วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พช.บึงกาฬอบรมแกนนำขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง หลักสูตรเพิ่มทักษะ "โคก หนอง นา"



 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ที่ห้องประชุมฟาร์มตัวอย่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง บ้านห้วยหินลาด ตำบลบึงโขงหลง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ นายอดุลย์ ดีอ้อม พัฒนาการจังหวัดบึงกาฬ มอบหมายให้นายดอกดิน ต้อมทอง ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วยนักวิชาการพัฒนาชุมชน ดำเนินการจัดโครงการอบรมแกนนำขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง

หลักสูตรเพิ่มทักษะระยะสั้น การพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง รูปแบบ "โคก หนอง นา" ณ ห้องประชุมฟาร์มตัวอย่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง บ้านห้วยหินลาด ตำบลบึงโขงหลง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ดำเนินการระหว่างวันที่ 4 - 8 ธันวาคม 2566 จำนวน 5 วัน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดผู้นำพัฒนา (Change Leader) ที่อยู่ในชุมชน และนำการพัฒนาให้สอดคล้องกับบริบทชุมชน และนำไปสู่สิ่งที่ชุมชนต้องการ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วม จำนวน 33 คน จากพื้นที่ 7 อำเภอ ชาย 25 คน หญิง 8 คน

กิจกรรมในวันที่ 3 ของการอบรมฯ ประกอบด้วย  1. การบรรยายฐานเรียนรู้ สู่เศรษฐกิจพอเพียง 6 ฐานการเรียนรู้ ประกอบด้วย ดิน น้ำ ถ่าน น้ำหมักชีวภาพ คันนาทองคำ แซนด์วิชปลา 2. แบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติเรียนรู้ฐานการเรียนรู้ สู่เศรษฐกิจพอเพียง 6 ฐานการเรียนรู้  3. เอามื้อสามัคคี “ย่ำฟาง” เพื่อเตรียมการเพาะปลูกในทุ่งนา โดยช่วยให้จุลินทรีย์ย่อยสลายฟางให้เปื่อยยุ่ย 

4. กิจกรรมถอดบทเรียนประจำวัน 5. การทำกิจกรรมหน้าเสาธง

ข้อมูลข่าวและที่มา https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231207150921974


ปิดการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานประจำปี ๒๕๖๖ นิสิตวิทยาลัยพุทธศาสตรนานาชาติและหลักสูตรสันติศึกษา "มจร"



วันที่ ๗  ธันวาคม ๒๕๖๖  ที่ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน  อำเภอเขาค้อ   จังหวัดเพชรบูรณ์  พระเมธีวัชรบัณฑิต ศ.ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตรนานาชาติ และผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) พระวิปัสสนาจารย์ เป็นประธานกล่าวให้โอวาทและปิดการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานประจำปี ๒๕๖๖ ณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์  โดยมุ่งให้มวลนิสิตจงเอาธรรมลงไปทำในรูปนามของตนเอง โดยจะต้องปฏิบัติเพื่อเข้าสู่ปริญญาของชีวิตให้ได้  ซึ่งคำว่าปริญญามองว่า "ปริญญาปริยัติเป็นการรอบรู้ เป็นความรู้ภายนอก  แต่ปริญญาปฏิบัติเป็นการรู้รอบ เป็นความรู้ภายใน การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจะทำให้เรารู้ภายในของตนเอง

จงย้ำว่า การมาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานถือว่ามีความยาก พวกเรานับว่าโชคดีมากในชีวิตมีโอกาสมาปฏิบัติ  โดยเข้าใจอริยสัจชีวิต ประกอบด้วย  ทุกข์  สมุทัย นิโรธ มรรค อย่างลึกซึ้ง  โดยย้ำว่าขอให้ทุกท่านอย่าทิ้งการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ให้ปฏิบัติจนเป็นวิถีชีวิต กระตุ้นให้คนรอบข้างได้ปฏิบัติ และในอนาคตมีการตั้งสำนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพื่อให้ผู้คนมาปฏิบัติเป็นวิถีชีวิต

พระปราโมทย์  วาทโกวิโท, ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา ระดับปริญญาโท  มจร  กล่าวว่า จึงขออนุโมทนาบุญกับนิสิตระดับปริญญาโทและระดับปริญญาเอก หลักสูตรสันติศึกษา มจร  ทุกรูปท่านในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจำนวน ๑๕ วัน ซึ่งเป็นฐานของการสร้างสันติภายในเริ่มด้วยความสงบจบด้วยความฉลาด โดยอาศัยกรอบของสติปัฏฐาน ๔ มุ่งกาย เวทนา จิต  ธรรม  โดยมุ่งพัฒนาด้านกายภาพ พฤติภาพ  จิตตภาพ และปัญญาภาพ      


"สุวัจน์" มอบรูปหล่อคุณย่าโมรุ่นโคราช 555 ปี และหลวงพ่อคูนรุ่นยอดธง "แอนโทเนีย โพซิ้ว"



"สุวัจน์"  ยินดี "แอนโทเนีย โพซิ้ว"   มอบรูปหล่อคุณย่าโม รุ่นโคราช 555 ปีและหลวงพ่อคูน รุ่นยอดธง พร้อมขอให้ช่วยประชาสัมพันธ์วัฒนธรรม Soft Power และการท่องเที่ยวไทยเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ให้การต้อนรับ แอนโทเนีย โพซิ้ว รองอันดับ 1 Miss Universe 2023 และ คุณปุ้ย- ปิยาภรณ์ แสนโกศิก กรรมการผู้จัดการบริษัททีพีเอ็น โกลบอล จำกัด (TPN Global) ที่บ้านพัก ถนนราชวิถี 

นายสุวัจน์ กล่าวแสดงความยินดีและขอบคุณแอนโทเนีย ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย  และเป็นความสุข ภาคภูมิใจของชาวโคราช ในฐานะที่แอนโทเนียเป็นหลานย่าโมที่ได้รับตำแหน่งในปีที่โคราชครบรอบ 555 ปีพอดี โดยนายสุวัจน์ได้มอบรูปหล่อคุณย่าโม ที่สร้างในโอกาสที่โคราชมีอายุครบ 555 ปี และมอบพระยอดธง รุ่น 9 ของหลวงพ่อคูณ จัดทำขึ้นในโอกาส ครบรอบวันเกิด 90 ปี โดยหลวงพ่อคูณปลุกเสกเอง  ให้กับแอนโทเนียและคุณปิยาภรณ์  เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำหน้าที่รองอันดับ 1 Miss Universe 2023 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้เศรษฐกิจบ้านเราต้องอาศัยเรื่องวัฒนธรรม เรื่องการท่องเที่ยว เรื่องอาหาร เรื่องการแสดงโชว์มวยไทย ชมโขน ชมละคร อันนี้คือ เสน่ห์ของซอฟท์พาวเวอร์ของคนไทย  เรามีผู้แทนการค้าเศรษฐกิจแล้ว แอนโทเนีย ก็สามารถจะเป็นตัวแทนในการเผยแพร่ด้านวัฒนธรรมและซอฟท์พาวเวอร์ได้ จึงขอให้แอนโทเนียช่วยประเทศชาติด้วยการเป็นพรีเซนเตอร์ด้านวัฒนธรรมและซอฟท์พาวเวอร์ เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทยให้ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก เพราะแอนโทเนียจะต้องเดินทางไปทำภารกิจอีกในหลาย ๆ ประเทศ ตนเชื่อมั่นในบุคลิกภาพ ความรู้ ความสามารถ ของแอนโทเนีย ที่โชว์ความเป็นไทย ทั้งด้านการแต่งกาย อาหาร วัฒนธรรม ภาษา และการไหว้ ซึ่งทั้งหมดมีอยู่ในตัวของแอนโทเนีย   

“นึกถึงผู้หญิงไทยนึกถึงความเก่ง นึกถึงซอฟต์พาวเวอร์ โดยเฉพาะชุดประจำชาติที่แอนโทเนียใส่ตอนประกวด คือชุด “เทพธิดาอาณาจักรอยุธยา เป็นการโชว์ถึงความยิ่งใหญ่ของความเป็นไทย และในโอกาสที่ยูเนสโก ประกาศขึ้นทะเบียน สงกรานต์ในประเทศไทยให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ซึ่งแอนโทเนียก็ได้รับเลือกให้เป็นนางสงกรานต์ประจำปี 2567 นับได้ว่าการได้รับตำแหน่ง ของแอนโทเนีย มาตรงกับจังหวะและสถานการณ์ ของประเทศพอดี เป็นประโยชน์อย่างมาก ขอให้ประสบความสำเร็จทุกเรื่อง และในวันที่ 11 ธันวาคม แอนโทเนียเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมา จะมีการต้อนรับอย่างอบอุ่น พอดีผมติดภารกิจในวันนั้น วันนี้จึงดีใจมากที่ได้พบกัน” นายสุวัจน์ กล่าว


วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2566

"ปัญญา-พายัพ ชินวัตร" เตรียมเข้ารับปริญญา "ม.สงฆ์ มจร" วันรัฐธรรมนูญ 10 ธ.ค.นี้



"เจ้าคุณประสาร" เผย "ปัญญา-พายัพ ชินวัตร" เตรียมเข้ารับปริญญา"มจร" วันรัฐธรรมนูญ ปลื้มม.สงฆ์ต้นแบบสถานศึกษาลดเหลื่อมล้ำ

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566  พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือเจ้าคุณประสาร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา ประธานกรรมการฝ่ายเลขานุการพิธีประสาทปริญญา  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้กล่าวว่า ปี พ.ศ. 2566 นี้มหาวิทยาลัยกำหนดประสาทปริญญาสำหรับบัณฑิตในทุกระดับ ซึ่งในปีนี้มีบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษากว่า 4,600 รูป/คน วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม ภาคเช้าเป็นพิธีซ้อมใหญ่สำหรับบัณฑิตระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและอภิธรรมบัณฑิต ภาคบ่ายเป็นพิธีซ้อมสำหรับผู้เข้ารับปริญญากิตติมศักดิ์ เข็มเกียรติคุณ บัณฑิตระดับปริญญาเอกและสถาบันสมทบในต่างประเทศ พิธีประสาทปริญญากำหนดในวันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคมนี้ ที่ หอประชุม มวก.48 พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา 

ในภาคเช้าสมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาให้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) เป็นประธาน พิธีจะเริ่มในเวลา 08.30 ถึง 11.30 น. ส่วนในภาคบ่ายนั้นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นองค์ประทานปริญญาบัตร พิธีจะเริ่มเวลา 13.30 ถึง 14.30 น. สำหรับในปีนี้บัณฑิตของมหาวิทยาลัยที่สำเร็จการศึกษานั้นมีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ก็เพราะมหาวิทยาลัยมี  วิทยาเขตที่เปิดการเรียนการสอนตามภูมิภาคถึง 11 แห่ง วิทยาลัยสงฆ์ 28 แห่ง หน่วยวิทยบริการ 4 แห่ง สถาบันสมทบในต่างประเทศ 5 แห่ง โดยมหาวิทยาลัยมุ่งจัดการศึกษาที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การศึกษาที่เท่าเทียมของคนในประเทศและการศึกษาที่สร้างความสามัคคีและสันติสุขของผู้คนในชาติโดยอาศัยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาที่มารับปริญญาบัตรนั้นจึงมีทั้งจากชนเผ่าในพื้นที่สูง สามจังหวัดชายแดนใต้ ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ดารา นักร้องนักแสดง ศิลปินหลากหลายอาชีพ พระหนุ่มเณรน้อยรวมไปถึงพระเถระระดับรองสมเด็จพระราชาคณะ 

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ในแผนพัฒนามหาวิทยาลัยระยะที่ 13 (2565-2570) ไว้ว่่า “มหาวิทยาลัยที่จัดการศึกษาพระพุทธศาสนา บูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ และสร้างพุทธนวัตกรรมเพื่อพัฒนาจิตใจและสังคม“ โดยเน้นจัดการศึกษาพระพุทธศาสนา บูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ เพื่อสร้างพุทธนวัตกรรมเพื่อนำไปพัฒนาจิตใจตนเองและนำความรู้ที่ได้จากศึกษาเล่าเรียนไปพัฒนาสังคม ประเทศชาติบ้านเมือง ดังนั้นผู้สำเร็จการศึกษากว่า 70 เปอร์เซ็นต์จึงเป็นพระภิกษุ สามเณร ทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายาน          

พระราชวัชรสารบัณฑิต กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมีนิสิตจากต่างประเทศมาศึกษากว่า 28 ประเทศทั่วโลก พิธีประสาทปริญญาในแต่ละปีการศึกษาจึงมีทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก และในปีนี้สภามหาวิทยาลัยมีมติอนุมัติปริญญากิตติมศักดิ์ ถวายพระเถระและมอบคฤหัสถ์ที่บำเพ็ญประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา ประเทศชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเอนกประการ อาทิ พระพรหมวชิรมงคล วัดราชาธิวาส พระพรหมมุนี วัดพระศรีมหาธาตุ พระธรรมวชิรดิลก วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร พระเทพปัญญาภรณ์ วัดตากฟ้า นครสวรรค์ ฝ่ายคฤหสถ์ เช่น นายอัศวิน เตชะเจริญกุล นายปัญญา นิรันดร์กุล นายพายัพ ชินวัตร นายพันธ์รบ กำลา นายอนุรุธ ว่องวานิช เป็นต้น ส่วนต่างประเทศนั้นมีทั้งพระเถระและคฤหัสถ์จากประเทศต่างๆ ประกอบด้วย Most Ven. Bhaddanta Chandimabhivamsa รักษาการมหานายกาประเทศเมียนมาร์ Most Ven. Sayadaw Kumara Thera อธิการบดีบาลีปริยัติมหาวิทยาลัย  เมียนมาร์ Most Ven. Master Jing Yao ประธานพุทธะสมาคมแห่งสาธารณรัฐจีน Mr. Alounxai Sounnalath รมต.ประจำสำนักนายกฯ สปป.ลาว H.E. Ms. Dr. Viphavanh PHOMVIHANE         รองประธานกองทุนช่วยเหลือสังคมแห่งชาติ สปป.ลาว นอกจากนั้นยังมีจาก ศรีลังกา อเมริกา ยุโรป เป็นต้น    

 และเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้ทำความสะอาดครั้งใหญ่ (Big cleaning day) โดยทำความสะอาดภายในบริเวณมหาวิทยาลัย ฉีดน้ำยาพ่นทั่วบริเวณเพื่อป้องกันไวรัสโควิดและเพื่อแสดงถึงความพร้อมในทุกๆ ด้านสำหรับพิธีประสาทปริญญา และในวันงานทั้ง 9-10 ธันวาคม นั้น ผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่และบัณฑิต ทุกระดับได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิดอย่างเคร่งครัด นอกจากนั้นตลอดงานยังมีการจัดซุ้มนิทรรศการของทุกคณะที่สำเร็จการศึกษา ทุกวิทยาเขต วิทยาลัยสงฆ์และหน่วยวิทยบริการ พร้อมทั้งญาติโยมผู้มีกุศลศรัทธาออกโรงทานอาหาร เครื่องดื่ม น้ำปานะอีกมากมาย ผู้คนทุกเพศทุกวัยก็สามารถไปร่วมงานได้ นี่คือมหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาและมหาวิทยาลัยของชาวบ้านทุกชนชั้นอย่างแท้จริง พระราชวัชรสารบัณฑิต กล่าวในตอนท้าย


เจ้าอาวาสวัดใหญ่ชัยมงคลสุโขทัยออกคำสั่งห้ามขออนุญาตตากข้าวในวัด



เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีคำสั่ง เจ้าอาวาสวัดใหญ่ชัยมงคล จังหวัดสุโขทัย ความว่า "๔  ธันวาคม  ๒๕๖๖ เรื่อง ห้ามขออนุญาตตากข้าว

เนื่องจากชาวบ้านกำลังเก็บเกี่ยวข้าว และต้องการตากข้าว จึงนำข้าวมาตากในบริเวณวัดจึงได้ขออกกฎการตากข้าวดังนี้๑.ห้ามขออนุญาตเจ้าอาวาส เนื่องจากวัดเป็นของญาติโยม  ๒.น้ำดื่มเย็นๆอยู่บนตู้เย็น กาแฟ น้ำร้อน อยู่บนศาลาไปเอามาดื่มได้เลย ไม่ต้องขออนุญาต ๓.มาเก็บข้าวตอนเย็น-ค่ำ เปิดไฟสปอร์ตไลน์ที่เสาไฟได้เลย ไม่ต้องขออนุญาต       

จึงเจริญพรมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน 

สั่ง ณ วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๖

 สมภารวัดใหญ่ชัยมงคล สุโขทัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์  ก็ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็น  และชื่นชมเจ้าอาวาสวัดดังเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น กราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ  ท่านเป็นเจ้าอาวาสที่ ผมรู้สึกว่า เป็นพระ ผู้ให้ และ เสียสละ เข้าใจจิตใจเพื่อนร่วมโลก อ่อนน้อม อ่อนโยน งดงาม น่าเคารพมาก รูปหนึ่งเลย สาธุ กับพระอาจารย์ด้วย ครับ เป็นต้น

"เศรษฐา" ยัวะแก๊งทวงหนี้โหดบุกพังร้านส้มตำสรรคบุรี ผู้ว่าฯชัยนาทลั่นขยายผลฟันผู้เกี่ยวข้องทุกราย



เจ้าหน้าที่กดดันหนัก แก๊งทวงหนี้บุกพังร้านส้มตำในอำเภอสรรคบุรี ติดต่อเข้ามอบตัวแล้ว ด้านผู้ว่าฯ ชัยนาท เผยพร้อมเร่งขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกราย "เศรษฐา" ยัวะแก๊งทวงหนี้เหิมก่อนคิกออฟ 8 ธ.ค. ตร.ชัยนาทไวตามรวบทันควัน 

 เมื่อวันที่ 6  ธันวาคม 2566  นายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เปิดเผยถึงกรณีปรากฏข่าวสารในสื่อออนไลน์ว่าในพื้นที่อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท มีกลุ่มแก๊งทวงหนี้ออกข่มขู่และทำลายข้าวของพี่น้องประชาชนที่ทำการลงทะเบียนข้อมูลหนี้นอกระบบในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ตนได้รับรายงานว่าผู้กระทำความผิดดังกล่าวได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสรรคบุรีแล้ว และเจ้าหน้าที่กำลังขยายผล เพื่อดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกรายอย่างไม่มีละเว้น

 นายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า กรณีปรากฏข่าวสารทางสื่อออนไลน์ว่า วันนี้ เมื่อเวลา 04.31 น. มีภาพกล้องวงจรปิดของร้านส้มตำในพื้นที่ตำบลแพรกศรีราชา อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ได้เห็นผู้ไม่ประสงค์ดี 2 คน เข้ามาทำลายข้าวของภายในร้าน  โดยเจ้าของร้านมั่นใจว่าคนร้ายเป็นแก๊งเก็บเงินกู้นอกระบบ ซึ่งตนไปกู้เงินมาและเคยมาทวงหนี้ที่ร้าน จนมีโครงการแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาลตนจึงไปลงทะเบียน ทำให้เจ้าหนี้ไม่พอใจส่งลูกน้องมาตามทวง ข่มขู่หลายครั้ง จนกระทั่งเข้ามาทำลายข้าวของที่ร้านตามที่เห็นในภาพกล้องวงจรปิด  

“เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ได้มีผู้ไปแจ้งควาคือสามีเจ้าของร้าน ตำบลแพรกศรีราชา ให้ข้อมูลว่าทราบว่าได้กู้เงินนอกระบบจำนวน 30,000 บาท โดยกู้เงินมาเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2566 จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยเป็นรายวัน วันละ 850 บาท ซึ่งผู้เสียหายได้ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่อำเภอสรรคบุรี โดยมีเจ้าหนี้ 3 ราย เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 ทางอำเภอสรรคบุรีได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ยเจ้าหนี้ 3 ราย เจ้าหนี้ 2 ราย ตกลงยินยอมหยุดคิดดอกเบี้ยให้คืนเฉพาะเงินต้น แต่เจ้าหนี้อีก 1 ราย โทรศัพท์ติดต่อได้แต่ไม่รับสาย” นายนที กล่าวและว่า 

ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับการแจ้งเบาะแสจากสามีของผู้เสียหาย ฝ่ายปกครองอำเภอสรรคบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสรรคบุรี พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมบูรณาการ สืบสวน และกดดัน จนผู้กระทำความผิดติดต่อขอเข้ามอบตัว  โดยในขณะนี้ได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 2 ราย โดยเข้าไปพังร้านส้มตำได้แล้ว โดยได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาในเบื้องต้นว่า มีการกระทำความผิดฐาน "ร่วมกันบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีและใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิดและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์" ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองรายมาเก็บดอกเบี้ยเงินกู้จริง ซึ่งการดำเนินการต่อไปจะมีการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลไปยังเจ้าของเงินกู้นอกระบบนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการไม่มีละเว้น และจะดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการในครั้งนี้ทุกราย

  ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายในการยกระดับการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล รวมถึงประเด็นการขจัดความยากจนของคนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน คือ “ปัญหาหนี้นอกระบบ” และ “ปัญหาหนี้สินรายย่อย” โดยดำเนินการเชิงรุกด้วยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ทุกจังหวัดดำเนินการจัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ" ณ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ และสำนักงานเขตทุกแห่ง หรือช่องทางออนไลน์ และสายด่วนศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ โดยเปิดรับลงทะเบียนขอความช่วยเหลือแก้ไขหนี้นอกระบบ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและการทวงถามหนี้โดยมิชอบด้วยกฎหมายเชิงรุกให้กับพี่น้องประชาชน 

“จังหวัดชัยนาท มุ่งมั่นในการกวาดล้างสิ่งผิดกฎหมายที่ก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมืองทุกประเภท จึงขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าที่ ทั้งฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน พร้อมเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนช่วยกันระแวดระวังบ้านเมืองของเรา ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงด้วย หากพบเห็นเบาะแสการกระทำผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่นายอำเภอ ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง และข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เเจ้งเบาะเเสจะถูกคุ้มครองและปกปิดเป็นความลับ ป้องกันไม่ให้พลเมืองดีต้องได้รับภัยจากการเเจ้งเบาะเเสดังกล่าว” นายนทีฯ กล่าวทิ้งท้าย

"เศรษฐา" ยัวะแก๊งทวงหนี้เหิมก่อนคิกออฟ 8 ธ.ค. ตร.ชัยนาทไวตามรวบทันควัน 

ทั้งนี้ที่โรงแรมเดอะ กรีนเนอร์รี่ รีสอร์ต เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เรียก พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 มาหารือกรณีแก๊งเงินกู้บุกพังร้านอาหารกลางดึกที่ จ.ชัยนาท หลังลูกหนี้ขึ้นทะเบียนแก้หนี้นอกระบบกับรัฐบาล โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า ได้เรียกตำรวจซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบให้มารับนโยบาย กรณีดังกล่าวรัฐบาลรับไม่ได้ เป็นการท้าทาย เป็นอะไรที่ตนรับไม่ได้ บอกไปว่าต้องจัดการให้เด็ดขาด ต้องสาวให้ถึงตัวคนทำให้ได้และถือเป็นกรณีตัวอย่าง เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ในฐานะที่ผลักดันนโยบายนี้ ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ การที่เป็นหนี้นอกระบบ และประชาชนถูกรังแก ด้วยการเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่ไม่เป็นธรรม ประชาชนเองไม่มีขวัญกำลังใจในการทำงาน อาจจะหันไปพึ่งยาเสพติด และตามมาด้วยปัญหาอาชญากร จึงจะต้องแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้ได้

"จะแถลงข่าวเรื่องแก้หนี้ในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ การเกิดเหตุก่อนที่รัฐบาลจะประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ถือว่าท้าทายอย่างมาก บ้านเมืองเรามีกฎหมาย โดยขณะนี้รู้ตัวเจ้าหนี้แล้ว อาจจับกุมได้ในวันที่ 7 ธันวาคม ก่อนจะดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เรื่องนี้ฝากไปบอกผู้บัญชาการภาคทุกพื้นที่ กรณีนี้เราต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะถือเป็นการข่มขู่ หากกลัวแล้วไม่มาแจ้ง เราไม่ทราบว่าท่านมีหนี้หรือไม่ ผมยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดูแลคุ้มครองประชาชน ใครโดนข่มขู่สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้เลย ตำรวจจะยึดตามกฎหมาย ส่วนหนี้นอกระบบหากมีข้าราชการและผู้มีอิทธิพลเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น แต่ละกรณีมีความแตกต่างกันไป ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่โดนกล่าวโทษด้วย ยืนยันว่าถ้าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการตามกฎหมาย อย่างมีธงว่าใครอยู่เบื้องหลัง" นายกฯกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา จะคิกออฟมอบนโยบายแก้หนี้นอกระบบให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะผู้บังคับการ ผู้กำกับการ ทั่วประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ ที่อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อแก้หนี้นอกระบบให้เป็นวาระแห่งชาติตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญเร่งแก้ไข


 


"ภูมิธรรม" ตั้ง "ดร.มหานิยม" นั่งที่ปรึกษาช่วยดูแลเศรษฐกิจฐานราก

 


เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 แต่งตั้ง ดร.นิยม เวชกามา" อดีต สส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย  ในฐานะประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาประจำ รองนายกรัฐมนตรีนายภูมิธรรม เวชยชัย เพื่อมีหน้าที่คอยให้คำปรึกษา คำชี้แนะช่วยเหลือต่อภารกิจใดๆในการปฏิบัติหน้าที่ต่อราชการและประชาชนในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี 

ดร.นิยม  กล่าวว่า ขอขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีภูมิธรรม ที่ให้ความไว้วางใจแต่งตั้งตนเป็นที่ปรึกษาครั้งนี้ ซึ่งในอดีตก่อนที่ตนจะมาลงการเมืองเป็นสส.สกลนคร ก็เคยทำงานที่พาณิชย์จังหวัดสกลนครและจังหวัดอื่นมาก่อน จึงมีความเข้าใจระบบฐานรากเศรษฐกิจเป็นอย่างดี คิดว่าจะช่วยงานรัฐบาล รมว.พาณิชย์ รวมทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจได้แน่นอน

พช.บึงกาฬอบรมแกนนำขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง หลักสูตรเพิ่มทักษะ "โคก หนอง นา"

 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ที่ห้องประชุมฟาร์มตัวอย่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันป...