วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557

'ปิตุฆาต มาตุฆาต'บทสะท้อนวิกฤติครอบครัวไทย

           "ผมโกรธที่ถูกด่าเรื่องผลการเรียน ที่ผ่านมาโดนพ่อและแม่ดุด่าเรื่องนี้มาโดยตลอด ต่อมาเขาสัญญาว่าจะซื้อรถยนต์ให้หากผมสามารถสอบเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยได้ แต่พอผมสอบได้เขาก็ไม่ทำตามสัญญา โดยเปลี่ยนไปซื้อคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยให้แทน วันเกิดเหตุแม่ด่าเรื่องผลการเรียนอีกเลยไม่พอใจซึ่งได้เล่าให้แฟนฟัง"

           นี้เป็นคำสารภาพต่อตำรวจที่จำนนด้วยหลักฐานของชายหนุ่มอายุ 18 ปี  ที่ก่อเหตุทำปิตุฆาต มาตุฆาตและอนุชาฆาต ฆ่าพ่อแม่และน้องชายเสียชีวิตรวม 3 ศพ ภายในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ย่านถนนเสมา-ฟ้าคราม ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

           นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญและเป็นบทสะท้อนถึงสถาบันครอบครัวและสังคมไทยวิกฤติเช่นไร เพราะส่วนใหญ่แล้วจะได้ทราบเหตุการณ์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ และเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ผ่านไประยะหนึ่งก็เงียบหายไปเพราะผู้ก่อเหตุถูกจับแล้ว พอมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกก็โพนทนากันอีกอยู่เช่นนี้เรื่อยๆไป

           ความจริงแล้วผู้ที่มีหน้าที่และต้องการทำหน้าที่ควรที่จะมาตรวจสอบตัวเองว่าบกพร่องตรงไหนแล้วหาทางป้องกัน

           หากพูดตามหลักพระพุทธศาสนาแล้วถือได้ว่าเป็นกรรมหนักหรืออนันตริยกรรม 5 อย่าง คือ มาตุฆาต - ฆ่ามารดา  ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา  อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์ โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล และสังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน (ทำสังคมแตกแยก)  ทำลายสงฆ์ อนันตริยกรรมทั้ง 5 ประการนี้จัดเป็นกรรมหนักหรือครุกรรม ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้นั้นจะได้รับโทษทั้งทางโลกและทางธรรม โทษของทางโลกคือจะถูกผู้คนประณามและสาปแช่ง ไม่คบค้าสมาคมใดเลย และยังถูกกฎหมายบ้านเมืองลงโทษอีก

           ขณะเดียวกันเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเฟซบุ๊ก"Denla Rama 5" ได้โพสต์ข้อความเตือนสติโดยอ้างอิงจากข้อมูลจากห้องเรียนพ่อแม่ความว่า "พ่อแม่รังแกฉัน (บาป 14 ประการของมารดาบิดา)

           1. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการรักเขามากเกินไป ผลก็คือเกิดภาวะรักจนหลง ลูกของตนถูกทุกอย่าง ลูกของตนดีกว่าคนอื่นเสมอ อันส่งผลให้ลูกกลายเป็นคนมีอัตตาสูง เชื่อมั่นตนเองในทางที่ผิด ชอบดูถูกคน เป็นตัวปัญหา แต่ไม่ยอมรับว่าตนเป็นคนสร้างปัญหา

           2. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการตามใจเขามากเกินไป ผลก็คือพ่อแม่กลายเป็นข้าช่วงใช้ของลูก ส่วนลูกกลายเป็น “ลูกบังเกิดเกล้า” ที่พ่อแม่ต้องยอมให้เขาทุกอย่าง ที่หนักกว่านั้นก็คือ ถ้าพ่อแม่ไม่ยอมตามที่ลูกต้องการลูกบางคนก็ถึงขั้นทุบตีทำร้ายพ่อแม่

           3. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่กล้าห้ามปรามสั่งสอนเมื่อลูกทำผิด ทำเลว ทำบาป ผลก็คือ ลูกสูญเสียสามัญสำนึก แยกแยะถูกผิดดีชั่วไม่เป็น มองไม่เห็นเส้นแบ่งทางจริยธรรมว่า ดีเป็นอย่างไร ชั่วเป็นอย่างไร จึงกลายเป็นนักเลงอันธพาล ระรานคนเขาไปทั่ว

           4. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการให้เงินลูกเพียงอย่างเดียว ผลก็คือ ลูกไม่รู้จักคุณค่าของเงิน ไม่เห็นคุณค่าของผู้ที่หา และให้เงิน ยิ่งได้เงินมาก ยิ่งผลาญเงินเก่ง มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ และทั้งๆที่ใช้จ่ายเงินสูง แต่กลับมีคุณภาพชีวิตต่ำ

           5. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมให้ลูกเรียนรู้ที่จะพึ่งตนเอง เกรงว่าหากให้ลูกทำอะไรด้วยตนเองแล้วเขาจะลำบาก ผลก็คือเมื่อโตขึ้นลูกกลายเป็นลูกแหง่ที่พึ่งตนเองไม่ได้ ทำอะไรด้วยตนเองไม่เป็น ยิ่งเติบโตยิ่งเป็นตัวปัญหาของสถาบันครอบครัว

           6. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมส่งเสริมให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดี มัวแต่สนใจลงทุนในการทำธุรกิจเป็นร้อยเป็นพันล้าน แต่ไม่รู้จักลงทุนในการสร้างลูกให้เป็นปัญญาชน ผลก็คือลูกเติบโตแต่ตัว แต่ทว่ามีสติปัญญาที่ต่ำต้อย ขาดทักษะการคิด การใช้เหตุผล การทำงาน การเข้าสังคม เขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถร่วมเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมเท่านั้นแต่ยังสร้าง ปัญหาให้สังคมอีกต่างหาก

           7. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการทำแต่งานสังคมสงเคราะห์นอกบ้าน โดยลืมไปว่าคนที่ตนต้องสงเคราะห์ก่อนดูแลก่อนต้องให้ความรักก่อนก็คือลูก ผลก็คือแม้จะกลายเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ประสบความสำเร็จนอกบ้าน สังคมสรรเสริญ แต่กลับเป็นพ่อแม่ที่ล้มเหลวในบ้าน และลูกกลายเป็นเด็กที่ขาดความรัก ความอบอุ่น ไม่พร้อมจะแบ่งปันความรัก และความอบอุ่นให้ใคร

           8. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักยกย่องชมเชยลูกเมื่อเขาประสบความสำเร็จในการเรียน ในการทำงาน หรือในการทำกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ผลก็คือลูกกลายเป็นคนใจคอคับแคบ ยกย่องชมเชยใครไม่เป็น เมื่อเห็นคนอื่นได้ดีมีความสำเร็จ เขาจึงเป็นนักอิจฉาริษยาตัวฉกาจ ที่จ้องแต่จะหาทางทำลายคุณงามความดีของคนอื่น

           9. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักสอนเขาให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ผลก็คือ เมื่อโตขึ้น เขาจึงพร้อมผละหนีพ่อแม่ไปอย่างไม่รู้สึกผิด ไม่เห็นความจำเป็นว่า การเป็นลูกที่ดีนั้น จะต้องกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ของตนอย่างไร

           10. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่สอนลูกให้รู้จักการบำเพ็ญตนเป็นผู้ให้ ผลก็คือเมื่อโตขึ้นเขาจึงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ คิดแต่จะกอบโกย คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวจนมองไม่เห็นหัวคนอื่น แทนที่จะถือหลัก “ยิ่งรวยยิ่งให้ ยิ่งได้ยิ่งแบ่ง”กลับถือหลัก “ยิ่งรวยยิ่งคอร์รัปชั่น ยิ่งแบ่งปันยิ่งสูญเสียเปล่า”

           11. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมให้ลูกรู้จักตัดสินใจด้วยตนเอง ผลก็คือ ลูกกลายเป็นคนขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำอะไร ส่งผลให้ไร้ภาวะผู้นำ ต้องเดินตามคนอื่นโดยดุษฎี

           12. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่สอนให้ลูกรู้จักสมบัติของผู้ดี ผลก็คือเขากลายเป็นคนหยาบกระด้างทั้งทางกาย ทางใจ ใจคอโหดหินทมิฬชาติ ขาดความสุภาพอ่อนน้อม ขาดสัมมาคาราวะ ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักประมาณตน ครองตน ครองงานไม่เป็น ไม่เห็นคุณค่าของระเบียบประเพณี กฎหมาย จรรยาจารีตของสังคม ไม่เคารพในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนดีของเพื่อนมนุษย์

           13. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่แนะนำให้ลูกรู้จักคบเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตร (เพื่อนแท้) ผลก็คือรอบกายของเขาจึงมีแต่บาปมิตร (เพื่อนเทียม) คอยประจบสอพลอ คอยหลอกล่อให้ทำความเลวทรามต่ำช้า ติดสุรา ยาเสพติด นำพาชีวิตไปในทางเสียหาย ตกอยู่ใต้วังวนของอบายมุข สนุกสนาน ไม่สนใจหาแก่นสารให้กับชีวิต

           14. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักสร้างสภาพแวดล้อมให้ลูกเป็นคนรักการอ่าน รักการเขียน รักการเรียนรู้ รักการเดินทาง ปล่อยให้เขาศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองไปตามยถากรรม ผลก็คือเขากลายเป็นคนหูตาคับแคบ ขาดความรู้พื้นฐาน ขาดความรู้รอบตัว ขาดความกระตือรือร้น ไม่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ การคิด พูด ทำ ไม่เฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง ขาดความแหลมคม ตามไม่ทันโลก ตกข่าว เป็นคนว่างเปล่าทางความรู้ (รอบตัว) ความคิด จิตใจ และไม่มีรสนิยมอย่างอารยชน

           จากคำสารภาพจะเห็นได้ว่าเกิดความขัดแย้งระหว่างลูกกับพ่อแม่เพราะผลการเรียน เมื่อทราบว่าเป็นความขัดแย้งแล้วจะมีวิธีการแก้ไขความขัดแย้งนั้นอย่างไร สังคมไทยรู้วิธีการนี้มากน้อยเพียงใด ใครหรือหน่วยงานใดจะมีหน้าที่ค่อยช่วยเหลือหรือให้คำแนะนำ และมีบุคลากรด้านนี้เพียงพอหรือยังหรือจะปล่อยให้เลยตามเลย ดังนั้น วิชาการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งจึงมีความสำคัญยิ่งในภาวะสังคมไทยปัจจุบัน

           หรือว่าสังคมไทยไม่ให้ความสำคัญกับหลักอนันตริยกรรม 5 ประการนี้แล้ว


.........................................


'ปิตุฆาต มาตุฆาต'บทสะท้อนวิกฤติครอบครัวไทย : สำราญ สมพงษ์รายงาน(FB-samran sompong)







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"วราวุธ" เผย พม.จับมือ พศ.- กรมการศาสนา ตั้งศูนย์คุ้มครองเด็กและสามเณร สร้างพื้นที่ปลอดภัยแก่เด็กและเยาวชนหากถูกละเมิด

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2567  นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมยุษย์ (รมว.พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเด็ก ...