เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2568 ที่ห้องประชุมโรงเรียนพระปริยัติธรรมพระปิ่นเกล้า ชั้น 2 วัดหงส์รัตนาราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร พระธรรมวชิรเมธี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนาศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ โดยมีการพิจารณาจัดทำแผนพัฒนาศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ระยะ 12 ปี (พ.ศ. 2568-2580) ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ของคณะสงฆ์ในการวางรากฐานการศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างเป็นระบบและมีเป้าหมายระยะยาวที่ชัดเจน เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการศึกษาของคณะสงฆ์ให้มีความเข้มแข็ง ทันสมัย และสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมในอนาคต เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนสืบไป
พระเทพวชิรสุตาภรณ์ รองประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ ประจำหนใต้ ได้เสนอแนวคิดการปรับปรุงระบบการเรียนการสอนเปรียญธรรม 9 ประโยค โดยเสนอให้พิจารณารูปแบบการศึกษาของประเทศเมียนมาเป็นต้นแบบ ซึ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนที่เป็นระบบและมีมาตรฐานเดียวกัน แทนการที่แต่ละวัดต่างจัดการเรียนการสอนกันเอง เพื่อให้ผู้เรียนได้รับทั้งองค์ความรู้และอุดมการณ์ที่เข้มแข็ง
ดังนั้นจึงได้ให้เอไอวิเคราะห์รูปแบบการเรียนภาษาบาลีของพระสงฆ์เมียนมาได้ผลดังนี้
ภาษาบาลีเป็นภาษาสำคัญในพระพุทธศาสนาเถรวาท เนื่องจากเป็นภาษาที่ใช้ในการจารึกพระไตรปิฎกและวรรณกรรมทางศาสนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเมียนมา ประเทศเมียนมามีระบบการศึกษาภาษาบาลีที่เข้มแข็งและสืบทอดมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในหมู่พระสงฆ์ บทความนี้มุ่งเน้นการวิเคราะห์รูปแบบการเรียนภาษาบาลีของพระสงฆ์ในประเทศเมียนมา โดยพิจารณาทั้งโครงสร้าง ระบบการสอน และแนวทางการประเมินผล
1. โครงสร้างการเรียนภาษาบาลีของพระสงฆ์ในเมียนมา
1.1 การเรียนในวัดและสำนักเรียนสงฆ์
การเรียนภาษาบาลีในเมียนมาส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในวัดและสำนักเรียนที่มีความเก่าแก่ เช่น มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งมัณฑะเลย์ (Mandalay Buddhist University) และวัดกัมพุชาราม โดยพระสงฆ์จะได้รับการศึกษาตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับสูงสุด
1.2 ระดับชั้นการเรียน
ระดับพื้นฐาน: สอนการอ่านและเขียนภาษาบาลีพื้นฐาน
ระดับกลาง: เริ่มศึกษาหลักไวยากรณ์และการแปล
ระดับสูง: วิเคราะห์พระไตรปิฎกและวรรณกรรมบาลีเชิงลึก
2. รูปแบบการสอนภาษาบาลีในเมียนมา
2.1 วิธีการท่องจำ (Rote Learning)
รูปแบบหลักของการเรียนภาษาบาลีคือการท่องจำข้อความในพระไตรปิฎกและบทสวดมนต์แบบมุขปาฐะ วิธีการนี้ช่วยในการจดจำสูตรและคัมภีร์สำคัญได้อย่างแม่นยำ
2.2 การสอนแบบไวยากรณ์เชิงลึก (Grammar-Based Learning)
เน้นการวิเคราะห์โครงสร้างประโยคและหลักไวยากรณ์บาลี เช่น การเรียนอักขระวิทยา (Sandhi) และการวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ของคำ (Padacchedha)
2.3 การเรียนผ่านการสนทนาและอภิปราย (Discussion-Based Learning)
มีการจัดกลุ่มอภิปรายและสนทนาเพื่อส่งเสริมความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับความหมายและนัยสำคัญของพระไตรปิฎก
3. การประเมินผลการเรียนภาษาบาลีของพระสงฆ์ในเมียนมา
3.1 ระบบการสอบบาลีแบบดั้งเดิม
พระสงฆ์เมียนมาสอบภาษาบาลีผ่านระบบ "ปริยัติธรรม" โดยแบ่งเป็น 9 ระดับ (Pathama Nyeint) ซึ่งเน้นการสอบการท่องจำและการแปลคัมภีร์บาลี
3.2 การสอบมหาธรรมสภา (Tipitakadhara Examination)
การสอบระดับสูงสุดที่เรียกว่า "ติปิฏกธรา" เป็นการสอบความจำพระไตรปิฎกทั้งชุด ซึ่งผู้สอบต้องสามารถท่องจำและแปลความหมายได้อย่างแม่นยำ
4. ความสัมพันธ์ของรูปแบบการเรียนกับการสืบทอดพระพุทธศาสนา
การเรียนภาษาบาลีในเมียนมาไม่เพียงแต่มีความสำคัญทางวิชาการ แต่ยังเป็นรากฐานในการสืบทอดพระพุทธศาสนาในภูมิภาคนี้ พระสงฆ์ที่ผ่านการศึกษาภาษาบาลีอย่างเข้มข้นมักได้รับบทบาทในการสอนและเผยแผ่คำสอนพระพุทธศาสนา
5. สรุปและข้อเสนอแนะ
รูปแบบการเรียนภาษาบาลีของพระสงฆ์ในประเทศเมียนมาสะท้อนถึงความเคารพในประเพณีและหลักธรรมคำสอนอย่างลึกซึ้ง อย่างไรก็ตาม ควรมีการพัฒนาเทคนิคการสอนที่เน้นความเข้าใจมากขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับบริบทการศึกษาในยุคปัจจุบัน เช่น การใช้เทคโนโลยีในการสอนและการบูรณาการแนวคิดเชิงวิเคราะห์เพิ่มเติม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น