วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พรหมทัณฑ์'อารยะขัดขืน'พุทธวิธีปราบคนหัวดื้อ


              ตามที่กลุ่มประชาชนที่ออกมาคัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยทั่วประเทศภายใต้การนำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับประกาศเชิญชวนกระทำอารยะขัดขืนอย่างเข้มแข็งทั่วประเทศคือ

              1.วันที่ 12 พ.ย.ให้ทุกคนทุกบริษัท ทุกหน่วยงานราชการ สะสางงานของตัวเอง 1 วัน จากนั้นวันที่ 13-15 พ.ย. เป็นวันหยุดงาน หยุดการเรียนการสอนทั่วประเทศ ขอความร่วมมือเจ้าของกิจการโปรดสั่งพนักงานของท่านให้หยุดงานและมาร่วมชุมนุมกับเราทั่วประเทศ ไปเวทีไหนก็ได้ หน่วยงานไหนบริษัทเอกชนไหน จำเป็นจริงหยุดงานไม่ได้ให้ชะลอความรวดเร็วในการทำงานลง สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยทุกแห่งให้อาจารย์และนักศึกษาไปให้ขึ้นป้ายได้ว่า 13-15 หยุดเรียน หยุดสอน โรงเรียนทุกแห่งทั้งมัธยม ประถม อนุบาล หยุดเรียนหยุดสอนทั่วประเทศ
             
              2.ขอให้บรรดาพ่อค้านักธุรกิจช่วยกรุณาไปปรึกษากันว่า วิธีปฏิบัติในการชะลอการชำระภาษี อย่าให้รัฐบาลมีเงินภาษีออกมาใช้ หยุดให้เขาเอาเงินภาษีของเราไปโกงกิน

              3.ต่อสู้ด้วยสัญญลักษณ์ สัญญลักษณ์ของเราคนไทยคือ ธงชาติ ขอให้ทุกบ้าน ทุกสำนักงาน ชักธงชาติขึ้นทั่วประเทศ ติดธงชาติไว้บนเสื้อผ้า ร่างกาย รถยนต์ แขวนคอด้วยนกหวีด ไปไหนมาไหนพกไป 2 อย่าง คือ นกหวีดและธงชาติ

              4.ตั้งแต่นาทีนี้ ถ้าประชาชนพบเห็นนายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรี และลิ่วล้อไม่ต้องพูดด้วย ไม่ต้องทำอะไร หยิบเป่านกหวีดอย่างเดียว เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่เอากับมัน!

              นายสุเทพกล่าวด้วยว่า ขอให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจว่านี่คือ การกระทำอารยะขัดขืนของพลเมืองดี เพื่อประวัติศาสตร์จะได้จารึก

              เมื่อมาตรการนี้ประกาศออกมาก็ได้รับการขานรับไม่น้อย ฝ่ายรัฐบาลเองก็เต้นดาหน้ากันออกมาตอบโต้สิ่งที่อ้างก็คือผิดกฎหมาย

              คำว่า "อารยะขัดขืน" นี้นับได้ว่าเป็นมาตรการสากลที่ประชาชนประกาศใช้กับชนชั้นปกครองดื้อแพร่ง ผู้นำอินเดียอย่างมหาตมะ คานธี ก็ใช้มาตรการนี้ ซึ่งก็เป็นมาตรการเดียวที่พระพุทธเจ้าใช้กับนายฉันนะ

              พระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม(มส.) อธิบายว่า พรหมทัณฑ์ คือ การไม่มีใครคบหาสมาคม ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย หากจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็คือ ลักษณะการถูกคว่ำบาตร

              ความจริงแล้วเคยเสนอแนวความคิดเกี่ยวกับการลงพรหมทัณฑ์กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินว้ตร นายกรัฐมนตรี เมื่องวันอังคาร ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2550 โดยใช้เชื่อว่า "เผยสูตรเด็ดปราบพยศทักษิณ" ความว่า

              "ใคร ๆ ก็รัก ทักษิณ" หรือ "ทักษิณ...ออกไป" ยังคงดังอยู่ในใจคนไทยสำหรับคนที่ชอบและไม่ชอบอยู่ พฤติกรรมของคนชื่อ"ทักษิณ" ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นอย่างไร การที่จะปราบคนชื่อ "ทักษิณ" ให้หายพยศได้นั้น เห็นจะมีอยู่ทางเดียว

              สมัยพุทธกาลนั้น มีคนที่มีลักษณะเดียวกับคนชื่อ"ทักษิณ" คือ นายฉันนะ ที่เป็นมหาดเล็กของเจ้าสิทธัตถะ ตามส่งเสด็จตอนออกผนวช ต่อมานายฉันนะคนนี้ก็บวชในภายหลัง แต่ไม่ศึกษาหรือปฏิบัติธรรมเข้าลักษณะเช้าเอน เพลนอน เย็นพักผ่อน ใครจะสั่งสอนก็ไม่ฟังไม่ทำตาม อวดตัวเองว่าเก่งรู้ทุกอย่าง

              ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระอานนท์ได้เข้าไปทูลถามว่า จะจัดการพระฉันนะอย่างไร พระองค์ทรงแนะให้ใช้ "วิธีพรหมทัณฑ์" คือ อย่าเข้ายุ่งเกี่ยว พระฉันนะอยากจะทำอะไรก็ทำไป ไม่ต้องไปสนใจ หลังจากคณะสงฆ์ได้ปฏิบัติตามเช่นนั้น พระฉันนะก็หายพยศ ตั้งใจปฏิบัติธรรมจนได้บรรลุพระอรหันต์

              ดังนั้น ทั้งสังคมไทย รัฐบาล คมช.ให้ความสำคัญกับคนชื่อทักษิณ มากไปหรือไม่ หรือติดว่าเขาเป็นเป็นคนรวย แต่สำหรับคนมีปัญญาแล้ว พูดได้คำเดียวว่าเงินจำนวนเท่านั้น"กระจอก".....อิอิ ถึงเวลาที่จะใช้วิธีพรหมทัณฑ์กับคนนี้หรือยัง

              นี้ก็ผ่านมา 2 ปีแล้วนะเพิ่งได้ยินคำว่า พรหมทัณฑ์ อีก ก็ธรรมดาอะนะอย่าว่าแต่โยมที่แบ่งเป็นสองฝ่ายแม้นแต่พระสงฆ์เองก็มีการถือหางเหมือนกัน ยังตามัวๆอยู่ จะมีสักกี่รูปที่ตาสว่าง

              บัดนี้เวลาก็ผ่านมา 6 ปีแล้วมาตรการดังกล่าวก็ยังไม่ได้ผลแสดงว่าเชื้อแรง มาคราวนี้นายสุเทพก็ได้นำมาใช้อีกครั้งจะสำเร็จหรือไม่ก็คงต้องดูกันต่อไปหรือว่าคนไทยจะสูญเสียไปมากกว่าที่เป็นอยู่

....................

(หมายเหตุ : พรหมทัณฑ์'อารยะขัดขืน'พุทธวิธีปราบคนหัวดื้อ : กระดานความคิด โดยสำราญ สมพงษ์)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"มจร วัดไร่ขิง" เปิดหลักสูตรปั้น "มัคนายก" ต้นแบบ พร้อมใบรับรองเพิ่มความรู้สร้างอาชีพ

 เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567   พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ รองผอ.วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ &q...