วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562

หลวงพ่อเจ้าคุณทองหล่อพัฒนานิคมมรณภาพแล้ว




วันที่ 30 เม.ย.2562 พระพิพัฒน์คณาภรณ์ (หลวงพ่อเจ้าคุณทองหล่อ ) อดีตเจ้าอาวาสวัดพรหมรังษี เจ้าคณะอำเภอ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี อายุ 88 ปี 68 พรรษาละสังขาร เช้า วันที่ 30 เมษายน ที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล จ.ลพบุรี

ว่าที่ ร.ต.ทรงพล     แป้นแก้ว  นายอำเภอพัฒนานิคม  จ.ลพบุรี เผยว่า พระพิพัฒน์คณาภรณ์ ได้มรณภาพเมื่อเวลา 07.00 น.ของวันที่ 30 เมษายน 2562 ที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล อ.เมือง จ.ลพบุรี  โดยสรีรสังขารของหลวงพ่อทองหล่อจะถูกเก็บไว้ที่โรงพยาบาลและจะเคลื่อนร่างของหลวงพ่อทองหล่อในวันที่ 8 พ.ค.2562  และจะมีพิธีสรงน้ำหลวงสรงศพ โดยมีนายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธาน 

จากนั้นจะมีการสวดพระอภิธรรมจำนวน 100 วัน หลังจากนั้นจะกำหนดพิธีการต่อไป ซึ่งรอมีการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาส และจะมีการประชุมคณะกรรมการวัดในภายหลัง เพื่อกำหนดพิธีการที่ชัดเจนต่อไป

พระปลัดประพนธ์ ฐิตโสภโณ  พระเลขานุการเจ้าคณะอำเภอพัฒนานิคม กล่าวถึงกำหนดการว่า  พิธีต้อนรับวันพุธที่ 8 พ.ค. 2562  เวลา 8.00 น. เคลื่อนสรีระ พระพิพัฒน์คณาภรณ์ ออกจากโรงพยาบาลอานันทมหิดล กลับวัดพรหมรังสี , 10.00 น. ประชาชน ยืนถวายการไว้อาลัย บริเวณ ทางเข้าทิศใต้ สองฝากถนน , 10.00 – 16.00 น. เปิดให้ประชาชน เข้าสรงน้ำสรีระ พระพิพัฒน์คณาภรณ์ , 17.00 น. พิธีน้ำหลวงอาบศพ , 17.30 น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป บังสุกลเปิดหีบ จากนั้นจักได้นำสรีระ บรรจุหีบทองทึบ  และ19.30 น. พระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรม 4 รูป

วันพฤหัสบดีที่ 9 พ.ค.2562 เลา 19.30 น. พิธีสวดพระอภิธรรม 12 รูป ถึงกำหนด 100 วัน  พิธีทำบุญ สัตตมวาร ทำบุญครบ 7 วันโดยพระธรรมปริยัติโมลี จภ.3 เวลา 10.00 น. พระราชาคณะแสดงพระธรรมเทศนา, เวลา  10.30 น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์, เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล แด่พระภิกษุสงฆ์จํานวน 10 รูป ,เวลา 12.30 น. พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 10 รูป สวดมาติกา และบังสุกุล และ เวลา 19.00 น. พระสงฆ์ 12 รูป สวดพระอภิธรรม

ติดต่อประสานงานเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม เจ้าภาพโรงทานที่พระปลัดประพนธ์


วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2562

เริ่มแล้ว !!!...เรียลลิตี้ธรรมะดูสนุก“สามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 8”ชมสด12สามเณรน้อย ตามรอยมรดกธรรม


นับเป็นอีกหนึ่งวันแห่งความปลื้มปิติที่เหล่าครอบครัว พุทธศาสนิกชน รวมถึงคนทั่วโลก ได้ร่วมอนุโมทนาบุญแก่ 12 ยุวชนที่เข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ในพิธีบรรพชา “โครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 8” ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ และทรู คอร์ปอเรชั่น จัดขึ้นต่อเนื่องมาทุกปี โดยปีนี้ มีความพิเศษยิ่งขึ้น เพราะได้สัญจรสู่ภูมิภาคแห่งใหม่ที่ปักษ์ใต้ ตามรอยมรดกธรรมของท่านพุทธทาสภิกขุ ณ สวนโมกข์ (วัดธารน้ำไหล) อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ภายใต้การดูแลของพระภาวนาโพธิคุณ เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล พระอาจารย์ใหญ่ประจำปีนี้        

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์และประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ตลอด 4 สัปดาห์แห่งการเรียนรู้ เหล่าสามเณร ทั้ง 12 รูป จะได้เข้าศึกษาและฝึกปฏิบัติธรรม ภายใต้แนวคิด “ความรักจักรวาล” อันประกอบไปด้วย “รัก” - ผู้อื่นด้วยใจบริสุทธิ์ มีความเกื้อกูล เข้าใจถึงความเชื่อมโยงของสรรพสิ่ง อันเป็นพื้นฐานของความเมตตา  “เรียน” - ศึกษาปฏิบัติธรรม เข้าใจคำสอน และลงมือทำ  “เพียร” - ฝึกสติและสมาธิกับปัจจุบัน  เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายแห่งการเป็นผู้ “ให้” ด้วยใจเมตตา รู้จักปล่อยวาง และสละซึ่งความเป็นตัวตน โดยปีนี้ ยังได้สอดแทรกบทเรียนแต่ละสัปดาห์ในเรื่องการทำสมาธิ การเจริญสติ ด้วยวิธีการและรูปแบบต่างๆ รวมถึงการถ่ายทอดมรรค 8 ซึ่งเป็นหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้เราไปถึงจุดที่เรียกว่า “ละ”  อันเป็นแนวทางสู่นิพพาน”

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าภายใต้การถ่ายทอดธรรมะผ่านพระอาจารย์ เหล่าสามเณร ผู้ทรงคุณวุฒิ จะสามารถเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่าต่อมวลมนุษยชาติ ถ้าเราบอกว่าการมีศีล ทำให้โลกเกิดความสงบสุข การเข้าถึงปัญญาธรรม คงทำให้เกิดความผาสุกอย่างแท้จริงและยั่งยืน ในโลกปัจจุบัน มีเทคโนโลยีหลายด้าน มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยุวชนได้เรียนรู้ผ่านสื่อต่างๆ มากมาย ดังนั้น รายการสามเณรปลูกปัญญาธรรม จึงได้จัดขึ้นเพื่อร่วมเป็นสื่อกลางหนึ่งในการถ่ายทอดธรรมะที่ไม่ใช่เฉพาะในระบบโทรทัศน์ดาวเทียม แต่รวมถึงระบบอินเทอร์เน็ตและมือถือ ซึ่งด้วยเทคโนโลยีสื่อใหม่เหล่านี้ ยุวชน ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาสาระที่มีคุณค่า  ทั้งนี้ การที่จะทำให้โลกเกิดความยั่งยืนและสงบนั้น ในที่สุดแล้ว ไม่ได้ขึ้นกับระบบการศึกษา องค์ความรู้ทางโลกเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการถ่ายทอดคุณค่าทางธรรม เข้าใจถึงหลักความเป็นจริงของชีวิต นำมาซึ่งการปฏิบัติสู่ความยั่งยืน ทำให้เกิดความสงบ ความสุข และความเจริญอย่างแท้จริง ทั้งในระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม” นายศุภชัยกล่าวสรุป

ในโอกาสนี้ พระภาวนาโพธิคุณ เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล ให้ความเมตตาร่วมประกอบพิธีบรรพชาแก่เหล่าสามเณรน้อย พร้อมให้ข้อคิดคติธรรมว่า “ขออนุโมทนาเครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่มีเจตนาดี มาสร้างประวัติศาสตร์ให้เกิดขึ้นที่สวนโมกข์ ให้วัดธารน้ำไหล เป็นสถานที่บรรพชาของสามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 8 ท่านพุทธทาส เคยกล่าวไว้ว่า “ศีลธรรมของเยาวชน คือ สันติภาพของโลก” ซึ่งศีลธรรมพื้นฐานของมนุษย์ ต้องตั้งต้นจากความกตัญญู ซึ่งท่านพระอาจารย์พุทธทาส ได้รวบรวมเรื่องดังกล่าวไว้จำนวนมาก และกล่าวว่า ไม่ว่าจะประเทศไหน ล้วนให้ความสำคัญเรื่องกตัญญูกตเวที ดังนั้น การให้โอกาสยุวชน มาบวชเป็นสามเณร ถือเป็นการปลูกฝังคุณธรรมเรื่องความกตัญญูซึ่งจะทำให้เกิดความละอาย กลัวต่อบาป มีหิริโอตัปปะ มีความเมตตากรุณา นอกจากนี้ สัมมาทิฐิ คือการชักชวนให้คนได้ยิน ได้ฟังสิ่งที่มีประโยชน์ การที่ใช้สวนโมกข์ เป็นสถานที่จัดโครงการ เผยแผ่พระธรรมคำสอน ถือเป็นการส่งเสริมให้คนมีสัมมาทิฐิ สนใจในสิ่งที่ดีงาม ถือเป็นการสร้างคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและประเทศชาติ ทั้งนี้ พระอาจารย์พุทธทาส ได้สร้างสวนโมกข์ไว้เป็นมรดกแห่งสถานศึกษาและปฏิบัติธรรม ซึ่งต้องมีคนมาคอยดูแล สืบทอดต่อไป ก็ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่มีความปรารถนาดี ต้องการให้วัดของพระอาจารย์พุทธทาสยั่งยืนต่อไป”

และเมื่อมาถึงสวนโมกข์ จ.สุราษฎร์ แล้ว แน่นอนว่าผู้ชมรายการในปีนี้ จะประทับใจกับเนื้อหาการเรียนรู้ของเหล่าสามเณรน้อย ที่จะได้มีโอกาสสร้างสรรค์นวัตกรรมสื่อธรรมะด้วยตนเอง ถือเป็นการต่อยอดและสืบทอดแนวทางการเผยแผ่พุทธธรรมที่มีเอกลักษณ์ของท่านพุทธทาสภิกขุ ซึ่งริเริ่มมามากกว่า 50 ปีที่แล้ว

 สามเณรตฤณ “นภวัต อภินันทชาติ” อายุ 8 ปี จ.นนทบุรี เล่าว่า “ดีใจมากที่ได้บวชในโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 8 เป็นการบวชครั้งแรก และสวนโมกข์ก็สงบมาก ก่อนจะมาบวชได้มีการเตรียมฝึกสมาธิ แต่เมื่อได้มาฝึกปฏิบัติที่วัด ก็ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมาย ตื่นเต้นที่จะได้ฝึกการทำนวัตกรรมเกี่ยวกับสื่อธรรมะ ฝึกความอดทน ต้องทานข้าวเพียง 2 มื้อ นอนพื้น ตอนที่เขียนเรียงความแนะนำตัวเอง ได้ให้เหตุผลที่อยากบวชว่า ต้องการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ สร้างบุญกุศลให้แก่ครอบครัว และตอนนี้ได้บวชแล้ว ก็จะทำให้ดีที่สุด”

สามเณรนูโว “ศักดินนท์ คชอำพล” อายุ 10 ปี จาก จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า “เคยบวชมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเป็นการบวชที่มีเพื่อนๆ มาจากหลากหลายที่ ดีใจที่ทำให้พ่อแม่ และคนอื่นๆ ในครอบครัวภูมิใจ ซึ่งทุกคนคอยให้การสนับสนุนและให้กำลังใจ การมาบวชอยู่ที่นี่ ถือเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ดีกว่าไปเล่นเกม เพราะเกมทำให้สมาธิสั้น การบวช ทำให้ได้ฝึกสมาธิ ฝึกความอดทน เกิดสติปัญญา อยู่กับตัวเองและปัจจุบัน  เรียนรู้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี”

ขณะที่ สามเณรนะโม “กฤษิกร เศรษฐวรากร” อายุ 7 ปี จากจ.ลำพูน เล่าว่า “พระอาจารย์ ดูแลดีมากๆ ได้ฝึกสมาธิ ออกเดินบิณฑบาต เชื่อว่าจะอยู่ได้ครบ 1 เดือนอย่างแน่นอน แม้ว่าบรรยากาศที่วัดและที่บ้านจะไม่เหมือนกัน แต่เข้าใจดีว่าต้องมีความมุ่งมั่น อยากฝากเพื่อนๆ ทุกคน ถ้ามีโอกาสขอให้มาบวช เพื่อเรียนรู้ธรรมะและฝึกความอดทนด้วยกัน และขอขอบคุณที่จัดโครงการดีๆ เช่นนี้ให้ได้เข้าร่วม”

ขอเชิญพุทธศาสนิกชน ร่วมใส่บาตรอาหารแห้งได้ เวลา 7.30 น. ณ สวนโมกข์ จ.สุราษฎร์ธานี และติดตามชมการถ่ายทอดสดเรื่องราวชีวิตจริงขณะบรรพชาของเหล่าสามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 8 ทั้ง 12 รูป ในรายการธรรมะเรียลลิตี้ดูสนุก ได้แล้ววันนี้ ถึง 19 พ.ค. 62 ทางช่องเรียลลิตี้ (ทรูวิชั่นส์ 60, 99) ช่องเรียลลิตี้ เอชดี (ทรูวิชั่นส์ 119 หรือ 333) และช่องทรูปลูกปัญญา (ทรูวิชั่นส์ 37, PSI 248) หรือทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน TrueID และ www.trueplookpanya.com/truelittlemonk พร้อมรับชมช่วงไฮไลต์ประจำวันที่จะออกอากาศทาง  ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 รวมทั้งติดตามข่าวสารได้ทาง www.facebook.com/truelittlemonkthailand อีกด้วย

อัญเชิญเครื่องสังฆทานถวายพระพรหมกวี กก.แต่งฉันท์ภาษาบาลี เฉลิมพระเกียรติในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก



วันที่ 30 เม.ย.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจวัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร ได้โพสต์ข้อความว่า "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.ท.สกลเขต จันทรา กรมวังผู้ใหญ่อัญเชิญเครื่องสังฆทานมาถวายพระเดชพระคุณพระพรหมกวี คณะกรรมการแต่งฉันท์ภาษาบาลี เฉลิมพระเกียรติในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อ 30 เมษายน 2562 เวลา 08.30 น. ณ อาคารเจ้าพระนิกรบดินทร วัดกัลยาณมิตร ทรงพระเจริญ" 

ไปแน่! 'ธนาธร' โพสต์โชว์ใบสั่ง เตรียมแจง กกต. ถือหุ้นสื่อ


วันที่ 30 เม.ย.2562นี้  นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะเดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อชี้แจงกรณีการโอนหุ้นวี-ลัค มีเดีย จำกัด โดยจะมีว่าที่ส.ส.ของพรรค และกองเชียร์ไปร่วมให้กำลังใจด้วย ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค เตรียมแถลงข่าวในเวลา 10.00 น. ประเด็นความผิดพลาดในการทำงานกกต.ในหลายกรณี.

อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 เม.ย. นายธนาธร  ได้โพสต์ภาพลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นภาพใบสั่งการใช้ความเร็ว จากการเดินทางออกจาก จ.บุรีรัมย์ เข้ามายังกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 ม.ค. เพื่อมาโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ให้กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา พร้อมข้อความระบุว่า เราเลือกที่จะทำงานการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยอย่างสันติ
          
ผมเลือกที่จะร่วมสร้างพรรคอนาคตใหม่กับสมาชิก เพราะเราเชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านกลับสู่ประชาธิปไตยที่สันติและค่อยเป็นค่อยไปมากที่สุดคือการทำผ่านกระบวนการรัฐสภา
          
สังคมที่เราอยากเห็นคือสังคมที่เป็นประชาธิปไตย ที่คนทุกคนเท่าเทียมกัน หลักนิติรัฐและความเป็นธรรมได้รับการเชิดชู ทรัพยากรของประเทศถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่ของประเทศ สังคมสวยงามที่เรียบง่ายแต่ขณะเดียวกันก็หนักแน่นไปด้วยหลักการ
          
แต่จนถึงวันนี้ ผมมีคดีและข้อกล่าวหาทั้งสิ้นแล้ว 6 กรณี ผมไม่มีเจตนาร้ายกับสังคม แต่แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศที่เราฝันถึง ย่อมกระทบกับผลประโยชน์ของคนกลุ่มน้อยที่พอใจกับสังคมที่ไม่มีวันพรุ่งนี้ คนกลุ่มนี้เองที่ไม่ต้องการให้เราเข้าสภา และพร้อมทำทุกอย่างที่แม้แต่จะนำประเทศไทยลงเหวเพื่อรักษาอำนาจตัวเองไว้
          
ข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นที่ผมต้องไปชี้แจงพรุ่งนี้ไม่มีมูล ไม่มีใครมีหลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์โต้แย้งหลักฐานที่เรานำเสนอได้ ผมไม่ได้ถือหุ้นสื่อในวันที่ผมสมัคร ส.ส. และ กกต. ไม่มีอำนาจในการตั้งข้อกล่าวหาและตรวจสอบผมในประเด็นนี้ ผมหวังว่า กกต. จะเป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริง เป็นเสาหลักที่เข้มแข็งในการดำเนินการผลักดันสังคมให้กลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย
          
หาก กกต. ใช้อำนาจโดยมิชอบ สุ่มเสี่ยงที่จะมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 157 ผมขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฏหมายกับ กกต. ต่อไป
          
พรุ่งนี้ผมต้องไปอธิบายกรณีที่เกี่ยวข้องกับการถือหุ้นสื่อต่อ กกต. โดยจะนำหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ของผมไปด้วย นอกเหนือจากหลักฐานที่ผมเสนอต่อสาธารณะไปแล้ว ยังมีเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมอื่นๆ อีกมาก เช่น
          
รูปที่ 1 ใบสั่งตามรูปแสดงให้เห็นว่าผมอยู่ที่สุรินทร์ในวันที่ 7 มกราคม
          
รูปที่ 2 ใบสั่งตามรูปแสดงให้เห็นว่าผมอยู่ที่ถนนทางหลวงที่ 24 กม. ที่ 107-109 อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ วันที่ 8 มกราคม เวลา 11.41 น.
          
รูปที่ 3 ใบสั่งตามรูปแสดงให้เห็นว่าผมอยู่ที่ถนนกาญจนาภิเษก กม. 5 (ขาเข้า) ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี วันที่ 8 มกราคม เวลา 14.45 น.
          
รูปที่ 4 และ 5 เนื่องจาก ม.จ. จุลเจิม ยุคล ได้เขียนข้อความทวงถามต้นขั้วเช็คผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เอ่ยชื่อโดยตรง ผมสันนิฐานว่าเขาเขียนถึงผม ถ้าเจ้าตัวไม่มีเจตนาเขียนถึงผม ผมขอโทษมา ณ ที่นี้ รูปนี้แสดงให้เห็นว่าต้นขั้วเช็คเรียงลำดับอย่างถูกต้อง และสอดคล้องกับหมายเลขเช็คที่แถลงไปก่อนหน้า ไม่มีการทำเช็คย้อนหลังอย่างที่หลายคนพยายามกล่าวหาแต่อย่างใด ท่านที่ยังสงสัยสามารถสอบถามไปยังธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ถึงการเรียงเบอร์ตามต้นขั้วดังกล่าว
          
รูปที่ 6 แสดงให้เห็นถึงเส้นทางการเดินทาง และการยืนยันหลักฐานที่อยู่และเวลาตามใบสั่งในรูปก่อนหน้า และตามใบเสร็จทางพิเศษที่ชี้แจงไปก่อนหน้า ทุกท่านจะเห็นได้ว่าเวลาและที่อยู่สอดคล้องกันทั้งหมด 

เปิดตัวต้นแบบตำบลช่อสะอาด 4 ภาค สร้างรากฐานสุจริตวัฒนธรรมประเทศ




ระหว่าง 27-29 เมษายน 2562  ที่บ้านท่าคอยนาง ต.สวาย อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ในฐานะที่เป็นต้นแบบหมู่บ้านช่อสะอาดแห่งแรกของประเทศไทย มูลนิธิต่อต้านการทุจริต นำโดย ศ.พิเศษวิชา มหาคุณ ประธานมูลนิธิฯ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ ได้จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการและเปิดตัวต้นแบบต้วตำบลช่อสะอาด ทั้ง 4 ภาค ประกอบด้วย ภาคใต้คือ ต.รำแดง จ.สงขลา  ภาคกลาง ต.โพสะ จ.อ่างทอง  ภาคเหนือ ต.ทุ่งศรี จ.แพร่ และภาคอีสาน ต.สวาย 




ศ.วิชา มหาคุณ กล่าวว่า ภายหลังที่มูลนิธิต่อต้านการทุจริต ได้ทำโครงการหมู่บ้านช่อสะอาดมาครบ 3 ปี สามารถขยายพื้นที่หมู่บ้านช่อสะอาดครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทยแล้ว แผนต่อจากนี้ไป คือการขยายพื้นที่จากหมู่บ้านช่อสะอาดเป็นตำบลช่อสะอาด เพื่อสร้างรากฐานของสุจริตวัฒนธรรมในพื้นที่ชุมชนที่เป็นฐานรากของประเทศไทย เราเชื่อว่า ถ้าชุมชนสะอาด ประเทศชาติก็ย่อมค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปสู่ความสะอาดเช่นเดียวกัน 

พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส,รศ.ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติและผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)    ในฐานะที่ปรึกษาของมูลนิธิฯ กล่าวเสริมว่า การสร้างสุจริตวัฒนธรรมนั้น ต้องเริ่มต้นจากการปลูกฝังอุดมการณ์ และชุดความคิด (Mindset) การทำงานจึงต้องเริ่มจากการปลุกจิตวิญญาณของสุจริตชนให้ตื่นขึ้น แล้วเริ่มปลูกฝังค่านิยมของสุจริตธรรมลงไปในจิตใจของเยาวชน และผู้นำชุมชนผ่านกิจกรรมต่างๆ  โดยการผนึกกำลังจาก "บวร" อันได้แก่ บ้าน วัด และราชการ ร่วมกันทำงานในระดับฐานราก ฉะนั้น คำตอบจึงอยู่ที่หมู่บ้านประมาณ  80,000 แห่งทั่วประเทศ  

พระมหาหรรษา  กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ในเดือนมิถุนายนนี้ ผู้แทนจากต้นแบบตำบลช่อสะอาดทั้ง 4 ตำบล จะร่วมกันออกแบบและเขียนแผนที่พัฒนาตำบลช่อสะอาดที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยจะมีผู้ทรงคุณวุฒิจากมูลนิธิฯ และผู้แทนจากองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมวิพากษ์แผนการทำงานทั้งหมด ก่อนที่จะลงสู่การปฏิบัติจริงเพื่อพัฒนาตำบลช่อสะอาดพร้อมกันทั้ง 4 ตำบลต่อไป

ศิษย์นับหมื่นร่วมส่ง'ครูบาบุญชุ่ม'เข้าถ้ำปิดวาจา 3 ปี 3 เดือน 3 วัน



เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 เม.ย.2562  เฟซบุ๊ก "สาย เลือน แลง"  ได้โพสต์ข้อความแจ้งว่า  พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร อรัญวาสีภิกขุ เข้าปฏิบัติธรรมกรรมฐานปิดวาจา 3 ปี 3 เดือน 3 วัน ณ ถ้ำเมืองแก็ด รัฐฉาน ประเทศเมียนมา เมื่อคืนวันที่ 28 เม.ย.2562 แล้ว



ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ชาวพุทธ หลายชาติพันธุ์ นับหมื่นคน ได้ร่วมส่งพระครูบาบุญชุ่ม เต็มบริเวณลานหน้าถ้ำแก็ด เมืองสาด รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ในโอกาสนี้พระครูบาบุญชุ่มได้แสดงธรรมโปรด ความว่า #เกิดมาแล้วทำให้ดีสามอย่าง ชีวิตจะดีที่สุด เลิศที่สุด ใจดี พูดดี ทำดี

เป้าหมายสูงสุดของความเป็นมนุษย์คืออะไร เกิดมาแล้วเราต้องทำอะไรจึงจะทำให้ชีวิตดี มีความสุข มีความสำเร็จ อย่ามัวเมามาขอแต่ของดีจากพระ จงทำดีเอาคนเดียว

ท้ายที่สุดนี้...เราขอเราขอเมตตาให้ทุกท่าน จงเป็นผู้มีสติมีปัญญา พาตนให้พ้นทุกข์ในวัฏฏะสงสาร ให้ถึงพระนิพพานอันเป็นอมตะสุขยิ่ง 

หลังจากนั้นได้เดินทางเข้าถ้ำท่ามกลางเสียงสาธุ สาธุ ดังสนั่นทั่วบริเวณ
  
ที่มา : เฟซบุ๊ก สาย เลือน แลง

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2562

นักการเมืองสวีเดนหนุนเชิญนายกฯร่วมงานสันติภาพโลก



เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา พระวิเทศปุญญาภรณ์ หรือเจ้าคุณสวีเดน  เจ้าอาวาสวัดพุทธาราม  ประเทศสวีเดน เปิดเผยว่า ประธานสภาเทศบาลสมัยที่สามและ ส.ส.พรรครัฐบาลของประเทศสวีเดน อดีตประธานสภาเทศบาล 3 สมัย อายุ 70 ปี ได้ร่วมงานวันสงกรานต์ซึ่งจัดขึ้นที่วัดพุทธาราม พร้อมทั้งได้เซ็นลงนามมอบที่ดินเพื่อสร้างวัดในพระพุทธศาสนา รวมถึงสนับสนุนการจัดงานสันติภาพโลกที่ประเทศสวีเดนในวันที่ 30 มิถุนายนนี้  และสนับสนุนให้เชิญนายกรัฐมนตรีประเทศสวีเดนร่วมงานด้วย

"บุคคลทั้งสองได้สอบถามโครงการสร้างวัดและสถานการณ์เกี่ยวกับประเทศไทย และได้สอบถามถึงงานพระบรมราชาภิเษกด้วย ก่อนเดินทางกลับ ได้ขึ้นเครื่องบินเล็กถ่ายบริเวณวัดเพื่อเผยแพร่ภาพให้คนทั่วโลกได้ชมด้วย แม้ว่าบุคคลทั้งสองจะไม่ได้เป็นชาวพุทธแต่ถือว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งสันติภาพภาพและเป็นที่พึ่งของชาวโลกได้ จึงเรียนเชิญร่วมงานสันติภาพโลกด้วย ซึ่งก็ได้ตอบรับและยินดียิ่ง"พระวิเทศปุญญาภรณ์  กล่าว

อธิการบดีม.กรุงเทพธนบุรี มอบประกาศนียบัตรนร.-นศ.ในเครือ




อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรให้นักเรียน นักศึกษา  สถาบันในเครือ แนะขอให้เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติแก้ปัญหาของประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าเป็นหนึ่งในเอเชียและของโลกต่อไปด้วย

วันที่ 29 เม.ย.2562  ผศ.ดร.บังอร   เบ็ญจาธิกุล  อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี  ได้เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา  ประจำปี  2561 ของวิทยาลัยอาชีวศึกษากรุงเทพธุรกิจ  ซึ่งเปิดสอนระดับ. ปวช และ ปวส.ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ สาขาการบัญชี. การตลาด และคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และวิทยาลัยเทคโนโลยีโพลีกรุงเทพ. ซึ่งเปิดสอนวิชาอุตสาหกรรม. สาขาช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า  สาขาวิชาศิลปกรรม สาขาวิชาสถาปัตบกรรม ซึ่งเป็นสถาบันในเครือ ม.กรุงเทพธนบุรี ผลิตนักศึกษาออกไปรับใช้สังคม  ประเทศชาติ ณ.หอประชุมใหญ่อาคารชาญชัย  อเคเดียม. ม.กรุงเทพธนบุรี

ผศ.ดร.บังอร  ได้กล่าวให้โอวาทแก่นักศึกษาว่า ประเทศไทยของเรากำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ความเป็นประเทศที่พัฒนาประเทศหนึ่งของเอเชีย  และของโลก อีกประเทศหนึ่งผลิตนักเรียน นักศึกษาให้เป็นพลเมืองที่ดีมีคุณภาพเพื่อใช้ความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาของประเทศชาติ ให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่าหัวฯ ในรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสที่มีสาระสำคัญที่ควรพิจารณาอย่างยิ่งว่า  ความจริงคนไทยเป็นคนฉลาดโดยเฉพาะผู้มีการศึกษาดี เช่นท่านทั้งหลาย  ย่อมมีความรู้ หลักวิชาแน่นหนา มีความคิดอ่านกว้างไกล มีกำลังกาย กำลังใจเข้มแข็งสมบูรณ์ มีเจตนาแรงกล้าที่จะสร้างสรรค์ และมีความฉลาด ที่จะใช้เหตุผล  แก้ปัญหาได้ดีพอตัว. นำความรู้ความคิดที่มี มาเชื่อมโยงเข้ากันให้พร้อมเพียง ประสมประสาน  ปรับปรุงความรู้ความคิดนั้น ด้วยความเพ่งพินิจ  และวิจารณญาณที่ละเอียดรอบคอบ  แล้วออกใช้ให้ได้ผล เห็นจุดใดบกพร่อง  ก็พยายามแก้ไขปรับเปลี่ยนที่จุดนั้น เห็นจุดใดดี ก็พยายามส่งเสริมให้มั่นคงย่องขึ้น

"ถ้าทุกคนพร้อมใจกันปฏิบัติโดยทำนองนี้ ทุกส่ิงทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับ และเชื่อได้ว่า จะสามารถเอาชนะอุปสรรค ปัญหา ความไม่ปกติทั้งปวงได้ ทั้งจะสามารถจรรโลงรักษา และนำพาประเทศให้ก้าวหน้า สู่ความเจริญ  และเป็นประทศที่พัฒนาแล้วชาติหนึ่งของเอเชีย และของโลกได้โดยสวัสดี" อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กล่าว

ผศ.ดร.บังอร  กล่าวในตอนท้ายว่า  ขออวยพรให้นักเรียน นักศึกษาทุกคน ประสบความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สามารถบำเพ็ญตน ให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง ได้อย่างเข้มแข็ง และมีความสุขสวัสดีโดยทั่วกัน 

นอกจากนี้อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรียังได้มอบโล่เกียรติยศให้แก่ ร.ต.พรชัย คุ้มแก้ว นักตะกร้อทีมชาติไทย    มือ 1 ของโลก ในฐานะศิษย์ดีเด่นของวิทยาลัยอาชีวศึกษากรุงเทพธุรกิจ ที่ได้สร้างชื่อให้กับประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย


'ชูวิทย์'สอนเชิง'อนาคตใหม่' แนะวิ่งสู้ฟัดอย่าเป็นอนาคตดับ




วันที่ 29 เม.ย.2562 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โดยระบุว่า อนาคตใหม่ อย่าเป็น อนาคตดับ ทั้งคดีความมั่นคง คดีหุ้น คดีหมิ่นศาล และอื่นๆ ที่จะทยอยมา หากมัวแต่นั่งรับหมายเรียกทุกวันคงอิ่มพอดี
          
บรรดานักร้อง (เรียน) พวกสัมภเวสี เจ้าไม่มีศาล วิญญาณเร่ร่อน คอยฉกฉวยแย่งชิงกินของเซ่นไหว้ ร้องทุกเรื่องที่จะทำให้ตัวเองดัง แม้แต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ร้องไปเรื่อยเปื่อย คงมีสักเรื่องที่เป็นเรื่องต้องวิ่งสู้ฟัด ไม่นิ่งเฉย ฟ้องกลับข้อหา แจ้งความอันเป็นเท็จเพื่อกลั่นแกล้งให้บุคคลอื่นต้องได้รับโทษทางอาญา แลกกันคนละหมัด อย่าทำตัวเป็นพระเอกหนังไทย ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามขย้ำเช้าเย็น
          
อีกสักพักหากได้เข้าสภาคงเข้าใจว่าเป็นนักการเมืองไทยต้อง โหด ดี เลว ขืนมัวแต่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ใจดี มีหวังเป็นอนาคตดับ ต้องหน้าด้าน หน้าทน แทงหน้า แทงหลัง หากไม่ทำอาจตกม้าตาย เพราะถูกเล่นอยู่ฝ่ายเดียว วังวนของการเมืองไทยยังไม่พ้นแปรรูปเป็นการเมืองใหม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ อนาคตใหม่ จะกลายเป็น อนาคตดับ หรือไม่ อีกไม่นานคงได้รู้กัน

แนะปลูกป่าทำเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงทางรอดจากโลกร้อนของไทย




วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2562

พระชี้!มรดกความขัดแย้ง : คนรุ่นใหม่ต้องตัดสินใจ


วันที่ 27 เม.ย.2562 เพจ Phramaha Boonchuay Doojai ของพระครูพิพิธสุตาธร (พระมหาบุญช่วย สิรินฺธโร) รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) วิทยาเขตเชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อความว่า มรดกความขัดแย้ง : คนรุ่นใหม่ต้องตัดสินใจ

ในโอกาสที่ได้ร่วมเสวนา เรื่อง “การใช้สื่อเพื่อเผยแผ่ข่าวดี ท่ามกลางความท้าทายของสื่อในยุคดิจิทัล” เนื่องในโอกาสการสัมมนาบาทหลวง อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกในประเทศไทย เมื่อวันพุธที่ 24 เมษายน 2019 ณ ศูนย์ฝึกอบรมงานอนุบาลบ้านผู้หว่าน อ. สามพราน จ. นครปฐม ร่วมกับคุณฮามีซี อัคคีรัฐ สื่ออิสลาม (จาก White Channel) และคุณณรงค์ฤทธิ์ ยงจินดารัตน์ (ปะการัง) นักเขียนชาวคาทอลิก โดยมีบาทหลวงอนุชา ไชยเดช เป็นผู้ดำเนินรายการ และมีพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ในฐานะมุขนายกอัครสังฆมณฑลกรุงเทพ เป็นประธานในการจัดการสัมมนา ได้มีเรื่องราวอันเป็นมรดกความขัดแย้งได้ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นคำถามในวงเสวนาด้วย

วันนี้จึงอยากจะทบทวน “มรดกความขัดแย้ง” ระหว่างชาวพุทธกับคาทอลิกในประเทศไทย แม้จะไม่ถึงขั้นนำมาซึ่งความรุนแรงระหว่างศาสนิก แต่ก็ทำให้เกิดความหวาดระแวง การมองหน้ากันไม่สนิท แม้จะมีความพยายามในการจัดการสานเสวนาระหว่างกัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนิทสนม ด้วยเชื่อว่าอาจมีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่เรียกกันว่า “วาระซ่อนเร้น”

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการสานเสวนากันมาอย่างต่อเนื่อง จึงเริ่มมองเห็นแนวโน้มสำคัญที่อาจเรียกได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีในดำริที่จะนำไปสู่การลดเงื่อนไขความขัดแย้งที่ถูกสร้างไว้ในโดยคนรุ่นก่อน สร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน และร่วมมือกันสร้างโลกแห่งสันติต่อไป

สืบเนื่องมาจาก Vatican Council ครั้งที่ 2 ระหว่างปี ค.ศ. 1962-1965 คำว่า “Dialoge – ศาสนสัมพันธ์” ถูกนำมาใช้เพื่อ โดยมีนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่เน้นการกลมกลืน (assimilation) ทุกด้าน จึงเป็นที่มาของการที่คริสตจักรโรมันคาทอลิกในประเทศไทยในยุคนั้น เริ่มนำเอาพิธีกรรมแบบพุทธไปใช้ในโบสถ์ นำโต๊ะหมู่บูชาแบบในวัดพุทธไปใช้ในโบสถ์ โดยตั้งไม้กางเขนแทนพระพุทธรูป นำสถาปัตยกรรมแบบพุทธไปสร้างในเขตโบสถ์ รวมถึงการนำศัพท์ที่ใช้ในพระพุทธศาสนาในประเทศไทยไปใช้ เช่น วัด พระสงฆ์ สามเณร สังฆราช อัครสังฆราช ฯลฯ ด้านคำสอนก็มีการกล่าวถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นประกาศกที่พระเจ้าส่งมาเพื่อเตรียมชาวตะวันออกไวต้อนรับพระเยซูคริสตเจ้า และอื่นๆอีกมากมาย ที่ถือได้ว่าเป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง มาตราบถึงปัจจุบันนี้

คำถามที่มีในวงเสวนาที่สะท้อน “มรดกความขัดแย้ง” ก็คือ “การใช้ภาษาอธิบายหลักธรรมทางศาสนาในปัจจุบัน ที่อาจสร้างความสับสนในหมู่ศาสนิก ชาวพุทธปัจจุบันคิดเห็นอย่างไร ?”

คำตอบก็คือ ชาวพุทธรู้สึกไม่สบายใจ เกิดความสงสัยในเจตนา รู้สึกไม่ไว้วางใจในการแพร่ธรรมของชาวคริสต์(โดยรวม) ทั้งนี้ไม่เพียงเพราะการใช้ศัพท์ในการอธิบายศาสนธรรมเท่านั้น ยังรวมถึงการบัญญัติศัพท์ที่ดูเหมือนจงใจสร้างความสับสน ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกในประเทศไทย ในช่วงกว่า 50 ปีที่ผ่านมา

เมื่อถึงเวลาที่ทุกฝ่ายตระหนักในเรื่องนี้ การดำเนินการแก้ไขด้วยความจริงใจและจริงจัง จึงน่าจะช่วยเยียวยาและฟื้นฟูใจของศาสนิกแต่ละศาสนา จากความรู้สึกเหินห่างก็จะกลายมาเป็นความรู้สึกใกล้ชิด จากความรู้สึกไม่ไว้วางใจเป็นความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ จากที่ไม่มองหน้ากันให้หันหน้าเข้าหากันด้วยความสนิทใจ จากความรู้สึกไม่อยากค้าสมาคมด้วยเป็นการอยู่ร่วมกันด้วยมิตรภาพ จากการยกตนข่มกันเป็นความเคารพในศรัทธาของกันและกัน และจากที่ต่างคนต่างทำมาสู่การร่วมมือกันสร้างสังคมแห่งสันติสุขต่อไป

หลังการเสวนา ได้ทราบว่า “คริสตจักโรมันคาทอลิกในประเทศไทย” กำลังมีดำริที่จะทบทวนการใช้ศัพท์ใหม่ โดยร่วมมือกับกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อมั่นว่าชาวพุทธในประเทศไทยจะเข้าใจในเจตนาอันดีดังกล่าว พร้อมกันสวดภาวนาเป็นกำลังใจขอให้ความคิดริเริ่มของ “คริสตจักรโรมันคาทอลิกในประเทศไทย” บรรลุเป้าหมายด้วยดีทุกประการ

ความรู้สึกร้าวลึกในใจของชาวพุทธจะได้รับการเยียวยาในคราวนี้ ด้วยมุมมองใหม่และพลังแห่งความดำริที่ดีงามของ “คริสตจักโรมันคาทอลิกในประเทศไทย” ที่จะนำไปสู่การทบทวนการใช้ “คำศัพท์” ในหมู่พี่น้องชาวคาทอลิกเสียใหม่ ป้องกันความสับสนอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต

อย่างไรก็ตาม เมื่อ “คริสตจักโรมันคาทอลิกในประเทศไทย” ได้ดำเนินการเรื่องนี้จริงเป็นรูปธรรมแล้ว ก็ยังอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะเพื่อพิสูจน์ความจริงใจระหว่างกัน ซึ่งในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านย่อมต้องอาศัย “ความอดทน” อย่างสูงยิ่งของผู้ที่เกี่ยวข้อง

ได้เห็นข่าว สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ได้เสด็จเยือนประเทศต่างๆ ทั้งที่นับถือศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และพระพุทธศาสนา ด้วยพันธกิจสำคัญคือการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับศาสนาอื่นๆแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกมีความหวังและกำลังใจ ด้วยความเชื่อว่าพระบารมีของพระองค์จะส่งเสริมให้ “คริสตจักรโรมันคาทอลิกในประเทศไทย” จะดำเนินการเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับพระพุทธศาสนา ในบรรลุเป้าหมายด้วยดีทุกประการ

" UNO "

ขอบคุณภาพ: Watcharee Kitsawat

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2562

คณะผู้แทนรัฐบาลจีนพบพระพรหมบัณฑิต ปรึกษาร่วมงานฉลองวันวิสาขบูชาโลกที่ไทย



วันที่ 26 เมษายน 2562  ที่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร  คณะผู้แทนรัฐบาลจีนเข้าพบพระพรหมบัณฑิต,ศ.ดร., กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร  ประธานสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก (ICDV) เพื่อปรึกษาการมาร่วมงานฉลองวันวิสาขบูชาโลกประจำปี 2562  วันที่ 16 พฤษภาคม 2562 ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร  โดยมีพระราชปริยัติกวี ศ.ดร., อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เข้าร่วมหารือด้วย

อย่างไรก็ตามในงานฉลองวันวิสาขบูชาโลกประจำปี 2562 ที่ประเทศไทยดังกล่าว วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาจุฬาฯ ร่วมกับสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ จัดเวทีประชุมสติโลก ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 08:45 เป็นต้นไป ขอเชิญมาร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมอง และประสบการณ์การนำสติไปพัฒนาชีวิตและการทำงานในยุคดิจิทัล



ทั้งนี้การจัดงานเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาวันสำคัญของโลก ครั้งที่ 16  ที่ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ ทั้งการตั้งกรรมการร่วมนานาชาติ กิจกรรมพิธีการเฉลิมฉลอง และกิจกรรมการด้านวิชาการ ภายใต้หัวข้อ “คุณูปการพระพุทธศาสนาต่อภาวะผู้นำโลก และความรับผิดชอบร่วมเพื่อสังคมที่ยั่งยืน” (Buddhist Approach to Global Leadership and Shared Responsibilities for Sustainable Development) ระหว่างวันที่ 12-14 พฤษภาคม 2561 ณ เมืองฮา นัม (Ha Nam)

สำหรับหัวข้อย่อย (Sub-Themes) ในการจัดประชุมนานาชาติครั้งนี้ ประกอบด้วย 1: คุณูปการพระพุทธศาสนาต่อภาวะผู้นำโลก และความรับผิดชอบร่วมเพื่อสังคมที่ยั่งยืน(Buddhist Approach to Global Leadership and Shared Responsibilities for Sustainable Development) 2: ภาวะผู้นำสติเพื่อสันติอย่างยั่งยืน (Mindful Leadership for Sustainable Peace) 3: คุณูปการพระพุทธศาสนาต่อการสร้างครอบครัวสันติสุข การดูแลสุขภาพและสังคมที่ยั่งยืน (Buddhist Approach to Harmonious, Healthcare and Sustainable Societies) 4: พุทธจริยศาสตร์ต่อการศึกษาโลก (Buddhist Approach to Global Education in Ethics) 5: การปฏิวัติอุตสาหกรรมกับพระพุทธศาสนา (Industrial Revolution and Buddhism) 6: คุณูปการพระพุทธศาสนาต่อการบริโภคอย่างรับผิดชอบและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Buddhist Approach to Responsible Consumtion and Sustainable Development)

เริ่มต้นแล้ว!โดมิโนทางการเมือง 'ธานอส' ดีดนิ้วสลาย 'ธนาธร'


'สมชัย'ชี้เริ่มต้นแล้ว! โดมิโนทางการเมือง เปรียบ 'ธานอส' ดีดนิ้วสลายผู้สมัคร ส.ส. ครึ่งจักรวาล ขณะที่ 'วีระ'โพสต์เทียบคดีโอนหุ้น'ธนาธร-ดอน'

วันที่ 27 เมษายน เพจ Somchai Srisutthiyakorn ของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ภาพธานอส ตัวร้ายจากภาพยนตร์เรื่อง Avengers : Endgame ที่กำลังเข้าฉายในขณะนี้ พร้อมข้อความ ระบุว่า  การดีดนิ้วทางการเมืองที่จะสลายผู้สมัคร ส.ส.ไปครึ่งจักรวาล

อินฟินิตี้วอร์เริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อการนำเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส.ที่เขียนไว้ใน พรป.ส.ส.มาตรา 42(3) มาตีความและบังคับใช้อย่างเคร่งครัด

"ห้ามผู้สมัครเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ"

เป็นผู้ถือหุ้น ล้านหุ้น หรือ หนึ่งหุ้น ล้วนต้องห้าม

กิจการที่เกี่ยวกับสื่อ จะดูที่วัตถุประสงค์การก่อตั้งในหนังสือจดทะเบียนบริษัท หากมีคำว่า "หนังสือพิมพ์" หรือ "สื่อมวลชน" แม้เป็นหนึ่งในร้อยข้อ ย่อมไม่ได้

แม้รับเหมาก่อสร้าง ขายอุปกรณ์สำนักงาน ทำธุรกิจนำเข้าส่งออก แต่เวลาจดทะเบียนไปจดวัตถุประสงค์ครอบจักรวาลเพื่อให้เกิดความคล่องตัวทางธุรกิจ ย่อมไม่ได้

ผู้สมัคร ส.ส.จะฝ่ายใดก็ตาม หากเป็นนักธุรกิจที่ถือครอบครองหุ้น วันนี้แค่รอคอยว่าเมื่อใด การร้อง การขุดคุ้ยว่าบริษัทตนเองมีหุ้น จะมีหลุดวัตถุประสงค์สักข้อที่ว่าทำกิจการสื่อ ทั้งที่ผ่านมาทำกิจการอื่นมาโดยตลอดหรือไม่

เมื่อหนึ่งคนถูกตรวจสอบและถูกชี้ว่าขาดคุณสมบัติ การขอให้ตรวจสอบอีกสิบอีกร้อยคนที่ชนะเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้น

เมื่อระบบเลือกตั้งใหม่ทุกคะแนนมีความหมาย การขอให้ตรวจสอบ"ผู้สมัครที่แม้ไม่ชนะเลือกตั้ง" เพื่อ"สลายคะแนนทุกคะแนน" ที่จะสะสมเป็นคะแนนพรรคก็จะเกิดขึ้น

การดีดนิ้วครั้งนี้ หรือว่าจะทำให้ ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.จะสลายไปครึ่งจักรวาล

#โดมิโนทางการเมือง เริ่มต้นแล้ว


'วีระ'โพสต์เทียบคดีโอนหุ้น'ธนาธร-ดอน'

ขณะที่ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก วีระ สมความคิด เปรียบเทียบระหว่างคดีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หากข้อมูลที่มีการนำเสนอนี้เป็นความจริง กรณีการโอนหุ้นของนายดอน รมต.ร่วมรัฐบาล คสช.กับกรณีการโอนหุ้นของนายธนาธร แทบไม่ต่างกันเลย แต่ทำไมผลของการปฏิบัติมันจึงต่างกันชนิดตรงกันข้าม มีการเลือกปฏิบัติใช่ไหม เมื่อเป็นเช่นนี้จะให้เชื่อถือองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญได้อย่างไร

ช่างแกะสลักตระกูลเทียนทอง


มหาทำกินวิถีพอเพียง



'บิ๊กตู่'หารือทวิภาคี 'สี จิ้นผิง' จีนพร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเอไอ



เมื่อเวลา 18.15 น. วันที่ 26 เมษายน2562 ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงปักกิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) หารือทวิภาคีกับนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน


ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญดังนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณสำหรับการเชิญเข้าร่วมการประชุม BRF ครั้งที่ 2 และแสดงความชื่นชมต่อการจัดเวทีหารือที่น่าสนใจ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมด้านการต่างประเทศของจีนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ยินดีที่มาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ในฐานะผู้นำของไทยและประธานอาเซียน 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมจีนที่มีพัฒนาการหลายด้านภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยเฉพาะความสำเร็จในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคม การลดความยากจน และการแก้ไขปัญหามลพิษของจีน ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ไทยประสงค์จะศึกษาเรียนรู้ด้วย พร้อมขอบคุณรัฐบาลจีนสำหรับมิตรภาพและความช่วยเหลืออย่างเสมอมา

ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทย – จีน มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณสำหรับการรับเสด็จพระราชวงศ์และการต้อนรับการเยือนของผู้นำไทยในช่วงปีที่ผ่านมา และการเสด็จฯ เยือนจีนของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนด้วย การนี้นายกรัฐมนตรีได้เชิญประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เยือนไทยในโอกาสแรก เพื่อสานต่อพลวัตที่ดีและความใกล้ชิดในระดับผู้นำ
          
พล.ท.วีรชนกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายต่างย้ำเจตนารมณ์ที่จะผลักดันความสัมพันธ์ไทย – จีน และความร่วมมือเชิงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่รอบด้านให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงที่จะสอดคล้องกับ Thailand 4.0 และ BRI และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายร่วมกันทำงานอย่างแข็งขันต่อไป ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดไทย – จีน จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคให้ก้าวหน้าต่อไป โดยพร้อมที่จะร่วมมือกันผลักดันให้บรรลุเป้าหมายการค้าไทย – จีนที่ตั้งไว้ใหม่ ที่ 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2564 

ทั้งนี้ประธานาธิบดีจีนพร้อมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ และให้ความร่วมมือในสาขาที่จีนมีความเชี่ยวชาญ อาทิ ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในด้านยานยนต์แห่งอนาคต อิเล็กทรอนิกส์ เมืองอัจฉริยะ ปัญญาประดิษฐ์ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ โดยจีนพร้อมสนับสนุนบทบาทการเป็นประธานอาเซียนของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันเดินหน้าการดำเนินการตามแนวคิดหลัก “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” โดยเฉพาะการสานต่อข้อริเริ่มต่าง ๆ ของอาเซียนให้บรรลุผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีหวังให้จีนสนับสนุนให้มีการสรุปผลการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ภายในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับความตั้งใจของจีนและไทย และการส่งเสริมการค้าเสรีและสนับสนุนการค้าโลกที่เปิดกว้างครอบคลุมอย่างแท้จริง

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณการสนับสนุนของจีนในการเปิดสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทยเพื่อเติมเต็มกลไกการประสานงานระหว่างไทย – ฮ่องกง – จีน ในยุคใหม่ นอกจากนี้ไทยพร้อมเป็นสะพานเชื่อมจีนกับประเทศ ACMECS และอาเซียน ผ่านเขตอ่าวกวางตุ้ง – ฮ่องกง – มาเก๊า (Greater Bay Area: GBA) และ EEC

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า  สำหรับความร่วมมือรถไฟไทย – จีน และ ความร่วมมือ 3 ฝ่ายไทย – จีน – ญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมความทุ่มเทในการทำงานของคณะทำงานทั้งสองฝ่ายเพื่อให้โครงการมีความคืบหน้าตามกำหนด ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อความสำเร็จในการลงนามบันทึกความร่วมมือเส้นทางเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างหนองคาย – เวียงจันทน์ ในช่วงการประชุม BRF ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สามารถต่อยอดความเชื่อมโยงกับข้อริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง ของจีน ซึ่งจะทำให้ภูมิภาคเชื่อมโยงกันและเป็นประโยชน์กับประชาชน? นอกจากนี้ การสนับสนุนของรัฐบาลจีนต่อการให้ PPRD มณฑลกวางตุ้ง ฮ่องกง และมาเก๊า เชื่อมโยงกับไทย ซึ่งไทยพร้อมเป็นตัวเชื่อมจีนกับประเทศ ACMECS และอาเซียน เพื่อเชื่อมโยงกับ BRI จะช่วยสร้างพลวัตใหม่ ๆ ให้กับความสัมพันธ์ไทย – จีน และจะเป็นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในการเชื่อมโยงทางยุทธศาสตร์ อย่างยั่งยืนระหว่างไทย – จีน และยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยงในภูมิภาคต่อไป 


วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2562

'สุรพล'ขอ กกต. ทบทวนสอบสวนปมให้ใบส้มใหม่


วันที่ 26 เม.ย.2562 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรรพท. พร้อมด้วยนายสุรพล เกียรติไชยากร ว่าที่ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคพท. ร่วมแถลงข่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการแจกใบส้มให้นายสุรพล

นายสุรพล กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าการที่ตนถวายปัจจัยให้ครูบาสาม วัดดอยพระเจ้า อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่นั้น เป็นการถวายปัจจัยส่วนตัว เพราะครูบาท่านได้ทำเทียนให้ตนบูชาเพื่อเป็นสิริมงคล ทั้งนี้ สิ่งที่ กกต. ได้แจ้งว่าตนผิดม.73 (2) นั้น ขอให้ กกต. ทบทวนอีกครั้งหนึ่ง เพราะการถวายเงินเป็นการถวายส่วนตัว และกฎหมายรัฐธรรมนูญพระก็ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นการจูงใจ หรือโน้มน้าวเพื่อประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามตนได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 18 เมษายน แล้ววันที่ 19 ตนก็ไปให้การ โดย กกต. จังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เหตุที่สำคัญที่สุดคือการไปพูดหาเสียง ซึ่งในวันนั้น ตนไม่ได้พูดหาเสียง ไม่ได้แจกใบปลิวหาเสียง ไม่ได้ใช้รถแห่หาเสียง ไม่ได้ใส่เสื้อของพรรค ตนไปทำบุญกับคนขับรถเพียงสองคนเท่านั้น ดังนั้นจึงขอให้ กกต. กลางทบทวน และให้ความเป็นธรรมกับตน รวมถึงขอให้ กกต. ไปสอบถามข้อมูลข้อเท็จจริงกับประชาชนในอำเภอจอมทอง และอำเภอใกล้เคียง ว่าตนไม่เคยใช้เงินซื้อเสียงตลอดกาลเป็น ส.ส. 8 สมัย ดังนั้นคะแนนกว่า 52,000 คะแนน มาจากความนิยมของประชาชน ตนขอให้ทุกคนเป็นพยานกับตนด้วย อย่างไรก็ตาม วันนี้ (26 เมษายน) เวลา 13.00 น. ต้นจะเดินทางไปยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการต่อ กกต. เพื่อขอความเป็นธรรม

เมื่อถามว่า ท่านเป็น ส.ส. มานานถึง 8 สมัย ทำไมจึงมาพลาดเอาในครั้งนี้ นายสุรพล กล่าวว่า ตนรู้ว่ากฎหมายการเลือกตั้งไม่ให้แจกเงินแก่วัด หรือองค์กรการกุศลต่างๆ แต่การถวายปัจจัยนี้ ตนถวายให้พระที่ตนเคารพนับถือ เพื่อใช้สอยเป็นการส่วนตัว และเพื่อรักษาตัวยามเจ็บป่วย 

ส่วนคำวินิจฉัยของ กกต. หรือว่าเป็นที่สิ้นสุด การมาร้องเอาตอนนี้จะทันหรือ นายสุรพล กล่าวว่า ขอกกต. เมตตาทบทวน เพราะเรามีพยานยืนยันอยู่แล้ว โดยพยานเป็นทั้งนายกเทศมนตรี อดีตกำนัน และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

เมื่อถามว่า หาก กกต. ไม่รับเรื่องที่ร้องไปจะมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไรต่อไป นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของข้อกฎหมายต่อไป แต่ตนคิดว่า กกต. ควรรับเรื่องที่เราได้ร้องไปเนื่องจากการแจกใบส้มแก่ผู้สมัครนั้น ผู้สมัครเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาเพียงอยากต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นก็ควรให้โอกาสแก่ผู้สมัครได้ชี้แจงต่อสู้

'ดาบธี ภาค 7' (ร.ต.ต.สุธี เสรีเผ่าวงษ์) หมดสติไป 3 วันแล้วฟื้นด้วยบารมีของ 'หลวงปู่สูนย์ จันทวัณโณ'




“จุดประสงค์ของการแขวนพระ ทุกคนหวังพึ่งพุทธคุณจากองค์พระทั้งสิ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมาทั้งสิ้น แต่สำหรับผมแล้วเล่นพระเฉพาะที่มีประสบการณ์ขึ้น สน.ขึ้นโรงพักเท่านั้น”นี่คือหลักในการเช่าและเล่นพระของ ร.ต.ต.สุธี เสรีเผ่าวงษ์ หรือเจ้าของฉายา “ดาบ ธี ภาค 7”
    
อย่างกรณีล่าสุด “ดาบ ธี ภาค 7” ได้สัมผัสประการณ์ “หลวงปู่สูนย์   จันทวัณโณ ช่วยอธิฐานจิตแผ่เมตตา ให้ฝืนขึ้นมา หลังจากหมดสติสลบไป 3 วัน เพราะเส้นเลือดฝอยในสมองแตก
  
“ดาบ ธี ภาค 7” เล่าว่า เมื่อหลายเดือนก่อน หมดสติสลบไป 3 วัน เพราะเส้นเลือดฝอยในสมองแตก แต่ด้วยพลังศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่ศูนย์ ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดจึงนิมนต์ท่านให้มาอธิฐานจิตที่เตียงพยาบาล พร้อมกับผูกด้ายสายสิญจน์ที่ข้อมือ และบอกว่า “ไม่ต้องผ่าตัด เดียวก็ฟื้นมาเป็นปกติเช่นเดิม


หลังจาก 3 วันอาการ เริ่มดีขึ้น ในที่สุดก็หายเป็นปกติ ระหว่างที่สลบทั้งหมอและเพื่อนๆ หลายคน ต่างลงความเห็นว่า รักษาอย่างไรคงไม่ได้เป็น ดาบธี ภาค 7 คนเดิม อย่างน้อยๆ ความจำ หรือ การเดินเหินคงไม่ได้เป็นดังเดิม เมื่อหายเป็นปกติจึงขับรถไปกราบหลวงปู่ศูนย์ถึงสกลนครด้วยตัวเองมา 3 ครั้งแล้ว นับว่าเป็นบุญของผม 

หลวงปู่สูนย์   จันทวัณโณ หรือ พระครูธรรมคุณาทร วัดป่าอิสระธรรม  (ธ) บ้านวาใหญ่ ต.บ้านวาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร ท่านเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบัน ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่อุ่น อุตตโม วัดอุดมรัตนาราม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร (หลวงปู่ผ่าน เป็นศิษย์รุ่นพี่) 

ประสบการณ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลของท่านมีหลายประการ แต่ท่านสร้างเพียงพระผง ,ล็อกเกตหลวงปู่สีลา, แต่ผู้ที่ได้ไปกราบท่าน มักแคล้วคลาด ปลอดภัยจากภัยอันตราย และที่สำคัญได้โชคลาภ เจริญรุ่งเรือง 

บางคนอาจจะไม่ชอบนามของหลวงปู่ศนย์ แต่นามของท่านมีนัยแฝงในหลายแง่ ในหลายมุมมอง เช่น หนี้ศูนย์สิ้นหมดหนี้ปลดสิ้น โรคภัยศูนย์หายหรือไม่มากล้ำกลาย อย่าที่หลวงปู่ท่านว่า “การคนเราไม่มีโรคถือเป็นลาภอันประเสริฐแล้วครับ ลูกศิษย์หลวงปู่หลายท่านก็มีโชคมีลาภกับหลวงปู่หลายต่อหลายท่าน”



แม้ว่าระยะทางจากจังหวัดนครปฐมถึงจังหวัดสกลนครจะยาวไกลแต่ ดาบ ธี ภาค 7 ก็เดินทางไหกราบไหว้ หลวงปู่สูนย์  หลายครั้ง โดยได้เล่าประวัติให้ฟังคราวๆ ว่า 

หลวงปู่สูนย์  ปัจจุบันอายุ 88 ปีแล้ว ท่านบวชมาตั้งแต่อายุ 15 ปี กับ “หลวงปู่สีลา อิสฺสโร” เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กอปรด้วยศีลและธรรม มีศีลาจารวัตรที่งดงาม เป็นพระที่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย คำสั่งสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าและปฏิบัติตามคำสั่งสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พระบูรพาจารย์สายพระป่า

คราใดหลวงปู่สีลาไปพบหลวงปู่มั่น สามเณรศูนย์จะติดตามไปด้วยทุกครั้ง คำสอนที่หนึ่งที่หลวงปู่มั่นสอน คือ “ให้พิจารณา เนื้อหนังมังสา” เมื่ออายุครบ 20 ปี ท่านก็บวชเป็นพระภิกษุ

ระหว่างที่บวชท่านได้สนทนาธรรม และ ฝึกปฏิบัติธรรมกับกรรมฐานสายป่าหลายรูป โดยได้ยึดปฏิบัติตามคำสอนอย่างเคร่งครัด เข้าพรรษาที่  5 จึงออกธุดงค์ไปตามสถนานที่ต่างๆ โดยท่านได้ไปปฏิบัติบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งของ จ.ปราจีนบุรีนานถึง 13 ปี

เคยมีลูกศิษย์หลายคน ถามหลวงปู่สูนย์ว่า “ระหว่างธุดงค์ในป่าได้พบเรื่องราวอะไรบ้าง”

หลวงปู่สูนย์ บอกว่า การบำเพ็ญเพียรในป่า ในถ้ำ ได้พบเรื่องราวแปลกๆ ที่อัศจรรย์ ทั้งที่เล่าให้ฟังได้ และบางเรื่องก็เล่าให้ฟังไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นการอวดอุตริมนุษย์ธรรม 

ในกรณีมีคนใส่บาตรระว่างอยู่ในป่าลึก อยู่ในป่าลึก หรือไม่นั้น หลวงศูนย์ บอกว่า ระหว่างออกบิณฑบาตนั้น ต้องเดินก้มหน้า มองไปข้างหน้าไม่เกิน 3 ก้าว 

อาจจะดูเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนทั่วๆ ไป ทั้งๆ ที่ในป่าไม่มีหมู่บ้านคน แต่มีหญิงชายแต่งตัวด้วยผ้ามัดหมี่มาใส่บาตรทุกๆ เช้า เป็นอย่างนี้เรื่อยมา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเหยหน้ามองใบหน้าผู้ที่มาใส่บาตรด้วยความสงสัย กลับกลายเป็นว่า อาหารที่ใส่บาตรนั้นหายไปด้วย จากนั้นเป็นต้นมาไม่เคยเกิดความสงสัยอีกเลย

นอกจากนี้แล้วยังเคย ปฏิบัตินั่งวิปัสสนากรรมฐานเป็นเวลา 3 ปี่ ที่ถ้ำผาจรุย หรือ ถ้ำพระอภิรมย์ ตั้งอยู่ที่ ต.ป่าแงะ อ.ป่าแดด จ.เชียงราย ซึ่งถือว่าเป็นถ้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ครั้งหนึ่งได้มีหญิงชายรูปร่างและหน้าตาดี แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองมาสนทนาธรรมด้วยประมาณ 30 นาที จากนั้นก็ลากลับไป เป็นเรื่องแปลกเมื่อพ้นจากปากถ้ำหญิงชายรูปร่างและหน้าตาดี ก็ลอยหายไปในอากาศ

หลงจากธุดงค์ไปทั่วจึงงกลับมาอยู่กับหลวงปู่สีลา วัดอิสระธรรม บ้านวาใหญ่ ต.วาใหญ่ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เพื่อช่วยให้เป็นสำนักปฏิบัติอบรมกรรมฐาน สอนศีลธรรมแก่ญาติโยม ให้รู้จักธรรมะคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนให้ชาวบ้านเลิกนับถือผี แล้วหันมาเคารพนับถือพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึกสูงสุดแทน

จากประสบการณ์ตรงของหลวงปู่ศูนย์ “ดาบธี ภาค 7” บอกว่า โดยนิสัยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบเรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์มาตั้งแต่เด็ก และมักจะเกี่ยวข้องกับพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง เมื่อมาบรรจุเป็นตำรวจมักมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์กับผู้ต้องหามากมาย 

ด้วยความสนใจเรื่องพระเครื่องและเครื่องรางของขลังมักจะขอดูทุกที เมื่อจบคดีก็จะหาเช่าพระเหล่านี้มาเก็บไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นพระสร้างใหม่ราคาไม่แพง บางรุ่นยังไม่หมดจากวัดด้วยซ้ำ
    
การเช่าวัตถุมงคลนั้นคนส่วนใหญ่หวังพึ่งพุทธคุณในองค์พระ แต่กว่าจะรู้ว่าพระนั้นมีพุทธคุณก็หมดจากวัดและมีราคาสูงแล้ว อย่างกรณีพระเครื่องของ หลวงปู่แผ้ว ปวโร วัดรางหมัน รวมทั้ง พระเครื่องของ พระครูภาวนาปัญญาดิลก หรือ หลวงปู่มหาเจิม ปัญญาพโล เจ้าอาวาสวัดสระมงคล อ. กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นพระใหม่ที่มีประสบการณ์สูงมาก 

ทั้งนี้ “ดาบธี ภาค 7” พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "หลายคนอาจจะมองว่าพระใหม่ไม่น่าจะมีพุทธคุณสู้พระเก่าได้อย่างไร ซึ่งที่ผ่านมามีคดียิงกันนับสิบๆ คดี แต่คู่กรณีไม่เป็นอะไรเลย อย่างนี้เขาเรียกว่าพระมีประสบการณ์รองรับจะไม่เช่าเก็บมาได้อย่างไร 

ด้วยเหตุนี้จึงอยากแนะนำว่า อย่าดูถูกพุทธคุณพระสร้างใหม่ และพระใหม่ในวันนี้จะเป็นพระเก่าในวันหน้า พระเก่าที่เราเล่นอยู่ทุกวันนี้สมัยหนึ่งเคยเป็นพระใหม่มาก่อนทุกองค์ทุกรุ่น
     
สำหรับผู้ที่อยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์พระสร้างใหม่ โดยเฉพาะพระประสบการณ์พระขึ้น สน.ในเขต จ.นครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง โดยเฉพาะพระเครื่องของ  หลวงปู่สูนย์ รุ่นล่าสุด ประกอบด้วย เหรียญรูปไข่ พระพิมพ์มาเด็จรูปเหมือนหลวงปู่สูนย์ และ พระปิดตา “ดาบธี ภาค 7” ยินดีให้ข้อมูล สามารถสอบถามได้ที่ โทร. 083-916-2422 และ 082-650-3391

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2562

ระวัง! คดีหุ้นธนาธร โดมิโนตัวสุดท้าย ล้มทับ กกต. 'สมชัย'โพสต์เตือน



วันที่ 25 เมษายน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อดีตคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก “ Somchai Srisutthiyakorn “ ระบุว่า กรณี ธนาธร เป็นเรื่องของ”คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม” หรือเป็นเรื่อง “การเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม” มาตรา 42(3) กำหนดลักษณะต้องห้ามของคนสมัคร ส.ส.ต้องไม่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ คือจุดเริ่มของการมีมติเบื้องต้นของ กกต.ในการแจ้งข้อกล่าวหาต่อธนาธร

คำถามคือ กกต.จะใช้เรื่องคุณสมบัติ หรือเรื่องการกระทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม มาเป็นประเด็นข้อกฎหมายในการจัดการปัญหานี้

คำตอบ คือ หากใช้เรื่องคุณสมบัติ”อย่างเดียว”ไม่น่าเดินต่อได้ เพราะเรื่องคุณสมบัติต้องเป็นเรื่องการร้องโดยบุคคลที่เห็นว่าเขาขาดคุณสมบัติ และต้องดำเนินการร้องใน 7 วันนับแต่วันที่ประกาศรายชื่อผู้สมัคร(มาตรา 51 สำหรับ ส.ส.เขต, มาตรา 60 สำหรับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ) ซึ่ง กกต.ประกาศชื่อเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 การยื่นร้องคัดค้านคุณสมบัติจึงทำได้เพียงถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 เท่านั้น

ดังนั้นเรื่องคุณสมบัติ จึงเป็นเพียง”ปฐมเหตุ” ที่นำไปสู่การใช้มาตรา 132 ที่ระบุว่า “ผู้ใดกระทำการอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม” แปลง่ายๆว่า ธนาธรไม่มีสิทธิสมัครด้วยคุณสมบัติแต่ยังลง และความนิยมที่มีต่อธนาธร(ที่มีคุณสมบัติต้องห้าม) นำไปสู่การเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม แม้จะโยงยาวหน่อยก็พยายามจะโยง
          
การพยายามให้”ใบส้ม”แก่ธนาธร จึงเป็นสืบเนื่องจากมาตรา 132 นี้ เพียงแค่ใช้มาตรา 42(3) เป็นปฐมบท 

คิดไกลต่อไป หากธนาธรไม่มีสิทธิลง และคะแนนของอนาคตใหม่ทั้งหมดมาจากความนิยมต่อธนาธร หมายความถึงสึนามิลูกใหญ่กำลังมาถึงพรรคอนาคตใหม่ เพราะ จะมีประเด็นต่อว่า ทุกคะแนนของอนาคตใหม่ได้มาด้วยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม

สีนามิลูกนี้ อาจโทษธนาธรฝ่ายเดียวไม่ได้ เนื่องจาก กกต.เองก็มีกลไกในการตรวจสอบคุณสมบัติ และใช้เวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติเป็นสัปดาห์ มีการประกาศรายชื่อ ให้เวลาทักท้วง มีการเลือกตั้ง และผ่านการเลือกตั้งไปเป็นเดือนแล้ว จึงหยิบยกเรื่องราวมาตรวจสอบ

จึงเป็นคำถามใหญ่ที่ถามกลับไปยัง กกต.ได้ว่า ท่านมีความผิดในเรื่องดังกล่าวด้วยหรือไม่

โดนิโมทางการเมืองกำลังเริ่มทำงาน และให้ระวังคนที่เริ่มเล่นด้วยว่า โดมิโนตัวสุดท้ายจะกลับมาล้มทับตัวเองหรือไม่

'น้องพลอย'The Voice ซีซั่น 6 สมัครเรียนป.ตรี ม.สงฆ์พิจิตร




เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2562 นางสาวสุภัคชญา รัตนใหม่ หรือ พลอย ผู้เข้าประกวดร้องเพลงในรายการ The Voice Thailand ซีซั่น 6 ได้เข้ายื่นสมัครเรียนระดับปริญญาตรี หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) วิทยาลัยสงฆ์พิจิตร ที่มีพระราชสิทธิเวที,ดร., ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ และนับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของจังหวัด 

ทั้งนี้นางสาวสุภัคชญามีความตั้งใจต้องการได้ปริญญาตรีอีกหนึ่งใบ หลักจากเป็นบัณฑิตในรั้วของมหาวิทยาลัยนเรศวร คณะวิศวะกรรมศาสตร์ แต่เนื่องจากเป็นคนจังหวัดพิจิตรจึงต้องการเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งแรกและแห่งเดียวในจังหวัดพิจิตร  ดังนั้นหากผู้ใดสนใจสมัครเข้าเรียนเหมือนน้องพลอยสามารถสมัครด้วยตัวเองที่ วิทยาลัยสงฆ์พิจิตร เลขที่ 111 หมู่ 2  ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร 66000 โทรศัพท์ 056-619-711,056-619-712 ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30  - 16.30 ย. ยกเว้นวันหยุดราชการ

cr.https://www.mcu.ac.th/news/detail/20132

ก.เกษตรนำ AI ร่วมขับเคลื่อน'เกษตรอัจฉริยะ'



นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนาเกษตรอัจฉริยะ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบต่อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) โดยกำหนดยุทธศาสตร์ในการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจให้เกิดความมั่นคงและก้าวทันความเปลี่ยนแปลง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจสำคัญในการดูแลและสนับสนุนให้เกษตรกรกว่า 6.6 ล้านครัวเรือน มีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาการทำเกษตรกรรมในพื้นที่ 149 ล้านไร่ ให้สามารถผลิตผลผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญต่อการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการผลิตโดยนำแนวคิด "เกษตรอัจฉริยะ" หรือ "SMART AGRICULTURE" มาเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับสังคมเกษตรกรรมดั่งเดิม ไปสู่สังคมเกษตรกรรมสมัยใหม่หรือเกษตรกรรม 4.0
          
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม โดยตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นของระบบเกษตรอัจฉริยะต่อสังคมเกษตรกรรมไทย ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสและเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ โดยมีหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการพัฒนา และขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากการดำเนินงานที่ผ่านมาได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกประเทศ รวมทั้งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงพาณิชย์ อาทิ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ รวมถึงบริษัทเอกชนต่าง ๆ โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้มีความเห็นชอบร่วมกันในการขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะโดยดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม 3 ด้าน ในปี 2562 ประกอบด้วย
          
1. การจัดทำแปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะ โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในกระบวนการการผลิต ใน 6 พืช ได้แก่ ข้าว อ้อย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง สับปะรด และมะเขือเทศในโรงเรือนอัจฉริยะ ในพื้นที่ 6 จังหวัด ในภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง และภาคใต้ พร้อมทั้งมีการจัดเก็บข้อมูลด้านต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การจัดทำ Big Data ด้านเกษตรอัจฉริยะสำหรับการประมวลผล เพื่อใช้เป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจ และช่วยกำหนดแนวทางการทำการเกษตรอัจฉริยะต่อไปในอนาคต
          
2. การพัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Platform) เพื่อสนับสนุนระบบเกษตรอัจฉริยะ โดยขับเคลื่อนการใช้ข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะในกระบวนการผลิต เชื่อมโยงเข้าสู่การจัดทำ Big Data ทางการเกษตร และประมวลผล ณ ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลเกษตร (War room) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับใช้เป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจและกำหนดแนวทางการเกษตรอัจฉริยะต่อไปในอนาคต และประสานความร่วมมือจากนักวิชาการด้านต่าง ๆ ตลอดจนนักคอมพิวเตอร์ เพื่อออกแบบและการจัดเก็บข้อมูลด้านการเกษตรที่เกี่ยวข้องภายในแปลงเรียนรู้จากระบบเทคโนโลยี IoT ที่ติดตั้งอยู่ในระบบเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ และการบันทึกข้อมูลโดยนักวิจัยให้เชื่อมโยงเข้าสู่การจัดทำBig Data ทางการเกษตร เพื่อจัดทำ index library สำหรับเป็นดัชนีฐานข้อมูลด้านการเกษตรเพื่อการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะต่อไป โดยในปี 2562 มีแผนดำเนินการระยะเร่งรัด (Quick Win) ด้าน Big Data 3 แผนงาน ดังนี้ แผนงานแรก : พัฒนาข้อมูลปริมาณผลผลิตและพื้นที่เพาะปลูก แบบ near real time ซึ่งเป็นข้อมูลปริมาณและพื้นที่การเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ 5 ชนิด คือ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อย มันสำปะหลัง และสับปะรด แผนงานที่สอง : พัฒนาข้อมูลโรคพืชและแมลงศัตรูพืช รวมทั้งการพัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับการตรวจสอบโรคพืชและแมลงศัตรูพืชที่สำคัญในข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และแผนงานที่สาม: พัฒนา IoT Platform เชื่อมโยงข้อมูลจากการตรวจวัดของเซนเซอร์ต่าง ๆ เช่น เซนเซอร์วัดธาตุอาหารพืชในดินและในน้ำ เซนเซอร์ตรวจวัดสภาพอากาศ เซนเซอร์ดักจับแมลง เป็นต้น ในโรงเรือนปลูกมะเขือเทศ มายังจอแสดงผลแบบ real time เพื่อใช้ในการบริหารจัดการผลิตพืชอย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพ
          
และ 3. การจัดทำแผนแม่บท หรือ Roadmap ขับเคลื่อนการเกษตรอัจฉริยะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานของกระทรวงต่าง ๆ รวมทั้งภาคเอกชน และหน่วยงานในต่างประเทศเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี บุคลากร และให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง

นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า สำหรับแนวคิดการทำเกษตรอัจฉริยะ คือ การเกษตรแม่นยำสูง (Precision Agriculture หรือPrecision Farming) โดยเป็นการทำเกษตรที่มีการวิเคราะห์สภาพพื้นที่ มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency) และเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ (Productivity) โดยใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรกลการเกษตรอัจฉริยะ ควบคุมกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอน เช่น การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การใช้ Agri-Map เพื่อตรวจสอบคุณภาพดิน การใช้เครื่องจักรจัดการแปลง การควบคุมปริมาณแสงและอุณหภูมิ การกำหนดปริมาณสารอาหารและน้ำที่เหมาะสม การใช้ระบบเซ็นเซอร์เพื่อการบริหารจัดการแปลงและโรงเรือน การกำจัดศัตรูพืช โดยนำระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาช่วยสนับสนุน รวมทั้งการวางแผนและตัดสินใจทำการเกษตรบนฐานข้อมูลสารสนเทศที่ถูกต้อง โดยการพัฒนา Big Data Platform ด้านเกษตรอัจฉริยะเพื่อให้เกิดความแม่นยำในการผลิต ซึ่งผลลัพธ์ของการทำเกษตรอัจฉริยะนั้นเป็นการช่วยลดความสูญเสีย ลดต้นทุน ลดปริมาณการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ปุ๋ยเคมี น้ำ และการใช้แรงงานคน ตลอดจนเพิ่มปริมาณคุณภาพผลผลิตและรายได้เกษตรกร สามารถคาดการณ์ผลผลิตได้อย่างแม่นยำ เพื่อสนับสนุนด้านการตลาด และช่วยในการวางแผนการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยกำหนดตลาดล่วงหน้า อันจะช่วยรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรได้

"กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดแนวทางในการสนับสนุนการทำเกษตรอัจฉริยะให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมโดยนอกจากจะพัฒนาเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะผ่านการทำวิจัยและพัฒนา รวมถึงการจัดทำแปลงเรียนรู้แล้ว ยังให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากร เกษตรกร และคนรุ่นใหม่ให้เป็น Smart Officers, Smart Farmer และ Young Smart Farmer ที่มีความรู้ ความเข้าใจและสามารถทำหน้าที่เป็นต้นแบบในการถ่ายทอดวิทยาการสมัยใหม่ ควบคู่กับการส่งเสริมการทำเกษตรกรรมในรูปแบบแปลงใหญ่ (Mega Farm) โดยเฉพาะการทำวิสาหกิจแปลงใหญ่ มีความเหมาะสมในการนำเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะที่ได้รับการทดสอบจากแปลงเรียนรู้ที่นำไปใช้ จะช่วยสร้างโอกาสในการแข่งขันให้กับสังคมเกษตรกรรมของไทยในระยะต่อไป ซึ่งเป็นระบบที่ยั่งยืนที่หน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงเกษตรฯ ต้องบูรณาการร่วมกันขับเคลื่อนดำเนินการกับหน่วยงานทั้งภายในและต่างประเทศ ผมยินดีที่จะมีการขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะให้เห็นเป็นรูปธรรม มีการพัฒนา Big Data เกษตรอัจฉริยะ อย่างเป็นระบบโดยเฉพาะการจัดทำแผนแม่บทหรือ Roadmap " นายกฤษฎา กล่าว
          
ดร.วราภรณ์ พรหมพจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงกำหนดจัดการสัมมนาเกษตรอัจฉริยะ ในวันที่ 24 เมษายน 2562 วัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและการเรียนรู้เกี่ยวกับการเกษตรอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ตลอดจนแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำการเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งมีหัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจ อาทิ "การขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะของประเทศไทย" "บทบาทของ GISTDA กับการขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะของประเทศไทย" "การเกษตรอัจฉริยะของประเทศญี่ปุ่น" "IoT และเซนเซอร์ทางการเกษตร" เป็นต้น สำหรับภาคบ่ายมีการเสวนาเพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะของประเทศไทย ระหว่าง ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มหาวิทยาลัย บริษัทเอกชน และ Smart Farmer อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การจัดการฐานข้อมูล (Big Data) ด้านเกษตรอัจฉริยะ ระหว่างวันที่ 25 - 26 เมษายน 2562 วัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ด้านการพัฒนา Big Data รวมถึงการระดมความคิดจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อพัฒนายกร่าง Big Data Platform ด้านการเกษตรอัจฉริยะ เพื่อการขับเคลื่อนการเกษตรอัจฉริยะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป ตลอดจนยังมีนิทรรศการจัดแสดงเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะโดยหน่วยงาน บริษัทเอกชน และผู้ประกอบการ Start up ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ระบบน้ำอัจฉริยะ ระบบจ่ายน้ำและปุ๋ยอัตโนมัติ ระบบเซ็นเซอร์ทางการเกษตร ระบบตรวจความต้องการอาหารและพืช ระบบตรวจสภาพแวดล้อม ระบบเครื่องดักจับแมลง ระบบโรงเรือนอัจฉริยะ แอปพลิเคชั่นบริการด้านการเกษตร โดรนเพื่อการเกษตร และ Plant Factory system เป็นต้น

ภาคีเครือข่ายฯ-คณะสงฆ์ปทุมธานี เดินหน้า'วัดประชา รัฐ สร้างสุข-รักษาศีล 5'




 ประธานชมรมรักษ์บวร รักษ์ศีล 5 ปทุมธานีฯ ประสานความร่วมมือสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี เพื่อขยายเครือข่ายดำเนินงานโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข - บูรณาการสู่โครงการสถานประกอบการสว่างด้วยศีลธรรม 

วันที่ 24 เม.ย.2562 นางสุดาลักษณ์ ชินวิรารัตน์ ประธานชมรมรักษ์บวร รักษ์ศีล 5 ปทุมธานี ในอุปถัมภ์พระเทพรัตนสุธี พร้อมด้วยนายองอาจ ธรรมนิทา กรรมการและเลขานุการชมรมฯ ในนามคณะกรรมการดำเนินงานโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข (สร้างสัปปายะด้วยวิถี 5ส) จังหวัดปทุมธานี เข้าพบคุณชวลิต ครองสิน ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี ณ สำนักงานใหญ่บริษัท ซี.เค.บี. เพลทสตีล จำกัด ตำบลคูบางหลวง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี 

ทั้งนี้ เพื่อรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ซึ่งดำเนินงานโดยคณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน ดำเนินงานโครงการฯ มาอย่างต่อเนื่อง โดยทางสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี ได้ร่วมเป็นคณะกรรมการ และลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือดำเนินงานโครงการฯ มาตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งที่ผ่านมาสภาอุตสาหกรรมฯ ได้ร่วมส่งเสริมการดำเนินงานด้วยการประชาสัมพันธ์ และเชิญชวนให้สถานประกอบการในจังหวัดปทุมธานี เข้าร่วมการจับคู่กับวัดใกล้เคียงพื้นที่ตั้งของสถานประกอบการ เพื่อร่วมเป็นองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมสนับสนุน และดำเนินงานการสร้างสัปปายะด้วยวิถี 5  ส ตามโครงการฯ

นอกจากการวางแผนขยายผลโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข โดยหาแนวทาง และความร่วมมือให้สถานประกอบการในจังหวัดปทุมธานีร่วมจับคู่ดำเนินงานกับวัดมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาประสิทธิภาพของการดำเนินงานฯ ต่อยอดจากผลสัมฤทธิ์ที่ผ่านมาแล้วในปีพุทธศักราช "561 ยังได้ร่วมกันวางแผนการต่อยอดโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข สู่โครงการสถานประกอบการสว่าง (ด้วยศีลธรรม) โดยบูรณาการการดำเนินงานโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข และโครงการสถานประกอบการรักษาศีล 5 พร้อมด้วยการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล เข้าด้วยกัน เพื่อดำเนินการนำร่องในปีพุทธศักราช 2562  นี้ต่อไป

ทั้งนี้ ได้รับความเมตตาจากพระกิตตะวัน ปญญาชโย พระวิทยากรประจำชมรมบ้านแสงสว่างฯ คณะทำงาน "รักษ์บวร รักษ์ศีล 5" ของคณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานี เข้าร่วมฯ ในครั้งนี้ด้ว 

ที่มา : https://www.facebook.com/1819888594932592/posts/2233056096949171/

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2562

'สุรพล'คาดไม่ถึง ถวายปัจจัยพระ โดนกกต.แจกใบส้ม





วันที่ 24 เม.ย.2562 นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 8 จ.เชียงใหม่ กล่าวยอมรับว่าคาดไม่ถึงที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติแจกใบส้ม ระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1 ปี และให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ จากกรณีที่กลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่า กลุ่มคนจอมทองและผู้รักประชาธิปไตยจอมทอง ร้อง กกต.จังหวัด กล่าวหาว่าการไปร่วมทอดผ้าป่าในพื้นที่เป็นสัญญาว่าจะให้

นายสุรพล ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ชี้แจงรายละเอียดแก้ข้อกล่าวหาต่อ กกต. ไปแล้วว่าไม่ได้ร่วมทอดผ้าป่า แต่มีการถวายปัจจัยแก่พระรูปหนึ่ง 2,000 บาทในนามส่วนตัว และไม่เข้าข่ายว่าเป็นสัญญาว่าจะให้ เพราะตามกฎหมายพระภิกษุไม่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง และพระรูปดังกล่าวก็มาเป็นพยานชี้แจงข้อกล่าวหาด้วย

'มจร'สร้าง'SMART PR'! ติวเข้มเทคนิคสื่อออนไลน์



'มจร'เสริมเคี้ยวงานประชาสัมพันธ์ ติวเข้มเทคนิคสื่อออนไลน์ หวังสร้าง 'SMART PR'เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรสาร 

วันที่ 22 เม.ย.2562 ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)  อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา  พระครูโสภณพุทธิศาสตร์,ผศ.ดร.  รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มจร เป็นประธานการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "โครงการ SMART PR เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร" ระหว่างวันที่ 22-23 เม.ย.2562 เพื่อทำให้การสื่อสารองค์กร มีการพัฒนาในรูปแบบของความทันสมัย โดยการนำเว็บไซต์ใหม่ของมหาวิทยาลัยมาประยุกต์เข้ากับการสื่อสารภายในองค์กรและทำให้การสื่อสารภายในองค์กรเป็นไปได้อย่างทั่งถึง  เพื่อให้บุคลากรด้านสื่อสารองค์กรได้มีเครือข่ายที่ดีและมีการพัฒนาศักยภาพของตนเองในด้านสื่อในรูปแบบที่เหมาะสม ทันสมัยมากยิ่งขึ้น 

และเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เทคนิค และแนวความคิดต่างๆ ของการสื่อสาร การสร้างสาร-สร้างสื่อ และช่องทางในการสื่อสารต่างๆ เพื่อให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ สามารถจับประเด็นการเขียนข่าวได้ดียิ่งขึ้น มีการใช้เทคโนลีมาประยุกต์เพื่อใช้ในงานสื่อสารให้รวดเร็วและทันสมัย และสามารถผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้นจำนวน 75รูป/คน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง  วิทยาเขต วิทยาลัยสงฆ์ และหน่วยวิทยบริการ

โดยมีวิทยากรให้ความรู้เพิ่มทักษะทัศนคตและการสร้างเครือข่ายอาทิ นายเมธาพันธ์ โพธิธีโรจน์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์ มจร นายอรรคพล ศิรินุกูลชร ผู้มีความรู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพมาบรรยายให้ความรู้ด้านการถ่ายภาพในสถานการณ์จริง และการถ่ายภาพเพื่องานประชาสัมพันธ์ 

นายสำราญ สมพงษ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองเว็บไซต์บ้านเมืองออนไลน์แนะนำเกี่ยวกับการเขียนข่าวออนไลน์ให้น่าสนใจ ให้ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีการสื่อสารทั่วไปบูรณาการกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา วิธีการจับประเด็น สร้างประเด็น นำเสนอประเด็น บนพื้นฐานของหลักอริยสัจ 4 สัปปุริสธรรม 7 และระเบียบวิธีวิจัย โดยยกตัวอย่างของข่าวที่นำเสนอเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและ มจร จนสามารถนำมาเป็นกรณีศึกษาในทำวิจัยในการทำวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท

พร้อมกันนี้มีการแนะนำการใช้เว็บไซต์มหาวิทยาลัยใหม่จากนายนพดล เพ็ญประชุม นักวิชาการคอมพิวเตอร์ มจร และการใช้โปรแกรมออนไลน์ canva ทำอินโฟกราฟฟิกเพื่อภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย


กกต.ฟัน'ธนาธร'แล้ว! ชี้มีมูลปมถือหุ้นสื่อ



เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2562  นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้แถลงมติของ กกต.กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูดร้องว่าถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งเข้าลักษณะต้องห้ามการเป็นผู้สมัคร ส.ส.เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง และกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง โดย กกต.เห็นว่าคดีมีมูล จึงมีมติแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายธนาธร ซึ่งนายธนาธรมีสิทธิที่จะไม่ให้ถ้อยคำหรือมีหนังสือชี้แจงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาภายใน 7 วันหลังได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา 

ม.กรุงเทพธนบุรีจับมือสโมสรกีฬาบีบีจี หนุนนักกีฬาสู่ความสำเร็จ


สโมสรกีฬาบีบีจี ร่วมกับ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เซ็นเอ็มโอยู อบโอกาสด้านการศึกษาให้แก่ เยาวชนนักกีฬาสโมสรกีฬาบีบีจี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 พร้อมปลื้มใจในความสำเร็จของนักกีฬาเทเบิลเทนนิสของมหาวิทยาลัยในสังกัดสโมสรบีบีจี หลังจากทำผลงานยอดเยี่ยมในกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 46
       
วันที่ 23 เม.ย.2562 นายเอกภพ เดชเกรียงไกรสร ประธานสโมสรกีฬาบีบีจี และ ผศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เป็นประธานในงานแถลงข่าวในโอกาสที่ สโมสรกีฬาบีบีจี ร่วมกับ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “BBG EDUCATION PROJECT” (บีบีจี เอ็ดดูเคชั่น โปรเจ็ค) มอบโอกาสด้านการศึกษาให้แก่ เยาวชนนักกีฬาสโมสรกีฬาบีบีจี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ที่ห้อง ERA (อีรา) อาคารสปอร์ตคอมเพล็กซ์
        
นายเอกภพ กล่าวว่า ด้วยสโมสรกีฬาบีบีจี ก่อตั้งขึ้นอันเนื่องมาจากพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา โดยมุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นเลิศด้านกีฬาในแก่เยาวชนเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถพิสูจน์ศักยภาพของตนเองและแสดงออกให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมนอกจากนักกีฬาจะได้รับการดูแล สนับสนุนในด้านชีวิตความเป็นอยู่ให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับการพัฒนาทั้งด้านร่างกายและจิตใจแล้ว สโมสรยังให้ความสำคัญในด้านการศึกษา โดยนักกีฬาเยาวชนสโมสรกีฬาบีบีจีทุกคน จะต้องได้รับศึกษาจนสำเร็จในระดับปริญญาตรีเป็นขั้นพื้นฐาน สามารถนำความรู้ไปประยุกต์และต่อยอดเพิ่มโอกาสและเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพด้านกีฬา เกิดเป็นบุคลากรที่มีปะสิทธิภาพสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ สโมสรรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุน คณะผู้บริหาร และคณะกรรมการมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีทุกฝ่าย ที่ตระหนักถึงความสำคัญ และมอบโอกาสด้านการศึกษาให้แก่นักกีฬาสโมสรกีฬาบีบีจีต่เนื่องเป็นปีที่สองหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักกีฬาจะได้รับประโยชน์และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับและประยุกต์ใช้จนบรรลุตามเป้าหมายที่พวกเราทุกฝ่ายตั้งไว้ได้ในอนาคต

ด้าน ผศ.ดร.บังอร กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้รับเกียรติจาก สโมสรกีฬาบีบีจี ในโอกาสที่ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ “BBG EDUACATION PROJECT” (บีบีจี เอ็ดดูเคชั่น โปรเจ็ค)  หรือ “โครงการส่งเสริมการศึกษาเพื่ออนาคต” ระหว่างมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กับ สโมสรกีฬาบีบีจี จากวัตถุประสงค์และกรอบแนวทางความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายนั้น ถือว่าเป็นการสนองพระดำริของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ที่ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีโอกาสที่ดี และต้องขอชื่นชมสโมสรกีฬาบีบีจีที่มีความตั้งใจที่จะพัฒนาทักษะในด้านกีฬาให้แก่เด็กและเยาวชนเพื่อไปสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ ซึ่งการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยครั้งที่ 46 ที่มรภ.อุบลราชธานี เป็นเจ้าภาพ ในปีที่ผ่านมา นักกีฬาจากสโมสรกีฬาบีบีจีที่ได้รับทุนเรียนที่ม.กรุงเทพธนบุรี ได้ร่วมการแข่งขันเทเบิลเทนนิสและได้รับชัยชนะเหรียญทองมาอย่างน่าภาคภูมิใจซึ่งนับว่าสมเจตนารมณ์ของโครงการนี้เป็นอย่างยิ่ง 

"จึงขอชื่นชมผู้รับทุนในโครงการนี้ที่ได้แสดงความสามารถของตนเองออกมาอย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีพร้อมที่จะส่งเสริมสนับสนุนทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อให้นักศึกษาทุนBBG (บีบีจี) ได้รับประโยชน์ทางการศึกษาอย่างเต็มที่ และการให้ทุนครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือที่จะสานโครงการต่อไปในอนาคตที่ยั่งยืนตลอดไป" อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ระบุ

'แขวนพระหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง'ปาฎิหาริย์แรกบนหนังสือพิมพ์ เมื่อ พ.ศ.2500




ปาฏิหาริย์พระหลวงปู่ทวด ที่ว่า “แขวนพระหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง” เป็นความเชื่อของคนในวงการพระเครื่องและคนที่ห้อยพระหลวงปู่ทวด และคติความเชื่อนี้เองทำให้มีการสร้างหลวงปู่ทวดออกมาจำนวนมาก จนมีคำพูดในวงการสร้างพระเครื่องว่า “สร้างพระหลวงปู่ทวดอย่างไรก็ขายได้และไม่ขาดทุน”

ไม่น่าเชื่อว่าพระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ซึ่งสร้างโดยพระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม ธมมธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างให้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อ พ.ศ.2497  หรือเมื่อ 65  ปีที่แล้ว จะโด่งดังสูงล้ำด้วยค่านิยม ชนิดไล่หลังพระสมเด็จวัดระฆังเลยทีเดียว ทุกวันนี้กลับกลายเป็นค่านิยมที่มีการแสวงหากันทั่วประเทศ

การสร้างพระหลวงปู่ทวด เมื่อ พ.ศ.2497 พระอาจารย์ทิม ได้สร้างพระพิมพ์จากนิมิต รูปพระภิกษุชราองค์ดำ ที่มีวัยประมาณ 90  ปีตามนิมิต มีรูปกายสันทัด ผิวคล้ำ หน้าเข้มคมแบบคนพื้นทางใต้ แฝงไปด้วยตบะเดชะและอำนาจ และความเมตตา จึงเป็นที่มีของการแกะแม่พิมพ์ด้วยครั่ง

เพื่อนำมาพิมพ์พระที่สร้างขึ้นจากเนื้อว่าน 108  ชนิด ผสมด้วยดินกากยายักษ์ โรยหลังด้วยแร่ ภายใต้การอนุเคราะห์ของคหบดีชาวปัตตานี คือ คุณอนันต์ คณานุรักษ์ ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์วัดช้างให้เรื่อยมา

ทั้งนี้ พระอาจารย์ทิมได้สร้างเพื่อมอบเป็นที่ระลึกให้ผู้ร่วมทำบุญในการสร้างอุโบสถ วัดช้างให้ในขณะนั้น ซึ่งมิได้มีการกะเกณฑ์มูลค่า จะทำบุญ 10  บาท 20  บาท ก็หยิบเอาไปได้ตามชอบใจ โดยได้สร้างตามกำหนดฤกษ์ที่หลวงปู่ทวดลงประทับแล้วกำหนดไว้ให้ ตามกำหนดเวลาฤกษ์สร้างพระเนื้อว่านได้ 64,000  องค์ ซึ่งตามความตั้งใจจะสร้างให้ได้ 84,000  องค์ แต่หมดเวลาฤกษ์เสียก่อน

พระเครื่องหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นแรก ปี 2497  มีจำนวนแม่พิมพ์ 16  แม่พิมพ์ แบ่งเป็น 3 ขนาด คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก

กระแสความนิยมประหลวงปู่ทวดเกิดขึ้นคล้อยหลังจาก พ.ศ. 2497 มาประมาณ 3-4 ปี เกิดขึ้นเมื่อนางเอกดังในขณะนั้น

ปัจจุบันคือดาราอาวุโสรุ่นใหญ่ คุณรัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ห้อยหลวงปู่ทวดแล้วประสบอุบัติเหตุ จนเป็นที่อัศจรรย์ว่ามิได้รับการบาดเจ็บแม้แต่น้อย ทั้งที่สภาพอุบัติเหตุควรจะต้องมีการบาดเจ็บล้มตายกันขึ้น

หนังสือพิมพ์ลงข่าวหน้าหนึ่งถึงปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ทวด กระแสนิยมตั้งแต่ท้องถิ่นภาคใต้อย่างรวดเร็ว และยิ่งเลื่องลือกระฉ่อนขจรขจาย

จนทำให้บรรดาคนในวงการบันเทิงขณะนั้นไม่ว่าจะเป็น มิตร ไชยบัญชา ผู้ล่วงลับ อีกทั้งนักร้องนักแสดงมากมายต่างมุ่งหน้าสู่วัดช้างให้ เช่นเดียวกับคนในแวดวงอื่นๆ

ในครั้งนั้นกลายเป็นค่านิยมว่า หากเดินทางไปภาคใต้ถึงจังหวัดปัตตานี ต้องตรงไปที่วัดช้างให้เพื่อร่วมทำบุญบูชาพระหลวงปู่ทวด ทั้งเพื่อตนเองและนำมาฝากญาติมิตรลูกหลาน จนกระทั่งพระหลวงปู่ทวดกระจายไปทั่วประเทศ

ยิ่งนับวันยิ่งเกิดประสบการณ์มากมาย ล้วนแล้วแต่แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตรายร้ายแรงอย่างน่าอัศจรรย์ เช่นเดียวกับกระแสความนิยมจตุคามรามเทพเมื่อหลายปีก่อน ช่วง พ.ศ. 2500 - 2505  ใครที่ไป จ.นครศรีธรรมราช ก็จะไปวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เพื่อเช่าจตุคามรามเทพเป็นของฝาก

เรื่องราวของหลวงปู่ทวดเป็นเรื่องเล่าไม่รู้จักจบสิ้น โดยเฉพาะประสบการณ์ปาฏิหาริย์ จนก่อให้เกิดกระแสความเชื่อว่า แม้พระหลวงปู่ทวดที่สร้างจากวัดอื่นหรือพระที่พวกมือผีจงใจปลอมแปลงขึ้นมา หากผู้บูชามีศรัทธาในหลวงปู่ทวดอย่างแท้จริงก็สามารถก่อให้เกิดปาฏิหาริย์เป็นอัศจรรย์ได้เช่นเดียวกัน

“พระหลวงปู่ทวดมีค่าควรแสน” นี่เป็นการคาดการณ์ของ นายอรรถภูมิ บุณยเกียรติ ผู้อำนวยการสถาบันโบราณศิลป์ เมื่อ พ.ศ.2535  หรือ 18  ปีที่แล้ว ขณะที่เป็น บก.อาวุโสของวงการพระเครื่อง เจ้าของนิตยสาร “สนามพระ” และ “คู่มือนักสะสม” ที่กล้าประกันฟันธงไว้ในขณะนั้นว่า

“พระหลวงปู่ทวดหลังเตารีดพิมพ์ใหญ่ ซึ่งขณะนั้นราคาอยู่ประมาณองค์ละหลายๆ พันถึง 1 หมื่นบาทโดยเฉลี่ย จะต้องพุ่งทะยานขึ้นสู่หลักหลายแสน เทียบได้กับหลวงพ่อเงินวัดบางคลานทีเดียว”

ทั้งนี้ นายอรรถภูมิ ได้จัดลำดับค่านิยมไว้ได้ดังนี้ คือ เนื้อว่านรุ่นแรก พิมพ์ใหญ่ยอดนิยมเอ หรือที่เรียกกันว่าพิมพ์หัวไม้ขีด มีค่านิยมหลักล้านโดยเฉลี่ย ในกรณีที่เป็นพระสวยสมบูรณ์ พิมพ์ใหญ่ยอดนิยมบี หรือที่เรียกกันว่าพิมพ์ใหญ่ลึก ก็มีค่านิยมหลักล้านเช่นเดียวกัน

พิมพ์ใหญ่ยอดนิยมซี ที่เรียกกันว่าพิมพ์ไหล่จุดก็มีค่านิยมเฉลี่ยหลักแสนกลางๆ ส่วนพิมพ์อื่นๆ ก็อาจถึงพิมพ์ต้อใหญ่ซึ่งหายากมาก ก็อยู่หลักแสนกลางๆ พิมพ์พระรอดหน้าใหญ่ ซึ่งอยู่ในกลุ่มพิมพ์เล็ก ถ้าสวยแชมป์ก็หลักแสนกลางๆโดยเฉลี่ย

ในขณะที่พระรูปเหมือนเลขใต้ฐาน ถ้าเลขสวยตัวเดียว อย่างเช่นเลข 9 แน่นอนว่าทะลุหลักล้าน หรือ 9 หน้า 9 หลัง ก็ต้องถึงล้าน ส่วนเลขอื่นๆ ถ้าสวยก็เริ่มต้นที่หลักแสนกลางๆ เช่นเดียวกับพระหลังเตารีดพิมพ์ใหญ่เนื้อนวโลหะ ตอกโค้ด ฉ ฉิ่ง ก็เริ่มต้นที่หลักแสนกลางๆ

ยิ่งมี ฉ ฉิ่งหลายตัวยิ่งมากแสนหรืออาจถึงล้าน และดังที่กล่าวแล้ว เหรียญหัวโตรุ่นแรก ถ้าสวยแชมป์ก็ทะลุล้าน เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508  สวยแชมป์ก็หลายแสน

"เรื่องการปลอมแปลงหลวงปู่ทวดเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้สนใจศึกษาควรต้องรับรู้ว่าพระเนื้อว่านหลวงปู่ทวดมีการปลอมแปลงมาตั้งแต่ พ.ศ. 2500  ต้นๆ และปลอมแปลงกันมากมายหลากหลายฝีมือ แต่การปลอมแปลงก็ไม่อาจปิดกั้นให้พระหลวงปู่ทวดมีค่านิยมที่ตกต่ำลง แต่กลับยิ่งทวีมูลค่า

นอกจากนี้แล้วจากคติความเชื่อที่ว่าแขวนพระหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง โดยเฉพาะรุ่นและองค์ที่มีประสบการณ์ย่อมทำให้ค่านิยมของพระรุ่นนั้นๆ สูงขึ้น" นายอรรถภูมิกล่าวทิ้งท้าย

เพื่อให้ความรู้เรื่องพระเครื่องครบทุกด้านทุกมิติ นายอรรถภูมิได้รำพระเครื่องพระบูชา และหนังสือพระเครื่องทั้งหมดมาเปิด หอพระโบราณศิลป์ ณ แยกบางสีทอง ถนนพระราม 5 ต.บางสีทอง อ.บางกวย จ.นนทบุรี

หอพระโบราณศิลป์ มีส่วนจัดแสดง 4 ส่วนหลักๆ คือ

1. ห้องฤาษีทุกตน และ เทพตามคติความเชื่อของคนไทย ซึ่งจะอยู่ชั้นล่างสุด

2.ห้องสมุดหนังสือพระเครื่องและเครื่องรางจากทุกสำนักพิมพ์ ซึ่งจะอยู่ชั้น 2

3.ห้องจัดแสดงพระเครื่อง เหรียญพระพุทธ เหรียญพระคณาจารย์ รวมทั้งเครื่องราง ของขลัง ซึ่งจะอยู่ชั้น 2 และ

4.ห้องจัดแสดงพระบูชา ทุกศิลปะ จากทุกยุคทุกสมัย ซึ่งจะอยู่ชั้น 3

"หอพระโบราณศิลป์จะมีความพิเศษกว่าศูนย์พระอื่นๆ คือ มีทั้งหนังสือพระเครื่องให้อ่าน มีพระเครื่องพระบูชาให้ดูองค์จริง จะมีห้องสมุดที่รวบรวมเกี่ยวกับหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับพระเครื่องทุกชนิด ทั้งที่เป็นหนังสือที่พิมพ์โดยหน่วยงานราชการ หนังสือที่แจกในงานศพ

หนังสือที่พิมพ์โดยเซียนพระตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หนังสือเหล่านี้อาจจะหาอ่านได้ที่หอสมุดแห่ง แต่เข้าใจว่าไม่ได้รวมเป็นหมวดหมู่ จัดเป็นมุมเฉพาะหนังสือพระเครื่องเท่านั้น" นี้คือแนวความคิดของนายอถรรภูมิ

พร้อมกันนี้ นายอรรถภูมิ ยังบอด้วยว่า ที่ผ่านมายังไม่มีสถาบัน องค์กร และ หน่วยงานใดทำห้องสมุดหนังสือพระเครื่องโดยเฉพาะ หนังสือที่นี่ไม่จำกัดค่าย ไม่จำกัดผู้พิมพ์ แม้แต่หนังสือที่เรียกว่าพระปลอมทั้งเล่มก็มีให้อ่าน

ทั้งนี้เซียนพระจำนวนไม่น้อยคิดว่า หนังสือพระปลอมไม่ควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง แต่ในมุมองตัวเองกลับมองว่า หนังสือทุกประเภทล้วนให้ความรู้ ขึ้นอยู่กับว่าผู้อ่านจะไปประยุกต์ใช้อย่างไรเท่านั้น กรณีหนังสือพระปลอมเราอ่านเพื่อที่จะรู้ว่าวงการพระปลอมนั้นเขาเล่นกันอย่างไร

หอพระโบราณศิลป์ เปิดต้อนรับผู้สนใจพระเครื่องทุกระดับ ตั้งอยู่ อาคารนำโชคทวี แยกบางสีทอง ถนนพระราม 5 ต.บางสีทอง อ.บางกวย จ.นนทบุรี เปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00 – 20.00 น. หยุดทุกวันพุทธ โทร.02-550-6438 และ 089-242-8999

ติดตามกิจกรรมของ “หอพระโบราณศิลป์” ได้ที่....https://www.facebook.com/1619705581617589/

กรมพัฒน์ ร่วม NECTEC ดันแผนพัฒนาแรงงานด้าน AI เป้า 3 ปี 10,000 คน

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ดันแผนพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ เป้าหมาย 10,000 คน ในระยะ...