การอุปนัย (Induction) และนิรนัย (Deduction) เป็นรูปแบบหลักในการใช้เหตุผลในปรัชญาตะวันตกที่มีความแตกต่างกัน ดังนี้:
อุปนัย (Induction): การใช้เหตุผลโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือประสบการณ์เพื่อสรุปเป็นความจริงทั่วไป เช่น
- เห็นเก้าอี้ไม้ลอยน้ำและโต๊ะไม้ลอยน้ำ จึงสรุปว่า สิ่งที่เป็นไม้ทุกชนิดลอยน้ำได้
- สังเกตว่าหลายวันที่ผ่านมาฝนตก วันนี้ฝนตก จึงสรุปได้ว่าพรุ่งนี้ฝนอาจจะตกอีก
นิรนัย (Deduction): การใช้เหตุผลโดยอาศัยความจริงที่เป็นสากลหรือความจริงที่ยอมรับกันโดยทั่วไป เพื่อยืนยันความจริงเฉพาะ เช่น
- มนุษย์ทุกคนเป็นสัตว์ที่ต้องตาย นายดำเป็นมนุษย์ ดังนั้น นายดำต้องตาย
การเปรียบเทียบระหว่างอุปนัยและนิรนัย อุปนัยและนิรนัยไม่ได้แยกขาดจากกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะในกรณีที่มีการใช้เหตุผลในรูปแบบที่ผสมผสาน เช่น การอ้างเหตุผลที่เป็นนิรนัย แต่ใช้ข้อเท็จจริงบางส่วนจากประสบการณ์เพื่อยืนยัน ซึ่งในทางตรรกะอาจถือว่าไม่สมเหตุสมผล ตัวอย่างเช่น:
- “คนบางคนสามารถเห็นผีได้ นายดำเป็นคน ดังนั้น นายดำน่าจะเห็นผีได้” การอ้างเหตุผลนี้ไม่สมเหตุสมผลในเชิงนิรนัย เนื่องจากไม่ได้อ้างอิงความจริงสากลที่ว่าคนทุกคนเห็นผี
การวิเคราะห์การใช้เหตุผล การวิเคราะห์ข้อความที่ใช้เหตุผลควรพิจารณาทั้ง รูปแบบ และ เนื้อหา ไปพร้อมกัน:
- รูปแบบ (Form): หมายถึง โครงสร้างของการอ้างเหตุผลว่ามีความสมเหตุสมผลหรือไม่
- เนื้อหา (Content): หมายถึง ความถูกต้องของข้อเท็จจริงที่นำมาใช้ในการอ้างเหตุผล
ตัวอย่างการวิเคราะห์:
- “คนไทยทุกคนมีผมสีทอง สมชายเป็นคนไทย ดังนั้น สมชายมีผมสีทอง” การอ้างเหตุผลนี้มีรูปแบบที่ดีและสมเหตุสมผลในเชิงนิรนัย แต่เนื้อหามีปัญหาเพราะข้อเท็จจริงที่ว่าคนไทยทุกคนมีผมสีทองไม่เป็นความจริง
สรุป อุปนัยและนิรนัยเป็นรูปแบบการใช้เหตุผลที่แตกต่างกันแต่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ ในการวิเคราะห์ข้อความ การพิจารณาทั้งรูปแบบและเนื้อหาของการอ้างเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญเพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของข้อความนั้นๆ
https://www.youtube.com/watch?v=RwFQmEmxONA
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น