วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เข้าใจ!ความหมายวันออกพรรษามุ่ง'ปวารณา'ต่อกันลดแตกแยก

             ในฐานะที่เป็นชาวพุทธคนหนึ่งก็ต้องขออนุโมทนาบุญกับหลายท่านที่ตื่นแต่เช้าตั้งจิตใจเป็นบุญเป็นกุศลตั้งแต่เช้าทำอาหารถวายพระตามที่พระท่านบอกว่าทานมัยบุญเกิดจากการให้ ซึ่งได้บุญตั้งแต่ก่อนให้ขณะให้และหลังให้ ทั้งที่มีลักษณะของการถวายพระธรรมดา หรือตามพิธีกรรมที่เรียกว่าทำบุญตักบาตรเทโว โดยนึกถึงว่าเป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพุทธมารดา

             หากมีโอกาสมากกว่านั้นก็คงไปวัดสมาทานศีลตามแต่กำลังความสามารถอาจจะเป็นศีล ๕ ศีล ๘ หรือที่เรียกว่าอุโบสถศีล แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจกันก็คือไม่ทานข้าวเย็น คงจะได้บุญในข้อศีลมัยบุญเกิดจากการรักษาศีลกัน

             และที่มากไปกว่านั้นก็มีการฟังพระเทศน์สั่งสอน นั่งสมาธิทำจิตใจให้สงบ ตามที่พระท่านว่าภาวนามัยบุญเกิดจากการเจริญภาวนา คงจะขัดเกลากิเลส ความเห็นแก่ตัวกู พวกพร้อง ออกไปได้บ้าง

             บุญทั้ง ๓ ประเภทนี้ท่านทั้งหลายก็คงจะเข้าใจกันดีอยู่แล้วต้องขอโทษทีที่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนก็ขอให้คิดว่าเป็นการทวนความจำก็แล้วกัน                             

             แต่ความหมายของวันออกพรรษาที่มีมากกว่าการทำบุญดังกล่าวแล้ว คิดว่าวันออกพรรษาน่าจะมีส่วนในการช่วยชาติที่เกิดวิกฤติแยกเป็นฝ่ายอยู่ขณะนี้ จนกระทั้งคนไทยฆ่ากันเองให้ต่างชาติเขานั่งหัวเราะจะด้วยปัจจัยต่างๆได้บ้าง

             เดิมทีนั้นก็ต้องการที่จะปลีกวิเวกเหมือนกับพระพุทธเจ้าที่ทรงทนเห็นพระสงฆ์และญาติโยมเมืองโกสัมพีแตกแยกเป็นฝ่าย พระองค์ทรงตักเตือนก็ไม่ฟัง พระองค์จึงเสด็จปลีกวิเวกจำพรรษาอยู่ในป่าให้ลิง ช้าง ถวายอุปัษฐากพระองค์ เพื่อให้สองฝ่ายทดทิฐิมานะ แต่นึกดูอีกทีความเห็นนี้อาจจะมีส่วนช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย อย่างน้อยๆก็เป็นการแทนคุณข้าวก้นบาตรบ้าง

             ความหมายของวันเข้าพรรษาอีกประการหนึ่งก็คือเป็นวันมหาปวารณา ที่พระสงฆ์ท่านทดทิฐิมานะประกาศให้พระรูปอื่นสามารถตักเตือนหรือชี้แนะในความผิดหรือข้อบกพร่องที่ได้เคยกระทำในช่วงเข้าพรรษา เพื่อที่จะปรับตัวเองให้ดียิ่งขึ้น นี้คือความหมายของวันออกพรรษาอีกประการหนึ่ง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าในทางปฏิบัติแล้วจะเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น

             แต่สำหรับญาติโยมชาวพุทธแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีมานะแยกเป็นฝ่ายถือตัวดีแล้วกล่าวโทษคนอื่น วันนี้ลองมาปฏิบัติตามความหมายหรือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงบัญญัติพิธีที่ทรงประโยชน์ให้เป็นผล ลดทิฐิมานะแล้วยอมรับคำตักเตือนจากบุคคลอื่นบ้างแล้วปรับปรุงตัวเอง 

             หันหน้าเข้าหากันยึดคำว่าชาติไทยเป็นหลัก ทิ้งคำว่าตัวเอง พรรคพวกทิ้งหรือใส่ไว้ในลิ้นชัก ถอดปลอกคอที่ตัวเองสวมอยู่ทิ้งไป

              แล้วมาระดมความคิดว่ากติกาของบ้านเมืองที่คิดว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุด เพราะทั้งแต่ที่จำความได้และสนใจประเด็นการเมืองจนกระทั้งเข้ามามีส่วนในการรายงานสถานการณ์การเมืองแล้วจะเห็นได้ว่า เราร่างกติกาของบ้านเมืองไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียที และก็ฆ่ากันเพราะกติกาบ้านเมืองนี้ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้

             หากตราบใดที่เราคนไทยไม่หันหน้าเข้าหากันยอมกันบ้าง ยอมที่จะรับคำตักเตือนจากคนอื่นบ้าง แต่รู้จักคำว่าพอบ้าง รู้จักคำว่าแบ่งปันความสุขให้คนอื่น คนไทยสังคมไทยก็จะมีความสุขมากขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วชาติไทยก็มีแต่พังกับพัง ทุกคนก็มีแต่เห็นแก่ตัวมุ่งที่จะเอาตัวรอดโดยไม่คำนึงว่าคนอื่นจะเห็นอย่างไรก็ชั่ง

             หากเราชาวพุทธยกฐานะมากกว่ากระทำตามพิธีกรรมนำความหมายของคำสอนที่แท้จริงมาปฏิบัติแก้ปัญหาแล้วก็เชื่อแน่ว่าจะสามารถแก้ได้ อยู่ที่ว่าจะตั้งใจนำมาแก้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น แต่หากยังเป็นอยู่อย่างเช่นทุกนี้ ก็แล้วแต่สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมก็ได้กัน แล้ววันออกพรรษาจะมีความหมายอะไร

................................

สำราญ สมพงษ์(FB-samran sompong)รายงาน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สันติศึกษา"มจร"เทรนสุดยอดผู้นำภาคเอกชนและภาครัฐไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมืออาชีพ

  วันที่ ๒   พฤษภาคม   ๒๕๖๗๒   พระปราโมทย์ วาทโกวิโท, ดร.โค้ชสันติ  กระบวนกรธรรมะโอดี วิทยากรต้นแบบสันติภาพ  Buddhist Peace Facilitator ผู้อ...