วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2562

นักวิจัยพุทธศาสตร์'มจร'และนักวิทยาศาสตร์ม.แม่ฟ้าหลวงจับมือประเมินคลื่นไฟฟ้าสมอง




วันที่ 31 สิงหาคม 2562  พระปลัดสรวิชญ์ อภิปญฺโญ,ผศ.ดร. หัวหน้าภาควิชาจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว  ร่วมประชุมหารือการพัฒนาเครือข่ายวิจัยและความร่วมมือทางวิชาการและวิจัย ระหว่างภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) กับกลุ่มวิจัยนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมด้านสมอง สำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กรุงเทพมหานคร  โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภัครวรรธน์ สิทธิประภาพร และคณะ เป็นผู้แทน ผลจากการประชุมเบื้องต้นมีความเห็นร่วมกันว่าจะร่วมกันพัฒนาเครือข่ายวิจัยและความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยในระดับส่วนงานย่อย เพื่อสร้างองค์ความรู้และพัฒนานวัตกรรมการดูแลสุขภาวะแบบองค์รวมของคนไทย ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและแผนการศึกษาชาติ
 
พร้อมกันนี้พระปลัดสรวิชญ์ ได้เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาทางวิชาการและการสร้างเครือข่ายทางวิชาการและวิจัย ด้านการประเมินคลื่นไฟฟ้าสมอง สำหรับการปฏิบัติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความรู้ความสามารถและทักษะในการตรวจวัดคลื่นสมองเพื่อปฏิบัติการวิจัยได้อย่างถูกต้อง เป็นการเผยแพร่ความรู้เทคโนโลยีการตรวจวัดคลื่นสมองเพื่อปฏิบัติการวิจัย เพื่อรองรับงานวิจัยในการตรวจวัดคลื่นสมองเพื่อปฏิบัติการวิจัยได้ตามมาตรฐานสร้างเจตคติที่ดีในการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อปฏิบัติการวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและผู้เข้าร่วมสัมมนาสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้และถ่ายทอดให้ผู้เกี่ยวข้องได้ 
"ขณะเดียวกัน การสัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้นิสิตระดับบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยได้รับความรู้ ทักษะ และเสริมสร้างประสบการณ์ ความเจริญก้าวหน้าทางด้านการตรวจประเมินคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อการปฏิบัติงานวิจัย ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติการ ขณะเดียวกันผู้เข้าร่วมอบรมยังได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการตรวจประเมินคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อการปฏิบัติงานวิจัย สามารถสร้างเครือข่ายระหว่างบุคคล และองค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาด้านการตรวจประเมินคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อการปฏิบัติงานวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป  พระปลัดสรวิชญ์ กล่าว

'พุทธิพงษ์หารือ CEO LINEตั้งศูนย์ต้าน fake news




วันที่ 31 สิงหาคม 2562 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้หารือกับ ดร.พิเชษฐ์ ฤกษ์ปรีชา  CEO Line Thailand เร่งดำเนินงานนโยบายปราบ fake news โดยจะใช้ Line OA ของกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นช่องทางหนึ่งในการรวบรวมและกระจายข่าวสาร เป็นกลยุทธ์เชิงรุก ส่วนเชิงรับก็ใช้ตรวจสอบ fake news ที่ประชาชนแจ้งเข้ามา

จะมีการใช้ chatbot สื่อสารกับประชาชนเบื้องต้น เพื่อความรวดเร็วทันใจ และมีทีม admin โดยใน platform นี้จะมีคลังข้อมูลข่าวสาร และ feature สำหรับตรวจสอบข่าวสารปลอมได้ด้วย ซึ่ง Line Official Account ของกระทรวงดิจิทัลฯ จะจัดทำแล้วเสร็จและพร้อมใช้งานเต็มรูปแบบภายใน 2 เดือน

'อนุทิน'กำชับนายแพทย์ สสจ. โฆษกรัฐเผย'บิ๊กตู่'สั่ง มท.จับมือพลเรือน-ทหารบรรเทาทุกข์จากภัย'โพดุล'



วันที่ 31 สิงหาคม 2562  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้รับรายงานความเสียหายของหน่วยบริการจากผลกระทบของพายุ “โพดุล”  หลายแห่ง ส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมขัง และเอ่อล้นเข้าท่วมสถานบริการ พร้อมกำชับให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เร่งจัดหน่วยแพทย์ลงพื้นที่ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยในวันพรุ่งนี้ (1 กันยายน 2562) จะลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อเยี่ยมประชาชน ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน และตรวจติดตามความเสียหายของสถานบริการ

นายอนุทินกล่าวต่อว่า สำหรับส่วนกลางได้สนับสนุนยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 4,000 ชุด ยาทาน้ำกัดเท้า 2,000 หลอด หน้ากากอนามัย 2,500 ชิ้น ขอกำชับให้สถานบริการในเขตพื้นที่เสี่ยงติดตามสถานการณ์ของพายุจากกรมอุตนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่ให้ไว้  หากต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนติดต่อกองสาธารณสุขฉุกเฉินได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รัฐบาลบูรณาการทุกหน่วยสั่ง มท.จับมือพลเรือน-ทหารบรรเทาทุกข์ 

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการ ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งพลเรือนและกองทัพเร่งสำรวจ พื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุโพดุล ซึ่งเบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีจังหวัดที่น้ำท่วมแล้ว 16 จังหวัด พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เช่น ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว อพยพผู้ประสบภัย ส่งมอบอาหารและน้ำ จัดส่งเครื่องมือและอุปกรณ์บรรเทาทุกข์ และเร่งระบายน้ำ เป็นต้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนเป็นอย่างมาก โดยย้ำว่ารัฐบาลได้แจ้งเตือนภัยล่วงหน้าทำให้หลายพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือได้ดี อย่างไรก็ตามหลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลันเพราะฝนที่ตกหนักจึงจำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ขณะนี้ทราบว่าหน่วยงานในพื้นที่ได้ให้ความช่วยเหลือด้านการขนย้ายสิ่งของขึ้นสู่ที่สูง พร้อมระดมเครื่องมือเครื่องจักร เช่น รถแบ็คโฮ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเปิดทางน้ำและระบายน้ำที่ท่วมขังอาคารบ้านเรือน ถนนหนทาง และพื้นที่การเกษตร นอกจากนี้ ยังนำกระสอบทรายไปวางตามจุดเสี่ยงสำคัญเพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ รวมทั้งจัดชุดเผชิญเหตุเข้าประจำจุดเพื่อออกช่วยเหลือประชาชนทันทีเมื่อเกิดภัย โดยหากมีสิ่งใดที่ติดขัดขอให้แจ้งไปยังรัฐบาล

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนเชื่อมั่นรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทุกคนว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด หากต้องการขอความช่วยเหลือสามารถติดต่อหน่วยราชการในพื้นที่ทั้งพลเรือนและทหาร หรือโทร.สายด่วนนิรภัย 1784 สายด่วนกรมชลประทาน 1460

ทหารระดมกำลังพลและเครื่องมือช่างรุกเข้าช่วย

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม.และรมว.กห. ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ เสริมกำลังพลและเครื่องมือช่างจากหน่วยทหารในพื้นที่ เร่งเข้าไปสนับสนุนการทำงานของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และอาสาสมัครจิตอาสาในทุกพื้นที่จังหวัดและอำเภอ ที่ได้รับผลกระทบจาก “พายุโพดุล”  

พร้อมทั้งให้ประเมินและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าไปช่วยเหลือประชาชนให้ทันเวลาและทั่วถึงในทุกพื้นที่  ขณะเดียวกันให้ใช้โอกาส นี้ สำรวจพื้นที่ภัยแล้งเดิมและพิจารณาจัดทำพื้นที่กักเก็บน้ำผิวดิน โดยให้ระบายน้ำเข้าพื้นที่รองรับน้ำดังกล่าวในคราวเดียวกัน  เพื่อรองรับการขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภคในพื้นที่ภัยแล้งที่จะมาถึง

สำหรับภาพรวม ขณะนี้ กองทัพ โดยกำลังทางบกในทุกพื้นที่ ได้นำกำลังทหารและเครื่องมือช่าง เร่งเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ทั้งการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง  การนำประชาชน โดยเฉพาะเด็ก สตรีและคนชรา ออกมายังพื้นที่ปลอดภัย โดยจัดตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อดูแลด้านอาหาร น้ำและทางการแพทย์   ขณะเดียวกัน ประชาชนที่ยังคงอยู่ในพื้นที่ ได้จัดชุดทหารพร้อมแพทย์สนาม นำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือ แจกจ่ายถุงยังชีพและการช่วยเหลือทางการแพทย์เบื้องต้น 

นอกจากนั้น  ได้นำกำลังพลและเครื่องจักร สนับสนุนจัดสร้างแนวป้องกันน้ำ เพื่อมิให้พื้นที่เขตเมืองและชุมชนได้รับความเสียหายมาก พร้อมทั้งได้ใช้เครื่องจักรและเครื่องสูบน้ำ เปิดทางระบายน้ำ จากพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ท่วมขัง ลงสู่แม่น้ำสายหลัก เพื่อลดความเสียหายเป็นพื้นที่   นอกจากนั้นได้ใช้ทหารและเครื่องมือช่าง เปิดเส้นทางสัญจรที่มีดินโคนถล่มและต้นไม้กีดขวาง  พร้อมทั้งนำชุดสะพานทางทหาร เข้าติดตั้งทดแทนสะพาน ที่ถูกตัดขาดชั่วคราว ควบคู่กับ การนำเรือท้องแบนและยานยนต์ล้อสูง ช่วยอำนวยความสะดวกการสัญจรของประชาชน

สำหรับกำลังทางอากาศและกำลังทางน้ำ  ได้เตรียมกำลังพลและอากาศยาน พร้อมสนับสนุนการขนย้ายคน สิ่งของบรรเทาทุกข์และถุงยังชีพเข้าพื้นที่  พร้อมทั้งได้จัดเรือและอากาศยาน ออกลาดตระเวน ดูแลช่วยเหลือ ชาวประมงและนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ตามเกาะแก่ง เพื่อนำเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย  ทั้งนี้ ทุกเหล่าทัพ ยังคงประสานการทำงานร่วมกันกับทุกภาคส่วนราชการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และมีความพร้อมเข้าช่วยเหลือเคียงข้างประชาชน จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ


มส.เร่งประสานพื้นที่เยียวยาวัดและประชาชนประสบภัยน้ำท่วม




วันที่ 31 ส.ค.2562 เพจฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม โดยสำนักงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม วัดยานนาวา กรุงเทพมหานคร แจ้งว่า จากสถานการณ์พายุโซนร้อน "โพดุล" และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก พนังกั้นน้ำและดินสไลด์ในหลายพื้นที่ อาทิ ร้อยเอ็ด, ขอนแก่น, มหาสารคาม, อุบลราชธานี, ชัยภูมิ, ยโสธร, เพชรบูรณ์, ทำให้วัดและบ้านเรือนประชาชน โรงเรียน ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก 

ในการนี้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ ประสานงานเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด ประธานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ประจำจังหวัด ได้ร่วมประสานงานจังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หน่วยงานทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือถวายเครื่องสมณบริโภคแก่พระภิกษุสามเณร และมอบเครื่องบริโภคแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย เพื่อเร่งเยียวยาช่วยเหลือวัดและประชาชน

'สมศักดิ์'แนะผู้ต้องขังเมืองกาญจน์เรียนรู้งานฝีมือ ยันเอาจริงดันบริษัทรับนักโทษลดภาษี



วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ , นายสมเกียรติ วอนเพียร , นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ , นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ และนายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ส.ส.กาญจนบุรี พรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่ตรวจราชการที่เรือนจำกลางจังหวัดกาญจนบุรี

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมด้วย ส.ส.ในพื้นที่ได้มาเยี่ยมเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยและรับทราบปัญหาที่เรือนจำแห่งนี้ เพื่อจะได้รับทราบถึงปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆเผื่อว่าวันหน้าจะได้นำไปเสนอญัตติต่างๆในสภาได้ โดยตนและคณะได้มาช่วงเกือบเที่ยงจึงได้เข้าชมการทำอาหารเพื่อเลี้ยงผู้ต้องขังในช่วงเที่ยง โดยเมนูอาหารถือว่าดี เพราะวันนี้เป็นมื้อพิเศษที่ทางเรือนจำจัดไว้ ห้องครัวและห้องอาหารถือว่าสะอาดเรียบร้อยดี ตนได้ลองชิมอาหารด้วยถือว่ารสชาติใช้ได้ นอกจากนี้ยังได้ชมการอบรมอาชีพสำหรับผู้ต้องขัง และได้พูดคุยให้กำลังใจ โดยตนได้บอกแนวทางของรัฐบาลในการสร้างโอกาสสำหรับผู้ต้องขังที่พ้นโทษไปแล้ว ให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติ มีงานทำโดยได้หาวิธีการให้บริษัทต่างๆรับนักโทษเข้าทำงาน โดยเสนอการลดภาษีให้ซึ่งเรากำลังเร่งดำเนินการ และตนขอให้พวกเขาตั้งใจในการฝึกอาชีพ เมื่อพ้นโทษไปแล้วจะได้มีอาชีพสุจริต และไม่กลับมาทำความผิดกลับเข้าเรือนจำอีกครั้ง

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนยังได้ให้นโยบายและเสนอแนะแนวทางในบางเรื่อง เช่น การเยี่ยมญาติที่ห้องเยี่ยมเป็นกระจกกั้น และผู้ต้องขังและญาติจะอยู่ห่างกัน 1 เมตร ตนมองดูแล้วบรรยากาศไม่ค่อยดีเท่าไรนัก จึงเสนอว่าให้ขยับเข้ามาใกล้สัก 1 ฟุตได้หรือไม่ จึงฝากทางกรมฯไปลองทดสอบดูหากได้ผลที่ดีก็น่าจะนำไปใช้ได้ นอกจากนี้เรื่องผู้ต้องขังที่ป่วย คงต้องให้ทางผบ.แดนต่างๆคอยสอดส่องดูแล หากให้ผู้ป่วยอย่างเช่นโรคระบาด หรือไข้หวัดที่ติดต่อกันได้ อยู่รวมกันกับผู้ต้องขังอื่นอาจจะมีการติดกันได้ เพราะเรือนนอนค่อนข้างแออัด นอนเบียดเสียดกัน อาจจะทำให้นักโทษติดโรคกันจำนวนมาก รวมถึงการตั้งข้อสังเกต ผู้ต้องขังที่ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล มีคำถามจากประชาชนว่า ต้องป่วยหนักมากๆ บางครั้งไปโรงพยาบาลเพียง 2-3 วันก็เสียชีวิต ทำให้สันนิฐานว่าขาดการดูแลหรือไม่ รวมทั้งผู้ต้องขังใหม่ที่อาจจะไม่ปกติเวลาอยู่รวมกับคนอื่นอาจจะมีปัญหา ดังนั้นควรมีการแยกขังหรือไม่ด้วย ทั้งนี้การเข้าเยี่ยมในครั้งนี้ถือเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกันในการทำงานแบบบูรณาการเพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ออกมาดีที่สุด


'สนธิรัตน์'ล่องเรือคลองลัดมะยม ดันเป็นต้นแบบชุมชนผลิตไฟฟ้าใช้เอง



"สนธิรัตน์"ควง "มาดามเดียร์-ทิพานัน" ลงพื้นที่คลองลัดมะยม ดันเป็นต้นแบบชุมชนผลิตไฟฟ้าใช้เอง ตั้งเป้า 500-1,000 ชุมชน เริ่มปี 63 เตรียมถกในพรรค ปมประชุมลับซักฟอกกรณีถวายสัตย์

วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ  และ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ  ลงพื้นที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เพื่อหารือและรับฟังชุมชนในแนวทางการส่งเสริม สนับสนุนต้นแบบพลังงานสะอาดเพื่อชุมชน ร่วมกับนายชวน ชูจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตลาดน้ำคลองลัดมะยม และผู้นำชุมชนตลาดน้ำคลองลัดมะยม 

โดยทันที่ทีมาถึงนายสนธิรัตน์ พร้อมคณะได้เดินทักทายพ่อค้าแม่ค้าอย่างเป็นกันเอง ทดลองนั่งมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า และนั่งเรือไฟฟ้าชมพื้นที่คลองลัดมะยม เพื่อสร้างโอกาสในการเป็นแบบอย่างด้านพลังงานสะอาดเพื่อชุมชนอย่างยั่งยืน ให้วิสาหกิจชุมชมได้มีส่วนร่วม เรียนรู้ และถ่ายทอดเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนในระยะยาว 

นายสนธิรัตน์ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นสืบเนื่องมาจากกระทรวงพลังงาน กำลังดำเนินนโยบายให้ชุมชนเป็นเจ้าของพลังงาน ภายใต้ชื่อ หนึ่งชุมชน หนึ่งพลังงานทางเลือก เพราะปกติชุมชนจะเป็นผู้ใช้พลังงานเป็นหลัก แต่นโยบายนี้ นอกจากจะให้ชุมชนผลิตพลังงานใช้เองแล้ว หากเหลือก็สามารถนำไปจำหน่ายได้ ถือเป็นการกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากด้วยกลไกของพลังงาน และลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สร้างมูลค่าเพิ่มในการประกอบอาชีพของชุมชน ทั้งห้องเย็น เครื่องจักรแปรรูปการเกษตร

นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า  การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามว่าจะร่วมมือกันได้อย่างไร โดยจะบูรณาการทุกภาคส่วนให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ประเด็นสำคัญในคลองลัดมะยม ก็จะส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าโซลาร์ลูฟท็อป  ส่วนในต่างจังหวัดจะมีรูปแบบการลงทุนร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ทั้งซังข้าวโพด เปลือกไม้  ให้เกิดเทคโนโลยีชีวภาพชีวมวล เอาจุดแข็งของประเทศไทยมาสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นประโยชน์รวมทั้งสร้างรายได้ให้ประชาชน โดยเรื่องนี้เมื่อผ่านคณะคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ก็จะดำเนินการขับเคลื่อนทั้งที เบื้องต้นเริ่มที่ 500-1,000 ชุม ชุมชน เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

เตรียมถกในพรรคปมประชุมลับซักฟอกกรณีถวายสัตย์

นายสนธิรัตน์  ในฐานะ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวยอมรับถึงการนำประเด็นประชุมลับเพื่อพิจารณาญัตติขออภิปรายทั่วไปกรณีถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนเข้าสู่ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ เพราะตามข้อบังคับการประชุมสภาสามารถทำได้ หากเนื้อหาในการประชุมต้องระมัดระวัง  หรือไม่ควรจะเผยแพร่ แตยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเสนอประชุมลับทันทีหรือให้อภิปรายไปก่อน พร้อมยืนยันว่า ทางรัฐบาลพร้อมชี้แจง แต่การชี้แจงอยู่ภายใต้กรอบการพูดคุยกัน ก็อาจจะพิจารณาเรื่องการประชุมลับหากมีความจำเป็น ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดถึงขั้นตอนการประชุมว่าจะขอประชุมลับในห้องประชุมเลยหรือไม่ พร้อมย้ำว่า ไม่ใช้วิธีการปิดปากฝ่ายค้าน เพราะฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็ทำหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลคงไม่สามารถปิดปากฝ่ายค้านได้ และขณะนี้ก็ยังไม่ได้กำหนดตัวบุคคลที่จะเสนอขอประชุมลับว่าจะเป็นรัฐบาลหรือพรรคพลังประชารัฐ 






7 พรรคฝ่ายค้านประเดิมสัญจรภาคเหนือ หูชาตลาดร้างนักท่องเที่ยวลดฮวบ



7 พรรคฝ่ายค้านประเดิมสัญจรภาคเหนือ ลงพื้นที่ อ.สันป่าตอง ฟังปัญหาเกษตรกรเรียกร้องให้ช่วยเหลือเรื่องราคาสินค้า - ดันแก้ไข รธน. ด้านรองประธานบ้านหัตถกรรม ร้องเรียนผ่านฝ่ายค้านช่วยสะท้อนปัญหาผู้ประกอบการบ้านหัตถกรรมที่ไร้นักท่องเที่ยวมาจับจ่ายใช้สอยทำให้ตลาดร้าง นักท่องเที่ยวลดฮวบถึงร้อยละ80 จากที่เคยค้าขายดี

เมื่อเวลา 10.30 น. วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562   ที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม นายวิทยา ทรงคำ นายศรีเรศ โกฎคำลือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ นายรังสรรค์ มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายทั้งพรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย ประเดิมเวทีสัญจร เป็นครั้งแรกที่ภาคเหนือโดยลงพื้นที่รับฟังปัญหากับประชาชนเพื่อนำไปสู่การจัดทำนโยบายและดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่สหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จำกัด

สหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จำกัดแห่งนี้ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและมีคณะกรรมการบริหารนับตั้งแต่ก่อตั้งถึงปัจจุบัน รวม 46 ชุด มีสมาชิกมากกว่า 6,000 คน โดยมีนายชัยวิเศษ ดีสุวรรณ ประธานสหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จำกัด ให้การต้อนรับ 

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ระบุว่ากิจกรรมในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อประชาชนซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเยี่ยมเยียนและเรียนรู้ ตลอดจน รับทราบปัญหาและข้อจำกัดของเกษตรกร รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ทำให้มีกองทุนหมู่บ้าน ขณะนี้กองทุนหมู่บ้านใส่ไปยังไม่พอ ตนรับทราบ โดยทำประโยชน์ในเรื่องการเกษตรได้ ตนได้สัมผัสเกษตรกรบ่อยครั้ง เป็นผู้มีความตั้งใจที่จะทำให้มีการคืนกำไรให้กับสมาชิกสหกรณ์ทุกปี ทั้งนี้พรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรคมีความตั้งใจ เมื่อเกษตรกรมีปัญหาการดำเนินชีวิต วันนี้ฝ่ายค้านอยากรับฟังเสียงสะท้อนเพื่อประมวลผลให้นำเป็นนโยบายของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน

“ทุกคนมีหนี้ทำให้เศรษฐกิจไม่หมุนเวียนตามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯปรารถนา ผมไม่ได้ว่าท่านผิดหรือถูก แต่ไม่ใช่การเอาเงินแก้ปัญหาไม่เช่นนั้นทั่วโลกจะเอาเงินไปแจกกันหมด แต่ต้องทำให้พี่น้องเกษตรกรเอาพืชผลการเกษตรไปขายให้ได้กำไรมากกว่า เงินที่แจกของรัฐบาลก็ให้จำนวนน้อย พวกเรา 7 พรรคฝ่ายค้านตั้งใจจะมา ผมอยู่เชียงใหม่มา 30 ปี อยู่ ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีอะไรก็เข้าไปหาได้” นายสมพงษ์ ระบุ

ขณะที่ตัวแทนกรรมการสหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง สะท้อนปัญหาให้พรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ปัญหาแหล่งน้ำการเกษตร เพราะพืชผลการเกษตรอาศัยน้ำถ้าน้ำดีพืชผลก็ดี เรื่องราคาจะมาภายหลัง ฝากผู้มีอำนาจและฝ่ายค้านช่วยดูแลภาคเกษตรกรดูแลเรื่องแหล่งน้ำ  

โดยตัวแทนกรรมการสหกรณ์ฯ ยังระบุว่า ทั้งนี้สมาชิกสหกรณ์มี 6,000 กว่าครัวเรือน แต่ปัญหาพบว่าราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำจึงเป็นปัญหากับเกษตรกร ดังนั้นขอให้ฝ่ายค้านช่วยดูแลเรื่องนี้ด้วย โดยเฉพาะผลผลิตลำใยอบแห้งก็เพิ่งขาดทุนไป รวมทั้งเรื่องข้าว และสินค้าการเกษตรอื่นๆ

ด้านนายชัยวิเศษ มีสุวรรณ ประธานสหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ระบุว่า อยากฝากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยดูแลปัญหาให้กับประชาชน พร้อมทั้งขอให้มีหน่วยงานแก้ไขปัญหากับประชาชน รวมทั้งรองรับให้องค์กรต่างๆเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งพี่น้องเกษตรกรก็มีความเป็นห่วงเรื่องรัฐธรรมนูญ

นายสมพงษ์ ระบุว่าการลงพื้นที่ฝ่ายค้านในครั้งนี้เพื่อมารับฟังปัญหาและนำไปสะท้อนนโยบายในสภาผู้แทนราษฎรทั้งการหารือในสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

จากนั้นเวลา 12.00 น. นายสมพงษ์ พร้อม 7 พรรคฝ่ายค้านลงพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนผู้ประกอบการบ้านหัตถกรรมถวาย ต.ขุนคง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยบรรยากาศการค้าขายภายในบ้านหัตถกรรมนั้นเป็นไปอย่างซบเซา ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวและประชาชนมาเลือกซื้อสินค้าหัตถกรรม โดยผู้ประกอบการสะท้อนว่านักท่องเที่ยวลดลงจำนวนมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์มากว่า 5 ปีแล้ว วันหนึ่งแทบจะไม่ได้ขายผลิตภัณฑ์ ที่ขายได้ก็เป็นการขายให้กับลูกค้าประจำ บางคนถ้าสู้ไหวก็สู้ต่อแต่บางคนสู้ไม่ไหวก็เซ้งกิจการ หรือปิดกิจการไปเลย วันนี้ไม่ได้หวังว่าจะอยู่ดีกินดี แต่ขอให้พออยู่ได้แบบพอมีกินมีใช้ก็พอ

โดยนายอินสอน หน่อแก้ว รองประธานบ้านหัตถกรรม ต.ขุนโคง อ.หางดง ระบุว่า สถานการณ์ค้าขายตอนนี้ในตลาดเหนื่อยแทบทนไม่ไหว ซึ่งเป็นมา 4-5 ปีแล้วต่างจากช่วงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยต้องการให้นักท่องเที่ยวมาซื้อสินค้าไปขายต่อให้ดีกว่าเดิม อีกทั้งนักท่องเที่ยวจีนก็หาย  โดยผู้ประกอบการร้านค้าบางรายถึงขั้นขาดทุนจากที่เคยมีรายได้กำไรต้องควักทุนเก่ามาใช้ ทำให้ผู้ประกอบการบางรายต้องเลิกขายในตลาด จึงอยากให้ฝ่ายค้านสะท้อนปัญหาในสภาฯ พร้อมฝากฝ่ายค้านให้มาดูแลตลาดบ้านถวายที่ทำสินค้าทำมือด้วย

โดยระหว่างรับฟังปัญหา นายสมพงษ์ได้มอบหมายให้นายนพคุณ รัฐผไท  ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย นำปัญหาการค้าขายที่ซบเซาของตลาดหัตถกรรมบ้านถวายไปช่วยสะท้อนในสภาต่อไป 

ส่วนวันที่ 1 ก.ย. พรรคร่วมฝ่ายค้านจะร่วมเปิดงานเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในหัวข้อความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ" โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเปิดอภิปรายหัวข้อ "รัฐธรรมนูญและจินตนาการใหม่" โดยตัวแทน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งนายสมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ น.ส.อนินท์ญา ขันขาว สมาชิกกลุ่มนักกิจกรรมเยาวชนจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนายสุรยุทธ จันทวงค์ สมาชิกกลุ่มนักศึกษานิติขับเคลื่อน ร่วมเสวนา


'สมพงษ์'ย้ำต้องอภิปรายทั่วไปเปิดเผยกรณีถวายสัตย์ไม่ครบ 

นายสมพงษ์ กล่าวถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วน ว่า หากรัฐบาลขอให้มีการประชุมลับในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตนเห็นว่าการอภิปรายเป็นสิ่งที่ประชาชนอยากรู้  หากมีการประชุมลับแล้วประชาชนจะรับรู้ข้อเท็จจริงได้อย่างไร ซึ่งผู้อภิปรายจะต้องมีความระมัดระวังอย่างสูงอยู่แล้วโดยจะไม่ให้มีการพาดพิงสถาบัน อีกทั้งรัฐธรรมนูญ ทางนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นผู้ร่างเองทำไมการถวายสัตย์ฯ จึงไม่ครบถ้วน แม้แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีก็เคยเขียนบทความลงว่าการถวายสัตย์ฯ จะผิดไม่ได้ คำว่า  “และ หรือ” จะสลับไม่ได้ ยืนยันพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคปรารถนาดี ไม่ได้มาแก่งแย่งเพื่อล้มรัฐบาล ซึ่งการอภิปรายทั่วไปไม่มีการลงมติ โดยพรรคฝ่ายค้านจะถามให้ประชาชนได้รู้ และอยากให้มีการเปิดอภิปรายอย่างเปิดเผย

ส่วนการหาข้อยุติในสภาระหว่างเปิดประชุมลับหรือเปิดเผยนั้น นายสมพงษ์ ระบุว่า เป็นเรื่องในสภาผู้แทนราษฎรก็ต้องวัดกันหน่อย โดยพรรคฝ่ายค้านได้มีสัญญาประชาคมร่วมกันแล้วจะไม่ให้ขาดประชุมแม้แต่คนเดียว ทางรัฐบาลมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านอยู่ หากไม่เข้าห้องน้ำกันเสียงก็ก้ำกึ่งกันและการประชุมสภาผู้แทนราษฎรทางฝ่ายค้านต้องการให้อภิปราย 2 วันแต่มีการกำหนดไว้เบื้องต้น 1 วัน ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะไม่ใช้วันประชุมสภาฯ ปกติในวันพุธและวันพฤหัสบดี หรืออาจประชุมวันศุกร์และวันเสาร์แทน ซึ่งอาจมีการประชุมในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย.นี้ที่ได้กำหนดไว้คร่าวๆ

ส่วนถ้ามติที่ประชุมสภาฯให้ประชุมลับนั้น นายสมพงษ์ กล่าวว่า คงต้องรับสภาพ ฝ่ายค้านจะไม่วอล์คเอ้าท์แน่นอน ยังไงก็ต้องอภิปราย และคิดว่านายกรัฐมนตรีจะมาชี้แจงด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร หวังว่านายกฯ จะอารมณ์ดีขึ้น ส่วนตัวเห็นก่อนสภาเปิดนายกฯอารมณ์ดี แต่พอแถลงนโยบายก็เป็นอีกแบบ ส่วนผู้อภิปรายจะใช้คนรุ่นใหม่ผสมผู้มีประสบการณ์และตนจะเป็นผู้นำเปิดอภิปรายคนแรก ส่วนกรอบเวลาการอภิปรายเบื้องต้นให้ 1 วันอยู่หากไม่เพียงจะขยายเวลาการอภิปราย



'เฉลิมชัย'ชงตั้งบอร์ดกฟก.หวังแก้หนี้สินเกษตรกรคล่องตัว



วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และประธานคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) เฉพาะกิจกล่าวว่า ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งผู้แทนเกษตรกรเป็นกรรมการในกฟก. แล้ว หลังจากที่มีการเลือกตั้งใน 4 ภูมิภาค ส่วนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้นำรายชื่อเสนอนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอ ครม.ให้เห็นชอบและแต่งตั้งต่อไป ทั้งนี้เป็นไปตามข้อกฎหมายที่จะต้องเสนอแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิให้แล้วเสร็จในห้วงเวลาเดียวกับการแต่งตั้งกรรมการผู้แทนเกษตรกรเพื่อให้มีคณะกรรมการกฟก. ครบทั้ง 3 ส่วนคือ กรรมการโดยตำแหน่ง 10 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 11 คน และผู้แทนเกษตรกร 20 คน เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการบริหารงานกฟก. ให้เป็นไปตามพ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2552 

ทั้งนี้คณะกรรมการกฟก. ผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วยผู้แทนจากภาคราชการ 5 คน และจากภาคเอกชน 6 คน ซึ่งหากครม. เห็นชอบแต่งตั้งแล้วจะทำให้คณะกรรมการกฟก. เฉพาะกิจจะยุติการปฏิบัติงานตามมติครม. เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561  จากนั้นคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องตามพ.ร.บ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรชุดใหม่ได้แก่ คณะกรรมการกฟก.  คณะกรรมการบริหารกฟก. และคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรดำเนินการตามภารกิจปกติต่อไปได้ 

นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า ได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนทันทีที่ดำรงตำแหน่งรมว. เกษตรฯ เนื่องจากเห็นว่า ปัญหาหนี้สินของเกษตรกรที่ค้างคามาเนิ่นนานทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรแย่ลง ช่วงระหว่างที่เป็นสุญญากาศ ไม่มีคณะกรรมการกฟก. นั้นมีเกษตรกรสมาชิกกฟก. หลายรายที่ถูกสถาบันการเงินเจ้าหนี้ยึดทรัพย์ ขายทอดตลาด เสียที่ดินทำกินไป ซึ่งตนได้มอบหมายนายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรมว. เกษตรฯ เจรจากับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ให้ยืดระยะเวลาบังคับคดีออกไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2562 ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี จากนั้นจึงดำเนินการให้มีคณะกรรมการกฟก. ชุดใหม่ขึ้นมาเร่งแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรโดยเร็วที่สุด

“ตามพ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรยังกำหนดว่า เมื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรแล้ว ไม่ว่า จะเป็นการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ การซื้อหนี้จากเจ้าหนี้เดิมมาบริหารจัดการ โดยให้สมาชิกกฟก. ผ่อนชำระกับกฟก. ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าแล้ว ยังจำเป็นต้องให้เกษตรกรเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูอาชีพ โดยกรรมการกฟก. ต้องเข้าไปส่งเสริมอาชีพแก่สมาชิกฟก. เพื่อให้มีรายได้ผ่อนชำระหนี้สิน เลี้ยงตัวและครอบครัวได้ ซึ่งจะทำให้มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นายเฉลิมชัยกล่าว

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562

'จุรินทร์'ดึงมือ'บังฮาซัน'! ดันเด็กใต้เป็นนักขายออนไลน์ พร้อมผลักผลไม้ไทยสู่ผลไม้โลก



วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะเดินทางไปพบปะกับยุวชน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้  ในการจัดสัมมนาหลักสูตรการค้าออนไลน์รุ่นใหม่ ( Young Digital Warrior)   ที่โรงแรม ลี การ์เดน พลาซ่า จังหวัดสงขลา

นายจุรินทร์  ได้ปาฐกถา ตอนหนึ่งว่า เป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์อยากเห็นเยาวชนคนไทย คนรุ่นใหม่ก้าวเข้าสู่การทำธุรกิจและการค้ามากขึ้น และต้องเป็นการค้าโลกปัจจุบัน คือทันสมัย เชื่อมปัจจุบันและอนาคต โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย นั่นคือ E-Commerce (การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์) โดยเป้าหมายในการพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อในปัจจุบันและอนาคต 

รองนายกฯ กล่าวด้วยว่า ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีเพียงมิติด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่มีมิติด้านคาวมมั่นคงและความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเกิดขึ้นได้ ก็คือ วิธีการทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดี ซึ่งจะยังผลให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีความมั่นคงในชีวิต ภายใต้การบริหารราชการของรัฐบาล ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เพราะฉะนั้น กระทรวงพาณิชย์ จึงมีเป้าหมายจะทำงานร่วมกับ ศอ.บต. ในการช่วยให้นักศึกษาเรียนจบมีงานทำมีอนาคตที่ดีทุกคน


โดยในช่วงหนึ่งของงานสัมนานั้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เชิญเน็ตไอดอลคนดังที่เป็นชายขายสินค้าอาหารทะเลอินไลน์ผ่าน live คือ นายอนุรักษ์ สรรฤทัย หรือ บังฮาซัน ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนให้ความรู้กับเยาวชนใต้ในการขายของออนไลน์และไฮไลท์คือภายในเวลา 20 นาทีสามารถนำเงินเข้าบัญชีได้ 200,000 บาทเป็นตัวอย่าง ขณะเดียวกันก็มีโอกาสแลกเปลี่ยนกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถึงแนวทางการขายสินค้าออนไลน์ผ่าน Facebook live อย่างมีสีสันและมีมูลค่าทางธุรกิจด้วย 


พร้อมผลักผลไม้ไทยสู่ผลไม้โลก  

ก่อนหน้านี้นายจุรินทร์ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  นายถาวร เสนเนียมรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะติดตามผลการลงนามความร่วมมือกับ 4 สายการบิน และไปรษณีย์ไทย ในการเพิ่มช่องทางจำหน่าย และบริการขนส่งผลไม้จากชาวสวนสู่มือผู้บริโภคอย่างมีคุณภาพพร้อมเยี่ยมชมการให้บริการกล่องบรรจุผลไม้จากกรมการค้าภายในเพื่อนำขึ้นเครื่องฟรีตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ยังมีคณะ ส.ส.และอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ ให้การต้อนรับและร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย

ภายหลังการตรวจเยี่ยม นายจุรินทร์ กล่าวว่า สนามบินหาดใหญ่ก็เป็นหนึ่งในสนามบินที่ประชาชนสามารถนำผลไม้ขึ้นเครื่อง 20 กก. ฟรี ผ่าน 4 สายการบิน ได้แก่ ไทยสมายล์ แอร์เอเชีย นกแอร์ บางกอกแอร์เวย์ ซึ่งจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 300-3,600 บาท สำหรับประชาชนที่ซื้อผลไม้ในพื้นที่ ซึ่งในจังหวัดสงขลามีผลไม้ได้แก่ เงาะ มังคุด ลองกอง จากการตรวจสอบราคาผลไม้ท้องถิ่นทราบว่าราคาพอไปได้  นอกจากนี้ยังมีอีกช่องทางหนึ่งคือไปรษณีย์ไทย ที่เข้าร่วมโครงการจำหน่ายผลไม้ในราคาย่อมเยา อันจะเป็นช่องทางกระจายผลไม้ให้กับชาวสวน

รมต.พาณิชย์ กล่าวว่า ด้วยว่าการเดินทางมาวันนี้เพื่อติดตามนโยบายหลายเรื่อง ทั้งบทบาททูตพาณิชย์และอื่นๆ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มอบหมายนโยบายให้กับทูตพาณิชย์ประจำร่วม 60 ประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งได้แบ่งกลุ่มให้ไปดูแลพืชเกษตรแบบแบ่งกลุ่ม เช่น มันสำปะหลัง ข้าว ยางพารา รวมทั้งอาหารทะเล และอาหารฮาลาล 

ทั้งนี้ เพื่อให้ทูตพาณิชย์ได้มีความรู้พื้นฐานในสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อกลับไปทำหน้าที่เซลส์แมนให้ประเทศได้ เพราะถัดจากนี้กระทรวงพลังงานมีนโยบายชัดเจนว่า ทูตพาณิชย์จะไม่เป็นแค่พนักงานส่งเสริมการขาย จะต้องทำหน้าที่เป็นผู้ขายเอง แม้แต่ตนในฐานะ รมต.พาณิชย์ ก็ต้องทำหน้าที่เซลส์แมนให้ประเทศไปด้วย ซึ่งขณะนี้ได้เจรจาขายยาง มัน ข้าว และพืชเกษตรอื่นๆ หลายตัว ให้กับหลายประเทศ เมื่อมีความคืบหน้าจะมารายงานให้ทราบตามลำดับ


'นคร'มองภัยพิบัติธรรมชาติ รบ.ไม่เคยแก้ไขป้องกันจริงจัง



    

วันที่ 31 ส.ค.2562 นายนคร มาฉิม อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่าน Nakorn Machim ความว่า  ภัยพิบัติ ทางธรรมชาติ ที่รัฐบาลไม่เคยแก้ไข ป้องกัน อย่างจริงจัง

ก่อนนี้คนไทย โดยเฉพาะชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ประสบปัญหาภัยแล้ง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล พืชผลการเกษตร เรือกสวน ไร่นา เสียหาย ในรอบหลายสิบปี บัดนี้เป็นช่วงปลายฝนแล้ว พืชผลทางการเกษตรที่เสียหายไปแล้ว ก็เอากลับมาดีไม่ได้ ได้ผลิตไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย 

ตอนนี้พายุโพดุล พัดผ่าน นำ้ป่านำ้ท่วมฉับพลันที่ หลายๆพื้นที่ โดยเฉพาะ อำเภอนครไทย อำเภอชาติตระการ อำเภอเนินมะปราง และ อำเภอวังทอง พิษณุโลก
คือตัวอย่างหนึ่งของความไร้ความสามารถ ไร้วิสัยทัศน์ ในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลประยุทธ์  ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้อง ประชาชน อดทน เข้มแข็ง มีกำลังใจในการสู้ชีวิตต่อไป ด้วยรักและห่วงใยเสมอมา


'ธรรมนัส'เคาะ 2 โครงการยักษ์แก้อุทกภัยกรุงเทพฯ - ลุ่มน้ำเพชรฯ 

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ เพื่อติดตามความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่และโครงการพระราชดำริ ว่าได้เห็นชอบโครงการขนาดใหญ่ 2 โครงการ เพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.)ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยจะประชุมวันที่ 12 ก.ย.นี้  คือโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองพระยาราชมนตรี จากคลองภาษีเจริญถึงคลองสนามชัย ของกรุงเทพมหานคร และกรมชลประทาน จัดงบประมาณค่าก่อสร้าง ดำเนินงาน ฝ่ายละ 50% และโครงการบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง จ.เพชรบุรี ของกรมชลประทาน

สำหรับความก้าวหน้าการดำเนินการโครงการน้ำที่ผ่านมติ กนช. จำนวน 19 โครงการ วงเงินรวม 103,470 ล้านบาท  ระยะดำเนินการปี 2562-2565 แบ่งออกเป็น โครงการที่ผ่านมติครม. แล้วจำนวน 16โครงการ โดยได้รับงบประมาณแล้ว จำนวน 9โครงการ และอยู่ระหว่างขอสนับสนุนงบประมาณอีก 7 โครงการ

“คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ฯมีหน้าที่กลั่นกรองทุกโครงการน้ำขนาดใหญ่ พร้อมมีอำนาจติดตามการก่อสร้างทุกโครงการ หากมีปัญหาทุจริต  ไม่เอาไว้แน่ และผมไม่มีคนรอบข้าง ใครคิดคดทรยศโกงบ้านเมืองโกงแผ่นดิน จัดการขั้นเด็ดขาดไม่ไว้หน้าทั้งขบวนการ ถ้าผู้รับเหมา ไม่รับผิดชอบงาน มีลักษณะประมูลงานให้ได้ปริมาณงานมากๆเข้าบริษัทตัวเอง แต่ไม่เร่งรัดก่อสร้าง จะปรับออกทันที เอาผิดหน่วยงานด้วย ซึ่งสัปดาห์หน้าผมจะเดินทางไปตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำ แม่แตง  แม่งัด แม่กวง  จ.เชียงใหม่  ที่เกิดความล่าช้าไปกว่าแผนกว่า 60%  ทั้งมีปัญหาบริษัทรายหนึ่ง ขุดเจาะอุโมงค์ ทิ้งงาน จากทั้งหมดมี 3 บริษัท โดยกรมชลประทาน รับผิดชอบโครงการนี้ “ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับงบประมาณที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำนั้น คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบวงเงินกว่า 3 แสนล้านบาท



'บิ๊กตู่'ตั้ง'มีชัย'นั่งหัวโต๊ะ 13 เซียน ตรวจ 2 ร่างกม.ตำรวจ-สอบสวนคดีอาญา



วันที่ 31 ส.ค.2562  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. .... โดยมีใจความว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีการับร่างพ.ร.บ.ตำรวจ ฯ และร่างพ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญาฯ รวม 2 ฉบับ ที่คณะกรรมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตามมาตรา 11 (6) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อยุติและเร่งเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประกอบกับครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2562 ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีการับไปพิจารณาร่างกฏหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจต่อไป 

โดยให้เสนอนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่ง ประกอบด้วยกรรมการกฤษฏีกาและผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เพื่อตรวจพิจารณาร่างกฏหมายดังกล่าวต่อไปนั้น เพื่อให้การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นไปโดยเรียบร้อยและต่อเนื่อง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(6) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. ...

ในคำสั่งดังกล่าวได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ จำนวน 13 คน ประกอบด้วย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานกรรมการ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ นายอัชพร จารุจินดา นายสมชาย พงษธา คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ นายธานิศ เกศวพิทักษ์ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ นายประพันธ์ นัยโกวิท นายอุดม รัฐอมฤต นายวรรณชัย บุญบำรุง พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน นายศุภชัย ยาวะ ประภาษ และพล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม  

อย่างไรก็ตาม ในคำสั่งดังกล่าวได้กำหนดหน้าที่และอำนาจให้คณะกรรมการ ดังนี้ 1.ตรวจพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจฯ และร่างพ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญาฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และ2.เชิญเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ





รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาเดินเครื่องเศรษฐกิจแบ่งปัน Sharing economy หนุนชาวบ้านนำทรัพย์สินมาสร้างรายได้โฮมสเตย์



เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารฯ ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ประชุมสร้างเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว และตรวจเยี่ยมหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โฮมสเตย์ไทรน้อย ซึ่งเป็น โฮมสเตย์ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย และมาตรฐานโฮมสเตย์อาเซียนจากกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมทั้งเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ขึ้นชื่อของหมู่บ้าน โฮมสเตย์ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระจายรายได้สู่ชุมชน 

นายพิพัฒน์ มีนโยบายเน้นเรื่องมาตรฐาน ความปลอดภัย ความสะอาด ความเป็นธรรม การกระจายรายได้สู่ชุมชน จะเป็นรากฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง สู่ความยั่งยืน และต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อม และพร้อมยกระดับการท่องเที่ยวไทยให้มีคุณภาพ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการให้บริการนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และพัฒนาให้การท่องเที่ยวไทยก้าวหน้าต่อไป 

พศ.ประชุม Focus Group ทำร่างตัวชี้วัดงบฯปี2563



วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2562 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อนุมัติให้กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร จัดประชุม Focus Group การจัดทำร่างตัวชี้วัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โดยมีผู้แทนจากสำนักงาน ก.พ.ร. จำนวน ๓ คน ชี้แจงแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ และหารือการจัดทำร่างตัวชี้วัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนัก สำนักงาน กอง และผู้รับผิดชอบตัวชี้วัด เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จังหวัดนครปฐม

ทั้งนี้ focus group คือการสนทนากลุ่ม เป็นรูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ จากการสอบถามบุคคลในกลุ่มเพื่อให้ได้มาถึงความคิดเห็น ความเชื่อ หรือทัศนคติ ต่อสินค้า บริการ หรือแนวคิด โดยคำถามจะถูกถามในรูปแบบของการปฏิสัมพันธ์แบบต่างๆ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมมีโอกาสพูดคุยและแสดงความเห็นได้อย่างอิสระระหว่างผู้ร่วมวิจัยหรือผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง โดยในขณะเดียวกันผู้ทำวิจัยทำการจดบันทึกการสนทนาที่เกิดขึ้น การสนทนากลุ่มจำเป็นต้องคัดเลือกลุ่มอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับความต้องการ

Cr.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

'มนัญญา'ปลุกสภาเกษตรจังหวัดรณรงค์ใช้ปุ๋ยอินทรีย์



“มนัญญา” กำหนดแนวทางการขับเคลื่อนงานและการแสดงผลงานของสภาเกษตรกรจังหวัด กลุ่มภาคกลาง 26 จังหวัด ปลุกสภาเกษตรจังหวัด รณรงค์ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมี มุ่งผลิตอาหารปลอดภัยให้ผู้บริโภค

วันที่ 30 สิงหาคม 2562  นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิด “การสัมมนาเพื่อกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนงานและการแสดงผลงานของสภาเกษตรกรจังหวัด ในกลุ่มภาคกลาง 26 จังหวัด” โดยมี นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายเรวัต ประสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกลุ่มภาคกลาง 26 จังหวัด สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด และหัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัด ให้การต้อนรับ และ นายทรงพล พูลสวัสดิ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดอ่างทอง เป็นผู้กล่าวรายงาน ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง 
นางสาวมนัญญา กล่าวว่า สภาเกษตรกรเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของเกษตรกรทั้งประเทศ ทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องเกษตรกรไทย นำปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรไปสู่การแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการเสนอปัญหาความต้องการ การสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร และองค์กรเกษตรกร พร้อมทั้งนำมาซึ่งความร่วมมือของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน 

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้สภาเกษตรจังหวัดมีความร่วมมือกันในการมุ่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้เกษตรกร โดยให้คำนึงถึงการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรเป็นสิ่งสำคัญ “ขอให้สภาเกษตรกรจังหวัด ได้ร่วมมือกันกำหนดเป้าหมาย นำสิ่งที่ดีสู่ผู้บริโภค เพราะต่อไปภายหน้าประเทศไทยจะเป็นครัวโลก กระทรวงเกษตรฯ จึงมุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสเลือกซื้อสินค้าที่สะอาดปลอดภัย และได้มาตรฐาน พร้อมทั้งรณรงค์ให้เกษตรกรไทย หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และพยายามลดการใช้ปุ๋ยเคมีให้น้อยลงในแต่ละปี เพราะปุ๋ยเคมีเป็นตัวการทำลายดิน เพิ่มต้นทุนการผลิต และสร้างหนี้สินให้แก่เกษตรกร โดยขณะนี้ระบบ GAP ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเรา 

Wดังนั้น เราทุกคนจึงต้องเพียรพยามปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ทั้งตัวเกษตรกรและผู้บริโภค โดยสภาเกษตรกรจังหวัดเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มเกษตรกร จึงควรผลักดันส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ผลผลิตออกมามีคุณภาพและปลอดภัย ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการทำเกษตรแบบผสมผสานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาปฏิบัติ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรไทยให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ จะผลักดันให้มีการทำสหกรณ์ซุปเปอร์มาเก็ต เพื่อจำหน่ายสินค้าสหกรณ์ โดยจะประสานร้านค้าสหกรณ์ที่มีอยู่แต่ละจังหวัดมารวมกัน โดยเริ่มที่จังหวัดนครปฐม เป็นจังหวัดแรก เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพของสหกรณ์ได้มากขึ้น และช่วยกระจายรายได้ให้แก่เกษตรกรไทยด้วย” นางสาวมนัญญา กล่าวและว่า 
สำหรับโครงการสัมมนาเพื่อกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนงาน และการแสดงผลงานของสภาเกษตรกรจังหวัด ในกลุ่มภาคกลาง 26 จังหวัด เกิดขึ้นจากความร่วมมือของสภาเกษตรกรจังหวัดกลุ่มภาคกลาง โดยเป็นเวทีระดมความคิดร่วมกันของสภาเกษตรกรในภาคกลาง ที่มีเป้าหมายร่วมกันในการกำหนดทิศทางการทำงานในอนาคตให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นการร่วมกันค้นหาแนวทางในการขจัดอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานและการแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพสูงขึ้น ตลอดจนเป็นเวทีนำเสนอผลงานให้สาธารณชนได้รับทราบ ซึ่งผลสำเร็จของงานต่าง ๆ เกิดจากความทุ่มเทเสียสละ เนื่องจากสภาเกษตรกรเข้าถึงและสามารถระบุเป้าหมายที่เป็นปัญหาที่แท้จริงของเกษตรกรได้อย่างตรงประเด็น ส่งผลให้ได้รับการพัฒนาตรงตามแผนงานโครงการของหน่วยงาน 

ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. 2553 มาตรา 33 กำหนดอำนาจหน้าที่ของสภาเกษตรกรจังหวัด ให้มีการพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรและองค์กรเกษตรกรภายในจังหวัด ประสานนโยบายและการดำเนินงานระหว่างองค์กรเกษตรกร เกษตรกร สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษาและหน่วยงานของรัฐ เสนอนโยบายและแนวทางในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรกรรม สภาเกษตรกรจังหวัดกลุ่มภาคกลาง จึงได้ดำเนินการจัดประชุมขึ้น เพื่อหาแนวทางการขับเคลื่อนงานให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด กำหนดการจัดประชุม 2 เดือน/ครั้ง โดยได้นำปัญหาของเกษตรกรมาร่วมกันหาแนวทางแก้ไข และนำเสนอต่อสภาเกษตรกรแห่งชาติ 

นอกจากนี้ ในแต่ละจังหวัดยังได้นำแนวทางแก้ไขปัญหาไปปฏิบัติจนเกิดผลงานเป็นรูปธรรม ได้แก่ ปัญหาด้านน้ำ ข้าว สับปะรด อ้อย มะพร้าว ปาล์มน้ำมัน ตลอดทั้งปัญหาการเช่าที่ดิน ฯลฯ มาเผยแพร่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนา ประกอบด้วย ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกลุ่มภาคกลาง รองประธานสภา สมาชิกสภา หัวหน้าสำนักงาน และพนักงานฯ รวม 208 คน โดยจะมีการประชุมขับเคลื่อนงาน การจัดเวทีการเสวนา เรื่อง ผลงานที่เกิดจากการนำแนวทางจากการประชุมร่วมกันไปปฏิบัติ และแนวทางการขับเคลื่อนงานในปี 2563 

โหนกระแสโซเชียล! สร้างพระหลวงปู่เค็ม 'วัดเขาอีโต้ขว้างเป็ด' ของสะสมยุค 5G




โหนกระแสโซเชียล! สร้างพระหลวงปู่เค็ม 'วัดเขาอีโต้ขว้างเป็ด' ของสะสมยุค 5G 'วัตถุมงคลที่สร้างตามมุกตลกอันลือลั่น' สร้างจริงเสกจริง ออกให้บูชาต้นเดือนกันยายน 2562

"ก้าวแรกไม่เป็นไร ก้าวต่อไปไฟเริ่มไหม้สบง" คลิปมุกตลก "หลวงปู่เค็ม" ที่แสดงโดยมุกตลกระหว่าง "โก๊ะตี๋ อารามบอย กับ เท่ง เถิดเทิง" ถูกแชร์กันมากมายในโลกออนไลน์ ดังสนั่นเมืองโดยไม่ต้องโปรโมท  




คลิปมุกหลวงปู่เค็ม เป็นส่วนหนึ่งของรายการ "ชิงร้อยชิงล้าน ว้าว ว้าว ว้าว" ทางช่วง Workpointโดยมีมุกตลกระหว่าง "โก๊ะตี๋ อารามบอย กับ เท่ง เถิดเทิง" โก๊ะตี๋เล่าในชิงร้อยชิงล้านว่า "หลวงปู่เค็มเป็นพระอาจารย์ซึ่งประจำอยู่ที่ วัดเขาอีโต้ขว้างเป็ดตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นต้องการแสดงอภินิหารให้กับผู้คนได้รับรู้ ตอนที่หลวงปู่เค็มยังไม่มรณภาพ ท่านต้องการแสดงอภินิหารต่อหน้าศิษยาณุศิษย์ประมาณ 30,000 กว่าคน โดยการลุยไฟถ่านแดงๆ ยาวประมาณ 8 เมตร

หลวงปู่เค็มยกมือขึ้นมา พุทธังอารธนานัง ธัมมังอารธนานัง สังฆังอารธนานัง กองไฟยาวประมาณ 15 เมตร หลวงปู่เค็มก้าวลงกองไฟ ก้าวแรกไม่เป็นไร ก้าวต่อไปไฟเริ่มไหม้สบง หลังจากนั้นหลวงปู่เค็มหงิกอยู่อย่างนี้ (ทำท่ามือหงิก) ใครเห็นก็ว่าตาย (ไม่ตาย? เท่ง ถาม) ตายสิ เหลือแต่กระดูกเชิงกรานเท่านั้นที่ยังไม่ไหม้ หลานชายไปนำเที่ยวกับเพื่อน พระองค์นี้สร้างจากกระดูกหลวงปู่เค็ม ไปทางเรือ ไปกว่า 50 คน เรือล่ม ตายหมด (แล้วหลานล่ะ) จมคนแรก"




คลิปมุกตลกช่วงหลวงปู่เค็มจากโก๊ะตี๋ ได้กลายเป็นกระแสในอินเทอร์เน็ต ปลายระยะเวลารวดเร็ว โดยในเพจของ Workpoint Entertaniment นั้นมีคนดูไปแล้วเกือบ 20 ล้านครั้ง  ส่วนในยูทูบก็หลายแสนวิวหลังจากถูกอัพโหลดไปได้แค่วันกว่าๆ เท่านั้น

มุกหลวงปู่เค็ม เป็นมุกตลกที่อยู่กับโก๊ะตี๋มานานแล้ว และเคยเล่นมุขที่มีหลวงปู่เค็มเป็นตัวละครหลักหลายครั้ง เช่นในหนังเรื่อง "โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า" ที่ฉายปี 2550 รวมถึงเรื่อง "โหดหน้าเหี่ยว 966" ฉายเมื่อปี 2552 ด้วยเหมือนกัน

มุกหลวงปู่เค็ม โก๊ะตี๋ก็ไม่ใช่คนแรกที่เริ่มเล่นมุกหลวงปู่เค็ม เพราะตลกคนสำคัญอย่าง "หนู คลองเตย" หรือ นายวันชาติ พึ่งฉ่ำ ตลกผู้ล่วงลับ ก็เคยเล่นเมื่อนานมากๆ แล้วตั้งแต่ก่อนปี 2548




หนู คลองเตย เล่าบนเวทีตลก ซึ่งเป็นประโยคเดียวกัน คือ  "กองไฟยาวประมาณ 10 เมตร หลวงปู่เค็มก้าวไปในกองไฟ ก้าวแรกไม่เป็นไร  ก้าวต่อไปไฟเริ่มไหม้สบงหลวงปู่เค็ม ต่อจากนั้นหลวงปู่เค็มถูกไฟคลอกตายคากองไฟ"  

จากประโยคนี้เองมีคนนำไปทำ "สติ๊กเกอร์หลวงปูเค็ม" โดยออกแบบให้ด้านเป็นภาพ พระยืนให้เห็นเฉพาะด้านหลัง ไฟกำบังใหม้จีวร มีชื่อขอพระหลวงปู่เค็ม วัดเขาอีโต้ขว้างเป็ด ด้านหลังมีคำว่า "พุทธังอารธนานัง ธัมมังอารธนานัง สังฆังอารธนานัง" จากกระแสความดัง จึงมีคนคิดสร้างพระหลวงปู่เค็มขึ้นมา

อย่างไรก็ตามเพื่อลบข้อครหาของพระที่จะมาร่วมพีธีปลุกเสก "พระหลวงปู่เค็ม วัดเขาอีโต้ขว้างเป็ด" ทางผู้จัดสร้างจึงใช้ ฤาษี หรือ ฆารวาสผู้เรืองเวชมาปลุกเสกแทนพระหลวงปู่เค็ม วัดเขาอีโต้ขว้างเป็ด"

สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/384269348330147/posts/2475855045838223/

'นิพนธ์'ลงเรือตรวจเยี่ยมน้ำท่วมสกลนคร 2 อำเภอ



วันที่ 30 ส.ค.2562  นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงตรวจพื้นที่และเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย พร้อมมอบถุงยังชีพในเขตพื้นที่อำเภออากาศอำนวย และอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร โดยเวลา 09.00 น. ลงพื้นที่อำเภออากาศอำนวย รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ฝนและน้ำท่วมในพื้นที่ ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภออากาศอำนวย จากนั้นลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจราษฎรผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าทีาผู้ปฏิบัติงาน โดยมอบถุงยังชีพ จำเป็น 2 จุด ที่ บ้านวาใหญ่ ม.14 ต.วาใหญ่ จำนวน 28 ชุด และ บ้านโพนแพง ม.5 ต.โพนแพง

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายนิพนธ์​ได้ลงพื้นที่อำเภอวานรนิวาสเพื่อนั่งเรือไปเยี่ยมราษฎรพร้อมมอบถุงยังชีพจำเป็นให้แก่ราษฎรที่บ้านโนนม่วง ม.1 ต.ขัวก่าย จำนวน 10 หลังคาเรือน  โดยได้เดินทางไปยังหอประชุมที่ว่าการอำเภอวานรนิวาส เพื่อพบปะราษฎร โดยเน้นย้ำในประเด็นที่สำคัญ ดังนี้

1. ให้น้อมนำแนวทางพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 10 และ แนวทางการของกระทรวงมท.มาใช้ในการบริหารจัดการและปฏิบัติ 

2.การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยภาคอีสาน เกิดภัย 2 ลักษณะคือ ฝนทิ้งช่วง และ น้ำท่วม จึงต้องหารือในมาครการระยะยาวเพื่อบริหารจัดการน้ำให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. เน้นย้ำในเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ของประชาชนผู้ประสบภัย โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยในชีวิต ความปลอดภัยจากกระแสไฟฟ้า รวมทั้งเรื่องโรคภัยไข้เจ็บที่มากับฝน

4. การเตรียมการเข้าสู่ฤดูฝนของจังหวัดสกลนคร ในช่วงเดือน ต.ค. ซึ่งอาจจมะมีความรุนแรงมากกว่าที่กำลังเผชิญ

5. การกำชับเจ้าหน้าที่ให้มีความพร้อมปฏิบัติงานให้พี่น้องประชาชน

หลังจากนั้นนายนิพนธ์ได้มอบถุงยังชีพจำเป็นให้แก่ราษฎรทั้ง 2 อำเภอกว่า 500  ชุด

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เริ่มแล้ว! 7 พรรคฝ่ายค้านสัญจร เวทีแรกที่เชียงใหม่



วันที่ 30 ส.ค.2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานและโฆษกคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวว่า คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน จะจัดโครงการฝ่ายค้านเพื่อประชาชนสัญจร 4 ภาครับฟังและสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันเสาร์ 31 สิงหาคมและวันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน จะมีการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังและสะท้อนมุมมองต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 

โดยคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย ณ ห้อง 1201 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป

"เวทีสาธารณะเพื่อการสะท้อนมุมมอง รับฟังความเห็นของทุกภาคส่วนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนที่จะมาสะท้อนมุมมองที่หลากหลาย ทั้งจากฝ่ายการเมือง สถาบันการศึกษา นักวิชาการ นักศึกษา ประชาชน จึงขอเชิญชวนเข้าร่วมเวทีสาธารณะ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางที่จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยโดยพร้อมเพรียงกัน" นายอนุสรณ์กล่าว

'ลดาวัลลิ์'แนะดันศูนย์พัฒนาครอบครัวชุมชนแก้ว่างงานและฆ่าตัวตาย



วันที่ 30 ส.ค.2562  นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงสถานการณ์การว่างงาน ปลดคนงาน เลิกจ้าง และปิดกิจการโดยระบุว่าเรื่องที่เกิดเหล่านี้เป็นปลายเหตุของปัญหาแต่ต้นเหตุมาจากการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และเมื่อย้อนกลับไป 5 ปีที่ผ่านมาหากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งประเทศไทยจะไม่เสียตลาดทางยุโรป จะไม่เกิดปัญหาทางการท่องเที่ยว จะไม่มีความเสียหายทางการส่งออก และจะไม่สูญเสียนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่มีกำลังมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นกลไกการจ้างงานที่สำคัญดังนั้นต้องกลับไปแก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหา นั่นคือเรื่องความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลและมุมมองของต่างชาติว่ายอมรับผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาหรือไม่ 

หากภาพเหล่านี้ยังไม่ชัดเจนการเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจะยังมีปัญหาต่อไป สภาพเศรษฐกิจยังสะท้อนว่าการบริหารนโยบายเพื่อนำไปสู่การแก้ไขไร้ประสิทธิภาพ รัฐจึงต้องเร่งหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามามีส่วนร่วมในรัฐบาลและที่สำคัญ ต้องใช้งานบุคลากรที่มีอยู่ให้ตรงกับความเชี่ยวชาญ หรือใช้คนให้ตรงกับงาน อย่ายึดติด การจัดตำแหน่งตามสัดส่วนของพรรคการเมืองเท่านั้น

ขณะเดียวกันเห็นว่าสถิติการฆ่าตัวตายที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นผลสืบเนื่องทางการเมือง ที่มีผลต่อปัญหาเศรษฐกิจ การเริ่มต้นการแก้ไขรัฐบาลต้องตระหนักว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือเรื่องใหญ่ ซึ่งต้องบูรณาการทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมทำงาน และต้องไปพิจารณาว่ามีหน่วยงานใดที่ทำงานในเรื่องลักษณะเช่นนี้ โดยเฉพาะเครือข่ายต่างๆของรัฐบาลที่มีอยู่ทุกหมู่บ้านชุมชน ทั้ง อสม.กำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเชื่อว่า กลุ่มคนเหล่านี้จะสามารถให้ข้อมูลได้ว่าครอบครัวใดบ้างอยู่ในช่วงยากลำบาก 

รวมถึงใช้กลไก ศูนย์พัฒนาครอบครัวชุมชน สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีอยู่แล้ว ในทุกตำบลทั่วประเทศ  ต้องลงไปให้ความรู้เพราะเชื่อว่าปัจจุบันยังไม่มีความเข้าใจว่าหน่วยงานดังกล่าวมีกลไกการทำงานอย่างไร 

เชื่อว่าหากใช้งานเครื่องมือดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพจะสามารถป้องกันปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะปัญหาเด็กปัญหาสตรี ปัญหาผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ปัญหายาเสพติด ปัญหาแรงงานเด็ก รวมถึงการฆ่าตัวตาย ซึ่งจะทำหน้าที่เฝ้าระวัง โดยเฉพาะปัจจัยที่เป็นแรงกดดันทางสังคม




'สมศักดิ์'คาด ก.ย.ได้ข้อสรุปจากบริษัทคู่สัญญากำไล EM



วันที่ 30 ส.ค.2562 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงานคุมประพฤติ 40 ปี มุ่งสู่ Probation 4.0 โดยมีนายนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม   นายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน  โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า กระทรวงยุติธรรมมุ่งเน้นการกระจายโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ตามคำกล่าวที่ว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังโดยเฉพาะผู้กระทำผิดซึ่งอยู่ในความดูแลของกระทรวงยุติธรรม ที่มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 7 แสนคน ซึ่งระบบงานคุมประพฤติ เป็นระบบงานหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการแก้ไขฟื้นฟู และให้โอกาสกับผู้กระทำผิดให้สามารถกลับเป็นคนดี ช่วยเหลือสังคม พัฒนาชุมชน สร้างคุณค่าและทุนมนุษย์ให้กับประเทศชาติได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ะบบเรือนจำ ดังนั้น การสร้างการรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนถึงการให้โอกาส เฝ้าระวัง พร้อมส่งเสริมสนับสนุนทั้งด้านจิตใจทัศนคติ ทักษะอาชีพ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บุคคลเหล่านี้ กลับตัวเป็นคนดี สามารถดูแลตนเอง ครอบครัว พร้อมทั้งเป็นกำลังสำคัญของประเทศได้ในอนาคต

รมว.ยุติธรรม ยังได้กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าการตรวจสอบประสิทธิภาพของกำไลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EM ว่า ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมาย กำลังตรวจสอบว่าจะมีการแก้ไขสัญญา หรือยกเลิกสัญญาข้อไหนหรือไม่ ซึ่งการดำเนินการจะเป็นไปตามข้อเท็จจริง ในสิ่งที่เจอ คาดว่าจะใช้เวลาการตรวจสอบอีกไม่นาน 

ด้านอธิบดีกรมคุมประพฤติ ระบุว่า กรมคุมประพฤติได้รับรายงานจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงยุติธรรมเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตาม 4 ประเด็น คือ 1.กำไล EM สามารถถอดเข้าออกจากข้อมือได้ 2.กำไล EM สามารถได้ตัดขาดได้ 3.การใช้เครื่องมือสื่อสารไม่ครบถ้วน ใช้ได้เพียงแค่สัญญาณระบบ 2 G เท่านั้น และ 4.อาการแพ้สายรัดกำไล EM ของผู้ถูกคุมประพฤติ คาดว่าใช้ระยะเวลา 30 วัน ทราบผล

สำหรับกรมคุมประพฤติ ได้เรียกประชุมร่วมกับคณะกรรมการการตรวจรับ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา และพิจารณาว่าอุปกรณ์กำไล EM มีข้อบกพร่องต้องให้บริษัทคู่สัญญาแก้ไขตามข้อกำหนด TOR ซึ่งบริษัทรับเรื่องไปเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมให้แก้ไขภายใน 15 วัน โดยทางบริษัทได้มีการทำหนังสือทักท้วงมาบางเรื่อง คาดว่าช่วงเดือนกันยายน 2562 จะได้ข้อสรุปชัดเจน ส่วนอนาคตจะมีมาตราการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงอย่างไรต้องดูเงื่อนไขสัญญากับบริษัทคู่สัญญาและพิจารณาตามกฎหมาย

เบื้องต้น ได้เปลี่ยนจากการใส่กำไลข้อมือมาเป็นข้อเท้าแทน แต่มีบางส่วนต้องทำอาชีพเกี่ยวข้องกับการแสดงหรืองานโชว์ต่างๆ จะให้เขียนรายงานมายังกรมคุมประพฤติเพื่ออนุโลมใส่ข้อมือแทน รวมทั้ง หากพบมีสัญญาณเตือนเกี่ยวกับการกระแทกเข้ามายังส่วนกลางจะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบทุกกรณีเพื่อป้องกันการถอดออก



เผย'บิ๊กป้อม'ลั่น! ต้องไม่มีจนท.รัฐพันค้ามนุษย์



วันที่ 30 ส.ค.2562 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม. ได้เรียกประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ครั้งที่ 2/62 ณ ห้องประชุม ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับทราบผลการจัดระดับประเทศไทย ในรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา ประจำปี 62  และพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนแก้ปัญหาร่วมกัน พร้อมทั้งเห็นชอบ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับและติดตาม การดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยมี รมว.พม.เป็นประธาน เพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนและติดตามการแก้ปัญหาของหน่วยต่างๆและจัดทำรายงานของประเทศไทยประจำปี 

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงาน ถึงความพยายามร่วมกันในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ที่ผ่านมา มีผลให้ภาพรวมการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย มีพัฒนาการมากขึ้นและมีผลต่อความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ  อย่างไรก็ตาม การค้ามนุษย์เป็นปัญหาสะสมในไทยมาต่อเนื่องยาวนาน และเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ( พม.) กระทรวงแรงงาน (รง.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) 

พร้อมย้ำ ความเข้าใจและความเป็นหนึ่งเดียว โดยใช้ความพยายามร่วมกันมากขึ้น เพื่อลงลึกขับเคลื่อนแก้ปัญหาในทุกมิติอย่างจริงจัง  ทั้งนี้ให้เร่งรัดนำข้อเสนอแนะของสหรัฐฯทั้งหมด เป็นแนวทางหลักขับเคลื่อนด้วยกลไกที่จัดตั้งขึ้น ที่มี พม.เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยให้ความสำคัญ ท้ังด้านการดำเนินคดี ด้านการคุ้มครองช่วยเหลือและด้านการป้องกัน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาสถานคุ้มครองผู้เสียหายที่ไม่เพียงพอ  ทั้งนี้ให้ ตช.เร่งรัดการปราบปราม โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ทางเพศ  และติดตามให้นำ้หนักทางเทคนิคกับคดีที่ค้าง รวมทั้งปรับปรุงกระบวนการคัดแยกและการสอบสวนให้สามารถดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง  พร้อมทั้ง ขอให้ รง.เร่งรัดพัฒนาประสิทธิภาพในการตรวจการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและแนวทางการดูแลผู้เสียหายจากคดีแรงงานบังคับ  พร้อมกันนี้ ขอให้ร่วมรณรงค์สร้างการตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้น และจะต้องไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์โดยเด็ดขาด

ปลายฝนโคราชยังมีแล้ง! 'เทวัญ'เกาะติดพื้นที่จี้ภาครัฐช่วยประชา




วันนี้ (30 ส.ค.52) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายธงชัย ลืออดุลย์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสุมิตรา อติศัพท์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 13  และ 14  และคณะ  เดินทางลงพื้นที่่ จ.นครราชสีมา เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่  

โดยช่วงเช้า รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำที่ 4  (ประตูระบายน้ำโพธิ์เตี้ย) ต.ปรุใหญ่ อ.เมืองนครราชสีมา  ซึ่งพบว่าประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหา ภัยแล้ง น้ำจ่ายเพื่ออุปโภคบริโภคในชุมชนไม่เพียงพอ  ประชาชนไม่มีน้ำใช้เพื่อการเกษตร เบื้องต้นได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 24 ตำบล 235 หมู่บ้าน ส่วนด้านการเสียหายพืชผลการเกษตร พบว่ามีพื้นที่ประสบภัย 22 ตำบล 184 หมู่บ้าน  จำนวนเกษตรกร 5,580 ราย ความเสียหายส่วนมากเป็นข้าวนาปีและพืชไร่ จำนวน 66,613 ไร่ 3 งาน 

สำหรับพื้นที่เขตอำเภอเมือง มีพื้นที่ทำการเกษตรโดยอาศัยน้ำฝน จำนวน 138,800 ไร่ คิดเป็น ร้อยละ 66.30 ของพื้นที่ทำการเกษตร ซึ่งเป็นพื้นที่มีการใช้น้ำเยอะที่สุดในเขตอำเภอเมือง โดยแบ่งตามสภาพการใช้น้ำประกอบด้วย พื้นที่ชลประทาน มีลุ่มน้ำสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ ลุ่มน้ำลำตะคองไหลผ่านอำเภอเมือง และเขื่อนกักเก็บน้ำเพื่อส่งน้ำตามทางระบายน้ำ จำนวน 7 แห่ง 1. เขื่อนระบายน้ำบ้านทุ่ง ตำบลพลกรัง 2. เขื่อนระบายน้ำกัน ตำบลปรุใหญ่ 3. เขื่อนระบายน้ำโพธิ์เตี้ย ตำบลปรุใหญ่ 4. เขื่อนระบายน้ำคนชุม ตำบลปรุใหญ่ 5. เขื่อนระบายน้ำบ้านขามเฒ่า ตำบลบ้านใหม่ 6. เขื่อนระบายน้ำจอหอ ตำบลจอหอ และ 7. เขื่อนระบายน้ำบ้านข่อยงาม ตำบลตลาด นอกจากนี้ ยังมีรางระบายน้ำจากคลองส่งน้ำลำพระเพลิง 1 แห่ง

โอกาสนี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ และได้พบปะประชาชน  โดยย้ำว่าตนได้กำชับให้ทุกหน่วยเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด และรายงานผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของการช่วยเหลือ นอกจากมีการประกาศเขตพื้นที่ฉุกเฉินแล้ว ยังมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อีกด้วย

ฝนตกน้ำท่วม! 'กนกวรรณ' กำชับ กศน.เตือนปชช.รับมือ 5 กลุ่มโรคติดต่อ



วันที่ 30 ส.ค.2562 นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แสดงความห่วงใยต่อประชาชน ขอให้ทุกคนดูแลรักษาสุขภาพร่างกายในช่วงฤดูฝน กำชับให้ กศน. บูรณาการร่วมกับสถานพยาบาลของรัฐ เช่น รพ.สต. หรือ อสม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ให้คำแนะนำ รณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนในการรักษาสุขภาพ และความปลอดภัยในช่วงหน้าฝน

นางกนกวรรณ กล่าวแสดงความห่วงใยในสุขภาพและการเดินทางของนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ว่า  ในช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ และในบางพื้นที่มีพายุ ฝนตกหนักเกือบทุกวัน อากาศที่เย็นลงและความชื้นที่เพิ่มขึ้นแม้จะช่วยคลายความร้อนลงได้มาก แต่ความชื้นที่เพิ่มมากขึ้นนี้เองที่กลับเปิดโอกาสให้เชื้อโรคหลายๆ ชนิด เติบโตและแพร่กระจายได้มากขึ้นไปด้วย เพราะในฤดูฝนอากาศยังค่อนข้างเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น ฝนตก อบอ้าวทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน อาจเกิดอาการเจ็บป่วยในที่สุด โดยเฉพาะ 5 กลุ่มโรคติดต่อ ที่มักเกิดขึ้นในหน้าฝน ที่ต้องระวังเป็นพิเศษตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประกาศเตือน ได้แก่

1. กลุ่มโรคติดต่อของระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน อาหารเป็นพิษ ไทฟอยด์ บิด เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ และบี

2. กลุ่มโรคติดต่อของระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ หวัด หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ

3. กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุง ได้แก่ ไข้เลือดออก ไข้สมองอักเสบเจอี โรคมาลาเรีย

4. กลุ่มโรคติดเชื้อผ่านทางบาดแผล หรือเยื่อบุผิวหนัง ได้แก่ โรคไข้ฉี่หนู หรือแลปโตสไปโรซิส

5. กลุ่มโรคเยื่อบุตาอักเสบ หรือโรคตาแดง

ตนจึงได้กำชับให้ กศน. ทั่วประเทศประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้แนะนำแก่ประชาชนโดยประสานและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ รวมถึงการดูแล ป้องกันภัยสำหรับตนเองและบุตรหลาน เมื่อเกิดอุทกภัยหรือน้ำท่วมขัง เช่น ภัยจากสัตว์เลื้อยคลาน และภัยจากกระแสไฟฟ้าที่อาจรั่วซึม เป็นต้น

"นอกจากนี้ได้มอบหมายให้สำนักงาน กศน.และ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หรือ สช. แจ้งสถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดให้พิจารณาและระมัดระวังเรื่องการสัญจรในหน้าฝนโดยเฉพาะการจัดทัศนศึกษา หรือศึกษาดูงานของนักเรียน นักศึกษาและบุคลากร โดยก่อนการเดินทางผู้ขับขี่ต้องเตรียมคนขับและยานพาหนะให้พร้อมก่อนการเดินทาง โดยเน้นเตรียมความพร้อมสภาพร่างกายคนขับ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน หากต้องเดินทางไกลควรแวะพักเป็นระยะหรือมีคนขับสับเปลี่ยนกัน ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกชนิดหรือทานยาที่ทำให้ง่วง เช่น ยาลดน้ำมูก ยาภูมิแพ้ ยาแก้ไอ เป็นต้น และขอให้ตรวจสอบสภาพรถ ตรวจเช็คลมยาง ไฟส่องสว่างและไฟเลี้ยว ตรวจระบบเบรกให้มีความสมบูรณ์สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงงดเดินทางในเวลากลางคืนเพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและครู ดังนั้นขอให้หน่วยงาน สถานศึกษาทุกแห่งให้ความสำคัญในความปลอดภัยและสุขภาพของนักเรียน เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ที่อาจจะเกิดขึ้น" นางกนกวรรณ กล่าว

"เรียนรู้..เพื่อการอยู่ดี" # 1 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต)


"เรียนรู้..เพื่อการอยู่ดี" # 1 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต)

https://www.youtube.com/watch?v=gt9nEcJnDEI

"สติ ปัญญา" สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต)


https://www.youtube.com/watch?v=FFPNsvgW0pM

"การศึกษา..??" สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต)


https://www.youtube.com/watch?v=-KL6UQDlo0E



รถสาธารณะเตรียมตัว! 2 ก.ย.นี้ 'ศักดิ์สยาม' เริ่มลุยตรวจสอบสภาพ



เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2562 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมมอบนโยบายการดำเนินการด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วยนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองปลัดกระทรวงคมนาคม โดยมี นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้บริหารระดับสูง และผู้แทนสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ ร่วมในการประชุม ที่ห้องประชุมกรมการขนส่งทางบก
  
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า ได้มอบนโยบายกรมการขนส่งทางบกให้ดำเนินการด้านความปลอดภัย ดังนี้ 1. การทดสอบสมรรถภาพผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่รถโดยสารสาธารณะ และตรวจสภาพรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ให้เริ่มดำเนินการทันทีในวันที่ 2 กันยายน 2562 โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่าง ให้ได้ 10% ภายใน 30 วัน และให้ครบ 100% ภายใน 90 วัน
  
2. ดำเนินการกำหนดจุดจอดพักรถโดยสารสาธารณะ (Checking Point) ทุกระยะทาง 90 กิโลเมตร เพื่อดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานผู้ขับขี่ และตรวจสภาพรถให้อยู่ในมาตรฐานความปลอดภัย (ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที/คัน) โดยให้ประสานขอความร่วมมือใช้พื้นที่จากสถานบริการน้ำมันในจุดที่เหมาะสมและจัดเจ้าหน้าที่หรือจิตอาสา เป็นผู้ตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมง ให้เริ่มดำเนินการภายใน 15 วัน หรือวันที่ 16 กันยายน 2562 ทั้งนี้ หากรถโดยสารสาธารณะคันใดไม่ผ่านการตรวจสอบจะมีบทลงโทษ โดยครั้งแรกเป็นการตักเตือน หากทำผิดครั้งที่สองจะดำเนินการปรับ ครั้งที่สามจะพักการให้บริการ จนถึงเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถโดยสารสาธารณะในที่สุด
  
3. การจัดระเบียบพนักงานประจำรถโดยสารสาธารณะ ให้มีกิริยา วาจา และแต่งกาย สุภาพ และมีการตรวจสอบประวัติพนักงานประจำรถอย่างเคร่งครัด รวมถึงตรวจสอบสารเสพติด เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ
  
4. การจัดระเบียบและความปลอดภัยรถบรรทุก และรถจักรยานยนต์ โดยให้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุจนถึงอุบัติเหตุเป็นศูนย์ในที่สุด
  
ทั้งนี้ ขอให้บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจัง โดยเป้าหมายสำคัญที่สุด คือ ความปลอดภัยทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ หากมีปัญหาติดขัดเรื่องใดให้ประสานมาที่กระทรวงคมนาคมทันที

คนรวยมีบัตรคนจนโดนแน่! เผย'บิ๊กตู่'สั่งวิเคราะห์ความยากจนรายจังหวัดแล้ว




เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้มีการวิเคราะห์ข้อมูลความยากจนรายจังหวัด เพื่อนำมาพิจารณาออกแบบนโยบายแก้ปัญหาความยากจนให้ได้ตรงจุดแบบ “ถูกฝา ถูกตัว” โดยแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืนทั้ง 4 มิติ คือ การเข้าถึงความจำเป็นขั้นพื้นฐาน การพัฒนาคุณภาพชีวิตและทักษะอาชีพ การหางานให้ทำ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ จึงจำเป็นต้องได้รับการออกแบบให้ “ถูกฝา ถูกตัว” และสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้มีรายได้น้อยเบื้องต้น สามารถจัดออกเป็น 4 กลุ่มเป้าหมาย เพื่อออกแบบนโยบายให้สอดรับกันได้แก่


          
Q1 กลุ่มจังหวัดเศรษฐกิจแข็งแกร่ง และมีความพร้อมสูง (สีเขียว) 29 จังหวัด เน้นการช่วยเหลือด้านค่าครองชีพ Q2 กลุ่มจังหวัดเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง (สีฟ้า) 8 จังหวัด เน้นหารพัฒนาอาชีพ และการหางานให้ทำ Q3 กลุ่มจังหวัดที่ขาดเครื่องยนต์ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ หรือขาดความพร้อม 7 จังหวัด(สีน้ำเงิน) ต้องเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิต Q4 12 จังหวัดที่ติดกับดักความยากจน (สีแดง) ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วนทั้ง 4 มิติ อีก 20 จังหวัดที่เศรษฐกิจอ่อนแอ (สีส้มและสีเหลือง) ต้องเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาอาชีพ

นางนฤมล กล่าวว่า นอกจากฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อย นายกฯ ยังได้สั่งการให้นำข้อมูลดัชนีชี้วัดความก้าวหน้าของคนรายจังหวัด ซึ่งประกอบด้วย 32 ตัวชี้วัด อาทิเช่น จำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยของประชากร ร้อยละของครัวเรือนที่มีหนี้สิน สัดส่วนประชากรยากจน ค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคของรายได้ เป็นต้น มาประกอบการวางแผนนโยบายแก้จน เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำด้านการพัฒนาคนระหว่างจังหวัดไปพร้อมกันด้วย

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เซียนแป๊ะโค้ว หัวตะเข้ ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งหัวตะเข้ ละสังขารในท่านั่งสมาธิ สรีระไม่เน่าเปื่อย!!



เซียนแป๊ะโค้ว หัวตะเข้ ท่านอยู่ปฏิบัติธรรมที่ศาลเจ้าแห่งนั้น คนพอเรื่องเดือดร้อน มาขอให้ท่านช่วย ท่านก็สงเคราะห์ช่วยเหลือไป จนคนร่ำลือความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน เรียกท่านว่าเซียนบ้าง จนมีครั้งหนึ่ง ที่ทำให้ท่านเป็นตำนานเล่าขานจนถึงทุกวันนี้ มีเด็กถูกจระเข้คาบดำน้ำไป มีคนมาตามท่านให้ไปช่วย ท่านไปยืนบริกรรมอยู่ริมฝั่ง สักพักเดียว จระเข้ก็คาบเด็กขึ้นมาหา 

ท่านจึงเอาเท้าเหยียบที่หัวจระเข้ จระเข้ก็คายเด็กออกมา ปรากฏว่าเด็กยังไม่ตาย จึงเป็นตำนานเรียกแถวนั้นว่า หัวตะเข้ เมื่อท่านสิ้นอายุ ท่านดับขันธ์ด้วยท่านั่งสมาธิ ร่างกายท่านไม่เน่าเปื่อย ทางศาลเจ้าจึงนำมาให้คนได้กราบไหว้ 



ต่อมาน้าชายท่านเดินทางมาจากเมืองจีนเพื่อตามหาหลานชายให้กลับไปดูใจแม่ที่กำลังป่วยหนัก ก็มาพบว่าหลานกลายเป็นเซียนไปแล้ว อีกทั้งยังนั่งตายจากไป จึงตรงเข้าไปต่อว่าสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของท่านว่า 

ไม่กตัญญูเลย เอาตัวรอดบรรลุธรรมไปคนเดียวทิ้งแม่ให้เจ็บไข้ต้องร้องไห้อาลัยหา สารพัดจะดุด่าธาตุขันธ์ท่าน 

เพียงไม่นานนับว่าน่าอัศจรรย์ที่สุด สังขารไร้วิญญาณที่นั่งขัดสมาธิเพชรตั้งตรงอยู่นั้นก็ค่อย ๆ โค้งลง ค่อย ๆ ก้มศีรษะลง จนกระทั่งหยุดนิ่งอยู่ในลักษณะดุจดังคนสำนึกผิด น้าชายเห็นอัศจรรย์ดังนั้นก็ตะลึงจังงัง และหยุดการดุด่าทันที จากนั้นก็กราบไหว้แล้วเดินทางกลับประเทศจีนไปบอกแม่ท่านถึงความอัศจรรย์ที่ได้ไปพบมา 




สนใจวัตถุมงคลติดต่อเบอร์โทร 087 552 6655 เล็ก เจริญนคร

"วิษณุ"ระบุพรสมเด็จพระสังฆราชเป็นคำเตือนที่ดี ย้ำ ครม.ใช้อำนาจอย่างมีสติ




วันที่ 29 สิงหาคม 2562  นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสมเด็จพระสังฆราชประทานโอวาท ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะรัฐมนตรี ไม่ให้เหลิงอำนาจว่า ตนมองว่ารัฐบาลมีหน้าที่อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีอำนาจด้วย เมื่อพูดถึงอำนาจก็ให้เข้าใจว่าถ้าประมาทไม่ระมัดระวัง ไม่มีสติ การใช้อำนาจจะเกินขอบเขต และถือว่าเป็นคำเตือนที่ดี เป็นหลักที่ควรยึดถือ โดยเฉพาะการใช้อำนาจต้องเป็นไปตามกฎหมาย และมีศีลธรรม โดยมีสติคอยกำกับ หลังจากนี้ก็จะเป็นธรรมเนียมและแบบแผนที่รัฐบาลต้องเข้าพบมหาเถรสมาคม ซึ่งเปรียบได้กับคณะรัฐมนตรีของคณะสงฆ์ 

กรมพัฒน์ ร่วม NECTEC ดันแผนพัฒนาแรงงานด้าน AI เป้า 3 ปี 10,000 คน

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ดันแผนพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ เป้าหมาย 10,000 คน ในระยะ...