วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565

กมธ.ศาสนาฯสภาฯพร้อมคณะสงฆ์เชียงใหม่ เยี่ยมชมพุทธมณฑลนครสวรรค์ ต้นแบบพุทธอุทยานบูรณาการ"โคก หนอง นาโมเดล"



เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา ที่พุทธอุทยานนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองประธานกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายสัมพันธ์ เสริมชีพ อนุกรรมาธิการฯ นายณพลเดช มณีลังกา อนุกรรมาธิการฯ นายประกรเกียรติญาณหาร เลขานุการคณะกรรมาธิการฯ ได้นำพระเทพปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่พระเทพสิงหวราจารย์ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ คณะสำนักงานพระพุทธศาสนาเชียงใหม่ และคณะทำงาน เพื่อเข้าศึกษาดูงานพุทธอุทยานนครสวรรค์ ที่ 999 หมู่ 6 ตำบลนครสวรรค์ออก อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีพระเทพปริยัติเมธี, รศ.ดร. เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ให้การต้อนรับ


พระเทพปริยัติเมธี กล่าวว่า โครงการก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ จัดสร้างโดยคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ ข้าราชการ ประชาชน และพุทธศาสนิกชนจังหวัดนครสวรรค์ มีวัตถุประสงค์ให้ มีใจ ใช้ปัญญา เสียสละ อดทน กตัญญู และรักมั่นสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหนึ่งเดียวกันก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ตอบแทนคุณพระพุทธศาสนา ตอบแทนคุณแผ่นดิน และเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่ราชจักรีวงศ์ เป็นศูนย์กลางพุทธบูรณาการแห่งการเรียนรู้ วิชาความรู้ วิชาเลี้ยงชีพ วิชาธรรมะปฏิบัติ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 



โดยมีวิสัยทัศน์ว่า "พุทธอุทยานนครสวรรค์บูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ พัฒนาสู่นวัตกรรมเชิงพุทธอย่างยั่งยืน มีแนวปฏิเวธ (ภูมิปัญญา) ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ศูนย์กลางฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในพื้นที่การบริหารจัดการน้ำท้องถิ่นอย่างบูรณาการ (SGB) มีฐานการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ พัฒนาระบบธนาคารน้ำใต้ดินแบบพอเพียง (SGB) จำนวน 14 ฐานการเรียนรู้ มีศูนย์กลางฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในพื้นที่สมาร์ทฟาร์ม และโคก หนอง นา และเกษตรพอเพียง มีฐานการเรียนรู้โคก หนอง นา ขนาด 25 ไร่ และฐานการเรียนรู้สมาร์ทฟาร์ม ชนิดฟาร์มเปิด และฟาร์มปิด มีศูนย์กลางแหล่งน้ำ มีการบริการแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่ และชุมชน โดยมีแหล่งเก็บน้ำแก้มลิง 3 แหล่ง ความจุขนาด 1.6 ล้าน ลบ.ม. เป็น "แหล่งน้ำเพื่อชุมชน" มีงบประมาณอื่นๆ และมูลนิธิพระพุทธศรีสัพพัญญู อุปถัมภ์ในศูนย์กลาง วิชาความรู้ วิชาเลี้ยงชีพ วิชาธรรมะปฏิบัติ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้มีหลักปริยัติ (ภูมิรู้) ศูนย์กลางการเรียนรู้ ศูนย์กลางการศึกษาระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก 

โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครสวรรค์ มีศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพร ตามคัมภีร์ใบลาน และแพทย์สมุนไพรไทยปัจจุบัน ต่อยอดสู่ฐานเศรษฐกิจชุมชน อีกทั้งมีหลักปฏิบัติ (ภูมิธรรม) เป็นศูนย์กลางการปฏิบัติธรรม ศูนย์กลางการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ของภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน สำหรับ หน่วยงานราชการ นิสิต นักศึกษา นักเรียน และประชาชนทั่วไป ทั้งในส่วนอาคารพระพุทธศรีสัพพัญญู และวัดภัทรสิทธาราม เป็นศูนย์กลางการบริการของคณะสงฆ์ "บวร" สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ศูนย์กลางพิธีกรรมทางศาสนา ปฏิบัติธรรมและประเพณีวัฒนธรรมที่สำคัญของจังห ท่องเที่ยวทางธรรมะ และเป็นสถานที่พักผ่อนด้านร่างกาย และจิตใจของประชาชน

ด้านนายเพชรวรรต กล่าวว่า จากการที่ได้มาศึกษาดูงานพุทธอุทยานนครสวรรค์ ในครั้งนี้ เพื่อให้ได้เกิดการแลกเปลี่ยนแนวความคิดการพัฒนากันในระหว่างคณะสงฆ์ ซึ่งพุทธมณฑล ถือเป็นสิ่งสำคัญ หากพัฒนาและสร้างให้เป็นแหล่งศูนย์กลาง ทั้งภาคราชการ และหน่วยงานสงฆ์ ก็จะมีเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมั่นคง ซึ่งจากที่ทราบ ทางจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะพัฒนาพุทธมณฑล จ. เชียงใหม่ ในเร็วๆ นี้เช่นกัน

พระดีศรีสะเกษ! พัฒนาโคกหนองนาสันติศึกษาโมเดล-วิถีโพลวพลือ



วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565  พระปราโมทย์  วาทโกวิโท,ดร. อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เลขานุการศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มจร เปิดเผยว่า  

ตามที่คณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ (คปศ.) มูลนิธิ พศช.และองค์กรเครือข่าย ได้พิจารณาสรรหาองค์กร บุคคล ที่อุทิศตน และทำความดีอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมมาด้วยดีตลอด เพื่อรับโล่เชิดชูเกียรติ “คนดีศรีสะเกษ” ประจำปี 2563 เพื่อส่งเสริมให้บุคคล องค์กร ทำความดี และเป็นแบบอย่างให้แก่สังคม ซึ่งการดำเนินการได้เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น โดยมีพระสงฆ์ 2 รูป ซึ่งเป็นชาวจังหวัดศรีสะเกษ เป็นผู้บริหารและคณาจารย์ของ มจร  คือ

1)  พระครูปลัดปัญญาวรวัฒน์  (พระมหาหรรษา ธัมมฺหาโส) ปธ.6 ศ.ดร.  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้น กรุงเทพฯ ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มจร  ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา มจร พัฒนาหมู่บ้านท่าคอยนางเป็น “หมู่บ้านช่อสะอาด” สร้างศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนาโมเดล ที่บ้านท่าคอยนาง  อำเภอปรางค์กู่ จนเป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาดูงานแห่งหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ

2) พระครูปลัดอดิศักดิ์ วชิรปญฺโญ ดร. อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มจร เจ้าอาวาสวัดสารอด  เขตราษฎร์บูรณะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิโพลวพลือ (ทางสว่าง) เพื่อการศึกษา ศาสนาและชุมชน สร้างศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนาโมเดล  โดยใช้ “บวร”บ้าน/วัด/โรงเรียน ขับเคลื่อนในการพัฒนา  จนเป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาดูงานแห่งหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ

จะถวายรางวัลยกย่องเชิดชู ในวันที่  26  เดือนกุมภาพันธ์ 2565  เวลา 13.00 น. ณ วิหารหลวงพ่อโต วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง อำเภอเมืองศรีสะเกษ  จังหวัดศรีสะเกษ จึงแจ้งมาเพื่อทราบทั่วกัน ในนามหลักสูตรหลักสันติศึกษาขอมุทิตาในรางวัลอันทรงคุณค่าในการนำธรรมลงไปทำ "สาขาพระสงฆ์นักพัฒนา" พัฒนาด้านกายภาพ  พัฒนาด้านพฤติภาพ พัฒนาด้านจิตภาพ และพัฒนาด้านปัญญาภาพในชุมชนอย่างแท้จริง  


“อนุทิน” ชง เปิดแอปฯ แจ้งปลูกกัญชากัญชง ย้ำหนุนเต็มที่ปลูกในครัวเรือน



วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังจากพรรคภูมิใจไทย ยื่นพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง เข้าสู่สภาว่า กระบวนการต่อจากนี้ ต้องมาช่วยกันพิจารณาหาแนวทางปฏิบัติในการปลูก และใช้กัญชา เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด และต้องป้องกันการตีความ ซึ่งสร้างความสับสนให้ประชาชน ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ ถ้าไม่มีกฎหมายออกมากำหนดว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ก็จะเกิดความขัดแย้งระหว่าง 2 ฝ่าย 

ทั้งนี้ เราให้ประชาชน ได้ปลูกใช้ในครัวเรือน ผ่านวิธีจดแจ้ง เป็นการดึงกัญชา คืนสู่มือประชาชน ไว้ใช้พึ่งพาตัวเอง ส่วนจะจดแจ้งที่ไหน เรื่องนี้ มีการถามกันมามาก ก็ต้องรอดูว่าทางคณะกรรมการชุดต่างๆ จะว่าอย่างไร แต่ส่วนตัว อยากอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ด้วยการจดแจ้งผ่านแอพพลิเคชั่นไปเลย แล้วฝ่ายเจ้าหน้าที่ จะเข้าไปตรวจสอบ หากพบการกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการกฎหมาย เราไม่ต้องการสร้างความยุ่งยากให้ประชาชน แต่เราก็ต้องมีมาตรการดูแลเช่นกัน 

เมื่อถามต่อถึงความหมายของการใช้กัญชาในครัวเรือน นายอนุทิน กล่าวว่า ที่มีกฎหมายควบคุมเข้มงวด คือ การใช้สารสกัดกัญชา กัญชง ที่มีค่า THC สูงกว่า 0.2% ของน้ำหนัก ที่ต้องย้ำคือคำว่า สารสกัด ที่หมายถึงต้องผ่านกระบวนการสกัด ดังนั้น การหยิบใบมาต้มไก่ ต้มเป็นชา ผสมในอาหาร หรือการใช้ส่วนต่างๆ ของพืช ที่ไม่ใช่สารสกัด ไม่ผ่านการสกัด และเป็นการใช้ในครัวเรือนย่อมทำได้ แต่หากจะปลูกในเชิงอุตสาหกรรม จำเป็นต้องขออนุญาต หลักการมีแค่นี้ 

“กฎหมายที่ออกมานั้น มุ่งเน้นให้คนไทยได้เข้าถึงการใช้ประโยชน์จากกัญชา เป็นเจตนารมย์ของกฎหมาย ซึ่งความชัดเจนต่างๆ ขอให้รอดูการพิจารณาของคณะกรรมการหลังจากนี้ 

ปัจจุบัน เรื่องของกัญชาเสรีทางการแพทย์ มิได้เป็นเพียงเรื่องของพรรคภูมิใจไทย ทว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องช่วยกันผลักดัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สุงสุดแก่ประชาชนในการมีทางเลือกเพื่อพึ่งพาตัวเอง ไปจนถึงโอกาส ในการประกอบอาชีพที่เพิ่มขึ้น ขอให้ทุกฝ่าย ช่วยกันเดินหน้า ให้กัญชา กลายเป็นนวัตรกรรมด้านการแพทย์ และเศรษฐกิจ สำหรับคนไทย”  

วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2565

"จุรินทร์" เผยข่าวดีพร้อมส่งไก่ฮาลาล-สินค้าอื่นบุกตลาดซาอุฯ


วันที่ 29 มกราคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการเตรียมพร้อมเรื่องการซื้อขายสินค้ากับประเทศซาอุดีอาระเบีย ว่า การรื้อฟื้นความสัมพันธ์ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ตนได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์โดยเฉพาะกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและกรมการค้าต่างประเทศเจรจากับทางการซาอุฯมา อย่างใกล้ชิดและติดตามสถานการณ์โดยต่อเนื่อง เพราะมีแนวโน้มว่าจะสามารถขายไก่ให้กับซาอุดีอาระเบียได้ ซึ่งเป็นไก่ฮาลาล มีความคืบหน้ามาก รอให้มีการเปิดความสัมพันธ์ใหม่อย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ การที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปซาอุฯ เป็นผลดีในการเปิดประตูให้กระทรวงพาณิชย์สามารถทำงานได้คล่องตัวขึ้น และสัญญาณการเจรจาทั้งหมดที่ได้คุยกันมามีความเป็นไปได้แล้ว ในขณะนี้ต้นสั่งการให้เร่งติดตาม ซึ่ง อาจจะมีการทำสัญญาระหว่างกันในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่มีความเหมาะสม หลังจากนี้น่าจะเจรจาในเรื่องรายละเอียดได้

ส่วนสินค้าอื่นๆยังมีความเป็นไปได้เพราะซาอุฯ เป็นตลาดที่มีศักยภาพเพราะคนรวยเยอะ และยังมีสินค้าอื่นๆที่สามารถส่งไปได้ จะเป็นประตูอีกบานหนึ่งสู่ตะวันออกกลางได้ด้วย ที่เป็นตลาดเป้าหมายตลาดใหม่ ซึ่งเอกชนรับทราบแล้วได้จับมือกับภาคเอกชนเจรจากับกระทรวงพาณิชย์มาโดยตลอด

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2565

"นิพิฎฐ์" หวั่นปมปลูกกัญชาเสรี ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เตือนไม่อยากให้ปชช.ตกเป็นเหยื่อซ้ำซาก

 


วันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2565 นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุค ระบุว่า "ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่.... -มีท่านส.ส.ผู้ทรงเกียรติท่านหนึ่งแถลงข่าวว่า เขาเป็นผู้ออกกฎหมายเอง กัญชาปลูกได้เสรีแล้ว อย่าเชื่อผมที่เป็นส.ส.สอบตก สุดท้าย ปรากฎว่า ยังปลูกกัญชาเสรีไม่ได้ ใครปลูกถูกจับมาคราวนี้ท่านส.ส.ผู้ทรงเกียรติแถลงอีกว่า ให้รออีก 120 วัน ให้ประชาชนคนทั่วไป คิดต่อกันเอาเอง ว่า

1.ทำไมต้องรอ 120 วัน(ตอบให้ก็ได้ว่ารอประกาศสธ. แต่......)

2.ทำไมต้องออก พรบ.กัญชา ขึ้นมาอีก 1 ฉบับ

3.กัญชาใช้ทางการแพทย์ กับ กัญชาใช้เพื่อสันทนาการ ต่างกันอย่างไร ให้ท่านส.ส.อธิบายเองดีกว่า

อ้อ!! ฝิ่นเขาก็ใช้ทางการแพทย์นำมาผลิตเป็นมอร์ฟีนนะครับ แต่เขาไม่ให้ใช้ฝิ่นเพื่อสันทนาการ ที่เขียนนี้อย่าหาว่าผมต่อต้านนะครับ ผมเพียงไม่อยากให้ประชาชนตกเป็นเหยื่ออย่างซ้ำซากก็เท่านั้น"  

"สิริพงศ์" ส.ส.ภูมิใจไทยติดโควิด แถมร่วมประชุมสภาฯด้วย



เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ชี้แจงผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ภายหลังทราบผลตรวจ RT-PCR ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้ตรวจ ATK ก่อนจะออกไปทำงานปรากฎว่าขึ้น 2 ขีด โดยปกติตนจะตรวจทุกวัน วันละ 2 รอบ ขณะที่เมื่อวาน ผลยังคงเป็นลบ จึงไม่ได้แยกตัวออกมา

สำหรับ Timeline. สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตลอดอาทิตย์ และในคณะกรรมาธิการ บางส่วน ทั้งนี้หากท่านใด ที่ตนไปใกล้ ก็ขอให้ดำเนินการตรวจหาเชื้อ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2565

"สมศักดิ์" เตรียมเชิญลูกหนี้ 95,850 ราย ไกล่เกลี่ยหนี้ครัวเรือนกับ 16 สถาบันการเงิน

 


"สมศักดิ์" แถลงจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 25-26 ก.พ. ไบเทคบางนา "มีหนี้ต้องแก้ไข รุกก้าวไปอย่างยั่งยืน" เชิญลูกหนี้ 95,850 ราย สถาบันการเงิน 16 แห่ง ชวนทุกคนร่วมงานอย่าทิ้งโอกาส เตรียมเดินสายต่อให้ครบทั่วประเทศ ยันนายกฯต้องการช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชน เดินหน้าผลักดันร่างพ.ร.บ.ป้องกันกระทำผิดซ้ำคดีรุนแรงทันใช้ปีนี้ มั่นใจกฎหมายใหม่-กำไล EM ช่วยคุมพฤติกรรมคนร้ายได้ สะท้อนภาครัฐไม่นิ่งเฉยแก้ปัญหาอาชญากรรม

เมื่อเวลา 10.00 น. วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565   ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงข่าวการจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ-ปริมณฑล โดยมี ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม  น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นางทัศนีย์ เปาอินทร์ อธิบดีกรมบังคับคดี นายวิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ คณะกรรมการประสานงานแก้ไขปัญหาหนี้สิน กยศ. และ นายโฆสิต สุวินิจจิต ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พัฒนาและบูรณาการเครือข่ายภาคประชาชน กระทรวงยุติธรรม ร่วมงาน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศว่าปีนี้เป็นปีแห่งการแก้หนี้สินครัวเรือน ต้องช่วยเหลือประชานทุกภาคส่วน นายกฯได้กำหนดนโยบายเป็น 8 กลุ่ม โดยมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงยุติธรรม 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. แก้ปัญหาหนี้ กยศ. 2. การแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 3. แก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์ (ลิสซิ่ง) และ 4.ปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม อำนวยความสะดวกการไกล่เกลี่ย ซึ่งภารกิจตรงนี้เป็นภารกิจหลักของกระทรวงยุติธรรมที่จะช่วยภาครัฐ เราจึงได้จัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนขึ้นมา ในวันที่ 25-26 ก.พ. 2565 ที่ไบเทค บางนา มีเป้าหมายการเชิญลูกหนี้เข้าร่วมงาน 95,850 ราย และสถาบันการเงิน 16 แห่งคือ 1. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา 2. ธนาคารออมสิน 3.บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด 4. ธนาคารเพื่อการเกษตรและและสหกรณ์การเกษตร 5. บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด 6. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 7. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 8. ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) 9. ธนาคารซิตี้แบงก์ 10. บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 11. บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 12. บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด 13. บริษัท บริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด 14. บริษัท ซิตี้คอร์ป ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด 15. บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) และ16. บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด

 "สิทธิประโยชน์ที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับเบื้องต้น คือ 1. การขยายเวลาการชำระหนี้ 2. การลดเบี้ยปรับ การลดดอกเบี้ย การลดค่างวดรายเดือน 3. ไม่ถูกฟ้องคดี 4. งดยึดทรัพย์ งดขายทอดตลาด ลูกหนี้จะไม่ถูกบังคับคดี และ 5. สิทธิประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย 

การไกล่เกลี่ยนี้ทำถูกต้องตามกฎหมาย มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร จึงอยากให้ทุกท่านมาร่วมงาน และควรมาด้วยตัวเองเพื่อชี้แจงเจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้เห็นอกเห็นใจอยู่แล้ว อยากให้ทุกท่านมาร่วมงานนี้เพราะเราเป็นเพื่อนกัน นายกฯไม่ปล่อยให้ท่านลำบาก เมื่อมาจะสามารถมาต่อรองการผ่อนชำระได้ เพราะหากไม่มาท่านก็จะร้อนใจ และหากผิดชำระก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย เราก็จะช่วยท่านไม่ได้ท่านก็ต้องช่วยตัวเอง โดยเราจะเดินหน้าจัดงานไปทุกภาคทั่วประเทศ และผมจะเดินทางไปร่วมกิจกรรมด้วยให้มากที่สุด มีหนี้ต้องแก้ไข รุกก้าวไปอย่างยั่งยืน" นายสมศักดิ์ กล่าว

นางทัศนีย์ กล่าวว่า กรมบังคับคดี รับผิดชอบการไกล่เกลี่ยหนี้หลังคำพิพากษา ซึ่งได้มีหนังสือเชิญลูกหนี้เข้าร่วมงาน ทั้งสองวันรวม 47,260 ราย ยอดหนี้ประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยการลงทะเบียนของผู้เข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ พร้อมสแกน QR Code ที่จะมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนผ่านสื่อต่าง ๆ ทางสื่อออนไลน์ สื่อวิทยุ และโทรทัศน์ในครั้งนี้ ส่วนสำหรับการตรียมพื้นที่เราได้มีการจัดเตรียมสถานที่ สำหรับผู้เข้าร่วมงาน ได้แก่ มีมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามข้อกำหนดของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จุดตรวจคัดกรอง วัดอุณหภูมิ การแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน อย่างน้อย 2 เข็ม หลักฐานการตรวจโควิด ATK หรือ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมง กรณีไม่มีหลักฐาน สามารถตรวจ ATK ณ จุดตรวจ ก่อนเข้างาน การรักษาระยะห่าง โดยเว้นระยะห่างตามมาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข

นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มีกลุ่มเป้าหมายลูกหนี้ก่อนฟ้อง ของกยศ. และสถาบันการเงิน รวมทั้งสิ้น 48,590 ราย วงเงิน 4,186 ล้านบาท และได้เชิญศูนย์ไกล่เกลี่ยภาคประชาชนใน กทม. 234 ศูนย์มาร่วมให้บริการ เราหวังลดภาระให้ประชาชน และให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว โดยขณะนี้มีศูนย์ไกล่เกลี่ยทั่วประเทศ 722 แห่ง โดยเป็นของภาคประชาชน 640 แห่ง ของภาครัฐ 82 แห่ง

 

"สมศักดิ์" เดินหน้าผลักดันร่างพ.ร.บ.ป้องกันกระทำผิดซ้ำคดีรุนแรง  

นายสมศักดิ์ รับมอบดอกไม้แสดงความขอบคุณการริเริ่มผลักดันร่าง พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง จากกลุ่มนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า ปปร.25 นำโดย น.ส. ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรมว.ยุติธรรม นายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสปช.


นายบุญเลิศ กล่าวว่า เราไม่เคยมีกฎหมายลักษณะแบบนี้มาก่อน ทำให้ไม่มีพลังขัดขวางลดการกระทำผิดของผู้เคยรับโทษ ซึ่งการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อสังคม พวกเราหวังว่าจะสามารถลดการกระทำผิดซ้ำและสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมได้ และหวังอีกว่าจะผ่านการพิจารณาของรัฐสภาเพื่ออุดช่องว่างการแก้ปัญหาอาชญากรรม


นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในตอนที่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม คนคาดหวังตนน้อยมากเพราะไม่ได้จบทางด้านกฎหมาย แต่ตนก็ศึกษาจนเข้าใจและหาผู้รู้มาช่วยกันคิดกันทำ จุดเริ่มต้นของการทำกฎหมายนี้เพราะมีหลายกรณีที่เกิดขึ้นจนสังคมวิพากษ์วิจารณ์หาว่าภาครัฐนิ่งเฉย เช่น กรณีนายสมคิด พุ่มพวง ที่พ้นโทษจากคดีฆ่าผู้หญิง 5 ศพ แล้วออกมาก่อเหตุซ้ำอีก ตนจึงให้ทีมงานค้นข้อมูลว่าประเทศที่เจริญแล้วทำอย่างไรบ้างในการป้องกันเรื่องแบบนี้ ตนจึงได้พบว่ามีกฎหมาย เมแกน ลอว์ ของสหรัฐอเมริกา ที่ถ้าสังคมรับรู้ว่าคนร้ายอยู่ที่ไหน ก็จะไม่มีคนตาย ซึ่งก่อนหน้านี้เรามีอาสาสมัครคุมประพฤติ จับตาดูผู้ที่เคยก่อเหตุคดีลักษณะดังกล่าว และมีการควบคุมโดยใช้กำไล EM และเราจึงเขียนกฎหมายขึ้นมาเพื่อกำกับการทำงานให้เหมาะสม


"การผลักดันกฎหมายนี้ผมไม่กังวลอะไรใดใดทั้งสิ้น เพราะผมยึดประโยชน์ของประชาชนและสังคมเป็นหลัก ผมจะพยายามทำกฎหมายฉบับนี้ให้เสร็จในสมัยรัฐบาลนี้เพื่อมีเครื่องมือเพิ่มเติมไว้รักษาความปลอดภัยเป็นหูเป็นตาให้กับสังคมโดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก และเชื่อว่าถ้าสังคมรับรู้ว่ามีบุคคลอันตรายอยู่ในสังคมนั้นก็จะไม่มีคนตายอีก ผมอยากให้ ปปร.25 ส.ส. และสังคมร่วมกันผลักดันกฎหมายฉบับนี้ ส่วนการทำงานของผมจะเน้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเพราะใช้งบประมาณและบุคลากรไม่เยอะ เราพยายามสะท้อนปัญหาระดมสมองกำกับนโยบายเพื่อเดินไปข้างหน้า " นายสมศักดิ์ ระบุ

 

"อุตตม-สนธิรัตน์" นำสร้างอนาคตไทยลุยตรุษจีนเยาวราช เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 1 ของพรรค



วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 นายวัชร กรรณิการ์ กรรมการประสานงานพรรคสร้างอนาคตไทย เปิดเผยว่า นายอุตตม สาวนายนและนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พร้อมด้วยผู้ก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย เตรียมลงพื้นที่เยาวราชในวันที่ 29ม.ค.65 ตังแต่เวลา 09.30-12.00น. เพื่อรับฟังปัญหาปากท้องของพ่อค้า แม่ค้า และประาชนที่มาจับจายใสอยเนื่องในเทศกาลตรุษจีน พร้อมแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต1 กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย นัดพร้อมกันที่มูลนิธิเทียนฟ้า เวลา 09.30น. เข้าสักการะเจ้าแม่กวนอิม และเดินพบปะประชาชนและร้านค้าต่างๆในถนนเยาวราชในช่วงเวลา10.00น.โดยใช้เวลาราว45นาที จากนั้น เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ศาลเจ้ากวนอู ตลาดเก่า ในช่วงเวลา 11.00 น. เดินข้ามถนนเยาวราชไปที่ตลากเล่งบ๊วยเอี๊ยะ พบประชาชนและร้านค้าต่างๆ ก่อนเดินทางไปที่มูลนิธิปอเต็กตึ้ง ข้าสักการหลวงปู่ไต่ฮงกง จากนั้นในช่วงเวลา 12.00.เชิญสื่อมวลชน รับประทานอาหารร่วมกันที่ร้านฮั่วเซ่งเฮง

พรรคเศรษฐกิจไทยลุยจัดตั้งตัวแทนพรรคสมุทรปราการ



วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 ที่บริเวณศาลาวัดคอลาด อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ พรรคเศรษฐกิจไทย (Thai Economic Party)ได้ประชุมจัดตั้งตัวแทนประจำ จังหวัดสมุทรปราการ เขตเลือกตั้งที่ 5 ของพรรคเศรษฐกิจไทย โดยมีสมาชิกพรรคฯและประชาชนทั่วไปที่ให้ความสนใจเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมากภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19อย่างเคร่งครัด โดยในการประชุมครั้งนี้ ได้มีมติเลือกนายรณยศ ภู่หลำ เป็นตัวแทนเขตประจำจังหวัดสมุทรปราการต่อไป


สำหรับส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ที่เดินทางมาเข้าร่วมสังเกตุการณ์การประชุมเลือกตัวแทนประจำจังหวัดสมุทรปราการ อาทิ ส.ส.ภาคภูมิ บูลย์ประมุข , ส.ส.ดร.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ,ส.ส.ทัศนาพร เกษเมธีการุณ และส.ส.ยุทธนา โพธสุธน เป็นต้น รวมถึง เจ้าหน้าที่ กกต.ประจำจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย จนเสร็จสิ้นการประชุมทุกประการ


โดยก่อนหน้านี้ ดร.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.เขต3 จ.สมุทรสาคร ได้ประชุมจัดตั้งตัวแทนพรรคเศรษฐกิจไทย ประจำจังหวัดสมุทรสาครเขตเลือกตั้งที่ 3 ซึ่งนางสาว ณตฤณ สุริวงษ์  ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนพรรคและมีการตั้งศูนย์ประสานงานพรรคเศรษฐกิจไทยเสร็จเรียบร้อยเช่นเดียวกัน

หนังสือสงคราม

 https://drive.google.com/drive/folders/10-AACeHKB31dFdR1tyID0XvpKMbgWFzB?fbclid=IwAR3oErNeshctJhd-s9i_jfeqrqH-TYhvbwvem6NFSglH5g1y4psQIy9jtuM

ชงเองกินเอง! "อนุทิน" แจงกระทู้สดสภาฯปมปลดกัญชากัญชงพ้นยาเสพติด

 


เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2565 ที่รัฐสภา เกียกกาย กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอบกระทู้ถามสด ของนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เกี่ยวกับเหตุผลของการปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 

 

"มนัญญา" ขายฝัน สั่งเตรียมพร้อมมาตรการรองรับปลดล็อคกัญชา กัญชง 


นางสาวมนัญญา  ไทยเศรษฐ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เปิดเผยว่า  ตามที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้กัญชาและกัญชงพ้นจากยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 5 ยกเว้นสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชงซึ่งเป็นพืชในสกุลแคนาบิส ตั้งแต่ร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนักยังเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายมีข้อกังวลมากขึ้นโดยล่าสุดตนได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรเตรียมความพร้อมจัดทำมาตรการรองรับทุกข้อกังวลก่อนที่จะมีมติดังกล่าวออกมาแล้ว


นายพิเชษฐ์  วิริยะพาหะ  อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  กล่าวว่า  ในเรื่องความพร้อมของเกษตรกรและพันธุ์พืชสกุลกัญชาที่จะใช้ปลูกนั้น  การดำเนินงานที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรได้รวบรวม  ศึกษา  และขยายพันธุ์กัญชาพันธุ์พื้นเมืองของไทย และพันธุ์การค้าจากต่างประเทศรวม 87 แหล่งปลูก  จำนวน 39 พันธุ์   โดยกรมพร้อมที่จะผลิตต้นพันธุ์เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรนำไปปลูกได้อย่างเพียงพอ  ทั้งนี้ กรมฯ ได้จัดทำคู่มือการปลูกพืชสกุลกัญชาที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและครอบคลุมในทุกมิติเผยแพร่ไปสู่เกษตรกรแล้ว และยังได้ร่วมกับกรมพัฒนาที่ดินจัดทำแผนที่ความเหมาะสมการปลูกพืชสกุลกัญชาในแปลงปลูกของประเทศไทยด้วย ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปสืบค้นข้อมูลได้ที่ www.doa.go.th บนเมนู “กัญชง กัญชา”


นอกจากนี้ กรมยังสนับสนุนการนำพันธุ์กัญชา กัญชงมาแจ้งขึ้นทะเบียนพันธุ์ โดยปัจจุบันมีพันธุ์กัญชาที่ได้หนังสือรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรแล้วจำนวน 5 พันธุ์ คือ  อิสระ01  หางกระรอกภูพานเอสที 1  หางเสือสกลนครทีที 1  ตะนาวศรีก้านขาวดับเบิลยูเอ 1  ตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1 และกัญชงจำนวน 8 พันธุ์ คือ อาร์พีเอฟ 1  อาร์พีเอฟ 2  อาร์พีเอฟ 3  อาร์พีเอฟ 4  อาร์พีเอฟ 5  อาร์พีเอฟ 6  อาร์พีเอฟ 7  อาร์พีเอฟ 8 รวมทั้งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดการตรวจสอบลักษณะประจำพันธุ์ของพืชสกุลแคนาบิสที่ขอจดทะเบียนเป็นพันธุ์พืชใหม่เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 โดยกัญชากัญชงจะเป็นพืชที่สามารถนำพันธุ์ใหม่มายื่นขอจดทะเบียนรับความคุ้มครองได้ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้นักปรับปรุงพันธุ์วิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชสกุลกัญชาให้มีความหลากหลายของพันธุ์มากขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่เกษตรกร พร้อมกันนี้กรมวิชาการเกษตรยังได้เปิดขอบข่ายการรับรองแหล่งผลิตพืชกัญชากัญชงตามมาตรฐาน GAP เพื่อรองรับการปลูกที่ปลอดภัย ในเกรดที่นำไปทำเป็นยา และสำหรับบริโภคได้


สำหรับข้อกังวลเรื่องการนำเข้าเมล็ดพันธุ์  และช่อดอก พืชสกุลกัญชาจากต่างประเทศได้อย่างเสรีนั้น  กรมวิชาการเกษตรมีมาตรการทางฏหมายที่กำกับดูแลการนำเข้า คือ พ.ร.บ. กักพืช พ.ศ. 2507  โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถประกาศให้พืชสกุลกัญชาเป็นสิ่งต้องห้ามได้  หากวิเคราะห์ความเสี่ยงแล้วพบว่าประเทศต้นทางมีศัตรูพืชที่ร้ายแรง ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์   โดยการนำเข้าสิ่งต้องห้ามที่ผ่านการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืชต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมวิชาการเกษตร แจ้งนำเข้าที่ด่าน พร้อมแนบใบรับรองสุขอนามัยพืชกำกับมาด้วย  รวมทั้งต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการที่กำหนด   พร้อมกับยังต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. พันธุ์พืช พ.ศ.2518 ซึ่งเมล็ดพันธุ์กัญชาและกัญชงเป็นเมล็ดพันธุ์ควบคุมการนำเข้า ส่งออก ขาย และรวบรวมจะต้องขออนุญาต และต้องไม่ใช่พืชดัดแปลงพันธุกรรม

นอกจากนี้ ยังสามารถกำหนดมาตรกรการนำเข้าตามมาตรฐานการผลิตพืชโดยทำข้อตกลงกับประเทศต้นทางพืชที่จะนำเข้าได้นั้นจะต้องมาจากแปลงปลูกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตพืช GAP และผ่านการคัดบรรจุจากโรงคัดบรรจุที่ได้มาตรฐาน GMP ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสุขอนามัยพืชตามมาตรฐานสากล  เพื่อป้องกันการปนเปื้อนสารเคมีและศัตรูพืชมากับผลผลิต รวมทั้งเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะเป็นมาตรการที่จะช่วยป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าเมล็ด  ใบ และดอกกัญชาจากต่างประเทศเข้ามาได้อย่างเสรีด้วย


 

วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2565

ส.ส.ติดโควิดอีกแล้ว! "อัครเดช" ปชป.ราชบุรี งงมากติดจากไหน

 


เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2565 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวความว่า  ตนเองได้ติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่ทราบว่าติดเชื้อมาจากที่ไหน พร้อมขอให้ประชาชนที่สัมผัสใกล้ชิดสังเกตอาการของตนและปรึกษาบุคคลากรทางการแพทย์


"คุณหมอได้ยืนยันผลการตรวจแบบRT-PCRใหผมทราบว่าผมติดเชื้อโควิด-19 ครับ ขอเรียนเเจ้งพี่น้องประชาชนที่ได้สัมผัสใกล้ชิดผมในระยะเวลาอันใกล้นี้ได้สังเกตอาการและปรึกษาบุคคลากรทางการแพทย์ด้วย ผมเองไม่ทราบว่ารับเชื้อหรือติดจากไหนเพราะที่ผ่านมาเมื่อลงพื้นที่ก็สวมใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือด้วยแอลกอฮอล์สม่ำเสมอและปฏิบัติตามมาตรการของทางกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เมื่อประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของทางสภาผู้แทนราษฏรเช่นกัน" นายอัครเดช ระบุ

นายอัครเดช ระบุด้วยว่า สำหรับอาการของผมเมื่อ วันที่ 26 มกราคม เจ็บคอเล็กน้อยเหมือนเป็นหวัดเลยเข้าตรวจที่โรงพยาบาลพญาไท และหมอแนะนำให้ตรวจRT-PCRเพื่อความเเน่นอน และรอผลตรวจอีกวัน ระหว่างนั้นให้ผมแอดมิดเพื่อติดตามอาการ ซึ่งอาการไม่ได้เป็นอะไรมาก โดยหมอแจ้งว่าอาจจะเนื่องด้วยผมเคยได้รับวัคซีนมาแล้ว


"ผมต้องกราบขออภัยพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ได้รับผลกระทบด้วยครับ ทั้งงานที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่วันและงานที่ผมรับจะไปร่วมงานไว้หลายๆงานในช่วงนี้นี้ร่วมถึงงานพิธีเปิดโครงการต่างๆที่ต้องระงับภารกิจไว้ชั่วคราว" นายอัครเดช กล่าว 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอัครเดช ถือเป็นส.ส.ที่ติดโควิด-19 รายที่สาม ต่อจากนายชัยวุฒิ คมาธนานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส และส.ส.พรรคพลังประชารัฐ, นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นับตั้งแต่ปี2565 เป็นต้นมา

อินเดียมอบรางวัลปัทมศรีประจำปี 2022 "ดร.จิรพัฒน์ ประพันธ์วิทยา" ผู้เชี่ยวชาญด้านสันสกฤตศึกษาของไทย


เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 เพจ India in Thailand (Embassy of India, Bangkok)  ได้โพสต์ข้อความและข้อความว่า Congratulations to Prof. Dr. Chirapat Prapandvidya for being conferred Padma Shri Award by the Govt. of India for his enormous contribution to promoting #Sanskrit studies in Thailand. Earlier he was mentioned by Hon'ble PM in his #MannKiBaat programme.

ต่อมาวันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2565  เพจ สาขาวิชาภาษาเอเชียใต้ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความว่า  สาขาวิชาภาษาเอเชียใต้ ขอร่วมแสดงความยินดีกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิรพัฒน์ ประพันธ์วิทยา เนื่องในโอกาสได้รับเลือกให้รับรางวัลปัทมศรี ประจำปี 2022 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิรพัฒน์ ประพันธ์วิทยา เป็นอาจารย์ผู้ใหญ่ผู้มีคุณูปการต่อวงการสันสกฤตศึกษา อาจารย์เป็นราชบัณฑิตประเภทวิชาวรรณศิลป์ สาขาวิชาตันติภาษา สำนักศิลปกรรม เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและวรรณคดีบาลี สันสกฤต และฮินดี

สาขาวิชาภาษาเอเชียใต้ได้รับความกรุณาจากอาจารย์มาเป็นวิทยากรหลายต่อหลายครั้ง การได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ จึงเป็นสิ่งที่ยินดีที่สุด สำหรับวงวิชาการภาษาและวรรณคดีสันสกฤต ไทย

สำหรับรางวัลนี้เป็นรางวัลสำคัญลำดับที่ 4 รองจาก 1 ภารัต รัตนะ 2. ปัทมะ วิภูษัณ และ 3. ปัทมะภูษัณ มอบให้โดยรัฐบาลอินเดีย เนื่องในวัน India's Republic Day หรือ 26 มกราคม ของทุกปี ปีนี้ พ.ศ.2565 รัฐบาลอินเดียประกาศว่า ผศ.ดร.จิรพัฒน์ ประพันธ์วิทยา เป็นหนึ่งในผู้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ โดยเป็นหนึ่งในชาวต่างประเทศที่ได้รับในปีนี้

ตรุษจีนประจำปี 2565 มูลนิธิเพิ่มบุญเจ้าพ่อเสือใหญ่ที่สุดในโลก ขอเชิญร่วมงานไหว้เทพเจ้าแก้ปีชง เสริมดวงชะตา

 


ตรุษจีนประจำปี 2565 ชี้พิกัดสำหรับสายบุญ เตรียมไหว้เทพเจ้าแก้ปีชง เสริมดวงชะตา ตามความเชื่อต้อนรับเทศกาลมงคลของคนไทยเชื้อสายจีน มูลนิธิเพิ่มบุญเจ้าพ่อเสือใหญ่ที่สุดในโลก ขอเชิญร่วมงานเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2565 อีกหนึ่งสถานที่ไหว้ตรุษจีนแก้ปีชงเสริมดวงชะตาชีวิต 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2565  นายศักดิ์ชัย ศักดิ์เดชะมณี ประธานมูลนิธิเพิ่มบุญเจ้าพ่อเสือองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนทุกท่านกราบไหว้สักการะบูชาองค์เทพเจ้าเสือองค์ใหญ่ที่สุดในโลกองค์ เทพไฉ่ชิงเอี๊ย องค์เทพไท้เสียงเหล่า องค์เทพเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว องค์เทพไต๋ฮ่องกง องค์เทพเห้งเจีย องค์เทพนาจา และกราบไหว้พระเกจิชื่อดังของประเทศ  พร้อมแก้ปีชงกับองค์เทพไท้ส่วยเอี๊ย และร่วมบริจาคโลงศพแก่ผู้ยากไร้



สำหรับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งเป็นวันชิวอิกการกราบไหว้บูชาสิ่งที่เป็นมงคลและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมงคลสูงสุด ในส่วนของท่านที่เกิดปีวอก ปีขาล ปีมะเส็ง และปีกุน  ปีนี้เป็นปีชงซึ่งการแก้ปีชงที่ดีที่สุดคือการบริจาคโลงศพ



นอกจากนี้ นายศักดิ์  ยังขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนทุกท่านมาร่วมงานดังกล่าว  โดยทางมูลนิธิได้ทำการฉีด พ่นยาฆ่าเชื้อ โควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาลทั่วทั้งศาลเจ้าและเตรียมไว้ฉีดทุก 30 นาทีเพื่อปกป้องกันการติดเชื้อระบาด โควิด-19 อย่างเคร่งครัด และจัดตั้งแอลกอฮอล์ไว้ล้างมือสำหรับ ท่านที่จะมาร่วมงานในครั้งนี้ ทางมูลนิธิได้ทำตามกฎกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ขอความร่วมมือพี่น้องทุกท่านที่มาในงานในครั้งนี้สวมใส่แมสตลอดเวลาที่อยุ่ในสถานที่



อย่างไรก็ตาม ประธานมูลนิธิเพิ่มบุญเจ้าพ่อเสือองค์ใหญ่ ได้จัดซองอั่งเปา มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในซองกำมะหยี่สีแดงจำนวน 1999  ซอง นำไว้แจกสำหรับผู้ที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ทางมูลนิธิได้จากซองเอาไว้จำนวนจำกัดและในวันที่ 31 มกราคม 2565  โดยทางศาลเจ้าพ่อเสือ ได้เปิดให้ประชาชนเข้าสักการะตลอดเวลา 24 ชั่วโมง

"อนุทิน" นำเอง! ยื่นร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. .... ต่อประธานสภาแล้ว

 


วันที่ 26 มกราคม 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมกันลงชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. .... ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา เพื่อพิจารณานำเข้าสู่กระบวนการตราเป็นพระราชบัญญัติ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

 

นายอนุทิน แถลงหลังจากที่ยื่นเรื่องว่า เหตุผลที่ต้องมีการเสนอร่างพรบ.กัญชา กัญชง ฉบับนี้ เพราะเมื่อวานนี้(25 มกราคม) คณะกรรมการป.ป.ส. ได้มีมติเห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุข โดยตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามในประกาศกำหนดชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดเสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญคือ การปลดกัญชาออกจากยาเสพติด  ดังนั้นหลังจากที่ประกาศฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ คือ 120 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา กัญชา กัญชง ที่ผลิตในประเทศไทย จะไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป และจะไม่อยู่ในพ.ร.บ.ยาเสพติด เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของกัญชา กัญชง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงต่อรัฐสภา ว่าจะส่งเสริมให้มีการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการใช้กัญชา กัญชง สมุนไพร เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน และสร้างรายได้แก่ประชาชน อีกทั้งสอดคล้องเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564  ซึ่งได้ถอดกัญชา ออกจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 แล้ว 


นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังคงมีความห่วงใยจากหลายภาคส่วน ทั้งนักวิชาการ ภาคประชาชน และ เจ้าหน้าที่รัฐ เกรงว่าจะมีการนำกัญชาไปใช้ทางที่เป็นโทษต่อประชาชนและเยาวชน ซึ่งจะเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย และข้อตกลงนานาชาติ ในเรื่องการควบคุมการใช้กัญชา ซึ่งกำหนดให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ เท่านั้น คณะกรรมการป.ป.ส. จึงเสนอให้มีการออกฎหมายมากำกับการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง เป็นการเฉพาะ เมื่อพ้นจากบัญชียาเสพติดแล้ว เช่นเดียวกับกฎหมายกระท่อม ที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบแล้ว 


อย่างไรก็ตาม การมีกฎหมายเฉพาะกัญชา กัญชง จึงเป็นการยืนยันอีกครั้งว่า กัญชา กัญชง ได้พ้นจากความเป็นยาเสพติดแล้ว แต่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการควบคุมการผลิต และการใช้ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับประชาชน ตามนโยบายรัฐบาล หากมีการนำไปใช้ทางที่เป็นโทษ ก็ยังคงมีความผิดทางกฎหมายอยู่ หลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ที่พรรคภูมิใจไทย นำเสนอฉบับนี้ คือ ส่งเสริมให้กัญชา กัญชง เป็นพืชที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมาย คือ 1) เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ พัฒนาภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทย 2) ให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง 3) ให้เกิดเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ประชาชนจากการปลูก การผลิต และการขายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง รวมทั้งสารสกัด 4) ส่งเสริมให้มีการวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทั้งพืช และผลิตภัณฑ์จากกัญชา กัญชง  5) คุ้มครองประชาชน ซึ่งอาจจะได้รับอันตรายจากการบริโภคกัญชา กัญชง และป้องกันการใช้กัญชา กัญชง ในทางที่ผิด 


พรรคภูมิใจไทย ในฐานะที่เป็นพรรคการเมือง ซึ่งได้นำเสนอนโยบายการปลดกัญชาออกจากยาเสพติด เพื่อให้ประชาชนนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ และเพื่อสุขภาพ โดยได้รับความสะดวกมากที่สุด  และสามารถนำไปใช้เป็นพืชเศรษฐกิจ สร้างรายได้ ให้แก่ประชาชนได้ และต่อมาได้ผลักดันนโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ถึงวันนี้ การปลดกัญชาออกจากยาเสพติด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และ คณะกรรมการป.ป.ส. ได้แสดงให้เห็นว่านโยบายนี้ เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ถือได้ว่า มีมติผ่านเป็นเอกฉันท์


นายอนุทิน กล่าวอีกว่า พรรคภูมิใจไทย ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมืองที่พูดแล้วทำ เพื่อประโยชน์ของประชาชน และเป็นพรรคการเมืองที่รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน พร้อมนำข้อห่วงใย มาหาแนวทางแก้ไข เพื่อให้การปฏิบัติตามนโยบาย ไม่เกิดผลกระทบ ไม่เป็นปัญหาต่อสังคม จึงนำมาสู่การยื่นร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ในวันนี้ ยืนยัน ขอให้ทุกท่านสบายใจ และมีความเชื่อมั่นต่อการทำงานของพรรคภูมิใจไทย และยังทำให้เห็นได้ถึงการทำงานในรูปแบบของพรรคภูมิใจไทย คือ ทำทันที  ไม่ทำให้ประชาชนต้องเสียโอกาสเสียเวลาแม้แต่วันเดียว

.

ทั้งนี้ ขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาฯ ทุกพรรคการเมือง และ สมาชิกวุฒิสภา ได้ร่วมกันศึกษาพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่พรรคภูมิใจไทย เสนอ เพื่อให้พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ออกมาใช้โดยเร็วที่สุด และ เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด  และขอให้ทุกท่าน ได้ระลึกถึงเจตนารมณ์ของท่านในการตราประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ที่รัฐสภามีมติเป็นเอกฉันท์ 476 ต่อ 0 ซึ่งมีสาระสำคัญในมาตรา 29 ที่ได้ถอดกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 ไปแล้ว 


“อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนที่ประสงค์จะปลูกกัญชา เพื่อพึ่งพาตนเอง ด้านสุขภาพ ขอให้ รอ 120 วัน ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ส. กำหนดไว้ ทั้งนี้เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย ว่ากัญชา ยังเป็นยาเสพติดหรือไม่ จะไม่ต้องตีความกันอีกต่อไป เพราะเมื่อครบ 120 วัน แล้ว หลังประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดชื่อยาเสพติด ออกมาแล้ว จะไม่มีการนำกฎหมายยาเสพติดมาใช้กับผู้ปลูกกัญชา เพื่อพึ่งพาตนเอง ได้อีกต่อไป” นายอนุทิน กล่าวทิ้งท้าย 

รพ.สงฆ์รับอนุญาตเจ้าคณะกทม. ลงพื้นที่เสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคพระ-เณรวัดสารอด

 


เมื่อวันพุธที่ 26 มกราคม 2565  เนื่องจากโรงพยาบาลสงฆ์ กรมการแพทย์ เป็นหน่วยงานที่ให้บริการดูแลรักษาพระภิกษุและสามเณรอาพาธทั่วประเทศ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพพระภิกษุและสามเณร จึงได้ประสานกับพระธรรมวชิรมุนี วิ. เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดทำโครงการเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคพระภิกษุและสามเณรในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครขึ้น เพื่อตรวจคัดกรองและประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพแก่พระภิกษุและสามเณร ให้ได้รับการคัดกรองความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็งลำใส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก และได้รับความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองด้านการป้องกันโรค ด้านส่งเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรค

เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร จึงเลือกวัดแบบเจาะจงวัดเพื่อ ออกกำหนดการคัดกรองสุขภาพ ในเดือนมกราคมจำนวน 7 วัด เพื่อเป็นศูนย์กลางการคัดกรองในเขตนั้นๆ  ในเขตราษฎร์บูรณะได้เจาะจงเลือกวัดสารอด เป็นจุดตรวจคัดกรอง โดยพระศรีธีรพงศ์ เจ้าคณะเขตราษฎร์บูรณะ พระครูปลัดพรหมจริยวัฒน์ เจ้าคณะแขวงราษฎร์บูรณะ ได้ให้ พระครูปลัดอดิศักดิ์ วชิรปญฺโญ, ดร. เจ้าอาวาสวัดสารอด เลขานุการเจ้าคณะแขวงราษฎร์บูรณะ ประสานงานวัดต่างๆในเขตพื้นที่ ได้มาตรวจสุขภาพ

การดำเนินการตรวจสุขภาพพระสงฆ์และสามเณรวันนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้เห็นความพร้อมเพรียงของแพทย์ เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลสงฆ์ ที่มีจิตอาสาเสียสละ ทำหน้าที่อุปัฏฐากในฐานะอุบาสกอุบาสิกา นึกถึงเหตุการณ์สมัยครั้งพุทธกาลอุบาสิกาเดินเที่ยวไปวัดต่างๆ เพื่อถามว่า มีพระภิกษุในวัดอาพาธไหม หากทราบว่ามี ก็ขอปวารณาเพื่อการรักษาพยาบาล

สำหรับแพทย์และเจ้าหน้าที่ทำงานเชิงรุก ลงพื้นที่วัด เพื่อคัดกรองสุขภาพพระภิกษุและสามเณร อานิสงส์ถึงบุคลากร เจ้าหน้าที่ในวัด ช่าง กรรมกร ในวัดด้วย ได้รับความสะดวกในการตรวจสุขภาพ  พระภิกษุ สามเณร  เจ้าหน้าที่ในวัด ช่าง กรรมกร บางรูป บางท่าน ไม่เคยมีโอกาสตรวจสุขภาพ วันนี้จึงเป็นโอกาสได้มาตรวจสุขภาพตนเอง โดยไม่ต้องไปโรงพยาบาล เพราะทีมแพทย์พร้อมเครื่องมือโรงพยาบาลสงฆ์ลงพื้นที่ถึงในวัด 

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2565

จี้พรรคการเมืองและส.ส.ไทยหนุนศึกษาขุดคลองไทยรพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้

  


เมื่อวันพุธที่ 26 มกราคม 2565    ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา  นางบุญญาพร นาตะธนภัทร ส.ส.พรรคพลังชาติไทย รับยื่นหนังสือจาก นายณรงค์ ขุ้มทอง ตัวแทนกลุ่มบุคคลและองค์กรผู้เรียกร้องต่อรัฐบาล และคณะ เรื่อง ให้พรรคการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้การสนับสนุนการลงมติรับรองผลการพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ 


สืบเนื่องจากประชาชนชาวภาคใต้และตัวแทนประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยร่วมกับสมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย สภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยและอีกหลายองค์กร ได้ร่วมกันระดมความคิดเพื่อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้กับรัฐบาลโดยได้เสนอและเรียกร้องให้รัฐบาลศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ว่าจะเกิดประโยชน์คุ้มค่า หรือไม่ อย่างไร เพราะโครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่น่าสนใจ เป็นความต้องการและความคาดหวังของประชาชน 


อีกทั้งเป็นโครงการที่ได้พูดคุยมาเป็นเวลานานตัวแทนภาคประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น จึงได้ทำการศึกษาหาข้อมูลจากรายงานการวิจัย การศึกษาของกลุ่มบุคคลต่าง  ๆ รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องซึ่งในเบื้องต้นพบว่าการขุดคลองไทยมีผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ แต่เป็นโครงการที่จะสร้างประโยชน์และเป็นฐานหลักด้านเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้ แต่อย่างไรก็ตามทางกลุ่มต้องการให้มีการศึกษาข้อมูลในเชิงลึกเพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจน ถูกต้อง และเที่ยงตรงที่สุด อันจะเป็นผลดีแก่ประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง ดังนั้น จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังต่อไป


นางบุญญาพร นาตะธนภัทร กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ขอขอบคุณตัวแทนประชาชนชาวภาคใต้ ตนยินดีสนับสนุนการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ พร้อมทั้งจะผลักดันเรื่องดังกล่าวให้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ผู้แทนประธานชมรมสถานีวิทยุพุทธยื่น กมธ.การสื่อสารสภาฯ ช่วยดัน ขยายระยะเวลาลงทะเบียนขอรับใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่



เมื่อวันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ในฐานะรองประธานคณะ กมธ.การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คนที่สาม รับยื่นหนังสือจากนายสาธุ อนุโมทามิ หัวหน้าพรรคราชสีห์ไทยดี ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พระครูวินัยธรไมตรี ฐิตปัญโญ ประธานชมรมสถานีวิทยุเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และคณะทำงานจัดตั้งสถานีวิทยุเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในมหาเถรสมาคม 


เพื่อขอให้คณะ กมธ. ประสานให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ขยายระยะเวลาในการลงทะเบียนอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากสำนักการอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (ปส.) และกสทช. ได้มีหนังสือเชิญชวนให้ขอรับใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการกระจายเสียง 


โดยให้ผู้ที่จะขออนุญาตจะต้องดำเนินการยื่นคำขออนุญาตตามวิธีการและเงื่อนไขที่ประกาศกำหนด ผ่านระบบการยื่นคำขอรับอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในการกรอกแบบฟอร์มมีรายละเอียดอย่างมาก รวมทั้งเอกสารที่ต้องแนบในการขออนุญาตมีจำนวนมากกว่า 11 ขั้นตอน ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการพอสมควรในภาวะปกติ แต่เนื่องจากในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้ได้รับหนังสือแจ้งล่าช้า รวมทั้งการประสานงานเรื่องเอกสารที่ต้องใช้มีมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด จึงเป็นอุปสรรคในการรวบรวมเอกสาร 


จึงขอให้คณะ กมธ. ได้ประสานงานให้ กสทช. พิจารณาขยายเวลาในการขออนุญาตใช้คลื่นความถี่ เพื่อให้บริการกระจายเสียงไปอีก 30 วัน เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการจะได้ไม่เสียโอกาสในการขออนุญาตในครั้งนี้ นายนิคม บุญวิเศษ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่คณะ กมธ. เพื่อดำเนินการต่อไป

"วิษณุ" เตือนแม้ปลดล็อกกัญชาแล้ว ปชช.อย่าเพิ่งปลูกในบ้าน รอกม.ผ่านก่อน



เมื่อวันพุธที่ 26 มกราคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาลนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปลดล็อกกัญชา กัญชง พ้นจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ว่า ป.ป.ส.เห็นว่าขัดและไม่สอดคล้องกลับอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกอยู่ 3 ฉบับ โดยมีความเข้มข้นเรื่องการห้ามใช้กัญชาไม่ผิดกฎหมายไม่ได้ แต่ยกเว้นใช้ประโยชน์ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ แต่ปัญหาคือ ร่างที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอมาแม้จะเป็นประโยชน์ทางการแพทย์และการสาธารณสุขแต่อาจจะตรวจสอบควบคุมยาก เช่น หากมีคนนั่งเสพกัญชาแล้วอ้างว่ามีสารเสพติดในกัญชาต่ำกว่ากฎหมายกำหนด ที่มีปริมาณสาร THC น้อยกว่า 0.2% โดยน้ำหนัก ตำรวจจะใช้เครื่องอะไรไปวัด แล้วหากตำรวจจับนำไปตรวจในห้องแล็บแล้วพบว่าต่ำจะจักว่ากฎหมายกำหนดจริง ตำรวจก็จะต้องถูกดำเนินคดีมาตรา 157 จึงไม่กล้าที่จะจับกุม


ไม่เหมือนกับการจับตรวจปัสสวะหาสารเสพติด ซึ่งรู้ผลทันที แต่กัญชาต้องส่งเข้าตรวจในห้องแล็บ สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้มีการเสพทั้งหมดโดยทั่วไป ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นปัญหา ฉะนั้นจะต้องรอกระทรวงสาธารณสุขเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … ต่อสภาฯ เพื่อดูรายละเอียดการควบคุมการใช้อย่างละเอียด แต่ระหว่างนี้จะขอให้มีการประกาศใช้ไปก่อน แต่ให้อยู่ในส่วนของฟิ่นและเห็ดขี้ควาย ส่วนร่างพ.ร.บ.กัญชง กัญชา พ.ศ. ...ให้รอจนกว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านสภาฯก่อน ก็สามารถประกาศใช้ได้ และก็เพื่ออธิบายกับสหประชาชาติ (ยูเอ็น)ด้วย แต่ระหว่างที่กฎหมายยังไม่ออกมา ประชาชนจะต้องระมัดระวัง ก่อนยังไม่ให้ปลูก เพื่อการค้าการพาณิชย์ การเสพ หรือการนันทนาการ เพราะยังไม่ได้อนุญาตให้ใช้อย่างอิสระและยังใช้ไม่ได้โดยทั่วไป ท้ายที่สุดแล้วถ้าใครจะปลูกต้องรอให้กฎหมายดังกล่าวผ่านสภาฯก่อน หากใครปลูกไปแล้วก่อนหน้านี้จะต้องมีความผิดถูกดำเนินคดี ส่วนหากร่างกฎหมายดังกล่าวมีปัญหาถูกโหวตคว่ำในสภาฯนั้น ก็ต้องดูอีกครั้ง ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น สภาฯอาจจะล่ม แต่การที่นำเข้าสภาฯเพื่อให้ยูเอ็นเห็นเจตนารมย์ของประเทศไทยว่าพยายามปฏิบัติตาม


เมื่อถามว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ระบุว่าถ้าออกประกาศร่างกฎกระทรวงสาธารณสุขให้มีผลบังคับหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วัน แต่ถึงอย่างไรจะต้องรอร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวให้เสร็จเรียบร้อยใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เชื่อว่าน่าจะเสร็จ แต่ถ้าไม่เสร็จก็ค่อยมาพูดกันถึงเรื่องการขยายเวลาอีกครั้ง แต่เชื่อว่าขยายเวลาไม่กี่วัน 

"บิ๊กตู่" แถลงสำเร็จ! ฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตซาอุดีอาระเบีย

 


วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังเดินทางเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ และเข้าเฝ้าเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ว่า วันที่ 25 มกราคม 2565 ได้เดินทางมาเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี


โดยในวันนี้ ได้เข้าเฝ้าฯ และพบหารือกับมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทั้งสองฝ่าย ได้เห็นชอบร่วมกันให้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์แล้ว และพร้อมที่จะเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างกันต่อจากนี้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความพยายามในหลายระดับของทั้งสองฝ่ายที่มีมาในช่วงที่ผ่านมา


ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการดำเนินความสัมพันธ์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งในระยะแรกจะมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตและการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคี เพื่อรื้อฟื้นและส่งเสริมความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ การค้าและการลงทุน ความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน สาธารณสุข และการท่องเที่ยว รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ อาทิ สิ่งแวดล้อม พลังงานหมุนเวียน และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันที่จะร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกันในกรอบพหุภาคีต่าง ๆ อาทิ องค์การ OIC (โอไอซี) อาเซียน GCC (จีซีซี) รวมถึงการเป็นเจ้าภาพ APEC ของไทยในปีนี้ด้วย


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการเดินทางมาเยือนซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ มีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมคณะมาด้วย เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป


โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย เกี่ยวกับการจัดตั้งกลไกหารือทวิภาคีระหว่างสองประเทศ เพื่อวางแผนและกำหนดสาขาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศอย่างเป็นระบบและมีการบูรณาการ ซึ่งจะเป็นกลไก การติดตาม ประเมิน และทบทวนผลการดำเนินความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายให้เป็นรูปธรรมต่อไป ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของซาอุดีอาระเบีย เกี่ยวกับการอนุญาตให้แรงงานไทยกลับเข้ามาทำงานในซาอุดีอาระเบียได้ รวมถึงการส่งเสริมแรงงานฝีมือและเฉพาะทางของไทย


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียเป็นประโยชน์ร่วมกันสำหรับทั้งสองประเทศทั้งในมิติการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม โดยไทยและซาอุดีอาระเบียสามารถช่วยสนับสนุนเป้าหมายในการพัฒนาของกันและกัน โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจ BCG ของไทย และวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. 2030 ซึ่งการฟื้นฟูความสัมพันธ์ยังจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ และจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนสำหรับไทยและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาหรับ โดยเฉพาะการเสริมสร้างบทบาทของไทยในฐานะ “ครัวโลก” เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารของซาอุดีอาระเบีย และในฐานะ “ศูนย์กลางทางการแพทย์และการท่องเที่ยว” ของไทย โดยคาดว่า นักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบียที่จะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้ไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 5,000 ล้านบาท อีกทั้งจะช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงานของไทย ในฐานะที่ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันอันดับต้นของโลก


นอกจากนี้ เมื่อการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันกลับมาเป็นปกติ ก็จะสามารถรื้อฟื้นการกลับเข้าไปทำงานในซาอุดีอาระเบียของแรงงานฝีมือ แรงงานภาคบริการ และแรงงานเฉพาะทางของไทย ซึ่งก่อนการลดความสัมพันธ์ระหว่างกัน เคยมีแรงงานไทยในซาอุดีอาระเบียกว่า 300,000 คน และสร้างรายได้ส่งกลับประเทศไทยมากกว่า 9,000 ล้านบาทต่อปี


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ได้มีโอกาสพบปะและสอบถามความเป็นอยู่ของชุมชนไทยในซาอุดีอาระเบีย และได้ยืนยันกับพี่น้องคนไทยทุกคนว่า รัฐบาลไทยจะให้ความดูแลคนไทยในซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดีอย่างเช่นที่ผ่านมาแน่นอน


อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความยินดีกับการเริ่มต้นศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ไทย – ซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง การเยือนครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์และเป็นการเปิดโอกาสสำหรับทั้งสองประเทศในการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันต่อจากนี้ ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์ร่วมกันของพี่น้องคนไทยและชาวซาอุดีอาระเบียอย่างแน่นอน

"อนุทิน"สุดปลื้มบอร์ด ป.ป.ส.ปลดล็อกกัญชาแล้ว รอ 120 วันจดแจ้งปลูกตามบ้าน



บอร์ด ป.ป.ส.เห็นชอบร่างประกาศ สธ.คลายล็อกกัญชา "อนุทิน" ปลื้มขอบคุณทุกฝ่าย รอ 120 วัน หลังประกาศราชกิจกาฯ ได้จดแจ้งปลูกตามบ้าน

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565  ที่ทำเนียบรัฐบาลกรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการร่วมประชุม กับคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติเพื่อพิจารณาประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ว่า  คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือคณะกรรมการยาเสพติดได้มีมติเห็นชอบกับร่างฯ ที่ทางคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดเสนอขึ้นไป ในร่างนี้ ได้ระบุชื่อยาเสพติดเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 คือพืชฝิ่น 2 เห็ดขี้ควาย และ 3 สารสกัดจากกีญชา กัญชง ที่มีค่า THC กว่า 0.2% ขั้นตอนต่อไป ทาง ป.ป.ส.จะนำผลการประชุมไปยืนยัน แล้วส่งมาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเซ็นอีกครั้ง ก่อนประกาศบังคับใช้ในราชกิจจาณุเบกษา ตามกระบวนการกฎหมาย


หลังประกาศในราชกิจจา ส่วนที่ 1-2 มีผลทันที เพราะมีโทษชัดเจน แต่ในส่วนที่ 3 หรือสารสกัดจากกัญชา มีผลบังคับหลังจากประกาศราชกิจจาฯ 120 วัน สิ่งที่ต้องทำเลยคือ การวางกฎ ตีกรอบการใช้สารสกัดจากกัญชา กัญชง เพื่อควบคุมการใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน ทั้งในเรื่องการแพทย์ การวิจัย การศึกษา เรากำลังจะเสนอร่างพระราชบัญญัติกัญชา และกัญชง เข้ามากำกับการใช้กัญชา และกัญชง พรุ่งนี้ พรรคภูมิใจไทย จะเสนอเข้าสภา ตนลงชื่อแล้ว ก็หวังว่าในสภาจะสนับสนุน เพราะเรื่องนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ความคืบหน้าในวันนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศจะไปกำชับให้ทูตานุทูตทำความเข้าใจกับนานาชาติ ว่าเราคลายล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์เป็นหลัก ที่สำคัญ ผลการประชุม ยังสะท้อนว่า ทุกฝ่ายสนองนโยบายของรัฐบาล เป็นไปตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 


ขอย้ำว่าเราทำทั้งหมด เพื่อพี่น้องประชาชน ขอขอบพระคุณ ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านรองนายกฯ นาย วิษณุ เครืองาม ที่เป็นประธานการประชุมในนามของท่านนายกฯ และกราบขอบพระคุณพี่น้องคนไทย ที่สนับสนุนเราเสมอมา เราทำเรื่องใหญ่สำเร็จแล้ว จากนี้ จะมีการออกกฎกรอบมาดูแลการปลูก การใช้ ซึ่งจะไม่ยุ่งยากวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมา  แต่ขอให้ท่านนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อตัวท่าน กรุณาไม่นำไปใช้ให้เกิดโทษ หลังจากประกาศในราชกิจจาฯ 120 วัน เราจะมีการกำหนดทิศทางการใช้กัญชา การปลูกตามบ้าน จะทำได้ด้วยการจดแจ้ง เป็นการแจ้งเพื่อทราบ ไม่ใช่การอนุญาต จะไม่มีการขัดขวาง ขอเพียงอย่านำไปใช้ในทางที่ผิด

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2565

"ทิพานัน" ชี้นายกฯเยือนซาอุฯ โอกาสดีไทยหลายมิติเป็นผลงานโบว์แดง



เมื่อวันอังคารที่ 25 มกราคม 2565   น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมททอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะมีกำหนดการเยือนซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการในวันที่ 25-26 มกราคม ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ซึ่งกำหนดการเยือนดังกล่าว เป็นการพบกันของระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีต่อกันระหว่าง 2 ประเทศ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดิอาระเบียมีความสำคัญคือ ซาอุดีอาระเบีย เป็นประเทศอาหรับประเทศแรกๆ ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย (1 ตุลาคม 2500) และเป็นตลาดแรงงานที่ใหญ่ที่สุดของไทยในตะวันออกกลาง เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับสองในตะวันออกกลาง ในขณะเดียวกันก็เป็นตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลาม ที่ผู้แสวงบุญชาวไทยต้องเดินทางไปยังเมืองเมกกะห์และมาดีนะทุกปี อีกทั้งปัจจุบันซาอุดิอาระเบีย เดินหน้าปรับภาคการผลิตที่มุ่งการลงทุนที่ไม่ใช่น้ำมัน จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการไทยจะมีโอกาสเข้าไปลงทุนด้วย 

"การเดินทางเยือนดังกล่าวในครั้งนี้ เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอีกชิ้น ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ท่านมีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูสัมพันธไมตรีกับประเทศซาอุดิอาระเบียให้สำเร็จลุล่วงเพื่อผลประโยชน์แก่ประเทศชาติและพี่น้องชาวไทย" น.ส.ทิพานัน กล่าว

"อนุ กมธ.พุทธฯสภาฯ" ชี้ ส.ต.ต. ขับ Big Bike ชน "หมอกระต่าย" บวชไม่ชอบด้วยพระธรรมวินัยและกฎหมาย

 


เมื่อวันอังคารที่ 25 มกราคม 2565  ดร.ณพลเดช มณีลังกา อนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ  สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีตำรวจ ยศ ส.ต.ต. ขับขี่จักรยานยน Big Bike ducati ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่ายเสียชีวิต ระหว่างเดินข้ามทางม้าลายนั้น โดยทราบว่าตำรวจ ยศ ส.ต.ต. พร้อมบิดา เดินทางไปอุปสมบทร่วมกัน ที่พระอุโบสถ วัดปริวาสราชสงคราม ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา จ.กรุงเทพฯ นั้นหากพิจารณาแล้ว การบวชสำหรับ ตำรวจ ยศ ส.ต.ต. นั้นถือไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ด้วยในพระวินัยบัญญัติ ห้ามบุคคล 8 จำพวก มิให้เข้ามาบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา คือ 


 1.ผู้ที่เป็นโรคอันสังคมรังเกียจ เช่น โรคเรื้อน โรคฝี ฯลฯ

 2.ผู้ที่มีอวัยวะในร่างกายไม่สมบูรณ์  เช่น มือ เท้า นิ้ว หู ขาด

 3.ผู้ที่มีอวัยวะไม่สมประกอบ เช่น คนค่อม คนเตี้ยแคระ มือติดกันเป็นแผ่น

 4.ผู้ที่พิกลพิการ เช่นเป็นง่อย คนมีมือเท้าหงิก  และ คนหูหนวก

 5.เป็นคนทุรพล หมายถึง คนที่มีกำลังน้อย ไร้เรี่ยวแรง

 6.เป็นผู้ที่เกี่ยวข้อง หมายถึง คนที่บิดามารดาไม่อนุญาต คนที่มีหนี้สิน เป็นต้น

 7.ผู้ต้องอาญาแผ่นดิน เช่นถูกสั่งหมายโทษไว้

 8.คนที่ประทุษร้ายต่อสังคม เช่น โจรผู้มีชื่อเสียง


สำหรับข้อที่ 7 จะเห็นได้ชัดว่า ตำรวจ ยศ ส.ต.ต. ยังต้องคดีอาญาแผ่นดิน ในข้อหา “ขับรถโดยประมาทและการกระทำนั้น เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย” ควรจะที่จะชำระคดีให้เสร็จสิ้นเสียก่อน จึงค่อยบวช  สำหรับการที่จะอุปสมบทในบวรพระพุทธศาสนาพระคู่วสวดจะถามผู้จะบวชถึงอันตรายิกธรรมคือ เหตุขัดขวางการอุปสมบท 13 อย่าง ซึ่งหนึ่งในั้นคือ  “นะสิ๊ ราชะภะโฏ” แปลว่า “เธอไม่ใช่ข้าราชการที่ยังมีภาระต้องรับผิดชอบ ใช่ไหม” หากผู้บวชตอบไม่ตรงก็จะมีไม่มีการบวชให้ อีกทั้งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2555 แล้ว  ขอลาอุปสมบทของข้าราชการจะอนุมัติการลา ไม่น้อยกว่า 60 วัน และลาได้ไม่เกิน 120 วัน สำหรับกระแสข่าวว่า ตำรวจ ยศ ส.ต.ต. จะบวชโดยไม่กำหนดสึกนั้นจึงถือว่าผิดตามพระธรรมวินัย สำหรับการที่จะเป็นสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนา จะทำให้ประชาชนอันมี อุบาสก อุบาสิกา ได้กราบได้สนิทใจได้อย่างไร 


อนึ่งสำหรับข้อ 14 ของกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2536) กำหนดว่า พระอุปัชฌาย์ต้องงดเว้นการให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนต้องห้ามเหล่านี้ 


 (1) คนทำความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน 

 (2) คนหลบหนีราชการ 

 (3) คนต้องหาในคดีอาญา 

 (4) คนเคยถูกตัดสินจำคุกโดยฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ 

 (5) คนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา 

 (6) คนมีโรคติดต่อเป็นที่น่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตราย 

 (7) คนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้ 


 และในข้อ 16 ของกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 17   วรรคแรก เจ้าอาวาสผู้เป็นพระอุปัชฌาย์จะรับผู้ใดบวช ต้องมีผู้รับรองและให้ผู้รับรองของผู้ นั้นนำผู้จะบวชมามอบตัวพร้อมด้วยใบสมัครและใบรับรองผู้จะบรรพชาอุปสมบทตามความในข้อ 41 ซึ่งจะขอได้จากพระอุปัชฌาย์ ก่อนถึงวันบรรพชาอุปสมบทไม้น้อยกว่า 15 วัน และวรรคสอง ให้เจ้าอาวาสผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ สอบสวนผู้จะมาบวชตามความในข้อ 13 และข้อ 14 ซึ่งปรากฏตามข้อปฏิญญาในใบสมัครขอบรรพชาอุปสมบท และสอบถามผู้รับรองตามข้อรับรองผู้จะบรรพชาอุปสมบท จนเป็นที่เข้าใจถูกต้องตรงกันดีแล้ว จึงรับใบสมัครขอบรรพชาอุปสมบทและใบรับรอง แล้วดำเนินการฝึกซ้อมผู้จะบวชต่อไป

  

 จะเห็นได้ว่าการบวชของ ตำรวจ ยศ ส.ต.ต. อาจไม่ชอบทั้งพระธรรมวินัย ไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยกฎมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นกฎหมายระดับกฎกระทรวง อีกทั้งยังอาจจะไม่ชอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2555 อีกด้วย ตนจึงขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะต้นสังกัด และสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิจารณา


ดร.ณพลเดช ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าในฐานะที่ตนกำลังจะสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.)  ตนขอแบ่งเป็นประเด็นในการแก้ปัญหารถชนจนถึงขั้นประชาชนเสียชีวิตใน กทม. ดังนี้


 1.ปลูกฝังค่านิยมโดยยึดหลัก Pedestrian First (คนเดินเท้าก่อน)

 2.กฎหมายการตัดแต้มนำไปสู่ไม่อนุญาตขับขี่ นำไปสู่การป้องกัน

 3.กฎหมายและผู้บังคับใช้กฎหมายต้องเด็ดขาด

 5.สร้างพื้นฐานของ infrastructure ของเมืองหลวง

 6.การเลือกผู้นำหรือผู้ว่า กทม. ต้องโปร่งใสและเป็นนักพัฒนาตัวจริง


กรณีของหมอกระต่าย ควรเป็นกรณีสุดท้าย ที่จะมีผู้ที่ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายแต่ต้องมาเสียชีวิต สำหรับประเทศไทย การปลูกฝังค่านิยมโดยยึดหลัก Pedestrian First (คนเดินเท้าก่อน) หรือรถต้องให้ความสำคัญผู้ข้ามถนนเป็นอันดับแรก หากเดินทางไปยุโรปหรืออเมริกา เราจะเห็นวัฒนธรรมตั้งแต่การชะลอรถที่เห็นทางม้าลาย รวมถึงแม้เห็นคนรอข้ามทางม้าลายแล้วคนขับโบกมือให้คนรีบข้ามถนน แต่สำหรับเมืองไทยต้องเรียกว่าเราใช้ Pedestrian Last เสียมากกว่า ซึ่งเป็นการกลับตาลปัตร จากเมืองนอกที่นอกจากจะไม่จอดแต่กลับต้องกดแตร เพื่อไล่คนข้ามถนนเสียด้วยซ้ำ


ในอเมริกาในบางรัฐหากไม่จอดให้คนข้ามถนน จะต้องถูกหัก 2 แต้ม (10 แต้มยึดใบขับขี่และไม่สามารถขับรถได้อีกต่อไป) รวมทั้งต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน 200 USD หรือประมาณ 6,600 บาทไทย และต้องขึ้นศาลอีกทั้งต้องมาทำความดีให้สังคมอีก 15 วัน ซึ่งถือว่าเป็นความยุ่งยากที่ลำบากมาก สำหรับบางกรณีที่มีการชนทำให้ผู้บาดเจ็บต้องรักษาตัว ศาลอาจสั่งให้ผู้ที่ชนรับผิดชอบต่อผู้ที่ถูกชนจนกระทั่งอยู่ในภาวะที่ปกติ จากที่ตนเคยได้ยินจากเพื่อนชาวอเมริกาเล่าให้ฟังว่า มีอยู่รายหนึ่งที่ชนคนข้ามทางม้าลายบาดเจ็บ ต้องหมดเงินมากกว่า 10 ล้านบาท เพราะต้องชดใช้ทั้งค่าแพทย์ ทั้งค่าดูแล ป่วยแล้วป่วยอีกไม่หายสักที ทำให้เหตุการณ์แบบนี้ถูกเล่าปากต่อปาก แม้เราไปขับรถที่อเมริกาเราก็ต้องระวังอย่างมากเมื่อเห็นทางม้าลาย หรือพบเห็นคนกำลังข้ามถนน แต่กลับกันตนเพิ่งกลับมาจากเกาะสมุย ได้เห็นคนไทยที่ขับรถผิดกฎหมายไม่สวมหมวกกันน็อค แม้กระทั่งฝรั่งที่มาบ้านเราที่บ้านเขาทำถูกกฎหมายตลอด แต่มาบ้านเราเขาก็กระทำผิดกฎหมายเช่นเดียวกับคนไทยด้วยเพราะกฎหมายบ้านเราที่ไม่มีบทลงโทษและการบังคับใช้กฎหมายที่หนัก


จากกฎ Pedestrian First นำไปสู่การกำหนดโทษกฎหมายบนท้องถนนที่รุนแรงและเด็ดขาด แต่สำหรับบ้านเราใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 เป็นยาครอบจักรวาล ที่ว่า “ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” จำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งทุกกรณีเข้าข่ายนี้หมด อีกทั้งระบบกฎหมายเราเป็นระบบ Civil Law จึงไม่มีคำตัดสินที่กลายเป็นบทบัญญัติกฎหมายแบบ Common law นำไปสู่ผู้บังคับใช้กฎหมายมีมาตรฐานที่แตกต่างกัน เราจึงได้เห็นยายเก็บเห็ดมีโทษถึงคุก แต่กรณีตำรวจชนหมอกระต่าย เสียชีวิตไม่ต้องวางเงินประกันตัวก็ยังสามารถทำได้ สำหรับอเมริกาในระดับเมือง เขาจะมีหน่วยงานตำรวจของตนเอง เรียกว่า Police Department ตัวย่อ PD เช่น LAPD, NYPD ซึ่งขึ้นกับผู้ว่าการรัฐ หรือนายกเทศมนตรี Mayor ในเมืองนั้นๆ ทำให้มีการบริหารจัดการที่ตรงกับเป้าหมายและปัญหามากขึ้น ซึ่งบางส่วนไม่มียศและ Mayor สามารถเปลี่ยนตำรวจได้ หรือไม่หมดวาระก็สามารถเปลี่ยนตำรวจได้เช่นกัน ทำให้ตำรวจต้องเคร่งครัดในหน้าที่และไม่ทำตนเองให้ผิดกฎหมาย จนไปถึงขั้น “กินสินบาทคาดสินบน”


สำหรับเมืองหลวงอย่าง กรุงเทพฯ เรายังขาดการวาง infrastructure ของเมืองหลวงที่มีมาตรฐาน จะเห็นป้ายห้ามจอด คือสามารถจอดได้ บางครั้งสายไฟจะพันป้ายสัญญาณจราจร ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแล ทางม้าลายบางที่สีซีดเกือบมองไม่เห็นแล้ว แม้ท่อน้ำดับเพลิงที่อยู่ข้างถนนเพื่อป้องกันเหตุเพลิงไหม้ ก็พร้อมที่จะมีคนนำรถไปเทียบ หากเป็นต่างประเทศต้องถูกปรับแล้ว อีกทั้งทางเท้าสำหรับคนพิการ เราแทบไม่เห็นความสำคัญเลย สำหรับเมืองไทยเราได้ผู้ว่ามาจาก ม.44 มานานแล้ว การเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ในระยะเวลาอันใกล้นี้จำต้องมีผู้ว่า กทม. ที่มีความโปร่งใส และเป็นคนทำงานจริงๆ จะทำให้ กทม.เปลี่ยนแปลงและส่งผลไปในระดับประเทศได้

“25 มกรา ชี้ชะตากัญชาไทย” ร้อน 3 หัวหอก แพทย์ทางเลือก-แผนปัจจุบัน แนะรัฐควรควบคุมเฉพาะส่วนที่ให้สารสำคัญ


“25 มกรา ชี้ชะตากัญชาไทย” ร้อน 3 หัวหอก แพทย์ทางเลือก-แผนปัจจุบัน ชี้ประชาชนต้องได้ประโยชน์จากกัญชา รัฐควรปลดล็อกออกจากยาเสพติด ควบคุมเฉพาะส่วนที่ให้สารสำคัญ ยันพรุ่งนี้ต้องผ่าน.

เมื่อเวลา 13.00 น. วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565  ที่ศูนย์นวัตกรรมและความรู้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญชบุรี ชั้น 7 เขตจตุจักร สำนักข่าว GANJA TV จัดให้มีการเสวนา หัวข้อ “25 มกรา ชี้ชะตากัญชาไทย” โดยมีภก.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นพ.เทวัญ ธานีรัตน์ ผู้อำนวยการกองเเพทย์ทางเลือก กรมการเเพทย์เเผนไทยเเละการเเพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข และนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ร่วมเสวนา

 

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระบบสมอง ดูแลผู้ป่วยหลายโรค หลายอาการ พบว่ายาแผนปัจจุบันยังตอบโจทย์ไม่ได้ทั้งหมด เพราะมีข้อจำกัดต้องใช้ยาหลายชนิด เกิดผลข้างเคียงมาก ทั้งยายังทำปฏิกิริยาด้วยกันเอง หากัญชาเข้าถึงครัวเรือน ชุมชน จะช่วยให้คนในชุมชนสามารถดูแลตนเองได้ เพียงแค่เรียนรู้วิธีใช้ในครัวเรือนเพื่อรักษาสุขภาพ ความเข้าใจผิดเรื่องการใช้กัญชาแล้วทำลายระบบสมอง ตับ หรือไต แท้จริงแล้วขึ้นอยู่กับวิธีการนำไปใช้เป็นยาให้ถูกต้อง

 

ภก.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทำงานด้านการเก็บระบบข้อมูลสมุนไพรมาโดยตลอด กัญชา เป็นหนึ่งในสมุนไพร และเป็นวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ที่ในอดีตนำมาใช้เพื่อการรักษา หากปัจจุบันประโยชน์ของกัญชาช่วยเรื่องการรักษาในทางการแพทย์ ดังนั้น หากกัญชายังถูกกำหนดไว้เป็นสารเสพติด การนำมาใช้จะยากยิ่ง และไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นว่า กัญชา เป็นพืชเศรษฐกิจตัวหนึ่ง ที่ประชาชนสามารถปลูกเพื่อสร้างรายได้ ก็จะถูกปิดกั้นโอกาสสร้างรายได้ ข้อมูลที่มีมาก่อนหน้านี้ คือ โอกาสติดกัญชามีน้อยกว่าเหล้า บุหรี่ ดังนั้น หากต้องควบคุมก็ควบคุมเฉพาะส่วนที่มีสามารถนำไปสกัดเป็นสารเสพติดก็พอ

 

“ดิฉันรวบรวมตำรับการใช้กัญชาเพื่อรักษา มี 241 ตำรับ ใน 21 กลุ่มอาการ กระท่อมมี 75 ตำรับ ใช้ในโรคบิด โรคเบาหวาน และกลุ่มโรคที่เกี่ยวกับกำลัง เห็นได้ชัดว่าเกิดประโยชน์มากหากรู้จักวิธีใช้ เราควรนำภูมิปัญญาดั้งเดิมมาพัฒนา เช่นกรณีผู้ป่วยที่เป็นต้อหิน ใช้กัญชาในการรักษา ช่วยลดความดัน ลดอาการต้อหินลงได้ หากเราสามารถฟื้นฟูองค์ความรู้ดั้งเดิม นำมาเชื่อมโยงให้สอดคล้องกับการศึกษาสมัยใหม่ จะทำให้ประชาชนเข้าถึงกัญชาได้ง่ายขึ้น และเกิดนวัตกรรมใหม่ ราก ต้น ใบ ดอก ใช้ได้เกือบทุกส่วน ฉะนั้น หากเราปลดกัญชาออกจากยาเสพติดได้ เราจะเป็นมหาอำนาจด้านกัญชาในทุกเรื่อง เปรียบเสมือนแม็กเน็ตดึงให้คนทั้งโลกหันมาดูวิถีกัญชาของเรา โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นว่ามีเหตุผลอย่างไรที่จะไม่ปลดกัญชาออกจากยาเสพติด”

 

เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวอีกว่า หากพรุ่งนี้ (วันที่ 25 มกราคม) มีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดได้ จะทำให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากสมุนไพรชนิดหนึ่ง กระแสความต้องการของประชาชนไม่มีใครขวางได้ หากเราทำให้ความต้องการของประชาชนได้รับการตอบสนอง ก็จะนำไปสู่การพัฒนาเพื่อการใช้ประโยชน์ และมองว่าเป็นทางออกทางเดียวที่ช่วยให้เกิดการคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม หากพรุ่งนี้ (25 มกราคม) ยังไม่ผ่านความเห็นชอบ ก็เชื่อว่าจะต้องผ่านในสักวัน 

 

ด้าน น.พ.เทวัญ แสดงความเห็นว่า ตั้งแต่เติบโตมามีญาติที่รู้จักทั้งฝ่ายพ่อและแม่ติดสารเสพติดที่เรียกว่า เฮโรอีน เสพเกินขนาดสุดท้ายก็เสียชีวิต ส่วนญาติอีกท่านเสพกัญชา ถึงปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ เคยมีข้อมูลที่เทียบสารซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท พบว่า กัญชา มีสารที่อันตรายร้ายแรงน้อยกว่าสารในเฮโรอีน เหล้า ยาสูบ เสียอีก หากจะกล่าวให้ถูกจุดก็คือ กัญชามีสาร THC ซึ่งให้ฤทธิ์ที่หลายคนกังวล และสารนี้มีที่ช่อดอก ฉะนั้นควรควบคุมเฉพาะส่วนในการนำไปใช้จะดีกว่า 

ช่วงที่ผ่านมา มีการเก็บข้อมูลว่าผู้ที่ติดเหล้า แล้วเหล้าถูกกำหนดห้ามขายช่วงโควิด-19 ระบาด พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการติดเหล้าจำนวนหนึ่ง แต่กัญชาหากไม่เสพ จะเกิดอาการนอนไม่หลับ ปวดเนื้อปวดตัว เท่านั้น ไม่ถึงกับตาย ในอดีตมีตำรับยาแผนไทยแผนหนึ่งใช้สำหรับเลิกฝิ่น วัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบตำรับยาแผนนี้ คือ กัญชาและกระท่อมอย่างละครึ่ง จึงมองกัญชาและกระท่อมในมุมของการรักษาที่ให้ผลดีมากกว่าผลเสีย หากต้องการควบคุมควรคุมเฉพาะส่วนที่มีสารเท่านั้น ไม่ควรควบคุมทั้งต้น เพื่อให้ประชาชนได้ปลูกไว้ดูแลตนเอง ยกเว้นกรณีผู้ที่ต้องการปลูกเชิงพาณิชย์ ควรให้ขออนุญาตเพื่อควบคุมการผลิต

 

สำหรับนายศุภชัย ระบุว่า มั่นใจว่านโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่หารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ตั้งแต่หลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา เรื่องการให้ประชาชนได้ประโยชน์จากกัญชา นำไปใช้ในทางการแพทย์ และเป็นพืชเศรษฐกิจ จะสามารถสำเร็จได้ และมั่นใจว่าจะสำเร็จครบถ้วนภายในรัฐสภาชุดนี้ ซึ่งร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดขณะนั้น ไม่มีคำว่ากัญชากำหนดอยู่ด้วย หมายความว่า กัญชา ไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดว่าเห็นชอบด้วยหรือไม่

.

“การเสนอให้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดนี้ ไม่ใช่เรื่องฉาบฉวย เพราะพรรคภูมิใจไทย มองถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เริ่มศึกษาอย่างครอบคลุมเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งเราจะแยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มครัวเรือนไม่ต้องขออนุญาต เพียงแค่แจ้งผู้นำชุมชน หัวหน้าหมู่บ้าน หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่าเราปลูก ที่ไหน อย่างไร เป็นลักษณะของการจดแจ้งก็พอ ส่วนกลุ่มที่ต้องการปลูกเชิงพาณิชย์ชัดเจนว่า ต้องขออนุญาตปลูก”

 

นายศุภชัย ระบุด้วยว่า ตนมั่นใจว่านายกรัฐมนตรี ไม่เปลี่ยนความคิด ส่วนรัฐมนตรีที่กำกับดูแลป.ป.ส. หากเห็นว่า กฎหมายระหว่างประเทศมีความสำคัญกว่ากฎหมายของประเทศไทย ขอให้กลับไปคิดใหม่ ควรยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด เพียงแต่ต้องควบคุมดูแลโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.... ที่เสนอ เท่านั้น


"อนุทิน" สั่ง อย.ออก พ.ร.บ.กัญชา กัญชง กำหนดวิธีใช้ รับคลายล็อก


ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในการผลักดันนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ และทางเศรษฐกิจ ว่า  ได้เดินไปตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ ทำตามเสียงทักท้วง เพื่อให้คนไทย ได้ใช้ประโยชน์จากกัญชา และกัญชง อย่างเต็มที่ ล่าสุด คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดแห่งชาติ ได้อนุมัติประกาศระบุชื่อยาเสพติด(ยส.5) ที่ไม่มีชื่อกัญชาอยู่ในประกาศ โดยในประกาศระบุว่า มีเพียง "สารสกัด" จากกัญชาที่มี THC เกิน 0.2% เท่านั้น ที่ยังเป็นยาเสพติด ขณะที่ส่วนอื่นๆ ปลดออกมาหมดแล้ว ให้ประชาชนเข้าถึงง่ายขึ้น 


ปัจจุบันได้ให้ เลขาธิการ อย.ยกร่าง พระราชบัญญัติพืชกัญชาและกัญชง ต้องทำให้ชัดเจนในเรื่องของการใช้ประโยชน์ ส่วนไหนต้องจดแจ้ง ส่วนไหนต้องขออนุญาต อย่าลืมว่า เรื่องของกัญชาเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล จะช้าไม่ได้ ที่สำคัญ นโยบายนี้ เป็นประโยชน์กับประชาชนแน่นอน เราคัดเอาส่วนดีมาใช้ เพื่อการรักษาคน เพื่อเป็นโอกาสทำมาหากิน ส่วนในเรื่องการใช้เพื่อสันทนาการ ต้องขอพิจารณาให้รอบคอบที่สุด

"ปรเมศวร์" ชี้นักกม.ไทยยังเลือกปฏิบัติ แนะยกระดับภาพลักษณ์ ตร. นำองคุลีมาลโมเดลคืนคนดีสู่สังคม



วันที่ ๒๔  มกราคม ๒๕๖๕ พระปราโมทย์ วาทโกวิโท,ดร. อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เลขานุการศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มจร ผู้แทนกลุ่มการเวกสรุปการเรียนรู้การสัมมนาวิชาการ นักศึกษาหลักสูตรการบริหารงานยุติธรรมระดับกลาง รุ่น ๑๗ กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า  เวลา ๐๙.๐๐-๑๒.๐๐ น. นักศึกษาผู้เข้ารับการฝึกอบรม “หลักสูตรการบริหารงานยุติธรรมระดับกลาง” รุ่น ๑๗  มีการจัดเวทีสัมมนาวิชาการ หัวข้อ “แนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพผู้บังคับใช้กฎหมาย” ณ สถาบันพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ผ่านออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งมีพิธีกรโดย นางสาวทัศนวรรณ จุลละศร เจ้าหน้าที่ศาลปกครองชำนาญการพิเศษ สำนักงานศาลปกครอง และผู้ดำเนินรายการสัมมนาวิชาการโดย ว่าที่ร้อยตรี พรินทร์ เพ็งสุวรรณ นักวิชาการยุติธรรมชำนาญการพิเศษ สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม โดยตั้งคำถามถึงผู้ทรงคุณวุฒิว่าเรามีปัญหา อุปสรรคอย่างไรในการใช้บังคับกฎหมายในปัจจุบัน โดยมีวิทยากรผู้ทรงวุฒิแลกเปลี่ยนประกอบด้วย  

๑) พลตำรวจตรี มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปรามกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวประเด็นสำคัญว่า มองว่าตำรวจเป็นต้นทางกระบวนการยุติธรรมในกรณีอาญาตำรวจจะเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายในกรณีคดีต่างๆ เช่น ฆาตกรต่อเนื่องมีการฆาตกรรมต่อเนื่องจำนวน ๕ ศพ สุดท้ายศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งฆ่าคน ๕ คน สุดท้ายพ้นโทษออกมาแล้วมาฆาตกรรมคนที่ ๖ ทำให้ศาลชั้นต้นลงโทษประหารชีวิต สิ่งที่เป็นคำถามว่าเมื่อพ้นโทษออกมาจะมีศพที่ ๗ หรือไม่อย่างไร แนวทางการบังคับใช้กฎหมายจะเป็นอย่างไร รวมถึงคดีเกี่ยวกับลักทรัพย์นายจ้างซึ่งความเสียหายมหาศาล จำนวน ๘,๐๐๐ ล้าน โดยจำคุกเพียง ๑๐ ปี และการซื้อขายของออนไลน์เป็นการเข้าถึงประชาชนที่ง่ายที่สุดมีการหลอกขายเสื้อผ้ามีการจำคุก ๖ เดือน มีคนจำนวนมากไม่ได้แจ้งความ แม้แต่ประเด็นการหลอกใช้ฉลากที่ราคาถูกกว่าท้องตลาด โดยเป็นการตัวอย่างจากกรณีตัวอย่างจริงในสังคมไทย แต่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมายคือ ความสงบสุขของสังคม แต่ถ้ามีการทำผิดพลาดเข้าไปอยู่ในคุก จะต้องสามารถพึ่งตนเองได้มีสัมมาอาชีพได้ ซึ่งผู้พ้นโทษสังคมอาจไม่มีความไว้วางใจ จึงต้องมีการออกเพื่อมีแนวทางในการประกอบอาชีพที่เป็นสัมมาชีพ  ประเด็นการถูกหลอกลวงในโลกของออนไลน์เพราะ “ความกลัวและความโลภ” ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ จึงต้องสร้างการตระหนักในการดำเนินชีวิต     


๒) นายปรเมศวร์ อินทรชุมชน อธิบดีอัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวประเด็นสำคัญว่า เราต้องมองทุกมิติเพราะที่ผ่านมาสังคมปัจจุบันผิดปกติ จึงมีคำว่า“ความล้าช้าคือความไม่ยุติธรรม” เราจึงต้องมีสื่อสารความจริงกันมีความชัดเจน ซึ่งระบบกฎหมายกำลังเสียหาย “หลักการไม่มีการต่อรอง” หมายถึง กฎหมายต้องบังคับใช้อย่างยุติธรรม ซึ่งภาษากฎหมายจะต้องมีแปลความหมายไม่ใช่ว่าใครอ่านจะเข้าใจ จะต้องมาตีความหมายไม่ตรงกับพจนานุกรม ทำให้มีการแปลกฎหมายไปคนละทิศละทาง โดยนักกฎหมายจะต้องทำความเข้าใจกฎหมายอย่างถ่องแท้ นักฎหมายมีความอ่อนล้าต้องไม่เป็นม้าลำปาง หลักการของกฎหมายมีความชัดเจน แต่ปัจจุบันเราเห็นนักกฎหมายออกมาสื่อสารในสื่อออนไลน์จำนวนมาก การเลือกปฏิบัติในสังคมไทยยังชัดเจนเพราะเรามีศักดิดา โดยนักกฎหมายจะต้องตัดสินคดีโดยปราศจากอคติ ๔ ในทางพระพุทธศาสนา อย่าตัดสินเพราะกลัว เพราะความโกรธ เป็นต้น เราจึงมองเห็นปัญหาของการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทย จึงต้องยกระดับภาพลักษณ์ตำรวจในการทำงานด้านยุติธรรม ประเด็นคุกในต่างประเทศมีการนำเอกชนมาบริหารอย่างชัดเจนคือ คุกเอกชน ในประเด็น “พักการลงโทษ” พยายามมุ่งทำตามเกณฑ์แต่ออกมาทำผิดพลาดซ้ำ การบังคับคนการลงโทษคนเป็นอย่างไร ทำให้นึกถึงกรณี “คืนคนดีสู่สังคม” คำถามว่าเราคืนคนดีสู่สังคมได้จริงหรือไม่อย่างไร จึงต้องไปใช้แนวคิดทฤษฎีด้านพุทธศาสตร์คือ “องคุลีมาลโมเดล”

นายปรเมศวร์ กล่าวย้ำว่า สถาบันอุดมศึกษาจะต้องสอนเรื่องการตีความของกฎหมาย       

๓) นายจิรสวัสดิ์  สุรฤทธิ์ธำรง  ตุลาการศาลปกครองกลาง กล่าวประเด็นสำคัญว่า กระบวนการในการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพจะต้องใช้หลักของการตีความ กฎหมายเป็นเครื่องมือของการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม ผู้ร่างกฎหมายมีวัตถุประสงค์อย่างไร ปัจจุบันกฎหมายมีจำนวนมากมายในบ้านเมืองไทย ทำให้เราศึกษาไม่หมดเพราะกฎหมายจำนวนมาก จึงต้องศึกษาเฉพาะเรื่องมีการตีความเฉพาะเรื่อง ประเด็นการร่างกฎหมาย การตีความกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย ในส่วนของกฎหมายความรุนแรงในครอบครัวถือว่าเป็นหน้าที่ ถ้ามีการเห็นการกระทำความรุนแรงจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ ในรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ มีกระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง ทางอาญา และทางปกครอง โดยมองประเด็นการทำแท้งในสหรัฐอเมริกามีกฎหมายที่แตกต่างกันในประเด็นการทำแท้ง การร่างกฎหมายและการบังคับใชกฎหมายจึงต้องตระหนัก ประเด็นการใช้กฎหมายจะต้องตระหนักในการวินิจฉัยในภาษาของกฎหมาย “นักกฎหมายตีความต่างกัน” เช่น ตั้งแต่ และ นับแต่ มีการตีความต่างกัน โดยตั้งแต่ใช้วันนี้ นับแต่ใช้วันถัดไป “นักกฎหมายมีความเป็นเอกภาพในการเข้าใจกฎหมายไปในทิศทางเดียวกัน” ซึ่งปัญหาภาษากฎหมายประชาชนเข้าใจยากอ่านแล้วต้องตีความ ทำให้มีการตีความต่างกัน แม้แต่นักกฎหมายยังมีตีความแตกต่างกันเพราะภาษาของกฎหมายอ่านแล้วต้องมาตีความนำไปสู่การตีความแตกต่างกัน แต่หลักการที่สำคัญจะต้องไม่เลือกปฏิบัติ มีความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย

โดยในมุมส่วนตัวผ่านการบูรณาการในการบังคับใช้กฎหมายมองผ่านแนวคิดในทางพุทธสันติวิธี จะต้อง “เคารพในความเป็นมนุษย์ ไม่เลือกปฏิบัติ ก้าวข้ามระบบวรรณะศักดินา  มีความเสมอภาค มีความยุติธรรม และมีความสุจริตมีธรรมาภิบาลเป็นฐาน” ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใครถ้าทำผิดควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน บังคับในการลงโทษหรือมิติใดก็ตามเพื่อให้คนกระทำผิดเกิดความสำนึกผิด ไม่กระทำผิดซ้ำ เพราะผิดมากผิดน้อยนั่นคือความผิด แต่ผิดแล้วสำนึกผิดหรือไม่อย่างไร แต่เราได้ยินบ่อยว่า “คุกมีไว้ขังคนจนเท่านั้น” ถ้าไม่ต้องการให้ใครมาบังคับต้องป้องกันตนเองและสังคมไม่ให้กระทำผิด ด้วยสังวรปธาน เพียรป้องกันการกระทำผิด โดยยึดมั่นในหลักพื้นฐานของพื้นฐานการเป็นมนุษย์คือ ศีล ๕ ด้วยการไม่ไปละเมิด ๕ ประการ ผ่านการเคารพในชีวิตของผู้อื่น เคารพทรัพย์สินของผู้อื่น เคารพในครอบครัวของผู้อื่น  เคารพในสังคมและการใช้การสื่อสารของผู้อื่น  และเคารพในสุขภาพตนเองและผู้อื่น  แท้จริงถ้าทุกคนเคารพกฎหมายบ้านเมืองจะเกิดสันติสุขแต่กฎหมายจะต้องร่างขึ้นมาเพื่อมนุษย์ทุกคนมิใช่เพื่อพวกพ้องของตนเองหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น  โดยตระหนักการป้องกันในมิติต่างๆ มากกว่าการลงโทษซึ่งเป็นปลายเหตุของการกระทำผิด เพราะการกระทำผิดอาจจะมาจากสาเหตุทางเศรษฐกิจปากท้อง ระบบความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม รวมถึงการขาดสติขาดการยับยั้งช่างใจ         

"สนธิรัตน์" ยันนำสร้างโรงไฟฟ้าชุมชน เป็นนโยบาย "สร้างอนาคตไทย" แนวพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

 


วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย  พร้อมด้วย นายสุพล ฟองงาม อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ และนายวัชระ กรรณิการ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย พบปะผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าชุมชน ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนปลูกพืชพลังงาน เผยพร้อมผลักดันเป็นหนึ่งนโยบายพรรค สานต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ชี้ระบบเศรษฐกิจที่แข็งแรง ต้องสร้างฐานรากให้เข้มแข็ง


นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เป็นหนึ่งในนโยบายที่ได้ขับเคลื่อนในสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ด้วยแนวคิด Energy For All เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงพลังงานทั้งการมีพลังงานใช้ และเป็นได้ทั้งเจ้าของธุรกิจพลังงาน ลบภาพกลุ่มทุนผูกขาดธุรกิจพลังงาน การมาพบปะกลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าชุมชน และตัวแทนวิสาหกิจชุมชนปลูกพืชพลังงานในครั้งนี้ เพื่อเป็นการติดตามความก้าวหน้าของนโยบายที่ทางกระทรวงพลังงานได้สานต่อ พร้อมรับฟังความคิดเห็น ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการ เพื่อนำไปกลั่นกรองเป็นข้อมูลในการกำหนดเป็นนโยบายพรรคสร้างอนาคตไทยที่เป็นรูปธรรม เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทุกคนอย่างแท้จริง

"โดยวันนี้ ได้รับการต้อนรับจากกลุ่มบริษัท ศรีโคตรบูรณ์ BCG โดยคุณวิชวินท์ ศรีสุชัยจันทร์ และคุณสายทิพย์ แสงสิงห์แก้ว บริษัท ไบโอ-แพลนท์ส รอว์ แม็ททีเรียล จำกัด ซึ่งดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนในจังหวัดนครพนมซึ่งได้รับมอบหมายให้บริหารจัดการด้านเชื้อเพลิงร่วมกับชุมชนและการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมีสถานะเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อสังคม ทั้งนี้ได้นำร่องปลูกพืชพลังงานร่วมกับชุมชน  4 แห่ง ได้แก่ อำเภอเมือง นาทม ท่าอุเทน และธาตุพนม โดยถือเป็นโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนที่ตรงตามนโยบายภายใต้แนวคิด Energy For All ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดนครพนม 4 แห่ง กว่า 800 ครัวเรือน จากการขายเชื้อเพลิงพืชพลังงานประมาณ 25-30 ล้านบาทต่อปี ได้รับหุ้นจากโรงไฟฟ้า 10% ซึ่งจะได้ส่วนแบ่งผลประกอบการตามสัดส่วนหุ้น 4% ทุกปี คิดเป็นรายได้สู่ชุมชนประมาณ 0.6-1 ล้านบาทต่อปี รวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีเกษตรกรดั้งเดิมไปสู่การเป็น Smart Farmer และ Human Capital เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพในพื้นที่ ซึ่งในอนาคตจะมีการสร้างเป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อต่อยอดไปสู่ชุมชนในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศต่อไป" นายสนธิรัตน์ กล่าวและว่า 

“โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เป็นนโยบายที่ผมได้ริเริ่มไว้เมื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตั้งใจให้เป็นโครงการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้กับพี่น้องประชาชน วันนี้มาติดตามดูผลของการเกิดโรงไฟฟ้าชุมชนว่าโครงการสามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในการปลูกพืชพลังงาน ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างรายได้จากการปลูกพืชพลังงานแต่ยังขยายผลจากการนำพืชพลังงานไปสร้างรายได้เพิ่ม ซึ่งจะเห็นว่ามีความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เช่น กรมปศุสัตว์ และ NIA ที่มีการนำหญ้าเนเปียร์มาพัฒนาเป็นอาหารสัตว์ มีการนำมูลสัตว์มาผสมกับหญ้าแล้วอบแห้งเป็นปุ๋ย หรือแม้แต่หญ้าเนเปียร์ที่แก่ เป็นอาหารสัตว์ไม่ได้ก็นำไปทำเป็นถ่านที่เรียกว่าไบโอชาร์ใช้ในการปรับปรุงดินแทนสารเคมี ซึ่งผมก็มาดูในสิ่งที่ผมได้ริเริ่มเอาไว้ และจะนำสิ่งเหล่านี้ไปเป็นแนวทางในการทำเป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงต่อไป เพราะโครงการนี้จะเป็นโครงการที่สร้างความยั่งยืนให้พี่น้องประชาชนฐานรากตามเป้าหมายโครงการ ก่อเกิดวิสาหกิจชุมชน ก่อเกิดความร่วมมือของเกษตรกร ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า และภาครัฐที่เข้ามาร่วมกันได้ ที่สำคัญยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย 

กรมพัฒน์ ร่วม NECTEC ดันแผนพัฒนาแรงงานด้าน AI เป้า 3 ปี 10,000 คน

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ดันแผนพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ เป้าหมาย 10,000 คน ในระยะ...