วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เพลง: ค่าไม้เก่าแห่งชีวิต


                      ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

 คลิกฟังเพลงที่นี่

(Verse 1) 

ไม้เก่าทำเสาเรือนก็คงหัก

พอลมพัดที่พักก็ไหวเอน

ทำไถให้ควายจูงไม่เหมือนเดิม

ได้เพียงสุมเติมไฟคลายเหงาใจ

(Chorus)  

เก็บไม้เก่าก่อไฟให้สว่าง

คอยส่องทางที่เลือนลางให้เห็น

เป็นแสงนำทางด้วยปัญญาเช่น

สร้างรายได้เป็นเช่นพรแก่ชรา

(Verse 2) 

ขอบคุณไม้เก่าที่เฝ้าเอื้อเฟื้อ

ให้เขียนเรื่องเอื้อด้วยใจถวิล

จะอดทนเพียรพัฒนาศิลป์

ขัดเกลาจินต์เป็นคีตาฝันไกล

(Chorus)

ขออุทิศบุญกุศลให้ไม้เก่า

คอยเฝ้าท่องพุทโธมนต์ไว้

สำเนียงแห่งจิตปัญญาในเอไอ

หวังว่าสำเร็จได้ดั่งใจปอง

(Outro)

ไม้เก่ามีคุณค่ามากมายล้ำ

เป็นแสงนำทุกยามทดท้อ

เมื่อแรงใจริบหรี่ยังส่องต่อ

"ไม้เก่าแห่งชีวิต" จะยังคง


เพลง: หนังไทยฝันสู่เวทีโลก


                     ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

คลิกฟังเพลงที่นี่

 (ท่อน 1)

ก้าวเดินไป ไทยไม่หยุดยั้ง

บนเส้นทาง สู่ฝันอันยิ่งใหญ่

ภาพยนตร์ วีดิทัศน์ไทย สื่อใจสู่ต่างแดน

สร้างเครือข่ายเชื่อมสัมพันธ์มั่น ยกระดับไทย

(Chorus) 

ฝันไทยสู่เวทีโลก เผยแสงแห่งวัฒนธรรม

ให้โลกได้เห็นเสน่ห์ไทย นำไทยไปสู่ใจคน

สร้างรายได้และแรงบันดาล ด้วยใจมั่นคง

รวมพลังส่งไทยไป สู่ฝันอันยิ่งใหญ่

(ท่อน 2)

วีดิทัศน์บอกเรื่องราวเรา สะท้อนความงดงาม

อาหาร วัฒนธรรม และธรรมชาติ

ไทยก้าวไกล ด้วย Soft Power ดั่งใจฝัน

เชื่อมสัมพันธ์ไมตรี หวังส่งให้ไทยยืนยง

(Chorus) 

ฝันไทยสู่เวทีโลก เผยแสงแห่งวัฒนธรรม

ให้โลกได้เห็นเสน่ห์ไทย นำไทยไปสู่ใจคน

สร้างรายได้และแรงบันดาล ด้วยใจมั่นคง

รวมพลังส่งไทยไป สู่ฝันอันยิ่งใหญ่

บทความทางวิชาการ: "วิเคราะห์แนวทางการผลักดัน Soft Power ไทยด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์สู่เวทีโลก"

การผลักดัน Soft Power ไทยด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์สู่เวทีโลกถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเผยแพร่วัฒนธรรมของไทยสู่ระดับนานาชาติ การเข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติแห่งโตเกียวในปีนี้เป็นโอกาสสำคัญในการขยายตลาด การสร้างรายได้ และการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในเวทีโลก ความท้าทายที่เกิดขึ้นจะต้องรับมือด้วยความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ไทยให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

ในยุคของการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า Soft Power ได้กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่หลายประเทศใช้ในการเสริมสร้างความรู้จักและภาพลักษณ์ของชาติบนเวทีโลก โดยเฉพาะในด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์ที่ไม่เพียงสะท้อนเอกลักษณ์ของชาติ แต่ยังสร้างการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ กระทรวงวัฒนธรรมของไทยจึงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยก้าวออกไปสู่เวทีโลกอย่างเข้มแข็ง โดยการเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติแห่งโตเกียว (TIFFCOM 2024) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน 2567 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ไทยได้นำเสนอมิติใหม่ในด้านการสร้างเครือข่ายและขยายโอกาสทางการค้า

การดำเนินงานและเป้าหมายของกระทรวงวัฒนธรรม

จากการเปิดเผยของนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวถึงนโยบายสำคัญในการพัฒนาทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นทุนทางเศรษฐกิจ โดยในปี 2567 นี้ได้มีการส่งผู้ประกอบการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ไทยจำนวน 9 บริษัทเข้าร่วมงาน TIFFCOM 2024 เพื่อประชาสัมพันธ์ จัดจำหน่ายผลงาน และสร้างโอกาสในการเจรจาธุรกิจกับต่างประเทศ การดำเนินการนี้ไม่เพียงแต่เน้นให้เกิดการขายลิขสิทธิ์และเพิ่มรายได้ แต่ยังส่งเสริมการขยายเครือข่ายธุรกิจ การหาคู่ค้าหรือผู้ร่วมทุนใหม่ ๆ ในตลาดญี่ปุ่นและเอเชีย ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทจากการเจรจาทางธุรกิจในครั้งนี้

บทบาทของ Soft Power ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์

ภาพยนตร์และวีดิทัศน์เป็นเครื่องมือสำคัญในการเผยแพร่วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชาติ กระทรวงวัฒนธรรมได้ให้ความสำคัญในการนำเสนอ Soft Power ด้านภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชันของประเทศไทยสู่สากล เพื่อให้ชาวต่างชาติได้รู้จักอาหารไทย แหล่งท่องเที่ยว ศิลปะและวัฒนธรรมผ่านสื่อเหล่านี้ การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อภาพยนตร์และวีดิทัศน์นี้เป็นการสร้างโอกาสให้วัฒนธรรมไทยเข้าถึงผู้ชมในต่างประเทศและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกทางหนึ่ง

การประเมินผลและข้อท้าทายของการผลักดัน Soft Power ไทยสู่เวทีโลก

การเข้าร่วมงาน TIFFCOM 2024 เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความสำเร็จในการขยายตลาดและเครือข่ายธุรกิจไทยไปสู่ระดับสากล แต่ในทางปฏิบัติก็ยังมีความท้าทาย เช่น ความต้องการด้านทรัพยากรและเทคโนโลยีที่ต้องพัฒนา การสร้างบุคลากรที่มีทักษะทางการตลาดระหว่างประเทศ และการสร้างภาพลักษณ์ของชาติที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ชมในต่างประเทศ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์ให้ตอบโจทย์กับความต้องการในยุคโลกาภิวัตน์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้ Soft Power ไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

การสนับสนุนด้านทรัพยากรและนวัตกรรม

กระทรวงวัฒนธรรมควรส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนานวัตกรรมในการผลิตภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เช่น เทคโนโลยีการถ่ายทำ การสร้างสรรค์เนื้อหาที่หลากหลาย รวมถึงการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนโครงการด้านภาพยนตร์เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

การพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะระดับนานาชาติ

จัดหลักสูตรฝึกอบรมที่เน้นการพัฒนาทักษะการตลาด การสร้างเครือข่าย และความรู้ด้านการเจรจาทางธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถสร้างความสัมพันธ์และเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การขยายเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ

สนับสนุนการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างผู้ผลิตภาพยนตร์ไทยและต่างชาติ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล


เพลง: เส้นทางพัฒนาที่ยั่งยืนไทยยังท้าทาย

ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

 คลิกฟังเพลงที่นี่

 (Verse 1)  

แดนดินไทย สานฝันสร้าง

เปลี่ยนแปลงทาง ด้วยใจกล้า

ใส่ใจโลก ปกป้องป่า

ก้าวตามรอยพัฒนาอย่างยั่งยืน

(Chorus) 

เส้นทางที่ยั่งยืน อยู่ในใจเรา

สู้ไปด้วยกัน เผชิญทางให้สู้ได้

รักษ์โลก รักษ์ใจ รวมพลังให้มั่นใจ

มุ่งไปข้างหน้า สร้างฝันเพื่อไทยยั่งยืน

(Verse 2)

เศรษฐกิจ ต้องไม่ทิ้งใคร

สังคมไทยต้องอยู่ด้วยกัน

ร่วมก้าวไป สู่วันใหม่ที่มั่นคง

มีอนาคตอันยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน

(Chorus) 

เส้นทางที่ยั่งยืน อยู่ในใจเรา

สู้ไปด้วยกัน เผชิญทางให้สู้ได้

รักษ์โลก รักษ์ใจ รวมพลังให้มั่นใจ

มุ่งไปข้างหน้า สร้างฝันเพื่อไทยยั่งยืน

บทความทางวิชาการ: "ประเมินผลการดำเนินตามนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย ปี 2567"

บทนำ

นโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทยปี 2567 เป็นการดำเนินงานที่ต่อยอดจากกรอบนโยบายขององค์การสหประชาชาติที่ได้กำหนดไว้ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDGs) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นรากฐานในการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างสังคมที่สมดุลและยั่งยืน ในการประเมินผลการดำเนินการนี้ จำเป็นต้องวิเคราะห์ผลลัพธ์และความท้าทายในการปฏิบัติงานตามนโยบายในปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสิ่งแวดล้อม การลดความเหลื่อมล้ำ และการพัฒนาเศรษฐกิจที่เข้าถึงประชาชนทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง

การประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืน

สิ่งแวดล้อม

ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการจัดการขยะ แต่ยังพบปัญหาด้านการปฏิบัติจริงที่การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมมลพิษและการจัดการทรัพยากรยังขาดความเข้มงวด แม้จะมีการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น แต่ยังคงมีช่องว่างในด้านการสนับสนุนการลงทุนที่เพียงพอในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สังคม

ความพยายามในการลดความเหลื่อมล้ำของสังคมผ่านโครงการและนโยบายต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมการศึกษาและสุขภาพ การสนับสนุนผู้มีรายได้น้อย พบว่ามีการปรับปรุงด้านสาธารณสุขและการเข้าถึงการศึกษาในกลุ่มชนบทมากขึ้น แต่ยังพบว่าความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจยังคงเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องการการจัดการนโยบายที่สามารถกระจายโอกาสอย่างเท่าเทียม

เศรษฐกิจ

ในปี 2567 นโยบายเศรษฐกิจประเทศไทยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัล การสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลาง (SMEs) และการเชื่อมโยงเศรษฐกิจดิจิทัลกับวิสาหกิจในชุมชน โดยมีผลดีต่อเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น แต่การขยายตัวของเศรษฐกิจยังคงเผชิญกับความท้าทายด้านความยั่งยืน เนื่องจากการพึ่งพิงอุตสาหกรรมบางประเภทที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

การส่งเสริมความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

จัดให้มีแคมเปญประชาสัมพันธ์และโครงการฝึกอบรมเกี่ยวกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานสะอาดในระดับชุมชน เพื่อสร้างความตระหนักรู้และสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อม

การสนับสนุนการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

พัฒนากลยุทธ์ในการกระจายทรัพยากรและโอกาสเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้ด้อยโอกาส เช่น การจัดสรรทรัพยากรด้านการศึกษาและสวัสดิการสังคมที่ยืดหยุ่นและครอบคลุม

การส่งเสริมเศรษฐกิจที่เข้าถึงได้

สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงการสร้างนโยบายเพื่อให้เกิดการลงทุนในเทคโนโลยีที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการขยายเศรษฐกิจดิจิทัลและให้โอกาสในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในชุมชน

บทสรุป

จากการประเมินผลการดำเนินงานในปี 2567 พบว่าแม้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในหลายด้าน แต่ยังมีปัญหาและข้อท้าทายที่จะต้องจัดการต่อไป การพัฒนาที่ยั่งยืนต้องการความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและมีความหมาย


แนวทางส่งเสริมผลิตภัณฑ์ผ้าไทยสู่สากลในยุคเอไอ


การพัฒนาผ้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดสากลนั้นจำเป็นต้องอาศัยการใช้เทคโนโลยี AI ในการออกแบบ การตลาด และการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างจุดเด่นในสายตาผู้บริโภคทั่วโลก การนำแนวทางการส่งเสริมผ้าไทยนี้มาใช้จะช่วยให้ผ้าไทยกลายเป็นสินค้าที่โดดเด่นและสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

ผ้าไทยเป็นหนึ่งในสินค้าวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรมที่งดงามของประเทศไทย ซึ่งมีความสำคัญทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ ปัจจุบัน การส่งเสริมและพัฒนาผ้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้กลายเป็นประเด็นสำคัญในแวดวงนโยบาย โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีเอไอเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการออกแบบ การตลาด และการขยายกลุ่มเป้าหมายระดับโลก

จากข้อมูลล่าสุดในงานประกวดนักออกแบบผ้าไทย “New Gen Young Designer 2024” ที่ได้รับการสนับสนุนโดยกระทรวงมหาดไทย ได้มีการชูแนวคิด "ผ้าไทยใส่ให้สนุก" ภายใต้พระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา  ซึ่งมุ่งเน้นให้การออกแบบผ้าไทยมีความทันสมัยและสามารถปรับให้เข้ากับเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบได้ เพื่อสนับสนุนให้ผ้าไทยก้าวสู่ตลาดสากล

วิเคราะห์แนวทางการส่งเสริมผ้าไทยด้วยเอไอ

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถเข้ามาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยในหลายมิติ ดังนี้:

การออกแบบและพัฒนา:

เอไอสามารถใช้ในการสร้างแรงบันดาลใจการออกแบบใหม่ ๆ ที่ผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์ของผ้าไทยและความต้องการของตลาดสากล เทคโนโลยีเช่น Generative Design ช่วยให้นักออกแบบสามารถสร้างลวดลายและแบบที่ไม่ซ้ำกันได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองความต้องการและแนวโน้มของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคทั่วโลก โดยยังคงรักษารากฐานของผ้าไทยไว้

การวิเคราะห์และขยายตลาด:

เอไอสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความนิยมของผู้บริโภคในแต่ละตลาดได้ ทำให้นักการตลาดเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ เช่น ข้อมูลการค้นหา การติดตามความชื่นชอบผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละตลาดได้ดียิ่งขึ้น

การสร้างประสบการณ์แบบดิจิทัล:

การใช้เทคโนโลยี VR และ AR ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเห็นและสัมผัสถึงลวดลายผ้าไทยและชุดต่าง ๆ ได้เสมือนจริงผ่านอุปกรณ์ดิจิทัล ซึ่งจะช่วยสร้างความสนใจให้กับตลาดโลกได้มากขึ้น อีกทั้งเทคโนโลยี AR ยังสามารถใช้เพื่อให้ผู้บริโภคทดลองสวมใส่ผ้าไทยแบบเสมือนจริง สร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูดและเพิ่มโอกาสในการซื้อขาย

การปรับกระบวนการผลิตให้ยั่งยืน:

เอไอสามารถใช้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้น เช่น การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การวางแผนการผลิตเพื่อลดการสูญเสีย เป็นต้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ:

รัฐควรสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาในด้านเทคโนโลยี AI สำหรับภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอและการออกแบบผ้าไทย เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ที่สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดโลกและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

สร้างแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์ระดับสากล:

การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงตลาดสากลได้อย่างสะดวก เช่น เว็บไซต์ที่แสดงลวดลายและคุณภาพของผ้าไทย เพื่อให้นักออกแบบและผู้ผลิตสามารถเชื่อมโยงกับตลาดและกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลกได้โดยตรง

ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านเอไอสำหรับนักออกแบบผ้าไทย:

ควรมีการจัดอบรมและให้ความรู้แก่นักออกแบบผ้าไทยในด้านการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มศักยภาพในการออกแบบและพัฒนา เน้นการใช้งานเครื่องมือที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบและลวดลายให้ตรงกับความต้องการของตลาดได้

ผลักดันให้ผ้าไทยเป็นสินค้าพรีเมียมระดับโลก:

ผ้าไทยควรถูกยกระดับให้เป็นสินค้าพรีเมียมโดยผ่านการสร้างมาตรฐานการผลิตและการควบคุมคุณภาพ ทั้งในด้านวัสดุ กระบวนการผลิต และการออกแบบ นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้แบรนด์ไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและนิทรรศการในต่างประเทศ

สนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชน:

หน่วยงานรัฐและเอกชนควรร่วมมือกันในการพัฒนาและส่งเสริมผ้าไทย โดยการสนับสนุนด้านการตลาด การพัฒนาเทคโนโลยี และการสร้างโอกาสในการทำตลาดโลกอย่างยั่งยืน



"Market D @ ICONSIAM" ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการตลาดสมัยใหม่



งาน Market D @ ICONSIAM เป็นกรณีศึกษาที่ดีในการส่งเสริมการค้าท้องถิ่น โดยเน้นการเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการชุมชนและตลาดสมัยใหม่ ซึ่งสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ

งาน “Market D @ ICONSIAM” เป็นการบูรณาการระหว่างกระทรวงพาณิชย์และห้างสรรพสินค้า ICONSIAM เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นไทยไปสู่ตลาดสากลผ่านการจัดแสดงสินค้าและนิทรรศการที่เน้นอัตลักษณ์ชุมชนและภูมิปัญญาไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการชุมชนที่มีผลิตภัณฑ์คุณภาพที่โดดเด่นและเป็นที่ต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ กิจกรรมนี้ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยมีการหมุนเวียนทางการค้าจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ครอบคลุมสินค้าอุปโภคและบริโภค ตั้งแต่ของฝากพื้นบ้าน อาหารแปรรูป ไปจนถึงสมุนไพรไทย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่นไทย

1. ความเป็นมาของงาน “Market D @ ICONSIAM”



งานนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และ ICONSIAM โดยตั้งเป้าหมายที่จะสร้างพื้นที่ตลาดที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการชุมชนจากทั่วประเทศไทยมาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในทำเลที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงสินค้าชุมชน

2. ความสำคัญของการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน


การจัดงานนี้ช่วยเพิ่มความตระหนักรู้และความสนใจในผลิตภัณฑ์ไทยแก่กลุ่มผู้บริโภคหลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากนี้ การให้โอกาสผู้ประกอบการท้องถิ่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายจากชุมชนทั่วประเทศภายใต้ธีมการตลาดเชิงสร้างสรรค์ ยังช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจระดับฐานรากโดยตรง และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนในระยะยาว

3. แนวคิดและกิจกรรมที่โดดเด่นในงาน

งาน Market D @ ICONSIAM นำเสนอผลิตภัณฑ์ชุมชนตามแนวคิดที่หลากหลาย อาทิ ธีม SMART Local Herb ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์สมุนไพรสำหรับคนรักสุขภาพ และธีมผ้าไทยที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย กิจกรรมดังกล่าวนี้ยังรวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการภาพลักษณ์ใหม่ของสมุนไพรไทยและผู้ประกอบการ SMART Local ME-D ซึ่งเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยสู่ตลาดที่มีผู้บริโภคสนใจในด้านสุขภาพ ความสวยงาม และการผ่อนคลาย

4. ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม

กิจกรรม Market D @ ICONSIAM ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียนในภาคการค้าท้องถิ่น ส่งเสริมการจ้างงานในชุมชน และสร้างการรับรู้ที่ดีต่อผลิตภัณฑ์ชุมชนไทยในระดับสากล นอกจากนี้ยังสนับสนุนการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย:

การสนับสนุนด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาด

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกระทรวงพาณิชย์ควรเพิ่มการฝึกอบรมผู้ประกอบการชุมชนในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และการตลาด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นและน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับตลาดสากล

การขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

ควรสร้างความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ ในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อเป็นช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนให้มากขึ้น โดยใช้รูปแบบของ Market D @ ICONSIAM เป็นต้นแบบ

การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มออนไลน์และการตลาดดิจิทัล

ส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญเพื่อรองรับผู้บริโภคที่สนใจในผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นไทยแต่ไม่สามารถเดินทางมาได้

การสร้างระบบสนับสนุนที่ยั่งยืน

พัฒนาแผนระยะยาวในการสนับสนุนผู้ประกอบการชุมชนอย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับองค์กรและสถาบันการศึกษาเพื่อให้ความรู้ด้านการบริหารธุรกิจและการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น


มนต์เพลงพุทโธจีพีที - ทสพลสูตร : พุทธปัญญาพัฒนามนุษย์ยั่งยืน

  ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

 คลิกฟังเพลงที่นี่

 เพลง: พุทธปัญญาพัฒนามนุษย์ยั่งยืน

(Verse 1)

พระพุทธองค์ทรงแสดง ความจริงแจ้งในโลกา

ทสพลญาณนำพา จตุเวสารัชช์ส่องทาง

เข้าใจรูปนามกาย เห็นเหตุหมายในทางธรรม

ขันธ์ห้าล้วนนำความ เข้าใจตามความเป็นจริง

(Chorus) 

ปัญญาส่องนำทาง เห็นแจ้งกระจ่างสว่างใส

เหตุผลพาเราไป สู่ความพ้นภัยดับทุกข์เอย

(Verse 2)

รูป เวทนา สัญญา สังขารพาวิญญาณเกิด

เป็นเหตุให้ประเสริฐ เข้าใจเกิดและดับไป

อวิชชาดับลง ทุกข์มลายสิ้นหมดไป

ปัญญานำทางใจ สู่สันติในที่สุด

(Outro) 

เมื่อเข้าใจความจริง ทุกสิ่งดับสูญหาย

ปัญญานำทางกาย สู่สันติสุขนิรันดร์


ทสพลญาณ: พุทธปรีชาญาณกับการพัฒนามนุษย์อย่างยั่งยืน

บทคัดย่อ

บทความนี้ศึกษาวิเคราะห์หลักธรรมจากทสพลสูตร ซึ่งแสดงถึงพุทธญาณอันประกอบด้วยทสพลญาณและจตุเวสารัชชญาณ โดยเน้นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างขันธ์ 5 และปฏิจจสมุปบาท เพื่อนำเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชีวิตและสังคม

1. บทนำ

ทสพลสูตรแสดงถึงพระปรีชาญาณของพระพุทธเจ้าในการเข้าใจธรรมชาติของสรรพสิ่ง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาปัญญาและการดับทุกข์

2. สาระสำคัญของทสพลสูตร

2.1 พุทธญาณอันประเสริฐ

ทสพลญาณ (กำลังญาณ 10 ประการ)

จตุเวสารัชชญาณ (ความแกล้วกล้า 4 ประการ)

2.2 การวิเคราะห์ขันธ์ 5

รูป: ลักษณะ การเกิด และการดับ

เวทนา: การรับรู้สุข ทุกข์ และอุเบกขา

สัญญา: การจำได้หมายรู้

สังขาร: การปรุงแต่ง

วิญญาณ: การรับรู้ทางอายตนะ

2.3 หลักปฏิจจสมุปบาท

ความสัมพันธ์แบบอิงอาศัย

วงจรการเกิดและดับของทุกข์

บทบาทของอวิชชาในการก่อให้เกิดทุกข์

3. การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

การพัฒนาปัญญาเชิงวิเคราะห์

เข้าใจเหตุและผลของปรากฏการณ์ต่างๆ

พิจารณาความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ อย่างเป็นระบบ

การจัดการกับปัญหาชีวิต

วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา

แก้ไขที่ต้นเหตุอย่างถูกต้อง

การพัฒนาจิตใจ

เข้าใจธรรมชาติของความทุกข์

ปฏิบัติเพื่อดับทุกข์อย่างเป็นระบบ

4. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

การศึกษา

บรรจุหลักการคิดเชิงเหตุผลในหลักสูตรการศึกษา

ส่งเสริมการเรียนรู้แบบบูรณาการ

การพัฒนาสังคม

ใช้หลักเหตุผลในการกำหนดนโยบาย

แก้ปัญหาสังคมอย่างเป็นระบบ

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

ส่งเสริมการพัฒนาปัญญาและจิตใจควบคู่กัน

สร้างความเข้าใจในธรรมชาติของชีวิต

5. บทสรุป

ทสพลสูตรนำเสนอแนวทางการพัฒนาปัญญาและการดับทุกข์อย่างเป็นระบบ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน

เอกสารอ้างอิง

พระไตรปิฎกเล่มที่ 15 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 7 สังยุตตนิกาย สคาถวรรค https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=16&A=642


มนต์เพลงพุทโธจีพีที - ปัจจัยสูตร : สายธารแห่งเหตุปัจจัย

  ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

 คลิกฟังเพลงที่นี่

  เพลง: สายธารแห่งเหตุปัจจัย

  (Verse 1)

ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยง เป็นสายธารที่หลั่งไหล

จากอวิชชาพาใจ สู่สังขารไม่ขาดสาย

วิญญาณก่อนามรูป สู่ผัสสะที่เคลื่อนคลาย

เวทนานำพาฉาย สู่ตัณหาที่พาไป

(Hook)

ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ ล้วนมีผลสืบเนื่องไป

เข้าใจในความจริง ดับทุกข์ได้ในหัวใจ

 (Verse 2)

อุปาทานนำพา สู่ภพชาติที่หมุนวน

ชรามรณะผันผ่าน เป็นวัฏจักรไม่สิ้นสุด

แต่หากเข้าใจธรรม รู้นำทางสว่างพ้นทุกข์

เห็นความจริงพาสุข ดับวัฏจักรแห่งภพไป

(Outro)

เมื่อเข้าใจเหตุผล ทุกข์จะพ้นด้วยปัญญา

ปฏิจจสมุปบาท นำทางพาสู่อิสระ


ปฏิจจสมุปบาท: กฎแห่งเหตุปัจจัยกับการพัฒนาที่ยั่งยืน

บทคัดย่อ

บทความนี้มุ่งศึกษาและวิเคราะห์หลักธรรมปฏิจจสมุปบาทจากปัจจัยสูตรในพระไตรปิฎก ซึ่งแสดงถึงกฎธรรมชาติของความเป็นเหตุเป็นผลและความเชื่อมโยงของสรรพสิ่ง โดยนำเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้ในการพัฒนาสังคมและชีวิตอย่างยั่งยืน

1. บทนำ

ปัจจัยสูตรเป็นพระสูตรสำคัญที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงหลักปฏิจจสมุปบาท อันเป็นกฎธรรมชาติที่แสดงความสัมพันธ์แบบอิงอาศัยของเหตุปัจจัยทั้งหลาย ซึ่งดำรงอยู่โดยไม่ขึ้นกับการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า

2. สาระสำคัญของปัจจัยสูตร

2.1 หลักปฏิจจสมุปบาท

แสดงความเชื่อมโยงของปัจจัย 12 ประการ เริ่มจากอวิชชาไปจนถึงชรามรณะ

เน้นย้ำถึงธรรมฐิติ ธรรมนิยาม และอิทัปปัจจยตา อันเป็นกฎธรรมชาติที่ดำรงอยู่เป็นนิรันดร์

2.2 ธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้น

ทุกองค์ประกอบมีลักษณะไม่เที่ยง

เกิดจากเหตุปัจจัยปรุงแต่ง

มีการเสื่อมสลายเป็นธรรมดา

3. การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

การเข้าใจความไม่เที่ยงของชีวิตและสรรพสิ่ง

การพิจารณาเหตุปัจจัยก่อนตัดสินใจ

การวางแผนชีวิตโดยคำนึงถึงความเชื่อมโยง

การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบโดยพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้อง

4. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

ส่งเสริมการศึกษาและเผยแพร่หลักปฏิจจสมุปบาทในสถานศึกษา

นำหลักการวิเคราะห์เหตุปัจจัยมาใช้ในการวางแผนนโยบายสาธารณะ

พัฒนาระบบการศึกษาที่เน้นการคิดเชิงระบบและความเชื่อมโยง

สร้างความตระหนักถึงผลกระทบของการกระทำต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

5. บทสรุป

ปัจจัยสูตรนำเสนอหลักการสำคัญที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน โดยเน้นการเข้าใจความเชื่อมโยงของเหตุปัจจัยและการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ

เอกสารอ้างอิง

พระไตรปิฎกเล่มที่ 15 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 7 สังยุตตนิกาย สคาถวรรค   https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=16&A=590


เพลง: ค่าไม้เก่าแห่งชีวิต

                      ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌ ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno    คลิกฟังเพลงที่นี่ (Verse 1)  ไม้เก่าทำเสาเรือนก็คงหัก พอลมพัดที่พักก็ไ...