ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2014

ส่องข้อสอบบาลีปี57พบธรรมแก้ปัญหาขัดแย้ง

               ชาวพุทธทั้งพระและฆราวาสที่เรียนนักธรรมและบาลีจะมีการสอบวัดผลปีละหนึ่งครั้ง สอบได้ก็จะได้เลื่อนชั้นไปเรื่อยๆ หากสอบไม่ได้ก็จะซ้ำชั้นอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะหมดความเพียรล้มเลิกไปเอง  จึงทำให้เมื่อสอบเสร็จจะมีการลุ้นกันว่าผลสอบจะออกมาอย่างไร                ระหว่างสอบหากมีการทุจริตทราบไปถึงหูนักข่าวก็จะเป็นข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น หากไม่มีก็จะเงียบฉี่ก็จะรู้เฉพาะวงการผู้สอบเท่านั้น และก็จะเป็นข่าวอีกครั้งก็คราวประกาศผลสอบโดยเฉพาะประโยค 9 ก็ดูว่ามีสามเณรสอบได้กี่รูปสำนักเรียนวัดไหนสอบได้มากที่สุด เสร็จแล้วก็จบกันโดยไม่ได้เข้าไปดูว่าเนื้อหาของการสอบนั้นเป็นอย่างใดบ้าง มีหลักธรรมใดพอที่จะนำมาแก้ปัญหาสังคม ณ ปัจจุบันได้บ้าง พระเองก็ไม่บอกโยมเองก็ไม่อยากรู้                ในยุคสังคมข่าวสารข้อมูลสื่อสารกันด้วยอินเตอร์เน็ตโดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ทำให้ได้มีโอกาสได้รับรู้ข้อสอบโดยเฉพาะภาษาบาลีซึ่งมีการสอบเสร็จแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ คาดว่าจะประกาศผลสอบเร็วๆนี้                เป็นที่ทราบกันดีว่าสังคมไทยตลอด 10 ปีที่ผ่านมามีความแตกแยกทางความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่ตรงกันถึงขั้นทำร้ายกันด้วยกำลั

ประมุขสงฆ์ลาวเอื้ออาทร'สมเด็จเกี่ยว'จนวินาทีสุดท้าย

              ในวาระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการพระราชทานเพลิงศพ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ป.ธ.9) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช และเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร  โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปในการพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 9 มีนาคม 2557 เวลา 17.00 น.นี้               พุทธศาสนิกชนศิษยานุศิษย์ของเจ้าเจ้าประคุณสมเด็จหลั่งไหลเดินทางไปที่วัดเทพศิรินทราวาสเพื่อร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายเป็นจำนวนมาก   ในจำนวนนั้นมีหลวงปู่พระมหาผ่อง  สมาเลิก  อายุ 99 ปี มหาสังฆนายก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เจ้าอาวาสวัดพระเจ้าองค์ตื้อรวมอยู่ด้วย ทุกครั้งที่หลวงปู่เดินทางมาประเทศไทยด้วยศาสนกิจจะเดินทางไปคารวะศพเจ้าประคุณสมเด็จเสมอมิได้ขาด แม้นว่าอายุสังขารท่านจะมากแล้ว               หลวงปู่พระมหาผ่องกับเจ้าประคุณสมเด็จนั้นถือว่าเป็นสหายธรรมกันมา

'ปิตุฆาต มาตุฆาต'บทสะท้อนวิกฤติครอบครัวไทย

           "ผมโกรธที่ถูกด่าเรื่องผลการเรียน ที่ผ่านมาโดนพ่อและแม่ดุด่าเรื่องนี้มาโดยตลอด ต่อมาเขาสัญญาว่าจะซื้อรถยนต์ให้หากผมสามารถสอบเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยได้ แต่พอผมสอบได้เขาก็ไม่ทำตามสัญญา โดยเปลี่ยนไปซื้อคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยให้แทน วันเกิดเหตุแม่ด่าเรื่องผลการเรียนอีกเลยไม่พอใจซึ่งได้เล่าให้แฟนฟัง"            นี้เป็นคำสารภาพต่อตำรวจที่จำนนด้วยหลักฐานของชายหนุ่มอายุ 18 ปี  ที่ก่อเหตุทำปิตุฆาต มาตุฆาตและอนุชาฆาต ฆ่าพ่อแม่และน้องชายเสียชีวิตรวม 3 ศพ ภายในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ย่านถนนเสมา-ฟ้าคราม ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี            นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญและเป็นบทสะท้อนถึงสถาบันครอบครัวและสังคมไทยวิกฤติเช่นไร เพราะส่วนใหญ่แล้วจะได้ทราบเหตุการณ์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ และเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ผ่านไประยะหนึ่งก็เงียบหายไปเพราะผู้ก่อเหตุถูกจับแล้ว พอมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกก็โพนทนากันอีกอยู่เช่นนี้เรื่อยๆไป            ความจริงแล้วผู้ที่มีหน้าที่และต้องการทำหน้าที่ควรที่จะมาตรวจสอบตัวเองว่าบกพร่องตรงไหนแล้วหาทางป้องกัน            หากพ

เมื่อ'รถไฟเร็วสูงขนผัก'ไร้ราง 'ปู'สวมจี้สัญลักษณ์ถามหาสันติภาพ

               ในที่สุดคนไทยก็ได้ทราบว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ขนส่งของประเทศ 2 ล้านล้านบาท "ไม่ได้ไปต่อ"  เนื่องจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 วินิจฉัยว่า "ขัดรัฐธรรมนูญ"  ทั้งในส่วนของเนื้อหาและกระบวนการตรากฎหมาย โดยเฉพาะมีการใช้บัตรแทนกันลงคะแนนในชั้นของการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร                ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนี้ มีแผนโครงการที่สำคัญที่กล่าวขานกันมากคือสร้างรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อ หัวเมืองใหญ่ไปบรรจบกับประเทศเพื่อนบ้าน และคงจำกันได้ดีก็คือว่าในระหว่างการเสนอร่างต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร นั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พรรณาถึงความจำเป็นของรถไฟความเร็วสูง และที่ฮือฮามากสุดก็คือ "สามารถขนสินค้าทางการเกษตร" เป็นการส่งเสริมรายได้อีกทางหนึ่ง                ทันทีที่ทราบผล น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ระบายความรู้สึกด้วยน้ำตาคลอเบ้าถามหาความยุติธรรม พร้อมกับบอกว่า "มีหลักเมตตาธรรมทำเพื่อประเทศ"                และขณะที่ผู้ส

'มองลิง3ตัวที่ญี่ปุ่น'เห็นวิธีสร้างสันติภาพสังคมไทย

         เมื่อวันที่  23 มี.ค.นี้ เว็บไซต์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ได้เผยแพร่รายงานเรื่อง "สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์เก็บข้อมูลวิจัยด้านพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมในประเทศญี่ปุ่น" โดยพระมหาเสรีชน นริสฺสโร  ความว่า  เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์- 3 มีนาคม 2557 สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์นำโดยพระมหาสุทิตย์ อาภากโร,ดร. ผู้อำนวยการ พระมหาเสรีชน นริสฺสโร นักวิจัย ผศ.ดร.โกนิฏฐ์ ศรีทอง คณะสังคมศาสตร์ ดร.อธิเทพ ผาทา คณะพุทธศาสตร์ ดร.สมศักดิ์ สายหยุด รองผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พุทธโสธร และคณะ จำนวน 13 รูป/คน เดินทางไปศึกษาวิจัยด้านพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม ณ กรุงโตเกียว-โยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ดังนี้           วันพฤหัสบดีที่ 27 ก.พ. 2557 เดินทางถึงสนามบินนาริตะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินเดลด้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) เที่ยวบินที่ DL 284 เข้าที่พัก จากนั้นเดินทางไปวัดเซ็นโซจิ (Senso-ji) หรือวัดวัดเจ้าแม่กวนอิมแห่งอะซะกุซะ (Asakusa Kannon Temple) ซึ่งเป็นวัดทางศาสนาพุทธมหายานอันเก่าแก่ที่สุดในโตเกียวที่คนไทยและคนญี่ปุ่นนับถือมาก เจ้าแม่กวนอิมเป็นเทพีแห่งความเมตตาปราณี ซึ่งชื่อกวนอิมนี้เป็น

แกะรอย'พุทธิศักดิ์คลินิก'พบหลวงพ่อคูณดังไกลถึงมาเลย์

               จากกรณีเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โพสต์ภาพในโซเชียลมีเดีย แฉพฤติกรรมคนกลุ่มหนึ่งที่แต่งกายคล้ายพระสงฆ์นั่งทำพิธีกรรมปิดแผ่นทองคำลงบนหน้าหญิงสาววัยกลางคนและบุคคลแต่งกายคล้ายแม่ชี โดยท้ายภาพระบุชื่อ “พุทธิศักดิ์คลินิก” แสดงให้เห็นถึงการประพฤติตัวที่ไม่เหมาะสมหากชายดังกล่าวเป็นพระภิกษุจริง                ต่อมาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ตรวจสอบพบว่าพิธีดังกล่าวทำในวัดซับอุดมมงคลธรรม ต.หนองย่างทอย อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ พระครูไพบูลย์พัชรโสภณ เป็นเจ้าอาวาส ส่งผลให้ทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ พศ.ลงพื้นที่แต่ไม่พบตัวเจ้าอาวาสทราบว่าเดินทางไปประเทศมาเลเซีย                นายรวีโรจน์ พุทธัง อายุ 52 ปี ลูกศิษย์ของเจ้าอาวาสหรือหลวงพ่อเณรให้การกับตำรวจว่า หลวงพ่อเณรได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้เดินทางต่อไปประเทศจีน อีก 2-3 วัน จะเดินทางกลับมาประเทศไทยและจะเดินทางกลับมาที่วัด                ขณะทีพ.ต.อ. ฐิติภัทร อินทรรักษ์ .ผกก.สภ.ศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า จากการให้การของนายรวีโรจน์ทราบว่า พระที่ปรากฏ

'กรรมการมส.'ขึ้นดอยก่อไฟวางแผนพัฒนาชาวเขา

               พระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) กรรมการมหาเถรสมาคม พร้อมคณะเยี่ยมวัดห้วยบง  ต.บ้านจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ โดยมีชาวบ้าน ราชการ ถวายการต้อนรับเป็นจำนวนมากมาย  โดยพระพรหมบัณฑิตได้นำการสัมมนาพระบัณฑิตอาสาพัฒนาชาวเขาบนดอยกลางป่า ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นต้องมีการก่อไฟคลายหนาว ช่วงกลางคืนวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา                 ก่อนที่พระพรหมบัณฑิตจะเดินทางไปที่วัดห้วยบง ช่วงเช้าได้ไปตรวจเยี่ยม มจร  วิทยาเขตเชียงใหม่ วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่  พร้อมกับเปิดเผยว่า   มจร วิทยาเขตเชียงใหม่มีโครงการในการขยายวิทยาเขตเพิ่มเติมจากเดิมที่ตั้งอยู่ที่วัดสวนดอก เนื่องจากได้รับมอบที่ดินจากกรมป่าไม้จำนวนกว่า 1,000 ไร่ บริเวณดอยสะเก็ด ห่างจากที่เดิมเพียงกว่า 20 กิโลเมตรเท่านั้น โดยเริ่มโครงการก่อสร้างตั้งแต่ ปี 2558-2571 ใช้งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการก่อสร้างจะแบ่งเป็นการสร้างวิทยาเขตเชียงใหม่กว่า 900 ไร่ และจัดพื้นที่ประมาณ100 ไร่เพื่อจัดสร้างพุทธมณฑลด้วย                คงจะไม่ใช่เป็นภาพที่เห็นกันบ่อยนักที่พระเถระระดับกรรมการมหาเถรสมาคมที่

เตือนโพสต์'คำด่า'โผล่ตอนสมัครงาน

                ความขัดแย้งในสังคมไทย  เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจมีสาเหตุพื้นฐานมาจากความแตกต่างทางด้านความคิด  ความเชื่อ  และวัฒนธรรม  ความขัดแย้งมีทั้งนำไปสู่ความสร้างสรรค์และความรุนแรง  โดยสภาพทางสังคมปัจจุบันการใช้คำพูดที่ให้เกิดความเกลียดชัง (Hate Speech) ในสังคมออนไลน์ และนิยมใช้ Social Media ในการใส่ข้อความที่สร้างความเกลียดชัง เช่นใน Facebook เป็นต้น ส่งผลให้ เกิด ความขัดแย้งในสังคม ซึ่งอาจขยายผลนำไปสู่ความรุนแรงและความเสียหายตามมา                 ศูนย์สันติวิธีและธรรมาภิบาลนักศึกษา  มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  เล็งเห็นความสำคัญเรื่องการป้องกันและจัดการความขัดแย้ง ในสังคมให้เหมาะสม และเกิดประสิทธิภาพ เพื่อให้อาจารย์  นักศึกษาและบุคคลทั่วไปทราบถึงผลเสียของการใช้คำพูดที่ให้เกิดความเกลียดชัง (Hate Speech) ในสังคมออนไลน์ เพื่อลดความความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม  สร้างสรรค์ ส่งผลให้อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุข                 ศูนย์สันติวิธีและธรรมาภิบาลนักศึกษาจึงกำหนดจัดโครงการปรองดองเพื่อพ่อ   เรื่อง “Hate Speech ไวรัสทางสังคมไท

ฝึก'พระธรรมทูต'เทียบชั้น'มิชชันนารีวาติกัน'

               การท่องแดนพุทธภูมิประเทศอินเดียของคนไทยพุทธส่วนใหญ่แล้ว ต้องการที่จะสัมผัสพื้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าโดยตรง เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ปฏิบัติธรรมทวีคูณขึ้นไป                หลังจากร่วมคณะนิสิตปริญญาโทสันติศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร ) รุ่นที่ 1 (และกำลังรับสมัครรุ่นที่ 2 ถึงวันที่ 30 มี.ค.นี้) ได้จัดโครงการ "จาริกสันติธรรม สู่ดินแดนแห่งพุทธภูมิ" ประเทศอินเดีย-เนปาล จำนวน 40 รูป/คน ระหว่างวันที่ 16-26 มกราคมที่ผ่านมา ภายใต้การนำของพระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้อำนวยการหลักสูตร จึงทำให้ได้ติดตามการเคลื่อนไหวของพุทธศาสนิกชนที่เดินทางไปแสวงบุญคณะต่างๆผ่านทางเฟซบุ๊กวัดไทยในประเทศอินเดีย                ได้เห็นกิจกรรมต่างๆ ที่น่าอนุโมทนายิ่งอย่างเช่น กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้การนำของนายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดี ได้จัดโครงการส่งพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนประกอบศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประเทศอินเดีย-เนปาล เป็นรุ่นที่ 2 แล้วประกอบด้วย พระสังฆาธิการ พระธรรมวิทยากร จำนวน 100  รูป และฆราวาสผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา จำนวน 35 ค

'มจร'สานงาน'สมเด็จเกี่ยว'พัฒนาชาวเขา

              "ขอให้ทุกคนภูมิใจว่า เราเกิดบนแผ่นดินไทย มีพระพุทธศาสนาเป็นหลักใจ จะเป็นชาวเขาหรือชาวเรา ทุกคนก็เป็นคนเสมอกัน คือ เราเป็นคนไทย ขอให้พวกเราอาศรัยแผ่นดินแห่งนี้สร้างชีวิต สร้างความดีงาม ให้สมกับที่เกิดมาเป็นคนไทย"               นี้เป็นโอวาทของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ป.ธ.9) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช และเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ที่ระบุในหนังสือสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร พระมหาเถระผู้เป็นประวัติศาสตร์ความทรงจำพระพุทธศาสนาโลก ที่อยู่ในถุงที่พุทธศาสนิกชนที่ได้รับในวาระพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 9 มีนาคม 2557 เวลา 17.00 น.ที่ผ่านมา               หนังสือเล่มนี้รัฐบาลจัดพิมพ์โดยเสด็จพระราชกุศลในการดังกล่าว ที่ได้รวบรวมภาพเหตุการณ์ตั้งแต่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์มรณภาพจนกระทั้งพิธีพระราชทานเพลิงศพ พร้อมทั้งประวัติและผลงานด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านบริการสังคมและเผยแพร่ ซึ่งอยู่ช่วงท้ายเ

'จ้วง'ญาติที่คนไทยลืมสายสัมพันธ์ที่จางหาย

               คำว่า "จ้วง" คนไทยส่วนใหญ่แล้วมักจะคุ้นเคยกับคำกิริยาที่ว่า "จ้วงแทง" หรือ "จาบจ้วง" แต่ถ้าเป็นคำนามแล้วไม่ค่อยรู้จักว่าหมายถึงอะไร หรือจะรู้บ้างก็เพียงว่าชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่งในมณฑลกวางสี จากข่าวที่ผู้บริหารเขตปกครองตนเองกวางสีและชนกลุ่มน้อยชาวจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อกระซับความสัมพันธ์จบเพียงแค่นั้น                ความจริงแล้วชาวจ้วงที่มณฑลกวางสีทางใต้ของจีนนี้นับได้ว่าเป็นเครือญาติของคนไทยผู้ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุด ที่รวมกลุ่มกันอยู่ก่อนยุคสามก๊ก (ราว 2,000 ปีมาแล้ว) กว่า 10 ล้านคน พูดจาสื่อสารกันเองในชุมชนหมู่บ้านและในครอบครัวที่อยู่ห่างไกลจากเมือง ก็พูดภาษาตระกูลไทย-ลาว หรือลาว-ไทย ฉันทลักษณ์ในบทร้อยกรองของจ้วงกับของไทยมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด และมีพื้นฐานจากคำคล้องจองเช่นเดียวกัน  กลองหรือฆ้องมโหระทึกนับได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ชาวจ้วงสื่อกับเครื่อญาติไทย ทุกวันนี้ชาวจ้วงทุกวันนี้ยังมีกลองมโหระทึกประจำตระกูลกับประจำหมู่บ้านใช้งานในพิธีกรรมที่ทำสืบเนื่องมาแต่ดึกดำบรรพ์อีกรวมนับพันๆ ใบ ชาวจ้วงกับคนไทยก็มีค