ในที่สุดคนไทยก็ได้ทราบว่า ร่าง
พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม
ขนส่งของประเทศ 2 ล้านล้านบาท "ไม่ได้ไปต่อ"
เนื่องจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 วินิจฉัยว่า
"ขัดรัฐธรรมนูญ" ทั้งในส่วนของเนื้อหาและกระบวนการตรากฎหมาย
โดยเฉพาะมีการใช้บัตรแทนกันลงคะแนนในชั้นของการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร
ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนี้ มีแผนโครงการที่สำคัญที่กล่าวขานกันมากคือสร้างรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อ หัวเมืองใหญ่ไปบรรจบกับประเทศเพื่อนบ้าน และคงจำกันได้ดีก็คือว่าในระหว่างการเสนอร่างต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร นั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พรรณาถึงความจำเป็นของรถไฟความเร็วสูง และที่ฮือฮามากสุดก็คือ "สามารถขนสินค้าทางการเกษตร" เป็นการส่งเสริมรายได้อีกทางหนึ่ง
ทันทีที่ทราบผล น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ระบายความรู้สึกด้วยน้ำตาคลอเบ้าถามหาความยุติธรรม พร้อมกับบอกว่า "มีหลักเมตตาธรรมทำเพื่อประเทศ"
และขณะที่ผู้สื่อข่าวถามคำต่างๆอยู่นั้นคงเห็นว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์สวมจี้ เครื่องหมายสันติภาพที่คอ จึงได้ถามว่า ต้องการจะสื่อถึงอะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า จริงๆอันนี้ก็อยากจะสื่อถึงสันติภาพ เราอยากเห็นสัญลักษณ์ของสันติภาพนี้เกิดขึ้น
"คำว่าสันติภาพในความหมายของดิฉันไม่ได้มองความหมายแค่ว่าสันติภาพนั้นคือ การที่เราอยู่กันอย่างสงบโดยไม่ใช้กำลังรุนแรง แต่สันติภาพนี้อยากให้สื่อไปถึงความที่เราต้องให้ความยุติธรรมอย่างเสมอภาค การดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียมกันให้หลักการดูแล หลักเมตตาธรรมเอื้ออาทรนั้นเป็นจุดโยงในการยึดใยความสันติความสงบในใจของคน ไทยทุกคน ขอบคุณค่ะ" น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวด้วยเสียงสั่นและน้ำตาคลอ
หลังจากนั้นก็มีการเผยแพร่คำกล่าวถึงคำว่า "สันติภาพ" นี้ผ่านทั้งเฟซบุ๊ก "Yingluck Shinawatra" และลงในแอพพลิเคชั่น "อินสตาแกรม(IG)"ที่ใช้ชื่อว่า "pouyingluck_shin" พร้อมกันนี้ยังให้คณะรัฐมนตรีและคณะได้สวมเครื่องหมายสัญลักษณ์นี้ด้วย
แน่นอนหากพิจารณาตามคำกล่าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ "ดูสวย" ทั้งคำว่า "สันติภาพ" "ความสันติความสงบในใจ" และ "เมตตาธรรม" แต่เมื่อดูบริบทของคนรอบข้างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งคนในรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงแล้ว มีเมตตาธรรมและมีสันติความสงบในใจหรือไม่
ดังนั้น หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องการสันติภาพจริง ฝ่ายของน.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องหยุดปัจจัยสร้างบรรยากาศไม่ให้เกิด "สันติภาพ" หลังจากนั้นเข้าสู่กระบวนการของการสร้าง "สันติภาพ" เชื่อแน่ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์คงจะทราบกระบวนการนี้ดี เพราะสำนักสันติภาพต่างๆ ก็ได้เสนอแนวคิดออกมาอย่างต่อเนื่อง
และหากต้องการที่จะสร้าง "ความสันติความสงบในใจ" และมี "เมตตาธรรมในใจ" เกิดขึ้นจริงแล้ว สำนักที่สร้างกระบวนการนี้คือมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) และเชื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์คงจะรู้จักเพราะว่าคนพรรคเพื่อไทยเดินเข้าออกอยู่ เสมอ
เพราะสำนักสันติภาพแห่งนี้ได้สร้างกระบวนการของการสร้าง "สันติภาพภายในใจ"วิธีพุทธ โดยร่วมมือกับศาลยุติธรรมและสถาบันพระปกเกล้า เปิดหลักสูตรสันติศึกษาระดับปริญญาโทเปิดการเรียนการสอนรุ่นที่หนึ่งแล้วและ กำลังเปิดรับสมัครรุ่นที่สองอยู่ ทั้งนี้โดยมีเป้าหมายสร้าง "วิศวกรสันติภาพ" ที่มีคุณภาพขึ้นมาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งวิถีพุทธ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ลองส่งสมาชิกพรรคเพื่อไทยมาสมัครเรียนดูจะได้รู้จริงของการ กระบวนการสร้าง "ความสันติความสงบในใจ" และมีเมตตาธรรมที่แท้จริงตามที่กล่าว เพราะว่า "สันติภาพ" ทั้งภายในและภายนอกนั้นไม่ได้เกิดด้วยคำพูดแต่ต้องลงมือกระทำ และ "เมตตาธรรม" จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้ายังเห็นแก่ตัวอยู่
.................
ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนี้ มีแผนโครงการที่สำคัญที่กล่าวขานกันมากคือสร้างรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อ หัวเมืองใหญ่ไปบรรจบกับประเทศเพื่อนบ้าน และคงจำกันได้ดีก็คือว่าในระหว่างการเสนอร่างต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร นั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พรรณาถึงความจำเป็นของรถไฟความเร็วสูง และที่ฮือฮามากสุดก็คือ "สามารถขนสินค้าทางการเกษตร" เป็นการส่งเสริมรายได้อีกทางหนึ่ง
ทันทีที่ทราบผล น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ระบายความรู้สึกด้วยน้ำตาคลอเบ้าถามหาความยุติธรรม พร้อมกับบอกว่า "มีหลักเมตตาธรรมทำเพื่อประเทศ"
และขณะที่ผู้สื่อข่าวถามคำต่างๆอยู่นั้นคงเห็นว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์สวมจี้ เครื่องหมายสันติภาพที่คอ จึงได้ถามว่า ต้องการจะสื่อถึงอะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า จริงๆอันนี้ก็อยากจะสื่อถึงสันติภาพ เราอยากเห็นสัญลักษณ์ของสันติภาพนี้เกิดขึ้น
"คำว่าสันติภาพในความหมายของดิฉันไม่ได้มองความหมายแค่ว่าสันติภาพนั้นคือ การที่เราอยู่กันอย่างสงบโดยไม่ใช้กำลังรุนแรง แต่สันติภาพนี้อยากให้สื่อไปถึงความที่เราต้องให้ความยุติธรรมอย่างเสมอภาค การดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียมกันให้หลักการดูแล หลักเมตตาธรรมเอื้ออาทรนั้นเป็นจุดโยงในการยึดใยความสันติความสงบในใจของคน ไทยทุกคน ขอบคุณค่ะ" น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวด้วยเสียงสั่นและน้ำตาคลอ
หลังจากนั้นก็มีการเผยแพร่คำกล่าวถึงคำว่า "สันติภาพ" นี้ผ่านทั้งเฟซบุ๊ก "Yingluck Shinawatra" และลงในแอพพลิเคชั่น "อินสตาแกรม(IG)"ที่ใช้ชื่อว่า "pouyingluck_shin" พร้อมกันนี้ยังให้คณะรัฐมนตรีและคณะได้สวมเครื่องหมายสัญลักษณ์นี้ด้วย
แน่นอนหากพิจารณาตามคำกล่าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ "ดูสวย" ทั้งคำว่า "สันติภาพ" "ความสันติความสงบในใจ" และ "เมตตาธรรม" แต่เมื่อดูบริบทของคนรอบข้างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งคนในรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงแล้ว มีเมตตาธรรมและมีสันติความสงบในใจหรือไม่
ดังนั้น หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องการสันติภาพจริง ฝ่ายของน.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องหยุดปัจจัยสร้างบรรยากาศไม่ให้เกิด "สันติภาพ" หลังจากนั้นเข้าสู่กระบวนการของการสร้าง "สันติภาพ" เชื่อแน่ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์คงจะทราบกระบวนการนี้ดี เพราะสำนักสันติภาพต่างๆ ก็ได้เสนอแนวคิดออกมาอย่างต่อเนื่อง
และหากต้องการที่จะสร้าง "ความสันติความสงบในใจ" และมี "เมตตาธรรมในใจ" เกิดขึ้นจริงแล้ว สำนักที่สร้างกระบวนการนี้คือมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) และเชื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์คงจะรู้จักเพราะว่าคนพรรคเพื่อไทยเดินเข้าออกอยู่ เสมอ
เพราะสำนักสันติภาพแห่งนี้ได้สร้างกระบวนการของการสร้าง "สันติภาพภายในใจ"วิธีพุทธ โดยร่วมมือกับศาลยุติธรรมและสถาบันพระปกเกล้า เปิดหลักสูตรสันติศึกษาระดับปริญญาโทเปิดการเรียนการสอนรุ่นที่หนึ่งแล้วและ กำลังเปิดรับสมัครรุ่นที่สองอยู่ ทั้งนี้โดยมีเป้าหมายสร้าง "วิศวกรสันติภาพ" ที่มีคุณภาพขึ้นมาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งวิถีพุทธ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ลองส่งสมาชิกพรรคเพื่อไทยมาสมัครเรียนดูจะได้รู้จริงของการ กระบวนการสร้าง "ความสันติความสงบในใจ" และมีเมตตาธรรมที่แท้จริงตามที่กล่าว เพราะว่า "สันติภาพ" ทั้งภายในและภายนอกนั้นไม่ได้เกิดด้วยคำพูดแต่ต้องลงมือกระทำ และ "เมตตาธรรม" จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้ายังเห็นแก่ตัวอยู่
.................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น