เยี่ยมชมสำนักสงฆ์แสนเจริญ เพื่อรับฟังแนวคิดการเผยแผ่พระพุทธศาสนาบนพื้นที่สูง และการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ซี่งมีแนวคิดสำคัญ “การอยู่รว่มกันอย่างสันติ”

 3. การเยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนกาแฟดอยช้าง และศูนย์วิสาหกิจแม็คคาดิเมีย บ้านดอยช้าง ที่มีการขายกาแฟในระดับโลก นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนบนดอยช้างได้อย่างดี

 4. การเยี่ยมชมเครือข่ายป่าชุมชนในพื้นที่ตำบลป่าแดด อำเภอแม่สรวย ที่มีการอนุรักษ์ป่ามากกว่า 8,000 ไร่ โดยได้มีการปลูกกาแฟในพื้นที่ป่าชุมชน เพื่อร่วมสร้างแบรนด์กาแฟ “จาริกาโน่” ของเครือข่ายพระธรรมจาริก

 5. การเยี่ยมชมวัดร่องขุ่น วัดห้วยปลากั้ง และวัดร้องเสือเต้น แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดเชียงราย รวมทั้งดอยช้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของเชียงราย

ทุกอย่างมีจุดเริ่มต้น และมีจุดท้าทาย อยู่ที่เราจะสร้างให้เป็นพื้นที่เรียนรู้และสร้างสรรค์ #จาริกาโน่แบรนด์กาแฟไทยของเครือข่ายธรรมจาริก

@siampongnews

กระบะปลูกผัก

♬ Dj Sembiilu Berbiisa - DJ BAHBUS

เลือกซื้อชุดสังฆภัณฑ์-เทียนพรรษา ที่จังหวัดยะลาไม่คึกคัก ร้านค้าเผย เศรษฐกิจไม่ดี จำหน่ายได้น้อยลง



ช่วงเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้ ซึ่งวันที่ 1 สิงหาคม 2566 เป็นวันอาสาฬหบูชาและวันที่ 2 สิงหาคม 2566 เป็นวันเข้าพรรษา ประกอบกับ ครม.ได้มีมติให้วันที่ 31 กรกฏาคม 2566 เป็นวันหยุดกรณีพิเศษ ทำให้ส่วนราชการ มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.66-วันที่ 2 ส.ค.66 รวม 6 วัน ในขณะที่ บางคนก็ได้เตรียมตัวกลับบ้าน ไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ

ทำให้บรรยากาศในการเลือกซื้อชุดสังฆภัณฑ์ เทียนพรรษา หลอดไฟ ผ้าอาบน้ำฝน ที่จะนำไปถวายพระภิกษุสงฆ์ สืบสานประเพณีเข้าพรรษา ค่อนข้างเงียบเหงา ประชาชนบางรายก็จะถือโอกาสเดินทางกลับภูมิลำเนา ไปซื้อและทำบุญกันที่บ้าน ซึ่งตามปกติแล้วในช่วงนี้ที่เหลือเวลาไม่กี่วัน ประชาชนจะทยอยเดินทางมาเลือกซื้อกันอย่างคึกคักแล้ว

นายธนิต นิรามัยสกุล เจ้าของร้านแต้ชุนกวงพาณิชย์ ถนน ณ นคร เขตเทศบาลนครยะลา บอกว่าปีนี้ค่อนข้างเงียบเหงา ลูกค้าไม่ค่อยจับจ่ายซื้อเทียนพรรษากันเล็กลง สินค้าอย่างที่เคยซื้อหลายชิ้นเหลือชิ้นเดียว ส่วนราคาปีนี้เทียนพรรษาไม่ขึ้นราคา ของใช้อย่างอื่นมีขึ้นบ้างเล็กน้อย พวกของที่จัดในชุดสังฆภัณฑ์ ยาสีฟัน สบู่ จาน ขึ้นราคานิดหน่อย ส่วนใหญ่ ทางร้านจะจัดชุดสังฆภัณฑ์ ไว้ ตั้งแต่ราคาร้อยกว่าบาทไปจนถึง 300 บาท คนซื้อก็จะซื้อชุดที่ราคา 150-200 บาทกันมากกว่า สำหรับปีนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีคนมาเลือกซื้อมากน้อยแค่ไหน วันหยุดหลายวันด้วย การเมือง และเศรษฐกิจไม่ดีด้วย ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้จำหน่ายได้น้อยลง 


ที่มา https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230727092027228

@siampongnews #หนังสือมนต์พิธี ♬ Stel Kendo Stel Kenceng Jedag Jedug - Rian DTM

ชาวนาไทยจนสุดในเอเชีย-อาเซียน 10ปี ไม่มีอะไรดีขึ้นรายได้ลด ต้นทุนพุ่ง



เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า  ชาวนาไทยเป็นชาวนาที่จนที่สุดในเอเชียและอาเซียน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการเพิ่มขึ้นในรายได้และมีการลดต้นทุนในการผลิตข้าว  ประเทศจีนเป็นประเทศที่ผลิตข้าวมากที่สุดของโลก แต่มีการลดลงในการผลิตข้าวสาร ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่ผลิตข้าวสารมากที่สองของโลก และมีอัตราการเพิ่มขึ้นในการผลิตข้าว

ในเรื่องของการส่งออกข้าว อินเดียเป็นประเทศที่ส่งออกมากที่สุดในโลก และไทยเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวมากที่สองในอาเซียน ขณะที่เวียดนามเป็นประเทศที่ส่งออกมากที่สามในอาเซียน  การแทรกแซงตลาดข้าวไม่ใช่ทางออกของการพัฒนาข้าว นโยบายการแทรกแซงตลาดไม่ช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าชาวนา แต่ชาวนากลับมีรายได้ลดลงและติดลบ รัฐบาลชุดใหม่ควรต้องคิดถึงการแก้ไขปัญหาในเรื่องของข้าวและน้ำ โดยให้การส่งเสริมเงินอุดหนุนให้กับเกษตรกรที่สามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่และลดต้นทุนการผลิตได้ 

@siampongnews #ข้าวหงษ์ทอง ♬ Sunrise - Official Sound Studio

สำนักจุฬาราชมนตรีและกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย แสดงความยินดีกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นประธานสภาฯ 

 


เมื่อวันอังคารที่ 25 กรกฎาคม 2566 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้ไปร่วมงานเลี้ยงของสำนักจุฬาราชมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ได้จัดขึ้นเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงประธานสภาผู้แทนราษฎร ณ โรงแรมอัลมีรอซ กรุงเทพมหานคร โดยมี นายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอุสมาน ฮัสซัน รัฐมนตรีอาวุโส ดูแลกิจการพิเศษด้านอิสลามประเทศกัมพูชา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาที่เป็นมุสลิม รวมทั้งทูตานุทูตจากประเทศมุสลิมหลายประเทศ เข้าร่วม

โดยก่อนเริ่มงานเลี้ยง ได้มีการเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน โดยนายชาติชาย บัลบาห์ จากนั้นพลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวต้อนรับว่า มีความภาคภูมิใจที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้รับตำแหน่งประธานรัฐสภาซึ่งมีความสำคัญเป็นอันดับต้นในฝ่ายนิติบัญญัติเพราะอำนาจอธิปไตยขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภา ปัจจุบันมี สส.19 คนที่เป็นมุสลิม ทุกคนมีความผูกพันในสายเลือดและความเป็นพี่น้องสำคัญกว่าพรรคการเมือง

จากนั้นนายอรุณ บุญชม ผู้แทนจุฬาราชมนตรี กล่าวอวยพร โดยขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยมีวิริยะอุตสาหะ มีเจตนาบริสุทธิ์ในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในการตรวจสอบฝ่ายบริหารและยังมีหน้าที่ในการรับใช้ประชาชน ให้ประเทศชาติบ้านเมืองเกิดความสุขและได้รับการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติและความอยู่ดีกินดีของประชาชนสืบต่อไป  

ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่ประทานโอกาส และขอบคุณผู้ร่วมในงานหลายคนเดินทางมาจากต่างจังหวัด พร้อมกล่าวว่าตนได้มีโอกาสดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาโดยไม่คาดคิดมาก่อน จากการมีมติของพรรคใหญ่ 2 พรรคเห็นตรงกัน ตนก็พร้อม เพื่อจะได้จัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ เมื่อตนปฏิบัติหน้าที่ยืนยันว่าทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางทางการเมือง แม้จะมีหลายฝ่ายไม่เข้าใจ แต่ก็จะทำให้ดีที่สุดเพื่อประเทศชาติ 

ประธานรัฐสภากล่าวด้วยว่ายอมรับว่าขณะนี้มีความยากในการจัดตั้งรัฐบาล เป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญถูกสร้างมาด้วยความไม่ปกติ สร้างมาเพื่อสืบทอดอำนาจจากการที่กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีด้วย ทำให้ขณะนี้ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ตนยังมีความหวังว่าจะได้นายกรัฐมนตรีเร็วๆนี้

@siampongnews #หนังสือมนต์พิธี ♬ Stel Kendo Stel Kenceng Jedag Jedug - Rian DTM

"ม.ร.ว. จิราคม กิติยากร" ถวายโคมเทียนพรรษากรมสมเด็จพระเทพฯ แด่เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี พร้อมถวายโคมโซล่าเซลล์



26 ก.ค. 2566 เวลา 13.00 น. ที่วัดบัวขวัญ พระอารามหลวง จังหวัดนนบุรี นายณพลเดช มณีลังกา อดีตอนุกรรมาธิการฯพุทธศาสนาฯ สภาผู้แทนราษฎร และเลขาธิการชมรมรวมใจภักดิ์ เปิดเผยว่า ม.ร.ว. จิราคม กิติยากร ประธานชมรมรวมใจภักดิ์ พร้อมด้วย ม.ล.สัญชัย ทองแถม รองประธาน ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ รองประธาน น.ส.ชมพูนุช ศรีธวัช ณ อยุธยา ณ อยุธยา สส.นิยม เวชกามา สส.นพดล แก้วสุพัฒน์  นายชูชีพ ตรีโภคา นายบัญชา ภักขำ 



พร้อมด้วยส่วนงานราชการโดยนางระวีพรรณ แก้วเพียงเพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายธานี พิกุลทอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดนนทบุรี นายวินัย วรวัตร์ วัฒนธรรมจังหวัดนนทบุรี และตัวแทนราชการจังหวัดนนทบุรี ได้เข้าร่วมกิจกรรมพระราชทานโคมประทีปพระนามาภิไธย ส.ธ. เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและเนื่องในวโรกาสในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี ม.ร.ว. จิราคม กิติยากร ประธานชมรมรวมใจภักดิ์ เป็นผู้อัญเชิญโคมประทีปถวายแด่พระเทพวชิรนันทาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดบัวขวัญพระอารามหลวง



นายณพลเดช กล่าวว่า โครงการโคมประทีปสืบสานงานเข้าพรรษามรดกวัฒนธรรมของไทย "สืบสานพระราชศรัทธา องค์รัตนาศรีแผ่นดิน" ตนในฐานะเลขาธิการชมรมรวมใจภักดิ์ ผู้เข้ารับโคมประทีปพระราชทานฯ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ณ พระอุโบสถวัดอรุณ ราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ที่ผ่านมาเพื่อนำมาถวายแด่ พระเทพวชิรนันทาภรณ์ อย่างไรก็ตามชมรมรวมใจภักดิ์สำนึกในพระมหากรุณาที่คุณเป็นล้นพ้น ทั้งนี้เพื่อสืบสานพระราชปณิธานและประเพณีวัฒนธรรม การถวายประทีปในวาระเข้าพรรษา ทางชมรมรวมใจภักดิ์ประโยชน์ ได้จัดโครงการถวายโคมไฟโซล่าเซลล์ให้แก่วัดทั่วประเทศ โดยโครงการจะนำถวายจำนวน 1,000 โคม โดยเริ่มต้นที่จังหวัดนนทบุรีเพื่อน้อมนำถวายวัดที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารหรือวัดที่เหมาะสมแก่การคณะสงฆ์ต่อไป


"ม.ร.ว. จิราคม กิติยากร" ถวายโคมเทียนพรรษากรมสมเด็จพระเทพฯ แด่เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี พร้อมถวายโคมโซล่าเซลล์

วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

พาณิชย์ - DITP ดันดิจิทัลคอนเทนต์ไทย ในงาน BIDC 2023 สำเร็จเกินคาด ปิดดีลกว่า 1,000 ล้าน !!



กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ตอกย้ำความสำเร็จงานเจรจาการค้าออนไซต์เต็มรูปแบบในเทศกาล “Bangkok International Digital Content Festival 2023” (BIDC 2023) ครั้งที่ 10 กับแนวคิด “Hello AI” ภายใต้ความร่วมมือแบบบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นำผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ไทย 54 บริษัท เจรจาจับคู่ธุรกิจ 507 คู่ กวาดรายได้เข้าประเทศ 1,048 ล้านบาท  

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “กรมฯ ได้ร่วมกับพันธมิตรจัดงาน “Bangkok International Digital Content Festival 2023” (BIDC 2023) ซึ่งปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 10 เมื่อวันที่ 17-18 กรกฎาคม 2566 ณ โรงแรมแบงค็อก        แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการต่างชาติชั้นนำกว่า 10 ประเทศที่เดินทางเข้ามาเจรจาการค้าแบบ One-on-one ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จีน เกาหลีใต้ เวียดนาม มาเลเซีย รัสเซีย ลาว ฮ่องกง และ อินโดนีเซีย ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีการจับคู่เจรจาธุรกิจ 507 คู่ สร้างมูลค่าการค้า 1,048 ล้านบาท โดยธุรกิจที่มีการซื้อขายมากที่สุด คือ แอนิเมชั่น จำนวน 197 คู่เจรจา เกิดมูลค่ากว่า 478 ล้านบาท รองลงมาเป็นธุรกิจเกม 128 คู่เจรจา มูลค่าราว 366 ล้านบาท ธุรกิจอีเลิร์นนิ่ง จำนวน 32 คู่เจรจา มูลค่ากว่า 117 ล้านบาท และธุรกิจคาแรคเตอร์ จำนวน 150 คู่เจรจา มูลค่าราว 87 ล้านบาท เห็นได้ว่าเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ก่อให้เกิดการต่อยอดทั้งด้านความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีดิจิทัล นับเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่จะช่วยนำเศรษฐกิจไทยให้ก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางได้ตามเป้าหมาย 

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ครั้งนี้ประสบความสำเร็จสูง เป็นเพราะปีนี้เป็นปีแรกที่เรากลับมาเปิดการเจรจาการค้าแบบออนไซต์เต็มรูปแบบ หลังจากปรับเปลี่ยนเป็นการเจรจาการค้าแบบออนไลน์ต่อเนื่องถึง 3 ปีเต็ม ทำให้งานมีความครึกครื้นและน่าสนใจมากขึ้น มีบริษัทต่างชาติด้านดิจิทัลคอนเทนต์ระดับโลกตอบรับเข้าร่วมเจรจาการค้ารวม 33 ราย จาก 10 ประเทศ อาทิ Tencent Technology , Bandai Namco Studios , DeNA , Cygames, Warner Bros. Discovery, Xilam Animation , Wildbrain และ Poplar Publishing โดยในปีนี้มีผู้ประกอบการต่างชาติรายใหม่ 22 ราย ทำให้เกิดการร่วมงานใหม่จำนวนมาก และมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมจำนวน 54 ราย เป็นรายใหม่ 12 ราย ประกอบด้วย ผู้ประกอบการด้านเกม 17 ราย , คาแรคเตอร์ 17 ราย , แอนิเมชั่น 15 ราย และ อีเลิร์นนิ่ง 5 ราย สำหรับประเภทของสินค้าและบริการที่ผู้ประกอบการต่างชาติให้ความสนใจมากที่สุด ได้แก่ บริการด้าน Animation Outsourcing Service, ด้าน Animation Co-production และ Character Licensing, ด้าน Game Development และ Game Outsourcing Service ตามลำดับ"  

นางสาวธัญดา นันทพันธุ์ นายกสมาคมอีเลิร์นนิ่งแห่งประเทศไทย ในฐานะตัวแทนสมาคมภาคเอกชนผู้จัดงานในปีนี้ กล่าวเพิ่มเติมว่า “งาน BIDC 2023 มีการจัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 แล้วนั้น กำลังเป็นที่กล่าวถึงจากผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้าร่วมงานมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ ปี ด้วยรูปแบบงานที่ตอบโจทย์ การต้อนรับที่อบอุ่นและแสนประทับใจ จนกลายเป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญของเอเชียที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ต่างชาติต่างให้ความสำคัญจับจองเข้าร่วมงานทุกปี  

นับเป็นหมุดหมายอันดีในการขยายช่องทางการตลาดและตอกย้ำภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยในการก้าวสู่ Global Digital Content Hub สร้างการรับรู้และแสดงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยอย่างแพร่หลาย สิ่งสำคัญที่สุดคือศักยภาพของผู้ประกอบการไทยซึ่งมีจุดแข็งทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์ งานออกแบบที่มีเอกลักษณ์ ตลอดจนมีการปรับตัวนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี เช่น AI และ Metaverse ที่เป็นเทรนด์ของโลกมาเป็นผู้ช่วยในงานสร้างสรรค์ ถือเป็นแต้มต่อในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่เหนือกว่าคู่แข่ง” 

สำหรับ งาน BIDC 2023 เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กับพันธมิตรทั้งภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (TCEB) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ร่วมกับภาคอุตสาหกรรม โดยมี 5 สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ ได้แก่ สมาคมอีเลิร์นนิงแห่งประเทศไทย (e-LAT) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟแวร์เกมไทย (TGA) สมาคมธุรกิจบางกอกเอซีเอ็มซิกกราฟ (BASA) สมาคมดิจิทัลคอนเทนท์ไทย (DCAT) และสมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA)  

 


@siampongnews #หนังสือมนต์พิธี ♬ Stel Kendo Stel Kenceng Jedag Jedug - Rian DTM

กรมพัฒน์ ร่วม NECTEC ดันแผนพัฒนาแรงงานด้าน AI เป้า 3 ปี 10,000 คน

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ดันแผนพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ เป้าหมาย 10,000 คน ในระยะ...