วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2568

เพลง: วิบากแห่งกรรมคนตระหนี่

 ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌
ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

 (Verse 1)

เคยคิดว่าโลกนี้ไม่มีผลกรรม

เคยทำตามใจด้วยความหมองมัว

คำพูดแย่ ๆ และใจที่เมามัว

ปลูกแต่ความกลัว ตระหนี่เกินใคร

(Verse 2)

วันนั้นเคยลืม ใจบุญและเมตตา

ดูหมิ่นผู้อื่น ปล่อยคำพูดไป

ทานที่เขาให้ กลับสาปเขาไป

สุดท้ายชดใช้ในทางเปรตตน

(Verse 3):

ทานไม่ให้ คำพูดทำลายจิต

กลายเป็นชีวิตทุกข์ทนมืดมัว

กินของโสโครก ผลกรรมที่เราตัว

ผลจากความชั่วที่เคยสร้างมา

(Bridge)

แต่ทางยังมี หากวันนี้เปลี่ยนไป

ให้ทานน้ำใจ และรักผู้อื่น

สร้างกรรมดีแท้ แสงธรรมคืน

สู่ทางเดินใหม่ในแสงพุทธธรรม

(Chorus)

วิบากแห่งกรรมย่อมตามไปทุกชาติ

ผลแห่งความผิดมิอาจหลีกพ้น

กรรมดีและชั่วที่เคยฝากตัวตน

ย้อนคืนให้เราสร้างหนทางใหม่

(Outro)

วันนี้เรารู้ กรรมมีที่มา

เปลี่ยนใจให้ดีด้วยเมตตา

สร้างหนทางใหม่ในศรัทธา

วิบากแห่งกรรมจะกลายเป็นทางบุญ


การวิเคราะห์ ๙. มหาเปสการเปตวัตถุ ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 26 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 18 ขุททกนิกาย เปตวัตถุ

บทนำ

“มหาเปสการเปตวัตถุ” เป็นเรื่องหนึ่งในขุททกนิกาย เปตวัตถุ ซึ่งแสดงถึงผลกรรมในปรโลกที่เกิดจากการกระทำในปัจจุบันชาติ เรื่องราวนี้ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น ความตระหนี่และการดูหมิ่นผู้มีศีล รวมถึงการแสดงผลแห่งกรรมอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นหลักธรรมที่สำคัญในพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้ปฏิบัติธรรมดำรงตนในทางที่ดีงามและมีสันติสุข

สาระสำคัญของ ๙. มหาเปสการเปตวัตถุ

เนื้อเรื่องกล่าวถึงหญิงเปรตผู้มีความทุกข์ทรมานจากผลกรรมของตน ในพระสูตรนี้ ภิกษุรูปหนึ่งถามเทพบุตรถึงสาเหตุที่ทำให้หญิงเปรตต้องมีวิบากกรรมที่ร้ายแรง คือการกินของโสโครก เช่น คูถ มูตร โลหิต และหนอง รวมถึงการมีผ้าที่กลายเป็นเหล็ก เทพบุตรตอบว่า หญิงผู้นี้เคยเป็นภรรยาของตนในชาติก่อน และเป็นคนตระหนี่ ไม่ยินดีในการให้ทาน แถมยังดูหมิ่นและบริภาษผู้ที่ให้ทานว่า “จงกินคูถ มูตร เลือด และหนองอันไม่สะอาด” ผลกรรมจากคำพูดและการกระทำเหล่านี้ส่งผลให้หญิงนั้นต้องรับวิบากกรรมดังกล่าวในปรโลก

การประยุกต์ใช้ในปริบทพุทธสันติวิธี

1. หลักกรรมและผลของกรรม

เรื่องนี้สะท้อนหลักธรรมสำคัญเรื่องกรรมและผลของกรรม (กัมมัสสกตา) ซึ่งเป็นแก่นของพระพุทธศาสนา การกระทำทั้งดีและชั่วที่บุคคลกระทำไว้ย่อมส่งผลตามมาไม่ว่าจะในชาตินี้หรือในชาติต่อไป การตระหนี่และการดูหมิ่นผู้อื่นในชาติก่อนของหญิงเปรตส่งผลให้เธอต้องรับวิบากกรรมอย่างทุกข์ทรมานในปรโลก

2. การให้ทานและเมตตา

พุทธศาสนาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้ทานและการแสดงความเมตตา การให้ทานไม่ได้เป็นเพียงการช่วยเหลือผู้อื่น แต่ยังช่วยขัดเกลาจิตใจให้พ้นจากความโลภและความตระหนี่ การที่หญิงเปรตไม่เพียงแต่ปฏิเสธการให้ทาน แต่ยังดูหมิ่นผู้ที่ทำทาน ส่งผลให้เธอขาดคุณธรรมและได้รับผลกรรมในทางลบ

3. ความสำคัญของวาจา

คำพูดที่หญิงเปรตใช้ในอดีตชาติที่เต็มไปด้วยการดูหมิ่นและคำสาปแช่งสะท้อนถึงความสำคัญของการรักษาวาจา พระพุทธศาสนาสอนให้ใช้วาจาที่ประกอบด้วยสัจจะ สุจริต และเมตตา การใช้วาจาในทางลบไม่เพียงแต่ทำร้ายผู้อื่น แต่ยังย้อนกลับมาส่งผลร้ายแก่ผู้พูดในที่สุด

4. การนำไปสู่สันติวิธี

ในแง่ของพุทธสันติวิธี เรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้บุคคลตระหนักถึงผลของพฤติกรรมและคำพูดของตน การปลูกฝังเมตตา กรุณา และการให้ทานสามารถสร้างสันติสุขให้แก่สังคมได้ หากทุกคนปฏิบัติตนด้วยความเอื้อเฟื้อและมีจิตใจที่ดี สังคมย่อมพัฒนาไปในทางที่สงบสุขและปราศจากความขัดแย้ง

บทสรุป

“มหาเปสการเปตวัตถุ” เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการแสดงผลแห่งกรรมและการนำเสนอธรรมะในเชิงปริศนาธรรม เรื่องราวนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการให้ทาน การรักษาวาจา และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่ดี ทั้งนี้เพื่อสร้างสันติสุขทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและสังคม การศึกษาธรรมะและนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถหลีกเลี่ยงการสร้างกรรมชั่ว และสร้างสันติสุขในชีวิตทั้งปัจจุบันและอนาคต

https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=26&A=3125

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพลง: แบ่งปันบุญแห่งใจ

ท่อนแรก (Verse 1) เมื่อใจยังมัวหลงวนเวียน ความโลภพาให้หมุนเวียนไป เฝ้าร่ำร้อง หวังเพียงสุขใจ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ท่อนสอง (Verse 2) แ...