วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

กรมพัฒน์ ร่วม NECTEC ดันแผนพัฒนาแรงงานด้าน AI เป้า 3 ปี 10,000 คน



กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ดันแผนพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ เป้าหมาย 10,000 คน ในระยะ 3 ปี 

นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า กรมได้ประชุมหารือร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ NECTEC เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ ตามแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ในระยะ 6 ปี คือ พ.ศ. 2565 – 2570 ในการเพิ่มศักยภาพบุคลากรและการพัฒนาการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยมี NECTEC  และสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน ในส่วนของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมดำเนินการในระยะ 3 ปี คือ พ.ศ. 2568 – 2570 เป้าหมาย 10,000 คน โดย Upskill แรงงานในสถานประกอบกิจการ พัฒนาทักษะด้าน AI และระบบ IOT ให้กับแรงงานในภาคอุตสาหกรรม และยกระดับฝีมือให้กับแรงงานในภาคอุตสาหกรรมให้มีทักษะการทำงานร่วมกับระบบปัญญาประดิษฐ์ สำหรับในปี 2567 จะเริ่มดำเนินการภายในเดือนมิถุนายน 2567 นี้ ซึ่งกำหนดให้หน่วยฝึกจำนวน 15 จังหวัดปรับแผนการฝึกให้สอดรับแผนปฏิบัติงานที่ต้องดำเนินการร่วมกันกับ NECTEC ด้วย

นางสาวบุปผา กล่าวต่อไปว่า กรมได้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตรกลางขึ้นใหม่ โดยร่วมกับ NECTEC เพื่อ Upskill แรงงานในสถานประกอบกิจการ จำนวน 4 หลักสูตร ดังนี้ 1) หลักสูตร IoT Fundamentals 2) หลักสูตร Advanced IoT 3) หลักสูตร Introduction to Data Visualization และ 4) หลักสูตร Signal Processing ดำเนินการในหน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 15 แห่ง ประกอบด้วย 1) สถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (MARA) 2) สถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีอัตโนมัติและเมคคาทรอนิกส์ (AMA) 3) สถาบันพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ (AHRDA) 4) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี 5) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 3 ชลบุรี 6) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา 7) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 6 ขอนแก่น 8) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 7 อุบลราชธานี 9) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 11 สุราษฎร์ธานี 10) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร 11) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 16 นครปฐม 12) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 17 ระยอง 13) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 18 อุดรธานี 14) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ และ 15) สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานตรัง  หลังจากนั้นจะขยายการฝึกด้าน AI และ IOT ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแผนระยะ 3 ปี จำนวน 10,000 คน ที่กล่าวไว้ข้างต้น


“สถานประกอบกิจการ ที่สนใจ Upskill แรงงานที่ปฏิบัติงานด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือระบบ IOT สามารถติดต่อได้ที่หน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในพื้นที่ทั้ง 15 แห่ง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4” อธิบดีบุปผา กล่าวในท้ายสุด


บิ๊กเนมเพียบทั้ง "อดีต รมต. - สว." สนใจสมัครหลักสูตรดับทุกข์ผู้บริหาร



มูลนิธิสุญญตาวิหารเผยหลักสูตรการดับทุกข์สำหรับผู้บริหารระดับสูงรุ่นแรก มีผู้สนใจในช่วงสองอย่างล้นหลาม รองประธานมูลนิธิฯเผยมีทั้งอดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ว.และอดีตปลัดกระทรวง สนใจ ชี้หลักสูตรนี้เหมาะกับโลกในยุคปัจจุบัน

 เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567   นายสมชาย เลิศด้วยลาภ รองประธานมูลนิธิสุญญตาวิหาร เปิดเผยว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและในโลก ทั้งปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาทุกอย่างอีกมากมายที่เกิดขึ้น สำหรับผู้บริหารจะมีการรับรู้และรับผิดชอบมากกว่าบุคคลทั่วไป ทั้งผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ และผู้บริหารหน่วยงานภาคเอกชน โดยทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดเพราะความรับผิดชอบที่มีต่อตัวเอง หน่วยงานและสังคม รวมถึงประเทศการเป็นทุกข์สำหรับผู้บริหารแล้ว มักจะไม่สามารถบอกหรือปรึกษาใครได้ เพราะความน่าเชื่อถือและความคาดหวังของคนในองค์กร นั่นทำให้ผู้บริหารบางคนสูญเสียความมั่นใจและส่งผลต่อองค์กรที่ตนบริหารอย่างมาก หรือบางคนก็หาหนทางออกผิดทางจนถูกหลอกลวงไปก็มี



“มูลนิธิสุญญตาวิหารมองเห็นความสำคัญของทุกข์สำหรับผู้บริหาร จึงได้พัฒนาหลักสูตรนี้ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่าหลักสูตรการดับทุกข์สำหรับผู้บริหารระดับสูงรุ่นที่ 1โดยวิชาที่ศึกษานั้นเป็นเนื้อหาของศาสนาเช่นอริยสัจ4  ศิล สมาธิ ปัญญา โดยธรรมมะสัจจะของหลักสูตรคือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค เพื่อให้บัณฑิตของหลักสูตรสามารถดำรงตนอยู่เหนือความทุกข์ และมีความสุขกับสิ่งที่ตนเองทำหรือบริหารอยู่ รวมทั้งสามารถนำความรู้เผยแผ่ในการดับทุกข์ให้กับผู้อื่นได้”

นายสมชายกล่าวต่อไปอีกว่าจากการเปิดรับสมัครผู้บริหารที่สนใจในรอบแรกนั้นมีผู้สนใจจำนวนมากซึ่งทางผู้บริหารหลักสูตรได้ประกาศรายชื่อในรอบแรกไปแล้ว โดยขณะนี้กำลังจะประกาศรอบสุดท้ายซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริหารหลายคนโดยมีอดีตรัฐมนตรีมากกว่า 2 ท่าน รวมทั้งอดีตสมาชิกวุฒิสภา และผู้บริหารระดับปลัดกระทรวง ที่สนใจส่งใบสมัครเข้ามา ซึ่งคณะกรรมการหลักสูตรก็จะพิจารณาภายในต้นเดือนพฤษภาคมนี้โดยในรุ่นที่ 1 นี้กำหนดรับไว้ที่จำนวน 60 ท่าน โดยจะแบ่งเป็น 4 กลุ่มกลุ่มละ 15 ท่านโดยชื่อกลุ่มจะเป็นสีของบัว 4 สี



นายสมชาย กล่าวอีกว่าสำหรับรายละเอียดของหลักสูตรคือเรียนสัปดาห์ละ 1 วันทุกๆวันศุกร์เป็นเวลา 7 เดือนโยเริ่มเรียนตั้งแต่ วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม 2567 จนถึงวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567 ณ  สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต และวัดชลประทานรังสฤษดิ์ โดยมีอาจารย์พิเศษและอาจารย์ประจำหลักสูตร ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเช่นพระพรหมบัณฑิต ,พระธรรมวัชรบัณฑิต,รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม เป็นต้น  โดยจะเปิดรับสมัครไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้  โดยผู้ที่สนใจเข้าศึกษาในหลักสูตรนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 084 -164-2424 


กกต.เตือนผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็น สว. ศึกษาและทำความเข้าใจระเบียบการแนะนำตัวให้เป็นไปตามกฎหมาย

 


 เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567  ด้วยปรากฏว่ามีบุคคล กลุ่มบุคคล ได้ดำเนินการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการแนะนำตัวของผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่าง ๆ รวมถึงการรวมกลุ่มจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของบุคคลที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ก่อนที่ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 มีผลใช้บังคับ    

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเรียนว่า ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 26 เมษายน 2567 และระเบียบดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้น เพื่อให้การแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาศึกษาและทำความเข้าใจระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 และพึงระมัดระวังในการดำเนินการแนะนำตัวให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบกำหนดด้วย 

    ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เก็บรวบรวมข้อมูลของบุคคล กลุ่มบุคคล ที่ดำเนินการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการแนะนำตัวของผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่าง ๆ รวมถึงการรวมกลุ่มจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของบุคคลที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาไว้ด้วยแล้ว และหากพบว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิด จักดำเนินการตามที่กฎหมายและระเบียบกำหนดต่อไป


กกต. ออกระเบียบการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 มีผลใช้บังคับ 27 เม.ย.นี้ 

ด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ออกระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 เพื่อให้การแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ทั้งนี้ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 26 เมษายน 2567 และระเบียบดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาประกาศเป็นต้นไป    

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th 

 


วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

รวม 4 สุดยอดเหรียญเจ้าสัวมนต์นาคราช หลวงปู่คีบ ธีรปัญโญ วัดป่าสุทธาวาส จ.นครพนม อายุ109 ปี



เหรียญเจ้าสัวมนต์นาคราช  หลวงปู่คีบ ธีรปัญโญ วัดป่าสุทธาวาส อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม อายุ 109 ปี รวมความเป็นสุดยอดดังนี้ สุดยอดพุทธศิลป์ สุดยอดมวลสาร สุดยอดพิธีกรรม รุ่นนี้ บันทึกไว้เป็นตำนาน "มนต์นาคาพระดีพุทธคุณดี"

สำหรับความเป็นมาของการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้ นายนิภัทร์ สมาร์ทอิมเมจ” หนึ่งในหัวหน้าทีมพี่เสือ ให้ข้อมูลเพิ่มว่า เพื่อสนับสนุนสร้างศาลาหอฉัน ศาลา 109 ปี หลวงปู่คีบ ธีรปัญโญ และโครงการต่างๆ  ใกล้แล้วเสร็จ ต่อไปหลวงปู่ดำริ 



งบประมาณในการก่อสร้างส่วนแรก ยกโครงมุงหลังคาใช้งบประมาณ 1,250,000 บาท และคาดการณ์ว่าจะใช้งบประมาณจนแล้วเสร็จประมาณ สองล้านกว่าบาท ท่านไหนที่ร่วมบุญ ไม่ว่าจองวัตถุมงคลทุกรุ่นที่กำลังจัดสร้างของแต่ละทีมสร้างก็มีส่วนในการจัดสร้างศลาในครั้งนี้

ผู้ที่มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบุญกับหลวงปู่โดยตรง สามารถโอนเข้าบัญชีหลวงปู่ได้ทีา ธ.กสิกรไทย 1802770029 พระคีบ จำปา



การจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นเหรียญเจ้าสัวมนต์นาคราช

หลวงปู่คีบ ธีรปัญโญ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ถวายปัจจัยให้กับทางวัด ตลอดจนร่วมสร้างและพัฒนาศาสนสถานต่างๆภายในวัดให้คงอยู่ คู่พระพุทธศาสนนาสืบไป  ทีมพี่เสือพร้อมผู้ร่วมบุญทุกๆคน ทั้งที่มาร่วมงานเเละไม่ได้มาวันนี้ เราได้ถวายปัยจัยเป็นเงิน 200,000 บาท เพื่อสร้างศาลา 109 ปี 

ในส่วนของเหรียญเจ้าสัวมนต์นาคราช หลวงปู่คีบ ธีรปัญโญ มีการจัดสร้าง 199 ลัง  ประกอบพิธี 3 วาระดังนี้ วาระที่1. เสกมวลสาร เเละหล่อนำฤกษ์ ปั้มนำฤกษ์ หลวงปู่คีบ ท่านเมตตา สุดยอดพิธี หาเกจิที่อายุขนาดนี้ ปั้มฝห้ด้วยองค์ท่านเอง  



วาระที่ 2  วันที่ 30 มี.ค. 2567 เสกลังนำฤกษ์เเละรายการจอง.พร้อมรายการลุ้น ทุกรายการ เพื่อเกิดพุทธานุภาพสูงสุด โดยได้ถวายปัจจัยสมทบทุน 100,000 บาท

วาระที่ 3 วันที่27 เม.ย.นี้ คณะผู้จัดสร้างจะไปถวายปัยจัยอีก100,000บาท ไปร่วมทำบุญ งานลงฐานล่างศาลา 109 ปี หลวงปู่คีบ ธีรปัญโญ วัดป่าสุทธาวาส อ.โพสวรรค์ จ.นครพนม 



ผู้สนใจติดตามความเคลื่อนไหวการจัดสร้างวัตถุมงคลของ “ทีมพี่เสือ” ได้ที่…https://www.facebook.com/groups/1242269399567579/?ref=share_group_link

หลวงปู่คีบ ธีรปญฺโญ มีนามเดิมว่า คีบ จำปา เกิดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2458 ในใบสุทธิและบัตรประชาชนได้ระบุ พ.ศ. 2463 เนื่องด้วยท่านเล่าว่ากำนันในสมัยนั้น แจ้งเกิดให้ท่านช้า 

ด้วยระยะทางที่ไกลจากตัวอำเภอมาก ประกอบกับคนในสมัยนั้นเมื่อเด็กแรกเกิดมักจะเสียชีวิตในช่วงสองถึงสามปีแรก กำนันจึงมักจะแจ้งเกิดให้ตอนผ่านพ้นช่วงนี้ไป ที่บ้านเลขที่ 101 หมู่1 บ้านค้อ ตำบลบ้านค้อ อำเภอท่าอุเทน (ปัจจุบันอำเภอโพนสวรรค์) จังหวัดนครพนม 



ท่านเป็นบุตรของคุณพ่อกวบ จำปา คุณแม่ปุ้ม จำปา มีพี่น้องร่วมกัน 6 คน 1. นายเสาร์ จำปา เสียชีวิตแล้ว

2. หลวงปู่คีบ (นายคีบ จำปา) 3. นายปาน จำปา เสียชีวิตแล้ว 4. นางปน จำปา 5. หลวงพ่อเปอร์ (นายเปอร์ จำปา) มรณะภาพแล้ว และ 6. นางวน อนุญาหงส์

ในวัยเด็ก เมื่อ พ.ศ. 2468 อายุ 10 ขวบ ได้เข้ารับการศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนประถมศึกษาวิทยฐานะ พ.ศ. 2470 สำเร็จการศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านค้อ ตำบลบ้านค้อ อำเภอท่าอุเทน (ปัจจุบันโพนสวรรค์) จังหวัดนครพนม 



ด้านการบรรพชา

เมื่อพ.ศ. 2476 ได้บรรพชาเป็นสารเณร ที่วัดโพธิ์สุมบ้านค้อ ตำบลบ้านค้อ อำเภอท่าอุเทน (ปัจจุบันโพนสวรรค์) จังหวัดนครพนม พระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อกงมา เจ้าอาวาส เดือนมกราคม เมื่อ พ.ศ. 2476 อยู่ศึกษาเล่าเรียนธรรมบาลี ปริยัติธรรม อยู่กับพระอุปัชฌาย์ระยะหนึ่ง ต่อมาได้สมัครไปเล่าเรียนนักธรรมตรี ที่ สำนักวัดศรีทอง บ้านโพนสวรรค์ ตำบลโพนสวรรค์ อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม

 ในสมัยนั้นมีพระอธิการเกิด เป็นเจ้าอาวาส และพระผู้สอนพระอาจารย์ผัน บ้านรามราช ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ได้ศึกษาเล่าเรียนกับพระอาจารย์จนจบเมื่ออายุครบ 19 ปี

อุปสมบทเมื่อ วันที่ 10 กุมพาพันธ์ พ.ศ. 2478 ณ พัทธสีมา วัดโพธิ์สุม บ้านค้อ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม  พระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการบุญจันทร์ กตปุญโญ วัดโพธิ์สุม พระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการหนูพิน วัดโพธิ์ชัย พระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์สวย วัดโพธิ์ชัย

ได้ศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติพระกรรมฐานธุดงค์วัตรตามสถานที่ต่างๆ ปีกวิเวก เข้ากราบศึกษาธรรมกับพระอาจารย์หลายรูป อาทิเช่นหลวงปู่สนธิ์ สุรชโย วัดท่าดอกแก้ว หลวงปู่คาร คันธิโย วัดโพธิ์ชัยทั้งสองรูปเป็น ลูกศิษย์ผู้ใหญ่สายพ่อแม่ญาครูสีทัตถ์ ญาณสัมปัญโณ จวบจนสำเร็จสัพพระวิชาต่างๆ 


ก่อนท่านจะทำการลาสิกขาเพื่อช่วยเหลือพ่อแม่ประกอบสัมมาชีพ ใช้ชีวิตปุถุชนทั่วไปเหมือนปกติ หลวงปู่ท่านเป็นคนขยันหมั่นหาความรู้ในชีวิตของการเป็นฆราวาสของท่านได้ศึกษาตำรายาสมุนไพ รักษาโรค เป็นหมอธรรมและหมอยา เชี่ยวชาญการใช้ยาสมุนไพ และคาถากำกับในการปรุงยารักษาโรค ได้สมรสครองเรือนมีบุตรธิดา 2 คน ปัจจุบันเสียชีวิตหมดแล้ว

ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งเมื่อ พ.ศ. 2520 ได้ไปจำพรรษาที่วัดชุมพล บ้านพานพร้าว ต.พานพร้าว อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย และได้ธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ ก่อนจะไปจำพรรษาที่วัดบ้านหนองบัว

 ต่อมาใน  พ.ศ. 2524 ท่านได้ทำการเข้าสอบนักธรรมชั้นตรี ได้รับผลสำเร็จนักธรรมชั้นตรี ต่อมาจนจบนักธรรมโท และนักธรรมชั้นเอกเป็นอันสูงสุด และกับออกมาธุดงค์วัตรเหมือนดังเดิม จนในพ.ศ. 2527 ท่านธุดงค์ไปภูเพ็ค ได้สร้างกุฏิไหว้หนึ่งหลัง ใช้เวลาหลายปี พักการธุดงค์เพราะอายุที่มากขึ้น

พ.ศ. 2531จึงธุดงค์กลับบ้านเกิด จำพรรษาที่วัดโพธิ์สุม ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม อยู่สักพักใหญ่ ท่านมีปัญหาด้านสุขภาพไม่สะดวกในการประกอบกิจของสงฆ์ ลูกหลานเลยให้ลาสิกขาเพื่อออกมารักษาตัวอยู่พักหนึ่งจวบจนปกติ ท่านจึงได้อุปสมบทอีกครั้งใน พ.ศ. 2540 จวบจนถึงปัจจุบันนี้ อายุ 109 ปี พรรษา 26 

ณ ปัจจุบัน ท่านเป็นพระนักปฏิบัติและเมตตาสูง อีกทั้งยังเป็นหมอยารักษาคน แม้ท่านจะอายุมากแต่ก็แข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวสุขภาพดี ท่านเป็นพระผู้มักน้อยสันโดษไม่รับยศตำแหน่งใดๆ


วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567

"ดร.นิยม เวชกามา" จับมือกรรมาธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ไปช่วยแก้ปัญหาตั้งวัดในศรีสะเกษกว่า 300 แห่ง



วันที่ 24 เมษายน 2567 ดร.นิยม เวชกามา ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม  เวชยชัย ในฐานะอนุกรรมมาธิการศาสนา ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการ นำโดย นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์ สส.ศรีสะเกษประธานคณะอนุกรรมาธิการนายสมศักดิ์ บุญสม สส. อุบลราชธานี กรรมาธิการ นายเพชวรรต วัฒนพงศ์ศิริและเจ้าหน้าที่คณะกรรมาธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 4 วัด เพื่อรับฟังปัญหาการจัดตั้งวัด

 โดยเวลา 09.00 น. มีการประชุมคณะผู้บริหารของจังหวัดที่วัดมหาพุทธารามพระอารามหลวง วัดหลวงพ่อโต ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ มีพระวชิรสุธาดา เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ และ เจ้าอาวาสวัดมหาพุทธาราม ร่วมประชุม โดย นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์ เป็นประธานในที่ประชุม มีรองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 สาขาอุบลราชธานี ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดศรีสะเกษ เข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุปปัญหาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดตั้งวัดในพื้นที่ศรีสะเกษจำนวน 300 กว่าวัดที่ยังมีปัญหาอยู่ถึงปัจจุบัน

 หลังจากนั้นเดินทางไปที่วัดไพรพัฒนา ตำบลไพรพัฒนาอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ กราบนมัสการ พระครูโกศลสิกกิจ ซึ่งเป็นวัดที่บรรจุสรีระของ หลวงปู่สรวง ที่ชาวบ้านเรียกว่าเทวดาเดินดิน มีการสอบถามปัญหาจากหลวงพ่อพุฒ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ

 จากนั้นเดินทางไปที่วัด โคกโพธิ์ ตำบลกันทรารมย์อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ วัดปราสาทเยอเหนือ ตำบลเยอ อำเภอไพรบึงจังหวัดศรีสะเกษ กราบสักการะรูปเหมือนขนาดใหญ่พระครูประสาทขันทคุณ หรือหลวงปู่มุม อินทะปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสพระเกจิดังอีกรูปหนึ่ง  ซึ่งแต่ละวัดได้มีการสอบถามปัญหาจากเจ้าคณะอำเภอดังกล่าวถึงการตั้งวัดที่ไม่สามารถจัดตั้งได้ประมาณ 300 กว่าแห่ง ได้รับทราบปัญหาและได้นำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายคาดว่าจะสามารถดำเนินแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษได้ ซึ่งภารกิจทั้งหมดเสร็จสิ้นในเวลา 17.30 น.

 ดร.นิยม เวชกามา กล่าวว่า ต้องขอบพระคุณ คณะสงฆ์ จังหวัดศรีสะเกษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการเดินทางลงพื้นที่เพื่อช่วยแก้ปัญหาวัดในครั้งนี้


"ผู้อำนวยการ ป.โทสันติศึกษามจร" เตรียมเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส



วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๗ พระปราโมทย์ วาทโกวิโท, ดร.โค้ชสันติ กระบวนกรธรรมะโอดี วิทยากรต้นแบบสันติภาพ  Buddhist Peace Facilitator ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา ระดับปริญญาโท  มจร  เปิดเผยว่า   นกพิราบคาบช่อมะกอก นกตะวันออกคาบดอกบัว สอดรับกับสันติภาพ  พระปราโมทย์ วาทโกวิโท, ดร. Buddhist Peace Facilitator และผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา ระดับปริญญาโท  บัณฑิตวิทยาลัย มจร  ปฏิบัติศาสนกิจ ณ นครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี เพื่อการเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส  ผู้นำศาสนาคริสต์ ระหว่าง ๒๔ - ๓๐  พฤษภาคม  ๒๕๖๗ 

โดยมุ่งประเด็นการเรียนรู้ ประกอบด้วย ๑)ศาสนากับสันติภาพ ๒)การสื่อสารอย่างสันติ ๓)ขันติธรรมทางศาสนา ๔)การสร้างศาสนสัมพันธ์ ๕)ศาสนาสร้างความสามัคคี  ๖)สันติสนทนาระหว่างศาสนา ๗)สิทธิมนุษยชนมิติทางศาสนา  ๘)การอยู่ร่วมกันบนความหลากหลาย ๙)การพัฒนาสันติภายในมิติของศาสนา ๑๐)เคารพในความแตกต่างและความเปราะบางของมนุษย์ ๑๑)ศาสนาในฐานะต้นตอสันติภาพและต้นเหตุความขัดแย้งรุนแรง  ๑๒)ศาสนาในฐานะการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท

ทำไมต้องมาวาติกัน ในฐานะทำงานด้านสันติภาพสันติสุข จึงสะท้อนถึงสัญลักษณ์สันติภาพ คือ "นกพิราบคาบกิ่งมะกอก" โดยชาวตะวันตกเชื่อว่า นกพิราบ เป็นวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า เป็นสัญลักษณ์ของนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชน  กิ่งมะกอกเป็นสิ่งที่ชาวกรีกโบราณใช้ในพิธีสำคัญ

โดยทุกครั้งที่โลกเกิดความขัดแย้ง สันติภาพคือสิ่งที่ผู้คนต้องการและเรียกร้อง ซึ่งนกพิราบคาบกิ่งมะกอกคือสัญลักษณ์สากลของสันติภาพ เป็นเพราะอะไร และทำไมผู้หญิงถึงมีบทบาทมากขึ้นในเวทีสันติภาพโลก 

โดยชาวตะวันตกเชื่อว่านกพิราบเป็นวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ตามพระคัมภีร์ไบเบิล จึงมีรูปนกพิราบเกาะอยู่ที่บัลลังก์คาทีดรา ที่พระสังฆราชทรงประทับนั่ง เพื่อคอยดลใจให้ทรงตัดสินข้อพิพาทของชาวคริสเตียนโบราณได้อย่างถูกต้อง นอกจากนั้นนกพิราบยังเป็นสัญลักษณ์ของนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนและวิชาชีพสื่อสารมวลชน จากความสามารถในการจดจำเส้นทางอย่างแม่นยำ จนเป็นที่มาของพิราบสื่อสาร

เมื่อเอ่ยถึงสันติภาพ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยผู้หญิงมักจะมีบทบาทอยู่เสมอๆ ดูได้จากบุคคลที่เป็นวีรสตรีที่มีบทบาทและอิทธิพลของโลก จนสภาความปลอดภัยแห่งสหประชาชาติ ออกคำสั่งขยายบทบาทของสตรีบนเวที UN ในเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ เพราะศักยภาพของผู้หญิงที่ถูกเชื่อมร้อยบุคลิกภาพตามธรรมชาติของเพศ ที่มีความอ่อนโยนดูแลเอาใจใส่ครอบครัวและเป็นผู้ให้นั้นเอง

๒๑  กันยายนของทุกปีเป็นวันสันติภาพสากล (The International Day of Peace) สัญลักษณ์แห่งสันติภาพและการต่อต้านความรุนแรง จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง เพื่อให้เรานึกย้อนกลับไปถึงสงครามโลก ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของมวลมนุษยชาติ 

ทำไมต้องมีวันสันติภาพสากล โดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly) ได้กำหนดให้ทุกวันที่ ๒๑ กันยายน ของทุกปีเป็นวันสันติภาพสากล (The International Day of Peace) เพื่อเป็นการให้ความสำคัญต่อการยุติการใช้ความรุนแรง การคุกคามในทุกรูปแบบ และมุ่งเน้นสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการมีสันติในทุกพื้นที่ โดยในวันสันติภาพสากลจะมีกิจกรรมการลั่น ระฆังสันติภาพ ที่หล่อขึ้นจากเหรียญที่ได้รับบริจามาจากเด็ก ๆ ทั่วโลก เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองอีกด้วย

โดยจุดมุ่งหมาย ๖ ประการ ในวันสันติภาพสากล มุ่งเคารพต่อชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ยุติการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบแบ่งปันผู้อื่น ขจัดการแบ่งแยกชนชั้นเคารพเสรีภาพในการแสดงออกของทุกกลุ่ม ยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม แสดงความรับผิดชอบและเคารพต่อทุกชีวิตในโลก เคารพต่อหลักการประชาธิปไตย และให้โอกาสกับทุกเพศสภาพอย่างเท่าเทียมกัน

โดยนกพิราบ (Dove) นานมาแล้วที่ 'นกพิราบ' ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึง สันติภาพ อิสรภาพ และความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 'นกพิราบคาบกิ่งมะกอก' สัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนประจำวันสันติภาพสากล ที่หลายคนอาจพบเห็นในรูปแบบไอคอนหรืออีโมจิ (Emoji) บนสมาร์ตโฟน โดยที่มาที่ไปของนกพิราบคาบกิ่งมะกอกนั้น มีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อทางศาสนาคริสต์ที่ว่า 'นกพิราบคือตัวแทนของความบริสุทธิ์และพระผู้เป็นเจ้า' อีกทั้งยังปรากฏอยู่ในเรื่องราว 'มหากาพย์น้ำท่วมโลก' หรือ 'เรือโนอาห์ (Noah's Ark)' ที่ได้มีการกล่าวไว้ว่า โนอาห์จะใช้นกพิราบคอยสังเกตการณ์น้ำท่วมจากในเรืออาร์ค จนในวันหนึ่งนกพิราบได้บินคาบกิ่งมะกอกกลับเข้ามา จึงทำให้โนอาห์รับรู้ว่าภายนอกน้ำลดลงแล้ว ถือเป็นสัญญานของการเริ่มต้นใหม่ และความสงบสุขที่กลับคืนสู่มวลมนุษย์อีกครั้ง

ในเวลาต่อมานกพิราบถูกใช้สื่อถึงสันติภาพไปอย่างกว้างขวาง เมื่อจิตรกรชื่อก้องโลกอย่าง Pablo Picasso ได้วาดภาพ 'นกพิราบแห่งสันติภาพ (The Dove of Peace) ซึ่งในภายหลังได้รับเลือกให้เป็นสัญลักษณ์สำหรับการประชุมสันติภาพนานาชาติ ที่กรุงปารีส (Paris Peace Congress) ในปี ค.ศ. ๑๙๔๙ ในความเชื่อโบราณของคนญี่ปุ่น 'นกกระเรียน' ถือเป็นตัวแทนแห่งโชคลาภ ความสุข และการมีอายุยืนยาว ในขณะเดียวกัน 'นกกระเรียนกระดาษ' ที่มักจะมีการพับไว้ประดับงานพิธีมคลต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ยังมีนัยยะแฝงถึง 'สันติภาพ' ไว้อีกด้วย โดยจุดเริ่มต้นทั้งหมดของนกกระดาษสันติภาพนั้น มาจากเรื่องราวของหนูน้อยซาดาโกะ ซาซากิ ที่ต้องล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว จากการได้รับรังสีเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเป็นผลพ่วงของเหตุการณ์ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมะและนางาซากิ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ 

ด้วยความหวังที่จะหายจากโรคร้าย ซาดาโกะทำการพับนกกระเรียนกระดาษ ๑,๐๐๐ ตัว ตามความเชื่อโบราณที่ว่า หากพับนกกระเรียนกระดาษได้ครบ ๑,๐๐๐ ตัวแล้ว สิ่งใดที่ปราถนาจะเป็นจริง เธอต่อสู้กับโรคร้ายสุดท้ายตลอดระยะเวลาหลายเดือน แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็ไม่มีจริง เพราะเด็กหญิงซาดาโกะก็เสียชีวิตลงในวัย ๑๒ ปี ในตอนที่เธอพับนกกระเรียนได้ตัวที่ ๖๖๔

หลังจากการเสียชีวิตของซาดาโกะ รัฐบาลประเทศญี่ปุ่นได้สร้างอนุสาวรีย์แห่งสันติภาพ หรือที่เรียกว่า อนุสรณ์สันติภาพเยาวชน  : Children’s Peace Monument ณ สวนสันติภาพฮิโรชิม่า เพื่ออุทิศแก่ซาดาโกะ และเด็กอีกหลายคนที่ต้องเสียชีวิตจากผลของสงคราม และนกกระเรียนกระดาษก็ได้กลายมาเป็นตัวแทนเรื่องราวซาดาโกะ และสันติภาพนับแต่นั้นมา

รวมถึงการชูสองนิ้ว (V-sign) 

การชูสองนิ้วไม่ได้เป็นเพียงท่าเซลฟี่คิ้ว ๆ ที่ทำกันตามกระแสเท่านั้น แต่การทำนิ้วมือลักษณะเป็นรูปตัว V โดยหันฝ่ามือออก มีชื่อเรียกว่า V-sign สัญลักษณ์มือที่สื่อถึง ‘สันติภาพ (Peace)’ และ ‘ชัยชนะ (Victory)’ โดยต้นกำเนิดของ V-sign ต้องย้อนกลับไปช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ “ วิกเตอร์ เดอ ลาวีย์ (Victor de Laveleye) รัฐมนตรีพรรคเสรีนิยมเบลเยี่ยม ได้ออกอากาศผ่านสถานีวิทยุ BBC ชักชวนให้ประชาชนชาวเบลเยียมและ ชาวฝรั่งเศษ ร่วมกันทำสัญลักษณ์รูปตัว V ไว้ตามอาคารบ้านเรือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ "V for Victory" เพื่อแสดงการสนับสนุนฝ่ายสัมพันธมิตรในการทำสงครามชนะฝ่ายอักษะในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ ๒ และในภายหลังกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ทรงอิทธิพล เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถคว้าชัยชนะในสงครามมาได้จริง ๆ ทำให้สัญลักษณ์ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย

ประเทศแทบเอเชียการชูสองนิ้วถือเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ทำกัน แต่ด้วยวัฒนธรรมและค่านิยมที่แตกต่างจึงไม่ใช่สำหรับทุกส่วนบนโลกที่การชูสองนิ้วจะสื่อความหมายดี ในบางประเทศอย่าง อังกฤษ สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ แอฟริกาใต้ การชูสองนิ้วแล้วหันหลังมือเข้าหาคนอื่นจะมีความหมายเชิงดูหมิ่น เหยียดหยาม เพราะฉะนั้นควรหันฝ่ามือออกเสมอ   

โดยสัญลักษณ์สันติภาพ (Peace Symbol) สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ หรือ 'Peace Symbol' ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตานี้ เดิมทีมีชื่อเรียกว่า 'CND Symbol' หรืออีกชื่อหนึ่ง 'Nuclear Disarmament' (การลดอาวุธนิวเคลียร์) ออกแบบโดยศิลปินหัวขบถชาวอังกฤษ นามว่า Gerald Holtom เพื่อจุดประสงค์ในการต่อต้านการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ในสหราชอาณาจักร ช่วงปี ค.ศ. ๑๙๕๘-๑๙๖๐ 

Gerald เผยว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากสัญญาณธง (Semaphore Alphabet)' ที่สามารถสะกดออกมาเป็นตัวอักษรและข้อความได้ โดยเส้นแกนกลาง l แทนตัวอักษร D (Disarmament) และเส้นอีกสองเส้นที่ขนาบข้างทำมุม 45 องศานั้น /\ แทนตัวอักษร N (Nuclear) ส่วนวงกลมรอบนอก O แทนรูปร่างของ 'โลก' ของเราเอง สัญลักษณ์สันติภาพถูกนำมาใช้แพร่หลาย โดยเฉพาะกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของหนุ่มสาวบุพพาชนหรือ 'ฮิปปี้' ที่เคยมีบทบาทเข้าร่วมต่อต้านสงครามเวียดนาม ในปี ค.ศ. ๑๙๖๙ 

แม้ว่าสัญลักษณ์สันติภาพจะมีลักษณะและที่มาแตกต่างกันไป แต่เราจะเห็นว่าทุกสัญลักษณ์ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสันติภาพ และเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าการใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกของปัญหา และไม่เคยส่งผลดีกับใครทั้งสิ้น

๒๑ กันยายน ของทุกปี ถูกกำหนดขึ้นให้เป็น วันสันติภาพโลก (World Peace Day) เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญและงดใช้ความรุนแรง หยุดทำสงคราม และร่วมมือกันสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นทั่วโลก ดังนั้น วันนี้จึงเป็นวันที่สำคัญมากอีกวันหนึ่ง

วันสันติภาพโลก (World Peace Day) ตรงกับวันที่ ๒๑ กันยายนของทุกปี จัดขึ้นเพื่ออุทิศแก่สันติภาพ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราศจากสงคราม บ้างถือเป็นโอกาสพิเศษกำหนดหยุดยิงชั่วคราวในพื้นที่ที่ยังสู้รบกันอยู่ มีการเฉลิมฉลองวันสันติภาพโลกในบรรดาชาติ กลุ่มการเมือง กลุ่มทางทหาร และประชาชนทั้งหลาย วันสันติภาพโลกจัดขึ้นครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๕๒๔ 

ในการเริ่มวันดังกล่าว มีการเคาะ “ระฆังสันติภาพ” ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระฆังนั้นถูกหล่อขึ้นจากเหรียญที่รับบริจาคมาจากเด็กทั่วโลก มันถือเป็นของขวัญโดยสมาคมสหประชาชาติแห่งญี่ปุ่น และถูกกล่าวถึงว่าเป็น “เครื่องเตือนใจมนุษย์ถึงมูลค่าแห่งสงคราม” มีข้อความ “สันติภาพโลกเบ็ดเสร็จจงเจริญ” จารึกอยู่ด้านข้างของระฆัง

แต่หลังจากนั้นในปี ค.ศ. ๒๐๐๑ หรืออีก ๒๐ ปีต่อมา มีมติใหม่จากสหราชอาณาจักร และคอสตาริกา กำหนดให้วันที่ ๒๑ กันยายน ของทุกปี เป็นวันยุติการสู้รบ และประกาศให้เป็นวันสันติภาพโลก หรือวันสันติภาพโลก (The International Day of Peace) เพื่อขอให้ประชาชนทุกประเทศหยุดยิง ลดใช้ความรุนแรงกันทั่วโลก และหยุดการทำสงครามตลอดทั้งวัน รวมทั้งมีการเชิญประเทศสมาชิก หน่วยงานต่าง ๆ มางานเฉลิมฉลองและร่วมมือกันสร้างสันติภาพทั่วโลก และกำหนดให้ ค.ศ. ๒๐๐๑-๒๐๑๐ เป็นทศวรรษสากลเพื่อวัฒนธรรมสันติภาพและความไม่รุนแรงเพื่อเด็กของโลก โดยมีจุดมุ่งหมาย ๖  ประการ ประกอบด้วย  

๑)ให้ความเคารพต่อชีวิตทั้งมวล เคารพชีวิตและศักดิ์ศรีของแต่ละบุคคล โดยไม่แบ่งชนชั้นหรือลำเอียง

๒)ไม่ใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะต่อเด็กและเยาวชน

๓)แบ่งปันกับผู้อื่นอย่างมีน้ำใจ เพื่อขจัดการแบ่งแยก ความไม่ยุติธรรม และการกดขี่ทางการเมืองและเศรษฐกิจ

๔)รับฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อกัน เคารพเสรีภาพในการแสดงออก และยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม

๕)สงวนรักษาผืนโลก ฝึกดำเนินชีวิตอย่างรับผิดชอบและเคารพต่อทุกชีวิตในโลก เพื่อรักษาสมดุลของธรรมชาติบนผืนโลก

๖)สร้างความสมานฉันท์ เคารพต่อหลักการประชาธิปไตย และให้โอกาสทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะสตรี

โดยจุดมุ่งหมายทั้ง ๖ ประการ มีเป้าหมายให้ผู้คนในสังคมทุกกลุ่มอายุได้ตระหนักถึงความสำคัญของสันติภาพภายใน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของวัฒนธรรมสันติภาพที่เกิดจากความสงบเงียบภายในจิตใจของแต่ละคน เพื่อให้เราได้รู้จักตนเองและแหล่งพลังชีวิตที่สามารถใช้ปัญญาเป็นเครื่องชี้นำทางในการขจัดทุกข์และสร้างสันติสุขให้แก่ตนเอง รวมทั้งแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับผู้อื่น โดยสันติภาพคือ เป้าหมายสูงสุดของสหประชาชาติ” (Peace is the United Nations’ highest calling)


🇲🇲 🇹🇭 ธรรมจักรเชื่อมใจ AEC ! “สมเด็จพระสังฆราชแห่งเมียนมา” เป็นประธานในงานสัมมนา “ธรรมจักรเพื่อสันติภาพโลก”



เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567 เจ้าพระคุณพระภัททันตะ ซานดิมา ภิวังสะ (อัครมหาบัณฑิต อัครมหาสัทธัมมโชติกะธะชะ) สมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศเมียนมา (His Holiness Bhaddanta Candimar Bhivamsa (Agga Maha Pandita Agga Maha Saddhamma Jotikadhaja) Chairperson of the State Sangha Maha Nayaka Committee of Myanmar) เป็นประธานในงานสัมมนา “ธรรมจักรเพื่อสันติภาพโลก” ที่จัดขึ้น ณ ห้องเธียร์เตอร์ อาคาร 100 ปีคุณยายอาจารย์ ฯ วัดพระธรรมกาย โดยมีเจ้าคณะจังหวัดไพลิน คณะธรรมยุติ และคณะมหานิกาย ประเทศกัมพูชา, เจ้าอาวาสวัดจากจังหวัดดานัง และจังหวัดฮอยอัน ประเทศเวียดนาม, ฝ่ายต่างประเทศ อ.พ.ส. คณะสงฆ์ สปป.ลาว (ศูนย์กลางองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์ลาว) และเจ้าอาวาสและผู้นำองค์กรพุทธจากประเทศ AEC ทั้งเมียนมาร์, กัมพูชา, ลาว และเวียดนาม เข้าร่วมงานสัมมานาครั้งนี้ 

โดยในงานสัมมนา พระครูสมุห์สนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย บรรยายในหัวข้อ “ธรรมจักรคุ้มครองโลก” โดยนำความรู้เรื่องทุกข์ประจำสังขาร การบริหารขันธ์ สัมมาอาชีวะ การสร้างเครือข่ายคนดี แก้วิกฤตโลก และงานวิจัยปริญญาเอกในเรื่อง อนาคตภาพการขับเคลื่อนงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาของเครือข่ายองค์กรพุทธนานาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับงานสัมมนาวันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องของการพัฒนาจิตใจมนุษย์ ผ่านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือขององค์กรพุทธ ด้วยกิจกรรมการสวดธรรมจักรร่วมกันทั้งภูมิภาค AEC โดยมีเป้าหมายหลายพันล้านจบเป็นกุศโลบายในการทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาร่วมกัน และขอขอบคุณที่องค์กรที่ส่งยอดสวดธรรมจักร ทำให้ทุกครั้งที่ถึงวงรอบสวดธรรมจักร สามารถจัดพิธีฉลองชัยชิตังเม ได้ทุกครั้ง 

ส่วนพระมหาสุรัตน์ อคฺครตโน ผู้ช่วยอำนวยการสำนักต่างประเทศ และหัวหน้ากอง AEC บรรยายในหัวข้อ “ธรรมจักรใน AEC” โดยบรรยายถึงกิจกรรมการสวดธรรมจักรในประเทศเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม 

 ทั้งนี้ เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆนายก พระภัททันตะ จันธิมา อภิวังสะ อัครมหาบัณฑิต อัครมหาสัทธัมมโชติกะธะชะ สมเด็จพระสังฆราช ประธานคณะกรรมการมหาสังฆนายกแห่งรัฐ ประเทศเมียนมาร์ เมตตาให้โอวาทว่า “โครงการสวดธรรมจักรของวัดพระธรรมกาย ที่เชิญชวนประชาชนและคณะสงฆ์ประเทศต่างๆ ร่วมกันสวดเป็นกิจกรรมที่ดี โดยต้องอาศัยคุณธรรม ความศรัทธา ที่รวมกันทบทวนธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอชื่นชม และสนับสนุนโครงการนี้ เพื่อเชิญชวนชาวพุทธร่วมกันสวดธรรมจักร ซึ่งทำเป็นปกติอยู่แล้วในประเทศเมียนมาร์ และยินดีสนับสนุนส่งเสริมการสวดธรรมจักรร่วมกับวัดพระธรรมกาย ขอให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จในการเผยแผ่พระพุทธศาสนายิ่งๆ ขึ้นไป”  

โดยในช่วงท้ายงานสัมมนา คณะสงฆ์และผู้นำองค์กรพุทธ ได้ถวายใบปวารณาลงนามความร่วมมือ และมอบป้ายโครงการฯ ในการร่วมกันสวดและส่งยอดสวดธรรมจักร ในโครงการสวดธรรมจักร 24 น. กับวัดพระธรรมกาย และภาคีเครือข่ายองค์กรพุทธทั่วโลก ในวาระวันเกิดและบูชาธรรมอายุวัฒนมงคล 80 ปี หลวงพ่อธัมมชโย ในวันคุ้มครองโลก 22 เมษายน 2567 จากนั้นผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ถ่ายภาพร่วมกัน เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในภูมิภาค AEC ด้วย


กรมพัฒน์ ร่วม NECTEC ดันแผนพัฒนาแรงงานด้าน AI เป้า 3 ปี 10,000 คน

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ดันแผนพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ เป้าหมาย 10,000 คน ในระยะ...