"ทั้งถ่ายภาพนิ่ง วีดีโอ จัดเวที
อำนวยความสะดวกบนเวทีภายในห้องประชุม"
นี้เป็นภาพการปฏิบัติหน้าที่ของนักเรียนชั้น ม.3-4
โรงเรียนบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี)นนทบุรี
ที่ได้เห็นในโอกาสที่เดินทางไปร่วมประชุมผู้ปกครอง ในการเปิดภาคเรียนที่ 2
รู้สึกทึ่งในความสามารถของนักเรียนกลุ่มนี้และชื่นชมในวิสัยทัศน์ของผู้
บริหารและครูของโรงเรียนแห่งนี้
เพราะโดยปกติแล้วจะเห็นภาพเหล่านี้จากการปฏิบัติของครู เจ้าหน้าที่
หรือว่าจ้างบุคคลาภายนอกมาทำ
กลุ่มนักเรียนที่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมีอยู่ประมาณ 10 คน อาทิ นายธนา
ยุคลคร้าม นายอมรเทพ จำปาทอง นายเจนณรงค์ สุภาฉาย นายปรัชนันท์
พัฒนะกูลพงศ์ ภายใต้การกำกับดูแลของนายอุดร ศรีลาศักดิ์ ครูคอมพิวส์เตอร์
นายอุดรได้กล่าวถึงการพัฒนานักเรียนกลุ่มนี้ว่า เป็นนักเรียนชั้น ม.3-4
ที่สนใจเรียนคอมพิวส์เตอร์และมีความสามารถในการใช้งานได้เป็นอย่างดีทั้งการ
เขียนโปรแกรม การตัดต่อวิดีโอ การซ่อมคอมพิวส์เตอร์
"เมื่อผมได้มอบหมายให้ช่วยงานด้านโสตศึกษา
จึงได้ฝึกนักเรียนเหล่านี้ให้สามารถทำได้ทั้งถ่ายภาพนิ่ง วีดีโอ
เตรียมอุปกรณ์ จัดเวที อำนวยความสะดวกบนเวที
เพื่อช่วยงานของโรงเรียนในการทำกิจกรรมต่างๆ" นายอุดร กล่าวและว่า
หลังจากนักเรียนได้ถ่ายภาพนิ่ง วีดีโอเรียบร้อยแล้ว
หลังจากเสร็จกิจกรรมก็จะนำไปตัดต่อทำเป็นสื่อต่างๆแล้วนำไปเผยแพร่ทาง
เว็บไซต์ของโรงเรียน คลิปก็จะอัพโหลตขึ้นเว็บไซต์ยูทูบ
ส่วนอนาคตนักเรียนจะเรียนต่อด้านนี้หรือไม่นั้น
คงเป็นดุลพินิจของแต่ละคนคงไม่ได้กระตุ้นอะไรมาก
ขณะที่นางเบญจมาศ ยิ้มมิ่ง รองผู้อำนวยการ กล่าวว่า
ถือเป็นนโยบายของแต่ละโรงเรียนที่ต้องการฝึกนักเรียนให้มีทักษะด้านต่างๆ
เพื่อช่วยงานของโรงเรียน
อย่างไรก็ตามในการเข้าร่วมประชุมผู้ปกครองครั้งนี้ยังได้รับฟังการบรรยาย
เกี่ยวกับโทษของยาเสพติดและประโยชน์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจาก ร.อ.สุธี
สุขสากล อนุศาสนาจารย์หรือครูทารประจำกรมทหารราบที่1รักษาพระองค์
อดีตพระเปรียญธรรมเก้าประโยครุ่นเดียวกับพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
นักจัดรายการสยามานุสติ รายการรู้รักสามัคคีทำความดีเพื่อแผ่นดิน
เห็นทักษะลีลาของอนุศาสนาจารย์คนนี้แล้วต้องบอกว่าไม่ธรรมดา
ทั้งร้องเพลงประกอบ ใช้อุปกรณ์เช่นคลิปจูงให้คนสนใจในเนื้อหา
ทั้งนี้คงเป็นเพราะเรียนจบปริญญาตรีนิเทศศาสตร์จากมสธ.อีกหนึ่งใบ
แสดงให้เป็นว่าของอนุศาสนาจารย์หรือครูทหารยุคปัจจุบันนี้ได้ออกจากกรมกอง
เข้าหาชุมชนแล้วแต่เป็นลักษณะความสามารถส่วนบุคคลอยู่
หากมีการบริหารจัดการที่ดีแล้วจะเกิดประโยชน์มากขึ้น
สิ่งที่ได้พบเห็นในการประชุมผู้ปกครองโรงเรียนบดินทรเดชา(สิงห์
สิงหเสนี)นนทบุรีครั้งนี้
ทำให้เกิดความมั่นใจว่าโรงเรียนแห่งนี้จะสามารถพัฒนานักเรียนให้มีความพร้อม
ด้านทักษะต่างๆและปลูกฝังจิตใจให้มีความคิดที่ดีไม่คิดโกง
อันจะเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศต่อไป
สำราญ สมพงษ์รายงาน
วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
'พูนสวัสดิ์'หันหลังการเมืองซุ่มเรียนป.โทพุทธศาสนา
ส.ส.สุรินทร์สมัยนี้ต้องยกให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องทำอะไรมากเพียงทำหน้าที่ประท้วงฝ่ายค้านด้วยเสียงแหลมๆ "ท่านประธานที่เคารพ" เท่านี้ก็โด่งดังแล้ว ขนาดคนอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังนำไปล้อเลียนคราวขึ้นเวทีปราศรัย สร้างราคาให้กับจ่าประสิทธิ์อักโข
หากมองย้อนไปเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา เวทีการเมืองสุรินทร์คงไม่มีใครไม่รู้จักนายพูนสวัสดิ์ มูลศาสตร์สาทร อดีตนักมวยชื่อดัง มีพี่ชายเป็นถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ถูกกล่าวขานว่า "ปลัดฮิตาซิ" ขณะเดียวกันยังได้บารมีของ "พ่อใหญ่จิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีหัวหน้าพรรคความหวังใหม่
พอหมดยุคของ "พ่อใหญ่จิ๋ว" นายพูนสวัสดิ์ก็หมดวาสนาและเริ่มหายหน้าหายตาไปจากเวทีการเมือง แม้นแต่ลงสมัครนายกเทศมนตรีเมืองสุรินทร์เมื่อต้นปี2555 ก็ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ในที่สุดคลื่นลูกใหม่อย่างจ่าประสิทธิ์ก็เข้ามาแทนที่
แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้เห็นนายพูนสวัสดิ์อีกครั้งด้วยสีหน้าที่แจ่มใจคล่องแคล่วแม้นว่า
อายุ 72 ปีแล้ว ในเวทีสัมมนาสาธารณะของนักศึกษาปริญญาโท บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วัดมหาธาตุท่าพระจันทร์ เรื่อง "พระสงฆ์กับสังคมออนไลน์" นายพูนสวัสดิ์ก็ตั้งใจฟังอย่างนักศึกษาที่ดี พอจบงานก็ยกของมอบให้กับวิทยากรด้วยความอ่อนน้อม ไม่แข็งกร้าวเหมือน ส.ส.ในสภา
ได้เข้าไปสอบถามจึงได้ความว่านายพูนสวัสดิ์กำลังเรียนปริญญาโทที่บัณฑิตวิทยาลัย มจร สาขาพระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพื่อต้องการทราบหลักธรรมในพระพุทธศาสนาให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันและหากมีโอกาสก็จะบอกต่อ
เมื่อถามว่าไม่หันกลับไปเล่นการเมืองอีกหรือ นายพูนสวัสดิ์บอกว่าไม่เอาแล้วปล่อยให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องการเห็นสำหรับการเมืองไทยก็คือเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วก็ขอให้รู้จักแพ้รู้จักชนะแล้วหันหน้าช่วยกันพัฒนาประเทศ(ดูอย่างสหรัฐเป็นตัวอย่าง)
พร้อมกันนี้นายพูนสวัสดิ์ยังเชิญชวนให้นักการเมืองควรหาโอกาสเข้ามาเรียนต่อที่บัณฑิตวิทยาลัย มจร ซึ่งจะได้มีความรู้ที่ดีนำไปปรับปรุงพฤติกรรมตัวเองให้เป็นนักการเมืองที่น่ารักยิ่งขึ้น
นับได้ว่านายพูนสวัสดิ์ มูลศาสตร์สาทร เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของนักการเมืองที่รู้จักคำว่า "พอ" แต่"ไม่พอ" ที่จะหยุดแสวงหาความรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักธรรมในพระพุทธศาสนา นอกจากการฟังพระเทศน์ปฏิบัติธรรมแล้วยังได้ศึกษาหาความรู้ที่เป็นระบบมากยิ่งขึ้น นับเป็นตัวอย่างที่น่าชื่นชมยิ่งและเป็นชาวพุทธที่ดี
หากนักการเมืองหรือประชาชนทั่วไปจะเลียบแบบนายพูนสวัสดิ์สามารถทำได้เพราะไม่มีใครแก่เกินเรียน เพราะขณะนี้บัณฑิตวิทยา มจร กำลังที่จะเปิดรับสมัครระดับปริญญาโท-เอก ด้านพระพุทธศาสนาหลายสาขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสูตรสันติศึกษาตอนนี้เปิดรับสมัครแล้วสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ มจร (http://www.mcu.ac.th)
สำราญ สมพงษ์รายงาน
หากมองย้อนไปเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา เวทีการเมืองสุรินทร์คงไม่มีใครไม่รู้จักนายพูนสวัสดิ์ มูลศาสตร์สาทร อดีตนักมวยชื่อดัง มีพี่ชายเป็นถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ถูกกล่าวขานว่า "ปลัดฮิตาซิ" ขณะเดียวกันยังได้บารมีของ "พ่อใหญ่จิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีหัวหน้าพรรคความหวังใหม่
พอหมดยุคของ "พ่อใหญ่จิ๋ว" นายพูนสวัสดิ์ก็หมดวาสนาและเริ่มหายหน้าหายตาไปจากเวทีการเมือง แม้นแต่ลงสมัครนายกเทศมนตรีเมืองสุรินทร์เมื่อต้นปี2555 ก็ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ในที่สุดคลื่นลูกใหม่อย่างจ่าประสิทธิ์ก็เข้ามาแทนที่
แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้เห็นนายพูนสวัสดิ์อีกครั้งด้วยสีหน้าที่แจ่มใจคล่องแคล่วแม้นว่า
อายุ 72 ปีแล้ว ในเวทีสัมมนาสาธารณะของนักศึกษาปริญญาโท บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วัดมหาธาตุท่าพระจันทร์ เรื่อง "พระสงฆ์กับสังคมออนไลน์" นายพูนสวัสดิ์ก็ตั้งใจฟังอย่างนักศึกษาที่ดี พอจบงานก็ยกของมอบให้กับวิทยากรด้วยความอ่อนน้อม ไม่แข็งกร้าวเหมือน ส.ส.ในสภา
ได้เข้าไปสอบถามจึงได้ความว่านายพูนสวัสดิ์กำลังเรียนปริญญาโทที่บัณฑิตวิทยาลัย มจร สาขาพระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพื่อต้องการทราบหลักธรรมในพระพุทธศาสนาให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันและหากมีโอกาสก็จะบอกต่อ
เมื่อถามว่าไม่หันกลับไปเล่นการเมืองอีกหรือ นายพูนสวัสดิ์บอกว่าไม่เอาแล้วปล่อยให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องการเห็นสำหรับการเมืองไทยก็คือเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วก็ขอให้รู้จักแพ้รู้จักชนะแล้วหันหน้าช่วยกันพัฒนาประเทศ(ดูอย่างสหรัฐเป็นตัวอย่าง)
พร้อมกันนี้นายพูนสวัสดิ์ยังเชิญชวนให้นักการเมืองควรหาโอกาสเข้ามาเรียนต่อที่บัณฑิตวิทยาลัย มจร ซึ่งจะได้มีความรู้ที่ดีนำไปปรับปรุงพฤติกรรมตัวเองให้เป็นนักการเมืองที่น่ารักยิ่งขึ้น
นับได้ว่านายพูนสวัสดิ์ มูลศาสตร์สาทร เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของนักการเมืองที่รู้จักคำว่า "พอ" แต่"ไม่พอ" ที่จะหยุดแสวงหาความรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักธรรมในพระพุทธศาสนา นอกจากการฟังพระเทศน์ปฏิบัติธรรมแล้วยังได้ศึกษาหาความรู้ที่เป็นระบบมากยิ่งขึ้น นับเป็นตัวอย่างที่น่าชื่นชมยิ่งและเป็นชาวพุทธที่ดี
หากนักการเมืองหรือประชาชนทั่วไปจะเลียบแบบนายพูนสวัสดิ์สามารถทำได้เพราะไม่มีใครแก่เกินเรียน เพราะขณะนี้บัณฑิตวิทยา มจร กำลังที่จะเปิดรับสมัครระดับปริญญาโท-เอก ด้านพระพุทธศาสนาหลายสาขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสูตรสันติศึกษาตอนนี้เปิดรับสมัครแล้วสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ มจร (http://www.mcu.ac.th)
สำราญ สมพงษ์รายงาน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
เพลง: ‘กอดนี้ 120 ล้านบาท’ ถวายหลวงพ่อเณร สร้างรพ.ศูนย์มะเร็งบางแค
บุญในปริบทพุทธสันติวิธีเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสันติภาพในสังคมไทย บุญเป็นปัจจัยที่นำไปสู่สังคมที่สงบสุขและยั่งยืน เมื่อวันที่ 21 พฤศจ...
-
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณประสาร” รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(...
-
วิจารณ์สนั่นหลักสูตรบาลีป.ธ.1-2 ถึงป.ธ. 9 เรียนพระไตรปิฎก 149 หน้า "เจ้าคุณหรรษา" ยกสามเณร 2 รูป หนึ่งจบ ป.ธ. 9 อายุ 17 ปี หนึ่งจบ...
-
พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้...