วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2560

จับตา!จุดจบคดีม.112"พุทธอิสระ-เสี่ยอู๊ด"เหมือนหรือแตกต่าง?

จากกรณีที่ตัวแทนองค์กรส่งเสริมป้องกันคุ้มครองพระพุทธศาสนา เข้าแจ้งความตำรวจกองบังคับการปราบปรามให้ตรวจสอบพระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือหลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ปลุกเสกพระเครื่องนาคปรกใช้พระปรมาภิไธยย่อ "สก." โดยไม่ได้รับอนุญาตอาจเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง ตามกฎหมายอาญา มาตรา 112

พอข่าวนี้กระจายออกไปทางด้านพระพุทธะอิสระได้โพสต์ข้องความทางเฟซบุ๊ก "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)"  โดยให้หัวข้อว่า "เล่นไม่เลิก อย่างนั้นก็อย่าเลิกเล่นเลย"  พร้อมระบุว่า "โถ สู้อุตส่าห์ใจกล้า พยายามกัดฟันเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่กองปราบ นำเรื่องพระนาคปรกที่พุทธะอิสระอัญเชิญสัญลักษณ์พระปรมาภิไธยล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่งมาประดิษฐานอยู่ด้านหลังองค์พระ เพื่อเทิดพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล

ตลอดเวลา 2 ปีพุทธะอิสระก็พยายามนิ่งมาตลอด เพราะไม่อยากขยายความ แทนที่คนพวกนี้จะมีสำนึกคิดได้เอง แต่พอเห็นว่าพวกพ้องเผ่าพันธุ์ตนถูกรุกไล่จนหนีหัวซุกหัวซุน แทบจะไม่มีแผ่นดินอยู่ คนพวกนี้จึงคิดมาเอาคืน เมื่ออยากเล่นไม่เลิก เช่นนั้นก็อย่าเลิกเล่นเลย แต่ยังไงความจริงก็คือความจริง หากกระสันอยากพิสูจน์นัก อย่างนี้ก็ต้องไปดูความจริงกันในศาลก็แล้วกัน"

ทำให้มีกระแสวิจารณ์และคาดการณ์ว่าผลของคดีนี้ท้ายที่สุดแล้วจะออกมาอย่างไร โดยนำไปเปรียบเทียบกับคดีของ "เสี่ยอู๊ด"นายสิทธิกร บุญฉิม เซียนพระและนักสร้างพระชื่อดัง ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกฐานผิดมาตรา 112 ลักษณะเดียวกันกับพระสุวิทย์

"เสี่ยอู๊ด" หลังจากติดคุกที่เรือนจำคลองเปรมผ่านไป  5 ปี ได้รับอิสรภาพ แต่แล้วอยู่ๆ เมื่อปี 2558 "เสี่ยอู๊ด"ก็ได้จบชีวิตของตัวเองที่โรงแรมชื่อดังเมืองพิษณุโลก พร้อมกับทิ้งเขียนก่อนตายแฉ 11 องค์กรและบุคคลในลักษณะน้อยใจ

คดีของ "เสี่ยอู๊ด" และตัว "เสี่ยอู๊ด" เอง ได้จบลงไปแล้ว แต่สำหรับคดีของพระสุวิทย์และตัวของพระสุวิทย์เองจะจบลงอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น