"พุทธะอิสระ"ป่วยใจอยากช่วยน้ำท่วม เหน็บ มส.จะนอนอยู่แต่ห้องแอร์หรือ ขณะที่ 2 มส.ได้สั่งการดำเนินการช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว
วันที่ 31 กรกฎาคม 2560 เฟซบุ๊กหลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ได้โพสต์ว่า คนไทยต้องไม่ทิ้งกัน
เห็นข่าวน้ำท่วมที่ภาคอีสานในหลายจังหวัด ทำให้รู้สึกห่วงใย คิดถึงความทุกข์ยากเดือดร้อนของพี่น้องอีสานที่ประสบอุทกภัย ใจอยากจะนำข้าวสารอาหารแห้งหยูกยาและน้ำดื่ม เดินทางไปช่วยเหลือ หรือไม่ก็ไปตั้งโรงครัวทำอาหารเลี้ยง แต่ด้วยสภาพร่างกายที่นอนป่วยด้วยโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ และโรคเลือดข้น ต้องนอนให้น้ำเกลืออยู่ที่กุฏิ จึงไม่สามารถเดินทางไปด้วยตนเอง
พอดีตั้งแต่เข้าพรรษามา ออกเดินบิณฑบาตทุกวัน ลูกหลานได้ใส่บาตรถวายปัจจัย ให้เณรนับ รวบรวมได้ 200,000 บาทเศษ จึงให้เจ้าออยพี่ชายเจ้าเฉาก๊วยที่พากันมาเยี่ยมอาการป่วยโทรไปหาชูใจ เลขามูลนิธิธรรมอิสระ แจ้งให้ พล.อ.วรเดช เป็นตัวแทนของมูลนิธิ นำเงินไปร่วมบริจาคช่วยน้ำท่วมที่สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นจำนวนเงิน 2 แสนบาท พร้อมน้ำดื่มน้ำใจอีก 1 พันโหล
ความทุกข์ยากเดือดร้อนของพี่น้องภาคอีสานครั้งนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัสมาก ใครมีอะไรที่พอจะส่งไปช่วยกันได้ก็ขอให้ช่วยๆ กัน คนไทยจะต้องไม่ทอดทิ้งกัน พร้อมร่วมกันให้กำลังใจ ขอให้พวกเขาเข้มแข็งยืนหยัด สามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ หากฉันสุขภาพดี ใจอยากลงพื้นที่ไปตั้งโรงครัวช่วยเหลือพี่น้องที่เขายากลำบากด้วยตนเอง ยิ่งให้ได้เห็นภาพอันงดงามที่พระภิกษุร่วมด้วยช่วยกันทำอาหาร นำอาหารลุยน้ำไปแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัย เห็นแล้วสบายตาสบายใจยิ่งนัก รู้สึกภูมิใจที่พระสงฆ์ไทยยังมีน้ำใจ ให้สังคมไทยได้พึ่งพา
แล้วพวกกรรมการมหาเถรล่ะ จะนั่งนอนสบายอยู่ในห้องแอร์ ไม่คิดจะช่วยเหลือวัดในภาคอีสานที่ถูกน้ำท่วมกันบ้างหรือ
พุทธะอิสระ"
ขณะที่พระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม เปิดเผยว่า ฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ในเบื้องต้นได้เปิดศูนย์ช่วยเหลือพระภิกษุสามเณรและประชาชนที่ประสบอุทกภัยที่วัดยานนาวา วัดบรมสถล (ดอน) และวัดพระราม 9 เพื่อเชิญชวนสาธุชนร่วมปันน้ำใจช่วยผู้ประสบอุทกภัย ในเบื้องต้นได้ถวายปัจจัยไปที่กองงานสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร เพื่อดำเนินจัดปรุงภัตตาหารเช้า - เพล และน้ำดื่มถวายพระภิกษุสามเณรและมอบแก่ประชาชนผู้ประสบภัย ในเร็ววันนี้จะจัดคณะทำงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ลงพื้นประสบอุทกภัยเพื่อเยียวยาและเสริมกำลังใจพระภิกษุสามเณรและผู้ประสบภัยในครั้งนี้
พร้อมกันนี้ พระมงคลวชิรากร เลขานุการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ได้เปิดเผยว่า ขอเชิญสาธุชนร่วมปันน้ำใจ โดยโอนปัจจัยผ่านธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี วัดยานนาวา (ศูนย์สงเคราะห์ฯ) เลขบัญชี 010 - 0 - 45165 - 9 สามารถแจ้งความประสงค์รับอนุโมทนาบัตรได้ที่ กองงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม วัดยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร โทร.02 672 3216
พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา กำลังประสานหน่วยงานราชการ สมาคม หน่วยงานเอกชน เพื่อร่วมพลังในการถวายเครื่องอุปโภค สมณบริโภค ผ้าไตรจีวร แด่พระภิกษุสามเณร และประชาชนทั่วไป หากผู้ใดมีกุศลเจตนาแจ้งศรัทธาได้ที่ 084-455-5855 , 086-220-3181 (ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น http://www.banmuang.co.th/news/region/86927)
ทางด้านพระพรหมบัณฑิต,ศ.ดร., (ประยูร ธมฺนมจิตฺโต) กรรมการมหาเถรสมาคมเช่นกัน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ได้มอบหมายคณะทำงาน จัดชุดข้าวสาร อาหาร ยา เวชภัณท์ เป็นหมวดหมู่ เพื่อส่งไปช่วยเหลือ พี่น้องจังหวัดสกลนคร ในวันที่ 1 ส.ค. (ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น http://www.banmuang.co.th/news/region/86941)
วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
"สม รังสี"ยกหลักพุทธแนะผู้นำกัมพูชาอย่าลุแก่อำนาจ
"สม รังสี"ยกหลักพุทธแนะผู้นำกัมพูชาอย่าลุแก่อำนาจ ข่มเหงประชาชนตามปรารถนาขณะที่ยังอยู่ในอำนาจ
เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมานายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านของประเทศกัมพูชา ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Sam Rainsy โดยขอเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาทุกคนให้ความเคารพซึ่งกันและกัน และผู้นำต้องปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณที่ดีตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เพื่อทำลายประเทศของตนด้วยการทุจริตและไม่ต้องกดขี่ข่มเหงประชาชน เพราะความปรารถนาขณะที่ยังอยู่ในอำนาจ
ทั้งนี้นายสม รังสีเคยบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์เมื่อปีพ. ศ. 2544
วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
รถยนต์จมน้ำท่วม"ช่างจันทร์"แนะผ่อนหนักเป็นเบา
วันที่ 31 ก.ค.2560 จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดสกลนครทำให้มีรถยนต์จมน้ำเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เฟซบุ๊กช่างจันทร์ได้แนะนำการผ่อนหนักให้กลายเป็นเบาความว่า #รถที่จมน้ำทุกคันมีทางแก้เคยเจอมาแล้ว เมื่อปี 2554 #ช่างจันทร์ขอแนะนำ รถที่จมน้ำในตอนนี้!๚
1. ถอด แบ็ตเตอรี่ ออกหนึ่งข้าง บวก หรือ ลบ ก็ได้ 2. เอามือถือ ถ่ายรูปรถทุกจุดที่น้ำเข้า 3. ถ่ายรูปตอนน้ำท่วมสูงสุดจะได้รู้ว่าถึงจุดใหนของรถ 4. พอน้ำลง พอน้ำลงโทรตามปะกันมาซ่อม
5. ปะกันมาดูรถให้ใส่แบ็ต ขอติดเครื่อง,#ห้ามเด็ดขาด เพราะน้ำเข้าท่อไอดี ไปอยู่ที่หัวลูกสูบ พอติดเครื่อง น้ำก็จะอัดในห้องเครื่องทำให้ก้านสูบคด งอพังในที่สุด ซ่อมใหม่ก็ หลายๆหมื่น เลยทีเดียว 6. ให้ปะกันลากเข้า 0 บริการ พร้อมทำหนังสือว่าจะรับผิดชอบ ทุกอย่าง ทำให้เหมือนเดิม แล้วเซ็น
7. คนใหน #ไม่มีปะกัน ให้ทำตาม ช่างจันทร์ บอกต่อไปนี้
7.1 ถอดแบ็ต
7.2 เอาลมเป่า ตามปั๊กไฟทุกจุด และถอดกล่อง ECU มาเป่า ,ใช้ลมเป่า เบาๆ หรือไดเป่าผมก็ได้ แล้วตากแดน 20 นาที [กล่องจมน้ำไม่พัง #ถ้าลมเป่าแรงๆพังเลย กล่องพวกนี้เขามีน้ำยาเคลือบมาแล้ว จมน้ำเลยไม่เสีย แต่ใส่แบ็ต ผิดเสียเลย เปลี่ยนใหม่ หลัก หมื่น
7.3 ถ่ายน้ำมันเครื่อง เกียร์ เฟืองท้าย ทิ้ง เติมใหม่
7.4 รถ #เบนชิล ถอดหัวเทียนออก ติดเครื่อง 3 วิ ทำแบบนี้ 3 ครั้ง ครั้งแรกน้ำพุ้งออกรูหัวเทียนมาก #ห้ามลืมถอดหัวเทียน นะ ก้านสูบคด เสีย เงินหมื่น
7.5 #เครื่องดีเชล ถอดหัวฉีด หรือหัวเผาก็ได้ อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วติดเครื่อง 4 วิ ทำ 4 ครั้ง
7.6 ปะกอบคืน ล้างถังน้ำมันเชือเพลง เติมใหม่ แล้วติดเครื่องได้เลย #เย้ๆดีใจ เครื่องติดแล้ว ทำตามที่บอก อย่าข้ามขั้นตอน แค่นี้ ก็ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น
7.7 เมื่อเครื่องยนต์ ติดแล้ว เข้าเกียร์ไม่ได้ วิ่งไม่ได้ เพราะ ผ้าครัชติดกับหวีครัช #ไม่ต้องยกเกียร์ให้ลำบาก ทำง่ายๆ นาทีเดียวก็ ดีเยี้ยม #เข้าเกียร์ 2 ติดเครื่อง 8 วินาที ใช้ได้เลย ,ใช้ได้ 2,000 โล เปลี่ยนลูกปืนครัชใหม่ ราคาไม่ถึงพัน
8 มอไซค์ ที่จมน้ำ
8.1 ให้ทำทุกอย่าง เหมือน 7.1ถึง7.6 มอไซค์ ดีอย่าง แบ็ตเตอรรี่ จมน้ำไม่เสีย ,แบตแห้งใง #คนไหนอ่านจบ คนนั้นเป็นคนดีของสังคม แล้วแชร์ให้เพื่อนๆที่ อยู่ จ.สกลนคร และทุกคนที่รถจมน้ำ อย่างน้อย ช่างจันทร์ ก็ถือว่าได้ช่วย ได้ บุญ,,ส่วน #คนที่กดแชร์ ก็ได้บุญใหญ่ คนไทยช่วยกัน ช่วยกันนะคาบบบบบ
เจ้าคณะสกลนครมอบสิ่งของช่วยชาวคริสต์ท่าแร่
บทบาท"คณะสงฆ์ไทย-ลาว"ซับน้ำตาผู้ประสบภัย"เซินกา" เจ้าคณะสกลนครมอบสิ่งของช่วยชาวคริสต์ท่าแร่
จากอิทธิพลพายุโซนร้อน "เซินกา" ปกคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉลียงเหนือ รวมถึงเพื่อนบ้านอย่างเช่น ลาว กัมพูชา และเมียนมา ส่งผลให้ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน เกิดน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ ที่หนักสุดคือจังหวัดสกลนคร และขณะนี้มวลน้ำกำลังไหลบ่าเข้าท่วมจังหวัดนครพนมแ ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขง
หลายภาคส่วนได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย อย่างเช่น วันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีคณะดารา นักร้อง อย่างเช่น "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" "ขวัญดี ขวัญเด่น" "ก้อง ห้วยไร่" และ"โต่โน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์"
พร้อมกันนี้ได้เห็นภาพคณะสงฆ์ได้ออกมาช่วยเหลือตั้งโรงทาน ทำอาหาร พายเรือไปแจกญาติโยมตามบ้านเรือน พร้อมกันนี้มีการตั้งศูนย์ประสานงานด้านการข่าวสารและรับบริจาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร วัดหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ภายใต้การนำของพระราชวิสุทธินายก เจ้าอาวาส และเป็นเจ้าคณะจังหวัดสกลนครฝ่ายธรรมยุต ได้สั่งการให้พระภิกษุและสามเณร รวมถึงญาติโยมให้เข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากเจ้าอธิการส่งศักดิ์ ขนฺติพโล รักษาการเจ้าคณะอำเภอศรีสงคราม (ธรรมยุต) เจ้าอธิการตุ๊ สุจิตฺโต เจ้าคณะตำบลสามผง พร้อมคณะสงฆ์และญาติโยม ร่วมเดินทางไปทำโรงทานช่วยผู้ประสบอุทกภัยด้วย
และการช่วยเหลือนั้นก็ไม่เลือกชาติชั้นวรรณะ หรือศาสนา วันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา พระราชวิสุทธินายก และหลวงพ่อประยงค์ เจ้าอาวาสวัดป่าคำเจริญ ในตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอเจริญศิลป์(ธรรมยุต) พร้อมคณะได้เดินทางไปมอบอาหารและน้ำดื่มแก่ชุมชนบ้านท่าแร่ อ.ท่าแร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายเวียดนามซึ่งนับถือคริสตศาสนาอาศัยอยู่
ด้านมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ได้ดำเนินการช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มจร วิทยาเขตขอนแก่น ภายใต้การนำของพระโสภณพัฒนบัณฑิต รศ.ดร. รองอธิการบดี และมีตำแหน่งทางการปกครองคือรองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น(มหานิกาย) ได้มอบหมายให้สมัชชาพระนิสิตพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือดำเนินการช่วยเหลือ โดยวันที่ 27 ก.ค.ได้เข้ามอบสิ่งของเร่งด่วนแก่เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 21 ค่ายศรีพัชริทนร , กู้ภัยตำรวจทางหลวง , มูลนิธิสว่างขอนแก่นสามัคคีอุทิศ , ศูนย์ข่าวทานตะวันขอนแก่น , มูลนิธิจิตกุศล , ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 6 และจนท.ผู้เกี่ยวข้อง วันที่ 28 ก.ค. ได้มอบสิ่งของสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทหาร โดยมีพันเอกสุจิรชัย มหาธรรม หัวหน้ากองส่งกำลังบำรุง มณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร และวันที่ 30 ก.ค.พระโสภณพัฒนบัณฑิตได้สั่งการให้ตั้งจุดบริจาคเพื่อนำสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ มจร ส่วนกลางที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พระอาจารย์หรรษา ธมฺมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษาระดับป.โท-เอก ได้ประสานพระมหาคาวี เจ้าอาวาสวัดสะพานคำ อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาพุทธศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรรมศาสตร์ ได้ตั้งจุดช่วยเหลือ และทราบว่า ขณะนี้ต้องการน้ำดื่มเป็นจำนวนมาก จึงได้แจ้งให้นิสิตหลักศูตรสันติศึกษาทุกคนได้ทราบว่า ขณะนี้ พี่น้องเราชาวภาคอีสานเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดสกลนครและใกล้เคียง กำลังประสบมหาอุทกภัยอย่างรุนแรง เพื่อช่วยกันเติมน้ำใจแก่ผู้ประสบอุทกภัย หลักสูตรสันติศึกษาจึงมีความประสงค์ที่จะช่วยสนับสนุนน้ำดื่มสันติศึกษาชุดแรก จำนวน 50,000 ขวด และอาจจะเพิ่มเติมตามความจำเป็นในโอกาสต่อไป
นอกจากนี้ในส่วนต่างๆ ของ มจร ได้เปิดรับบริจาคเพื่อนำสิ่งของไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามจุดต่างๆ เช่นกัน
สำหรับมหาเถรสมาคม โดยพระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม ได้เปิดศูนย์ช่วยเหลือพระภิกษุสามเณรและประชาชนที่ประสบอุทกภัยที่วัดยานนาวา วัดบรมสถล (ดอน) และวัดพระราม 9 เพื่อเชิญชวนสาธุชนร่วมปันน้ำใจช่วยผู้ประสบอุทกภัย วัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกาย จ.ปทุมธานี ช่วยกันบรรจุอาหารแห้งกว่า 1,000 ชุด เตรียมลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่สกลนคร
พระราชภาวนาโสภณ เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ ในฐานะประธานมูลนิธิเทพารักษ์ ได้นำคณะศิษยานุศิษย์ ผู้มีจิตศรัทธา นำเครื่องอุปโภค บริโภค ปัจจัย ของใช้จำเป็นนำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชน ที่เกิดอุทกภัย ตามหน่วยให้ความช่วยเหลือในเขตจังหวัดสกลนคร เนื่องจากเป็นเขตติดต่อ
พระครูไพศาลธรรมประสุต เจ้าคณะอำเภอทุ่งศรีอุดม พร้อมคณะสงฆ์อำเภอทุ่งศรีอุดม ได้เดินทางลงพื้นที่ มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่บ้านคำตาว บ้านคำสำราญ ต.ตบหู อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
คณะสงฆ์วัดหนองแวง พระอารามหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยมีพระธรรมวิสุทธาจารย์ ทป.จภ.9 เจ้าอาวาส พร้อมด้วยโรงเรียนวัดหนองแวงวิทยา ร่วมส่งกำลังใจไปยังผู้ประสบอุทกภัยในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดสกลนคร เป็นถุงยังชีพ..1,600 ชุด
พระครูภาวนากิจจาทร พร้อมด้วยคณะสงฆ์วัดบ้านเก่าบ่อออกเยี่ยม ลงเรือและให้กำลังใจญาติโยมบ้านดอนว่าน อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ
นอกจากนี้พระลาวก็ได้ส่งกำลังใจช่ายเหลือคนไทย ทั้งๆที่ได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อน "เซินกา" หนักไม่แพ้ประเทศไทย อย่าเช่นเช่นเฟซบุ๊ก Monk Phongsavanh Anousinh ซึ่งเป็นพระจากวัดหลัก นครเวียงจันทน์ ประเทศลาว ที่ทำงานที่มูลนิธีช่วยเหลือกคนตกทุกข์ได้ยากแห่ง สปป.ลาว ได้โพสต์ข้อความว่า "ຂໍປືກສາພໍ່ແມ່ພີ່ນ້ອງອອກຕົນຍາດໂຍມທຸກຄົນ. ขอคำปรึกษาญาติโยมทั้งหลายด้วยนะครับ.อยากเอาน้ำใจจากคนลาวไปช่วยพ่อแม่พี่น้องญาติโยมอยู่ที่จังหวัดสกลนครที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม, จะทำยังไงมีวิธีแนะนำด้วย" และล่าสุดได้โพสต์ว่า "ญาติโยมชาวจังหวัดสกลนครเตรียมรับน้ำใจจากคนลาวทั้งประเทศพบกันในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2560"
จะเห็นได้ว่าภาพการบริการสังคมของคณะสงฆ์ไทยและคณะสงฆ์อาเซียนมีภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชนมากขึ้น และเพื่อให้การทำงานมีกระบวนการ แผน มากขึ้น และต้อการสร้างพระสงฆ์รุ่นใหม่ที่มีความพร้อมเป็นนักพัฒนาทั้งทางด้านกาย จิต ปัญญา เเละสังคม ผ่านการอบรมในหลักสูตรการพัฒนาพระสงฆ์นักพัฒนาต้นเเบบสุขภาวะ มีทั้งกิจกรรมเรียนรู้จากพระสงฆ์ต้นเเบบ สัมมนาปฏิบัติการ นำไปสู่การขยายผล ก่อให้เกิดผลต่อสาธารณะในอนาคต สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาเเห่งชาติ และ มจร โดยได้อนุมัติโครงการสังฆพัฒนาวิชชาลัย โดยมีทีมงานประกอบด้วยพระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ,รศ. ในฐานะหัวหน้าโครงการ,ผศ.ดร.โกนิฏฐ์ศรีทอง นักวิจัย ซึ่งได้มีการประชุมขับเคลื่อนเเผนงานที่จะต้องลงพื้นที่ปกครองคณะสงฆ์ทั้ง 8 ภาค ในช่วงเดือน กันยายน 2560 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตามพระพัฒนาพระสงฆ์นักพัฒนาต้นเเบบสุขภาวะที่มีผลงานปรากฏชัดเป็นรูปธรรมรูปหนึ่งคือพระครูพิพิธสุตาธร (พระมหาบุญช่วย สิรินฺธโร) รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) วิทยาเขตเชียงใหม่ ซึ่งได้มีผลงานและความเคลื่อนไหวเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก"Phramaha Boonchuay Doojai" อย่างต่อเนื่อง
วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
พระแจง!แพทย์ติงสร้างแต่วัดไม่หนุนสร้างรพ.!
พระแจง!แพทย์ติงสร้างแต่วัดไม่หนุนสร้างรพ.! ย้อนถามจะให้พระเป็นนักเทศน์หรือจะให้เป็นนักก่อสร้าง แนะความหาสถิติพระหนุนสร้างรพ.ดูบ้าง
วันที่ 29 ก.ค.2560 เฟซบุ๊กองค์ม่อน ธรรมะอารมณ์ดี ได้โพสต์ข้อความว่า #พึ่งเห็นข่าว ขอแสดงความเห็นนิดหนึ่ง
กรณีมีคุณหมอท่านหนึ่ง ทราบว่าเป็น "ศาสตราจารย์" ได้โพสข้อความและรูปเรื่อง #ความขาดแคลนการบริหารการจัดการโรงพยาบาล" พร้อมกับตั้งคำถามว่า #สร้างวัดได้แต่ทำไมช่วยกันสร้างโรงพยาบาลไม่ได้" ก็ประมาณนี้ พอดีหารูปข้อความมาได้แค่ข้อความเดียว (ใครสนใจก็ค้นหาดูนะครับ)
พอได้เห็นข่าว ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดอะไร เพียงแต่พยายามทำความเข้าใจเรื่องที่คุณหมอโพสแสดงความเห็น และก็มองว่า ถ้าคนในสังคมโซเซียล อ่านข้อความของคุณหมอแล้ว เราควรตั้งหลักก่อนจะแสดงความเห็น และ รู้สึก อย่างไรดี
ในส่วนตัวจึงอยากแสดงความเห็นว่า
๑. การที่มีข้อความออกมาเช่นนี้ ก็สร้างความสะเทือน และ ฉุกความคิดของคนได้เยอะจริงๆ (ดังคอมเม้นต่างๆ) แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้คนส่วนหนึ่ง รู้สึกไม่ดีและไม่สบายใจกับข้อความนี้มากพอๆกัน
ซึ่งจริงๆแล้ว คุณหมอมีเป้าหมาย จะสื่อสารอย่างไรก็คนส่วนมาก ก็ควร #คิดให้รอบด้าน นิดหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ "องค์กรสงฆ์" กำลังเผชิญกับวิกฤต ด้านภาพลักษณ์ พอมีประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ก็เหมือนเติมเชื้อไฟ ให้สังคมที่กำลัง "คุกรุ่น" กับองค์กรสงฆ์
เช่น คุณหมอควรลองหาสถิติ #การสร้างโรงพยาบาลโดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำ ว่ามีประมาณมากเท่าใดในประเทศไทย และสำรวจว่า #ตึกสงฆ์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ที่พระสงฆ์เป็นผู้นำในการสร้าง มีจำนวนเท่าใด และลองไปสำรวจ #อุปกรณ์การแพทย์ ที่พระสงฆ์เป็นผู้นำในการระดมทุนบริจาค มีจำนวนเท่าใด
ที่เสนอแบบนี้ #ไม่ใช่ว่าต้องการจะอวด ว่าพระสร้างโรงพยาบาลไปเท่าไหร่ แต่อยากจะสื่อสารกับ "คุณหมอ" และ "คนในสังคม" ว่า "องค์กรสงฆ์และงานสาธารณสุข" ทั่วประเทศนั้น มีความเอื้อเฟื้อ และ ช่วยเหลือกันอยู่ไม่น้อย ดังรูปตัวอย่างที่ลงในสเตตัสนี้ ที่ #หลวงพ่อกัญหา สุขกาโม ท่านกำลังระดมทุนสร้าง #อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา อยู่ในขณะนี้
แทนที่ "คุณหมอ" จะนำเสนอด้วยการเปรียบเทียบแบบนี้ คุณหมอน่าจะ นำเสนอด้วยเนื้อหา ที่สร้างความรู้สึกที่เป็นมิตร และให้ทุกคนรู้สึกอยากสร้างโรงพยายาล โดยไม่รู้สึก "ไม่ดี" กับวัด กับองค์กรสงฆ์
๒. ประเด็นต่อมา การสร้างวัดที่คุณหมอบอกว่าหมดไป หลายล้าน แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่านั้น #ก็เป็นจริงแค่ครึ่งเดียว วัดทั่วประเทศไม่ได้รวยและมีเงินเป็นร้อยล้าน พันล้านเหมือนกันหมด #เป็นความจริงอยู่ ที่ว่าวัดบางวัด ก็สร้างวัตถุที่ใหญ่โตเกินความจำเป็น #อันนี้พระและวัด ตลอดถึงองค์กรสงฆ์ ก็ต้องยอมรับและกลับมาทบทวนบทบาทและความจำเป็นในการสร้างวัตถุ #เท่าที่จำเป็น
ซึ่งมันเป็น "ปัญหาเชิงระบบ" ของคณะสงฆ์ และ "ศรัทธา" ของพุทธศาสนิกชน กล่าวคือ ในศวรรษนี้ คณะสงฆ์ควรเน้น "งานสาธารณประโยชน์" ให้มากกว่า "งานสาธารณูปการ" (ก่อสร้าง) คณะสงฆ์ต้องมองออกไปข้างนอกวัดให้มากขึ้น อย่าอยู่แบบ "ปัจเจกบุคคล" ต้องสัมพันธ์และเกื้อกูลกับชาวบ้านมากขึ้น
ในแง่ของ "ศรัทธา" ของชาวบ้าน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ เราปลูกฝังคำสอนและความเชื่อในการทำบุญในพระศาสนามาก จนบางที ชาวบ้านลืม "ทำบุญกับชุมชน" อันนี้แม้เป็นเรื่องที่ลำบาก ในการสร้าง "ความเชื่อ" ใหม่ แต่ก็เป็นการท้าทาย ที่เราจะ "ปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา" เพื่อกลับมามีบทบาทและเป็นที่พึ่งของสังคมได้อีกครั้ง
ยาวไป จะไม่มีคนอ่าน !!!
เอาเป็นว่า อยากให้ทุกคนใช้สติในการเสพข่าว และการแสดงความคิดเห็นอะไร ก็ศึกษาให้รอบด้าน และมีเมตตาต่อกัน เอื้อเฟื้อต่อกัน อย่างความเป็น "กัลยาณมิตร" ฝากโยม Samran Sompong ช่วยอีกช่องทางนะครับ
องค์ม่อน ธรรมะอารมณ์ดี"
วันที่ 29 ก.ค.2560 เฟซบุ๊กองค์ม่อน ธรรมะอารมณ์ดี ได้โพสต์ข้อความว่า #พึ่งเห็นข่าว ขอแสดงความเห็นนิดหนึ่ง
กรณีมีคุณหมอท่านหนึ่ง ทราบว่าเป็น "ศาสตราจารย์" ได้โพสข้อความและรูปเรื่อง #ความขาดแคลนการบริหารการจัดการโรงพยาบาล" พร้อมกับตั้งคำถามว่า #สร้างวัดได้แต่ทำไมช่วยกันสร้างโรงพยาบาลไม่ได้" ก็ประมาณนี้ พอดีหารูปข้อความมาได้แค่ข้อความเดียว (ใครสนใจก็ค้นหาดูนะครับ)
พอได้เห็นข่าว ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดอะไร เพียงแต่พยายามทำความเข้าใจเรื่องที่คุณหมอโพสแสดงความเห็น และก็มองว่า ถ้าคนในสังคมโซเซียล อ่านข้อความของคุณหมอแล้ว เราควรตั้งหลักก่อนจะแสดงความเห็น และ รู้สึก อย่างไรดี
ในส่วนตัวจึงอยากแสดงความเห็นว่า
๑. การที่มีข้อความออกมาเช่นนี้ ก็สร้างความสะเทือน และ ฉุกความคิดของคนได้เยอะจริงๆ (ดังคอมเม้นต่างๆ) แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้คนส่วนหนึ่ง รู้สึกไม่ดีและไม่สบายใจกับข้อความนี้มากพอๆกัน
ซึ่งจริงๆแล้ว คุณหมอมีเป้าหมาย จะสื่อสารอย่างไรก็คนส่วนมาก ก็ควร #คิดให้รอบด้าน นิดหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ "องค์กรสงฆ์" กำลังเผชิญกับวิกฤต ด้านภาพลักษณ์ พอมีประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ก็เหมือนเติมเชื้อไฟ ให้สังคมที่กำลัง "คุกรุ่น" กับองค์กรสงฆ์
เช่น คุณหมอควรลองหาสถิติ #การสร้างโรงพยาบาลโดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำ ว่ามีประมาณมากเท่าใดในประเทศไทย และสำรวจว่า #ตึกสงฆ์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ที่พระสงฆ์เป็นผู้นำในการสร้าง มีจำนวนเท่าใด และลองไปสำรวจ #อุปกรณ์การแพทย์ ที่พระสงฆ์เป็นผู้นำในการระดมทุนบริจาค มีจำนวนเท่าใด
ที่เสนอแบบนี้ #ไม่ใช่ว่าต้องการจะอวด ว่าพระสร้างโรงพยาบาลไปเท่าไหร่ แต่อยากจะสื่อสารกับ "คุณหมอ" และ "คนในสังคม" ว่า "องค์กรสงฆ์และงานสาธารณสุข" ทั่วประเทศนั้น มีความเอื้อเฟื้อ และ ช่วยเหลือกันอยู่ไม่น้อย ดังรูปตัวอย่างที่ลงในสเตตัสนี้ ที่ #หลวงพ่อกัญหา สุขกาโม ท่านกำลังระดมทุนสร้าง #อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา อยู่ในขณะนี้
แทนที่ "คุณหมอ" จะนำเสนอด้วยการเปรียบเทียบแบบนี้ คุณหมอน่าจะ นำเสนอด้วยเนื้อหา ที่สร้างความรู้สึกที่เป็นมิตร และให้ทุกคนรู้สึกอยากสร้างโรงพยายาล โดยไม่รู้สึก "ไม่ดี" กับวัด กับองค์กรสงฆ์
๒. ประเด็นต่อมา การสร้างวัดที่คุณหมอบอกว่าหมดไป หลายล้าน แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่านั้น #ก็เป็นจริงแค่ครึ่งเดียว วัดทั่วประเทศไม่ได้รวยและมีเงินเป็นร้อยล้าน พันล้านเหมือนกันหมด #เป็นความจริงอยู่ ที่ว่าวัดบางวัด ก็สร้างวัตถุที่ใหญ่โตเกินความจำเป็น #อันนี้พระและวัด ตลอดถึงองค์กรสงฆ์ ก็ต้องยอมรับและกลับมาทบทวนบทบาทและความจำเป็นในการสร้างวัตถุ #เท่าที่จำเป็น
ซึ่งมันเป็น "ปัญหาเชิงระบบ" ของคณะสงฆ์ และ "ศรัทธา" ของพุทธศาสนิกชน กล่าวคือ ในศวรรษนี้ คณะสงฆ์ควรเน้น "งานสาธารณประโยชน์" ให้มากกว่า "งานสาธารณูปการ" (ก่อสร้าง) คณะสงฆ์ต้องมองออกไปข้างนอกวัดให้มากขึ้น อย่าอยู่แบบ "ปัจเจกบุคคล" ต้องสัมพันธ์และเกื้อกูลกับชาวบ้านมากขึ้น
ในแง่ของ "ศรัทธา" ของชาวบ้าน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ เราปลูกฝังคำสอนและความเชื่อในการทำบุญในพระศาสนามาก จนบางที ชาวบ้านลืม "ทำบุญกับชุมชน" อันนี้แม้เป็นเรื่องที่ลำบาก ในการสร้าง "ความเชื่อ" ใหม่ แต่ก็เป็นการท้าทาย ที่เราจะ "ปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา" เพื่อกลับมามีบทบาทและเป็นที่พึ่งของสังคมได้อีกครั้ง
ยาวไป จะไม่มีคนอ่าน !!!
เอาเป็นว่า อยากให้ทุกคนใช้สติในการเสพข่าว และการแสดงความคิดเห็นอะไร ก็ศึกษาให้รอบด้าน และมีเมตตาต่อกัน เอื้อเฟื้อต่อกัน อย่างความเป็น "กัลยาณมิตร" ฝากโยม Samran Sompong ช่วยอีกช่องทางนะครับ
องค์ม่อน ธรรมะอารมณ์ดี"
วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
นาแกรับมวลน้ำจากสกลนคร"พระ-ทหาร"ออกช่วย
วันที่ 29 ก.ค.2560 จากอิทธิพลพายุโซนร้อน"เซินกา" ปกคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่งผลให้ฝนตกหนักมวลน้ำลากจากเทือกเขาภูพานไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่จังหวัดสกลนครเติมพื้นที่โดยเฉพาะเขตเทศบาลนครสกลนคร โดยเขตรอบนอกระดับน้ำเริ่มลดลง แต่ชุมชนเมืองชั้นในยังจมน้ำ 1 - 2 เมตร ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากที่สมัครใจอยู่บ้าน เพราะห่วงทรัพย์สินสิ่งของมีค่า ขอแค่อาหารและน้ำดื่ม อย่างไรก็ตามได้มีพระออกไปให้กำลังใจทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ตลอดถึงเยี่ยมให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครสกลนคร
ขณะเดียวกันมวลน้ำได้ไหลบ่าเข้าพื้นที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ทั้งนี้ ผบ.มทบ.210 ผบ.ศบภ.มทบ.210 ได้จัดกำลังพลเพิ่มเติม 20 นาย รถบรรทุก 2 คัน เรือท้องแบน 4 ลำ(เครื่องยนต์ 2 เครื่อง) ร่วมกับ อ.นาแก เตรียมการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยและช่วยเหลือประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอนาแกแล้ว
ขณะเดียวกันมวลน้ำได้ไหลบ่าเข้าพื้นที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ทั้งนี้ ผบ.มทบ.210 ผบ.ศบภ.มทบ.210 ได้จัดกำลังพลเพิ่มเติม 20 นาย รถบรรทุก 2 คัน เรือท้องแบน 4 ลำ(เครื่องยนต์ 2 เครื่อง) ร่วมกับ อ.นาแก เตรียมการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยและช่วยเหลือประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอนาแกแล้ว
"พระ-เณร"อำนาจเจริญร่วมแรงเปิดทางป้องน้ำท่วม
"พระ-เณร"อำนาจเจริญร่วมแรงเปิดทางป้องน้ำท่วม สนองนโยบายของรัฐบาลเร่งรัดแก้ไขปัญหากำจัดผักตบชวา ขณะที่สามเณรวัดมหาธาตุจัดกิจกรรมสานใจช่วยชาวสกลนคร
เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2560 ที่ผ่านมา พระครูสิริสีลวัตร รองเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ เจ้าอาวาสวัดอำนาจ นำพระภิกษุสามเณร พร้อมด้วยเทศบาลตำบลอำนาจ ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในเขตเทศบาล ได้ร่วมแรงร่วมใจกำจัดผักตบชวาที่คลองเหมือง บ้านอำนาจ ตำบลอำนาจ อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ เปิดทางน้ำ กันน้ำท่วมไหลบ่า ซึ่งคลองเหมือง มีผักตบชวาค่อนข้างหนาแน่นกีดขวางทางเดินน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมในฤดูฝน
กิจกรรมครั้งนี้ถือว่าเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการเร่งรัดแก้ไขปัญหากำจัดผักตบชวาตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ที่ให้ช่วยกันรักษาความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยในชุมชน แม่น้ำลำคลองสาธารณะในพื้นที่ชุมชนต่างๆ ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งได้ ตลอดทั้งยังสร้างความพึงพอใจให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างดี
ขณะที่สามเณรวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานครจัดกิจกรรมสานใจช่วยชาวสกลนคร
............................
(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากศูนย์ข่าวคณะสงฆ์ภาค 10)
เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2560 ที่ผ่านมา พระครูสิริสีลวัตร รองเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ เจ้าอาวาสวัดอำนาจ นำพระภิกษุสามเณร พร้อมด้วยเทศบาลตำบลอำนาจ ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในเขตเทศบาล ได้ร่วมแรงร่วมใจกำจัดผักตบชวาที่คลองเหมือง บ้านอำนาจ ตำบลอำนาจ อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ เปิดทางน้ำ กันน้ำท่วมไหลบ่า ซึ่งคลองเหมือง มีผักตบชวาค่อนข้างหนาแน่นกีดขวางทางเดินน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมในฤดูฝน
กิจกรรมครั้งนี้ถือว่าเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการเร่งรัดแก้ไขปัญหากำจัดผักตบชวาตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ที่ให้ช่วยกันรักษาความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยในชุมชน แม่น้ำลำคลองสาธารณะในพื้นที่ชุมชนต่างๆ ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งได้ ตลอดทั้งยังสร้างความพึงพอใจให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างดี
ขณะที่สามเณรวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานครจัดกิจกรรมสานใจช่วยชาวสกลนคร
............................
(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากศูนย์ข่าวคณะสงฆ์ภาค 10)
ชาวพุทธ 35 ประเทศประชุมยุวพุทธโลกที่เชียงใหม่
พระเถระจากทิเบตร่วมประชุมยุวพุทธโลกครั้งที่ 7 ที่เชียงใหม่ พร้อมชาวพุทธมากถึง 1,200 คน 35 ประเทศ จากมหาวิทยาลัยทั่วโลกประมาณ 200 แห่ง
วันที่ 29 ก.ค.2560 พระครูสุนทรสังฆพินิต,ดร. ผู้อำนวยการสำนักวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตเชียงใหม่ เป็นผู้แทนมหาวิทยาลัย ถวายการต้อนรับมหาเถราจารย์เคนโปโซดาจีรินโปเช จากประเทศทิเบต เพื่อเข้าร่วมประชุมยุวพุทธโลกครั้งที่ 7 ที่ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ฯ จังหวัดเชียงใหม่ ปีนี้มีผู้เข้าประชุมจำนวนมากถึง 1,200 คน 35 ประเทศ จากมหาวิทยาลัยทั่วโลกประมาณ 200 แห่ง ระหว่างวันที่ 30 ก.ค.- 3 สิงหาคม 2560
............................
(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊กคีรินทร์ หินคง)
วันที่ 29 ก.ค.2560 พระครูสุนทรสังฆพินิต,ดร. ผู้อำนวยการสำนักวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตเชียงใหม่ เป็นผู้แทนมหาวิทยาลัย ถวายการต้อนรับมหาเถราจารย์เคนโปโซดาจีรินโปเช จากประเทศทิเบต เพื่อเข้าร่วมประชุมยุวพุทธโลกครั้งที่ 7 ที่ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ฯ จังหวัดเชียงใหม่ ปีนี้มีผู้เข้าประชุมจำนวนมากถึง 1,200 คน 35 ประเทศ จากมหาวิทยาลัยทั่วโลกประมาณ 200 แห่ง ระหว่างวันที่ 30 ก.ค.- 3 สิงหาคม 2560
............................
(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊กคีรินทร์ หินคง)
มทบ.29จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ช่วยน้ำท่วมสกลนคร
มทบ.29จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ช่วยน้ำท่วมสกลนคร ที่ ร.ร.อนุบาลสกลนครอาคาร อบจ.หลังเก่า ขณะที่บ้านห้วยทรายติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นน้ำลดเป็นปกติแล้ว
วันที่ 29ก.ค.2560 จากสถานการณ์พายุโชนร้อน "เซินกา" ถล่มหนักจังหวัดสกลนคร ส่งผลให้มวลน้ำจากเทือกเขาภูพานจะบ่าไหลลงมาถึงเทศบาลเมืองสกลนคร และน้ำท่วมฉับพลัน หลายหน่วยงานได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย มทบ.29 จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่จากโรงพยาบาลค่ายกฤษณ์สีวะรา ออกบริการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยที่โรงเรียนอนุบาลสกลนคร อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ซึ่งมีผู้พักอาศัย ประมาณ 40 ครอบครัว พร้อมกันนี้จัดรถครัวสนามออกบริการประชาชนบริเวณอาคารสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)หลังเก่าด้วย
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่บ้านห้วยทราย ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นนั้น ขณะนี้(08.00 น.) น้ำลดลงเป็นปกติแล้ว ประชาชนเร่งทำความสะอาดบ้านเรือน สามารถใช้ไฟฟ้าได้ แต่สภาพอากาศท้องฟ้ายังมืดครึ้ม
ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เขื่อนน้ำพุง ได้รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนน้ำพุงที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำสูงมากอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ เวลา 06.00 น. ระดับน้ำ 283.48 ม.รทก. ต่ำกว่าระดับเก็บกักปกติสูงสุด 0.52 ม. (ระดับเก็บกักปกติสูงสุดอยู่ที่ระดับ 284.00 ม.รทก.) ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำตั้งแต่00.00 น. ถึง06.00 น. เท่ากับ 6.02 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีก 10.88 ล้าน ลบ.ม. ระดับสันเขื่อนที่ระดับ 286.50 ม.รทก. โดยเขื่อนน้ำพุงได้หยุดการระบายน้ำตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2560 เวลา 16.00 น. ทั้งนี้เขื่อนน้ำพุงเป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว มีความมั่นคงแข็งแรงสามารถรองรับปริมาณน้ำหลากได้อย่างปลอดภัย
จากการติดตามสถานการณ์น้ำและการวิเคราะห์พบว่า พื้นที่รับน้ำของเขื่อนน้ำพุงยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำและไหลล้นประตูระบายน้ำล้น(Spillway) ซึ่งมีระดับสันฝายน้ำล้นอยู่ที่ระดับ 283.88 ม.รทก. ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2560 นี้ โดยปริมาณน้ำที่ไหลข้ามสันฝายนี้จะไหลลงไปรวมกับปริมาณน้ำหลากด้านท้ายน้ำลงสู่ลำน้ำพุง ทั้งนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เขื่อนน้ำพุง ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามระดับน้ำและดูแลความมั่นคงปลอดภัยของสันเขื่อนตลอด 24 ชั่วโมง
ศจร.ภ.จว.สกลนคร รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสกลนคร เกี่ยวกับถนนเส้นทางสัญจร มีถนนเส้นทางสัญจรในพื้นที่ น้ำท่วมจนไม่สามารถสัญจรได้ตามปกติ ดังนี้
1.ถนนหมายเลข 3007 คำเพิ่ม- เต่างอย (บริเวณที่ลุ่ม เป็นช่วงระยะตามสภาพพื้นที่ลุ่ม) มีน้ำท่วมขังปริมาณไม่สามารถสัญจรได้ สภ.สร้างค้อและ สภ.เต่างอย จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
2.ถนนหมายเลข 213 สร้างค้อ – สกลนคร บริเวณที่ลุ่ม ระยะทาง 1 .5 กม. มีน้ำท่วมขังปริมาณไม่สามารถสัญจรได้ สภ.สร้างค้อและ สภ.ตาดโตน จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
3.ภนนหมายเลข 2339 บ้านศรีวิชา – บ้านกวนปุ่น บริเวณที่ลุ่ม ระยะทาง 1.4 กม. มีน้ำท่วมขังปริมาณไม่สามารถสัญจรได้ สภ.ตาดโตน และ สภ.เต่างอย จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
4.ถนนหมายเลข 22 บ้านสูงเนิน – ท่าแร่ 4.1.บริเวณบ้นสูงเนิน ระยะทาง 1.5 กม. 4.2.บริเวณสี่แยกบ้านธาตุ ระยะทาง 1 กม. 4.3.บริเวณบ้านท่าแร่ ระยะทาง 1.5 กม. ท่วมขังปริมาณไม่สามารถสัญจรได้ สภ.พรรณานิคม สภ.ขมิ้น และ สภ.เมืองสกลนคร จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและจุดบริการประชาชนแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
5.ถนนหมายเลข 2218 อ.กุดบาก – อ.นิคมน้ำอูน (บริเวณที่ลุ่ม เป็นช่วงระยะตามสภาพพื้นที่ลุ่ม) มีน้ำท่วมขัง รถยนต์ขนาดเล็ก/ จยย ไม่สามารถสัญจรได้ รถขนาดใหญ่สามารถสัญจรได้ โดยเพิ่มความระมัดระวัง สภ.ภูพาน (ต้นทาง) สภ.กุดบาก และ สภ.นิคมน้ำอูน จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและจุดบริการประชาชนแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
6.หมู่บ้านต่อเรือ หมู่ที่ 5 ต.นาหัวบ่อ อ.พรรณานิคม (บริเวณเส้นทางเข้าหมู่บ้าน ) มีน้ำท่วมขัง รถยนต์ขนาดเล็ก/ จยย ไม่สามารถสัญจรได้ รถขนาดใหญ่สามารถสัญจรได้ โดยเพิ่มความระมัดระวัง สภ. สภ.สว่าง สภ.โพนแพง สภ.หนองสนม จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและจุดบริการประชาชนแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
7.บริเวณสามแยกธนาคารกรุงศรี ตลาด ต.การค้า หน้าสำนักงานเทศบาลนครสกลนคร มีน้ำท่วมขังระดับเข่า รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ สภ.เมืองสกลนคร และกู้ภัย กู้ชีพ อุทิศ อพปร. เทศบาลนครสกลนคร ร่วมกับจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและจุดบริการประชาชนแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
8.ถนนหมายเลข 2104 และ 2287 เส้นทางไป อ.นาแก – อ.ดงหลวง – คำชะอี ) มีน้ำท่วมขัง และคอสะพานห้วยทราย(พื้นที่ อ.โคกศรีสุพรรณ) ขาดและทรุด ห้ามรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ สภ.โคกศรีสุพรรณ จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและจุดบริการประชาชนแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
9.ถนนเส้นหลังห้างโลตัส- คุ้มหนองสนม มีน้ำท่วมขังปริมาณมาก ถนนกำลังก่อสร้าง มีหลุม มีบ่อ ห้ามรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ สภ.เมืองสกลนคร จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและจุดบริการประชาชนแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
....................
(หมายเหตุ : ขอบคุณภาพจาก มทบ.29และเฟซบุ๊ก สกลนคร ซิตี้)
วันที่ 29ก.ค.2560 จากสถานการณ์พายุโชนร้อน "เซินกา" ถล่มหนักจังหวัดสกลนคร ส่งผลให้มวลน้ำจากเทือกเขาภูพานจะบ่าไหลลงมาถึงเทศบาลเมืองสกลนคร และน้ำท่วมฉับพลัน หลายหน่วยงานได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย มทบ.29 จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่จากโรงพยาบาลค่ายกฤษณ์สีวะรา ออกบริการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยที่โรงเรียนอนุบาลสกลนคร อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ซึ่งมีผู้พักอาศัย ประมาณ 40 ครอบครัว พร้อมกันนี้จัดรถครัวสนามออกบริการประชาชนบริเวณอาคารสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)หลังเก่าด้วย
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่บ้านห้วยทราย ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นนั้น ขณะนี้(08.00 น.) น้ำลดลงเป็นปกติแล้ว ประชาชนเร่งทำความสะอาดบ้านเรือน สามารถใช้ไฟฟ้าได้ แต่สภาพอากาศท้องฟ้ายังมืดครึ้ม
ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เขื่อนน้ำพุง ได้รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนน้ำพุงที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำสูงมากอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ เวลา 06.00 น. ระดับน้ำ 283.48 ม.รทก. ต่ำกว่าระดับเก็บกักปกติสูงสุด 0.52 ม. (ระดับเก็บกักปกติสูงสุดอยู่ที่ระดับ 284.00 ม.รทก.) ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำตั้งแต่00.00 น. ถึง06.00 น. เท่ากับ 6.02 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีก 10.88 ล้าน ลบ.ม. ระดับสันเขื่อนที่ระดับ 286.50 ม.รทก. โดยเขื่อนน้ำพุงได้หยุดการระบายน้ำตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2560 เวลา 16.00 น. ทั้งนี้เขื่อนน้ำพุงเป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว มีความมั่นคงแข็งแรงสามารถรองรับปริมาณน้ำหลากได้อย่างปลอดภัย
จากการติดตามสถานการณ์น้ำและการวิเคราะห์พบว่า พื้นที่รับน้ำของเขื่อนน้ำพุงยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำและไหลล้นประตูระบายน้ำล้น(Spillway) ซึ่งมีระดับสันฝายน้ำล้นอยู่ที่ระดับ 283.88 ม.รทก. ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2560 นี้ โดยปริมาณน้ำที่ไหลข้ามสันฝายนี้จะไหลลงไปรวมกับปริมาณน้ำหลากด้านท้ายน้ำลงสู่ลำน้ำพุง ทั้งนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เขื่อนน้ำพุง ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามระดับน้ำและดูแลความมั่นคงปลอดภัยของสันเขื่อนตลอด 24 ชั่วโมง
ศจร.ภ.จว.สกลนคร รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสกลนคร เกี่ยวกับถนนเส้นทางสัญจร มีถนนเส้นทางสัญจรในพื้นที่ น้ำท่วมจนไม่สามารถสัญจรได้ตามปกติ ดังนี้
1.ถนนหมายเลข 3007 คำเพิ่ม- เต่างอย (บริเวณที่ลุ่ม เป็นช่วงระยะตามสภาพพื้นที่ลุ่ม) มีน้ำท่วมขังปริมาณไม่สามารถสัญจรได้ สภ.สร้างค้อและ สภ.เต่างอย จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
2.ถนนหมายเลข 213 สร้างค้อ – สกลนคร บริเวณที่ลุ่ม ระยะทาง 1 .5 กม. มีน้ำท่วมขังปริมาณไม่สามารถสัญจรได้ สภ.สร้างค้อและ สภ.ตาดโตน จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
3.ภนนหมายเลข 2339 บ้านศรีวิชา – บ้านกวนปุ่น บริเวณที่ลุ่ม ระยะทาง 1.4 กม. มีน้ำท่วมขังปริมาณไม่สามารถสัญจรได้ สภ.ตาดโตน และ สภ.เต่างอย จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
4.ถนนหมายเลข 22 บ้านสูงเนิน – ท่าแร่ 4.1.บริเวณบ้นสูงเนิน ระยะทาง 1.5 กม. 4.2.บริเวณสี่แยกบ้านธาตุ ระยะทาง 1 กม. 4.3.บริเวณบ้านท่าแร่ ระยะทาง 1.5 กม. ท่วมขังปริมาณไม่สามารถสัญจรได้ สภ.พรรณานิคม สภ.ขมิ้น และ สภ.เมืองสกลนคร จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและจุดบริการประชาชนแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
5.ถนนหมายเลข 2218 อ.กุดบาก – อ.นิคมน้ำอูน (บริเวณที่ลุ่ม เป็นช่วงระยะตามสภาพพื้นที่ลุ่ม) มีน้ำท่วมขัง รถยนต์ขนาดเล็ก/ จยย ไม่สามารถสัญจรได้ รถขนาดใหญ่สามารถสัญจรได้ โดยเพิ่มความระมัดระวัง สภ.ภูพาน (ต้นทาง) สภ.กุดบาก และ สภ.นิคมน้ำอูน จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและจุดบริการประชาชนแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
6.หมู่บ้านต่อเรือ หมู่ที่ 5 ต.นาหัวบ่อ อ.พรรณานิคม (บริเวณเส้นทางเข้าหมู่บ้าน ) มีน้ำท่วมขัง รถยนต์ขนาดเล็ก/ จยย ไม่สามารถสัญจรได้ รถขนาดใหญ่สามารถสัญจรได้ โดยเพิ่มความระมัดระวัง สภ. สภ.สว่าง สภ.โพนแพง สภ.หนองสนม จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและจุดบริการประชาชนแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
7.บริเวณสามแยกธนาคารกรุงศรี ตลาด ต.การค้า หน้าสำนักงานเทศบาลนครสกลนคร มีน้ำท่วมขังระดับเข่า รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ สภ.เมืองสกลนคร และกู้ภัย กู้ชีพ อุทิศ อพปร. เทศบาลนครสกลนคร ร่วมกับจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและจุดบริการประชาชนแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
8.ถนนหมายเลข 2104 และ 2287 เส้นทางไป อ.นาแก – อ.ดงหลวง – คำชะอี ) มีน้ำท่วมขัง และคอสะพานห้วยทราย(พื้นที่ อ.โคกศรีสุพรรณ) ขาดและทรุด ห้ามรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ สภ.โคกศรีสุพรรณ จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและจุดบริการประชาชนแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
9.ถนนเส้นหลังห้างโลตัส- คุ้มหนองสนม มีน้ำท่วมขังปริมาณมาก ถนนกำลังก่อสร้าง มีหลุม มีบ่อ ห้ามรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ สภ.เมืองสกลนคร จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและจุดบริการประชาชนแนะนำเส้นทางเลี่ยงเส้นทางอื่น
....................
(หมายเหตุ : ขอบคุณภาพจาก มทบ.29และเฟซบุ๊ก สกลนคร ซิตี้)
"มจร"ขอนแก่นมอบสิ่งของช่วยน้ำท่วมสกลนคร
"มจร"ขอนแก่นมอบสิ่งของสนับสนุน ทหาร"มทบ.29" ช่วยเหลือผผู้ประสบภัยน้ำท่วมสกลนคร พระภิกษุสงฆ์และสามเณร จากวัดป่าสุทธาวาส ทำอาหารบรรจุใส่กล่องพร้อมน้ำดื่ม แจก
วันที่ 28 ก.ค.2560 จากสถานการณ์พายุโชนร้อน "เซินกา" ถล่มหนักจังหวัดสกลนคร ส่งผลให้มวลน้ำจากเทือกเขาภูพานจะบ่าไหลลงมาถึงเทศบาลเมืองสกลนคร และน้ำท่วมฉับพลัน หลายหน่วยงานได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเมื่อเวลา 21.30 น. พระโสภณพัฒนบัณฑิต รศ.ดร. รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตขอนแก่น ได้มอบหมายให้สมัชชาพระนิสิตพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาภาคอีสาน ประกอบพระมหาศิริศักดิ์ สิริวุฑฺฒิ พระมงคล สุมงฺคโร พระสุเมธ สุเมโธ และพระธนากร กิตฺติฐาโน ได้นำอาหารจำนวน 90 ชุด น้ำดื่มตรา มจร ขอนแก่น 10 ลัง นมประมาณ 400 กล่อง ไปสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทหาร โดยมีพันเอกสุจิรชัย มหาธรรม หัวหน้ากองส่งกำลังบำรุง มณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร ผู้ปฏิบัติหน้าที่ระบายน้ำออกจากเขตพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่นและกล่าวเผื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา สมัชชาพระนิสิตพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา มจร ขอนแก่น เข้ามอบสิ่งของเร่งด่วนแก่เจ้าหน้าที่ทหารจาก มณฑลทหารบกที่ 21 ค่ายศรีพัชริทนร , กู้ภัยตำรวจทางหลวง , มูลนิธิสว่างขอนแก่นสามัคคีอุทิศ , ศูนย์ข่าวทานตะวันขอนแก่น , มูลนิธิจิตกุศล , ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 6 และจนท.ผู้เกี่ยวข้องมารับสิ่งของ มีขนม 2 ถุงใหญ่.น้ำดื่ม 120 ขวด.น้ำดื่มแบบแก้ว 3 ลัง m 150 20 ขวด.คาราบาว 20 ขวด ให้เป็นอาหารของเจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์ภายในโรงเรียนคนตาบอด จ.ขอนแก่น ที่กำแพงโรงเรียนพังและน้ำไหลทะลักเข้าท่วม เมื่อเวลา 19.40 น . ขณะนี้ภายในโรงเรียนสูงถึง 1.6 เมตร.
ขณะเดียวกันพระภิกษุสงฆ์และสามเณร จากวัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร ได้ทำอาหารบรรจุใส่กล่องพร้อมน้ำดื่ม แจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม ภายในเมืองจังหวัดสกลนคร
.....................
(หมายเหตุ : ขอบคุญข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ศิริศักดิ์ ศิริศักดิ์เกษม และDuck Love)
วันที่ 28 ก.ค.2560 จากสถานการณ์พายุโชนร้อน "เซินกา" ถล่มหนักจังหวัดสกลนคร ส่งผลให้มวลน้ำจากเทือกเขาภูพานจะบ่าไหลลงมาถึงเทศบาลเมืองสกลนคร และน้ำท่วมฉับพลัน หลายหน่วยงานได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเมื่อเวลา 21.30 น. พระโสภณพัฒนบัณฑิต รศ.ดร. รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตขอนแก่น ได้มอบหมายให้สมัชชาพระนิสิตพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาภาคอีสาน ประกอบพระมหาศิริศักดิ์ สิริวุฑฺฒิ พระมงคล สุมงฺคโร พระสุเมธ สุเมโธ และพระธนากร กิตฺติฐาโน ได้นำอาหารจำนวน 90 ชุด น้ำดื่มตรา มจร ขอนแก่น 10 ลัง นมประมาณ 400 กล่อง ไปสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทหาร โดยมีพันเอกสุจิรชัย มหาธรรม หัวหน้ากองส่งกำลังบำรุง มณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร ผู้ปฏิบัติหน้าที่ระบายน้ำออกจากเขตพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่นและกล่าวเผื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา สมัชชาพระนิสิตพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา มจร ขอนแก่น เข้ามอบสิ่งของเร่งด่วนแก่เจ้าหน้าที่ทหารจาก มณฑลทหารบกที่ 21 ค่ายศรีพัชริทนร , กู้ภัยตำรวจทางหลวง , มูลนิธิสว่างขอนแก่นสามัคคีอุทิศ , ศูนย์ข่าวทานตะวันขอนแก่น , มูลนิธิจิตกุศล , ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 6 และจนท.ผู้เกี่ยวข้องมารับสิ่งของ มีขนม 2 ถุงใหญ่.น้ำดื่ม 120 ขวด.น้ำดื่มแบบแก้ว 3 ลัง m 150 20 ขวด.คาราบาว 20 ขวด ให้เป็นอาหารของเจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์ภายในโรงเรียนคนตาบอด จ.ขอนแก่น ที่กำแพงโรงเรียนพังและน้ำไหลทะลักเข้าท่วม เมื่อเวลา 19.40 น . ขณะนี้ภายในโรงเรียนสูงถึง 1.6 เมตร.
ขณะเดียวกันพระภิกษุสงฆ์และสามเณร จากวัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร ได้ทำอาหารบรรจุใส่กล่องพร้อมน้ำดื่ม แจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม ภายในเมืองจังหวัดสกลนคร
.....................
(หมายเหตุ : ขอบคุญข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ศิริศักดิ์ ศิริศักดิ์เกษม และDuck Love)
4ประเทศเพิ่มมาตรการลาดตระเวนตามแม่น้ำโขง
ประเทศลาว จีน เมียนมา และไทย ได้ร่วมกันเพิ่มมาตรการลาดตระเวนตามแม่น้ำโขงครั้งที่ 60 ระหว่างวันที่ 25 - 29 ก.ค.2560 โดยเริ่มจากท่าก่อนเลยแขวงยุนนาน ประเทศจีนอย่างเป็นทางการ และปฏิบัตตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 ประเทศ ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้ใช้เวลา 5 วัน โดยทั้ง 4 ประเทศได้ใช้เรือ 7 ลำ พนักงาน 200 นาย โดยจะลาดตระเวนในรูปแบบต่างๆ ทั้งรวมและแยก ทั้งนี้เพื่อความเข้มงวดในการปฏิบัติตามกฎหมาย
........................
(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ປະເທດລາວ Pathedlao)
เศร้า!พระนิสิตจิตอาสา"มจร"ปรับภูมิทัศน์วูบมรณภาพ
พระนิสิตจิตอาสา"มจร"ปรับภูมิทัศน์รอบหอพักและมหาวิทยาลัย สนองงานมหาวิทยาลัยและคณะสงฆ์ วูบล้มหงายหลังนำส่งรพ.วังน้อย แพทย์ช่วยสุดกำลังไม่รอดมรณภาพ
เมื่อเวลา 19.07น.วันที่ 27 ก.ค.2560 เจ้าหน้าที่หอพักนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รายงานว่า พระนิสิตที่พักอยู่อาศัยในหอพักนิสิต A อาพาธหนัก ทราบชื่อภายหลังชื่อว่า พระวิชิต นนฺทิโย (มากบดี) อายุ 58 ปี นิสิตคณะสังคมศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ สังกัดวัดหนองบัว ตำบลพระแก้ว อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพระนิสิตจิตอาสาช่วยงานทั่วไปของมหาวิทยาลัยและหอพักนิสิต
จากการสอบถามพระสมจิตร ญาณวีโร เจ้าหน้าที่หอพักนิสิต ทราบว่า "ก่อนเกิดเหตุช่วงกลางวัน พระวิชิตช่วยกันตัดหญ้า ท่านก็บ่นแสบร้อนทรวงอกเพราะกรดไหลย้อน ตัดหญ้าไปก็พักไป บอกให้พักได้แค่ไหนท่านตอบว่า "จะตัดให้เสร็จจะได้สวยๆ มีคนเห็นจะได้ชื่นใจ" ท่านก็ตัดจนเสร็จแล้วเข้ามานอนพัก ประมาณ 4 โมงเย็นท่านตื่นมาก็มาถามหายาธาตุกระต่ายบิน พระนิสิตช่วยงานก็เอามาถวายเมื่อทานยาแล้วก็มาทำมุ้งลวดให้ห้อง 115 เมื่อทำเสร็จก็เดินเล่นหน้าหอ เมื่อเดินได้สักพักมาถึงศาลาก็หยุด นั่งลงก้มหน้า แล้วหงายหลังไป เจ้าหน้าที่และเพื่อนนิสิตเห็นเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อให้การช่วยเหลือถึงโรงพยาบาลวังน้อยใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที ทางโรงพยาบาลได้พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ด้วยการปั๊มหัวใจ แต่ผู้ป่วยก็ไม่ตอบสนอง ไม่สามารถช่วยชีวิตท่านไว้ได้ ท่านได้มรณภาพไปด้วยอาการอันสงบ
พระมหาราชัน จิตฺตปาโล รักษาการผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต และพระมหาประยูร โชติวโร ผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต ภายหลังรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า มีนิสิตป่วยมีอาการหนัก จึงรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลวังน้อยทันทีเพื่อร่วมประสานงานให้ความช่วยเหลือ ติดต่อญาติ และได้รายงานพระราชวรมุนี รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิตทราบและได้สั่งการและแจ้งให้ดำเนินการช่วยเหลือนิสิตอย่างเต็มที่
"การสูญเสียพระนิสิตที่มีจิตอาสา ช่วยงานมหาวิทยาลัยและหอพักนิสิตด้วยความเสียสละ ทำประโยชน์ให้กับสถานที่ที่ท่านพักอยู่อาศัย ตอนท่านอยู่วัดท่านก็ทำงานไม่หยุด หาเงินทาสีวัดเอง เป็นที่รักของเพื่อนๆ และญาติธรรม ทั้งที่วัดหนองบัว และวัดดอนญานาง ขอดวงวิญญาณท่านไปสู่สุคติสัมปรายภพ ขอแสดงความเสียใจกับญาติท่านด้วย มจร สูญเสียพระนิสิตที่ดีมีจิตอาสาทำงานเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนร่วม" พระมหาราชัน กล่าว
ทั้งนี้พระมหาราชัน ได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2560 ว่า เป็นอีกวันที่ระดมกำลังนิสิตทั้งไทยและต่างประเทศที่พำนักอาศัยจำพรรษาอยู่ที่หอพักในมหาวิทยาลัยแบบโรงเรียนประจำ ให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และมีส่วนร่วมในการพัฒนามหาวิทยาลัย ช่วยกันปรับภูมิทัศน์บริเวณหอพักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่า มีหญ้าขึ้นสูงต้องตัดตลอดฤดูฝน อีกทั้งถนนทางเข้ายังเต็มไปด้วยดินโคลนสัญจรไปมาลำบาก
"กิจกรรมวันนี้จึงมีทั้งตัดหญ้า ปรับแต่งต้นไม้ โยกย้ายศาลาพักร้อน และม้าหินเก่าที่ใช้มาเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคลียร์ถนนทางเข้าออกเพื่อนำหินคลุกมาลงใหม่ให้รถสามารถวิ่งและนิสิตเดินทางเข้าออกโดยไม่ต้องลุยโคลน" พระมหาราชัน กล่าวและว่า
การลงมือปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันเช่นนี้จะเกิดขึ้นประจำทุกวันศุกร์และวันที่มีงานเร่งด่วนต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยแจ้งมาขอกำลังของนิสิตทำให้นิสิตต่างชาติต่างภาษาได้ทำงานร่วมกัน เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ และเป็นไปตามนโยบายของพระราชวรมุนี,ดร. รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต ซึ่งรับนโยบายของมหาวิทยาลัยและมหาเถรสมาคมมาสู่การปฏิบัติโดยตรง
ขออนุโมทนาขอบคุณนิสิตและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมา ณ โอกาสนี้
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมาที่ประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) ครั้งที่ 17/2560 ได้เห็นชอบให้จัดกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา 28 กรกฎาคม 2560 จำนวน 2 กิจกรรม ดังนี้ 1.การบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล 2.รณรงค์ทำความสะอาดวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 24-31 ก.ค.นี้ โดยมอบหมายให้พศ.ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด รวมทั้งแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด แจ้งวัดทั่วประเทศดำเนินการจัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อถวายพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียติโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศต่อไป
กำหนดบำเพ็ญกุศลศพพระวิชิตเบื้องต้นได้รับประสานจากทางวัด กำหนดรดน้ำศพในวันเสาร์ที่ 29 ก.ค 2560 เวลา 16.00น. กำหนดสวด 5 คืน และฌาปนกิจวันที่ 3 ส.ค.2560 ณ วัดหนองบัว ตำบลพระแก้ว อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อเวลา 19.07น.วันที่ 27 ก.ค.2560 เจ้าหน้าที่หอพักนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รายงานว่า พระนิสิตที่พักอยู่อาศัยในหอพักนิสิต A อาพาธหนัก ทราบชื่อภายหลังชื่อว่า พระวิชิต นนฺทิโย (มากบดี) อายุ 58 ปี นิสิตคณะสังคมศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ สังกัดวัดหนองบัว ตำบลพระแก้ว อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพระนิสิตจิตอาสาช่วยงานทั่วไปของมหาวิทยาลัยและหอพักนิสิต
จากการสอบถามพระสมจิตร ญาณวีโร เจ้าหน้าที่หอพักนิสิต ทราบว่า "ก่อนเกิดเหตุช่วงกลางวัน พระวิชิตช่วยกันตัดหญ้า ท่านก็บ่นแสบร้อนทรวงอกเพราะกรดไหลย้อน ตัดหญ้าไปก็พักไป บอกให้พักได้แค่ไหนท่านตอบว่า "จะตัดให้เสร็จจะได้สวยๆ มีคนเห็นจะได้ชื่นใจ" ท่านก็ตัดจนเสร็จแล้วเข้ามานอนพัก ประมาณ 4 โมงเย็นท่านตื่นมาก็มาถามหายาธาตุกระต่ายบิน พระนิสิตช่วยงานก็เอามาถวายเมื่อทานยาแล้วก็มาทำมุ้งลวดให้ห้อง 115 เมื่อทำเสร็จก็เดินเล่นหน้าหอ เมื่อเดินได้สักพักมาถึงศาลาก็หยุด นั่งลงก้มหน้า แล้วหงายหลังไป เจ้าหน้าที่และเพื่อนนิสิตเห็นเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อให้การช่วยเหลือถึงโรงพยาบาลวังน้อยใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที ทางโรงพยาบาลได้พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ด้วยการปั๊มหัวใจ แต่ผู้ป่วยก็ไม่ตอบสนอง ไม่สามารถช่วยชีวิตท่านไว้ได้ ท่านได้มรณภาพไปด้วยอาการอันสงบ
พระมหาราชัน จิตฺตปาโล รักษาการผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต และพระมหาประยูร โชติวโร ผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต ภายหลังรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า มีนิสิตป่วยมีอาการหนัก จึงรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลวังน้อยทันทีเพื่อร่วมประสานงานให้ความช่วยเหลือ ติดต่อญาติ และได้รายงานพระราชวรมุนี รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิตทราบและได้สั่งการและแจ้งให้ดำเนินการช่วยเหลือนิสิตอย่างเต็มที่
"การสูญเสียพระนิสิตที่มีจิตอาสา ช่วยงานมหาวิทยาลัยและหอพักนิสิตด้วยความเสียสละ ทำประโยชน์ให้กับสถานที่ที่ท่านพักอยู่อาศัย ตอนท่านอยู่วัดท่านก็ทำงานไม่หยุด หาเงินทาสีวัดเอง เป็นที่รักของเพื่อนๆ และญาติธรรม ทั้งที่วัดหนองบัว และวัดดอนญานาง ขอดวงวิญญาณท่านไปสู่สุคติสัมปรายภพ ขอแสดงความเสียใจกับญาติท่านด้วย มจร สูญเสียพระนิสิตที่ดีมีจิตอาสาทำงานเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนร่วม" พระมหาราชัน กล่าว
ทั้งนี้พระมหาราชัน ได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2560 ว่า เป็นอีกวันที่ระดมกำลังนิสิตทั้งไทยและต่างประเทศที่พำนักอาศัยจำพรรษาอยู่ที่หอพักในมหาวิทยาลัยแบบโรงเรียนประจำ ให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และมีส่วนร่วมในการพัฒนามหาวิทยาลัย ช่วยกันปรับภูมิทัศน์บริเวณหอพักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่า มีหญ้าขึ้นสูงต้องตัดตลอดฤดูฝน อีกทั้งถนนทางเข้ายังเต็มไปด้วยดินโคลนสัญจรไปมาลำบาก
"กิจกรรมวันนี้จึงมีทั้งตัดหญ้า ปรับแต่งต้นไม้ โยกย้ายศาลาพักร้อน และม้าหินเก่าที่ใช้มาเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคลียร์ถนนทางเข้าออกเพื่อนำหินคลุกมาลงใหม่ให้รถสามารถวิ่งและนิสิตเดินทางเข้าออกโดยไม่ต้องลุยโคลน" พระมหาราชัน กล่าวและว่า
การลงมือปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันเช่นนี้จะเกิดขึ้นประจำทุกวันศุกร์และวันที่มีงานเร่งด่วนต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยแจ้งมาขอกำลังของนิสิตทำให้นิสิตต่างชาติต่างภาษาได้ทำงานร่วมกัน เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ และเป็นไปตามนโยบายของพระราชวรมุนี,ดร. รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต ซึ่งรับนโยบายของมหาวิทยาลัยและมหาเถรสมาคมมาสู่การปฏิบัติโดยตรง
ขออนุโมทนาขอบคุณนิสิตและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมา ณ โอกาสนี้
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมาที่ประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) ครั้งที่ 17/2560 ได้เห็นชอบให้จัดกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา 28 กรกฎาคม 2560 จำนวน 2 กิจกรรม ดังนี้ 1.การบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล 2.รณรงค์ทำความสะอาดวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 24-31 ก.ค.นี้ โดยมอบหมายให้พศ.ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด รวมทั้งแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด แจ้งวัดทั่วประเทศดำเนินการจัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อถวายพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียติโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศต่อไป
กำหนดบำเพ็ญกุศลศพพระวิชิตเบื้องต้นได้รับประสานจากทางวัด กำหนดรดน้ำศพในวันเสาร์ที่ 29 ก.ค 2560 เวลา 16.00น. กำหนดสวด 5 คืน และฌาปนกิจวันที่ 3 ส.ค.2560 ณ วัดหนองบัว ตำบลพระแก้ว อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วัดไทยทั่วโลกทำวัตรสวดมนต์เจริญสติถวาย"ร.10"
พระธรรมทูตประจำวัดไทยในประเทศอินเดียและสวีเดนนำทำบุญเจริญสติ ถวายเป็นพระราชกุลแด่ "ในหลวง ร.9-10 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ" เนื่องวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา "ในหลวง ร.10"
วันที่ 28 กรกฎาคม 2560 เนื่องวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูล รัชกาลที่ ร.10 เวลา 06 .00 น. พระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย นำพระสงฆ์ ทำวัตรสวดมนต์เช้าเพื่อเจริญสติ และน้อมถึงคุณขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระสงฆ์ 98 รูป พระสงฆ์ จากโครงการศึกษาและปฏิบัติงานแดนพุทธภูมิ โดยทางคณะภาค 10 ให้การส่งเสริมเพื่อมาศึกษาปฏิบัติงาน 12 รูป แม่ชี จิตอาสา ทีมแพทย์ที่เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลพระสงฆ์ไทย พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชน ที่พระอุโบสถวัดไทยพุทธคยา
ขณะที่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 เวลา 19.00 น. พระครูสุวัฒน์ชยาทร รองหัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล เป็นประธานนำพระสงฆ์ แม่ชี อาสาสมัคร ทำวัตรสวดมนต์เย็น เจริญจิตภาวนา เจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และถวายพระพรชัยมงคลกับถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูล รัชกาลที่ 10 ภายในพระอุโบสถ และเช้าวันที่ 28 กรกฎาคม 2560 ได้มีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์นานาชาติ ถวายเป็นพระราชกุศล
ส่วนที่ประเทศสวีเดน สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงสตอกโฮล์ม จัดพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2560 โดยมีพระวิเทศปุญญาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพุทธาราม ประธานฝ่ายสงฆ์ และพระสงฆ์จำนวน 7 รูป จากวัดพุทธารามและวัดสันตินิวาส และมีนายเกียรติ คุณชาติประเสรฐิ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงสตอกโฮล์ม พร้อมทั้งภรรยาข้าราชการ และประชาชนเข้ามาร่วมงาน ณ ในโอกาสนี้พระวิเทศปุญญาภรณ์ได้นำเจริญสติเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่บูรพมหากษัตริย์ไทย เนื่องจากประเทศสวีเดนเป็นประเทศที่สมเด็จพระปิยะมหาราชเคยเสด็จประพาสยุโรป เมื่อ120 ปี โดยเอกอัครราชทูตและส่วนราชการ ทั้งสองประเทศได้จัดงานรำลึกการเสด็จประพาสสวีเดนเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ทางวัดพุทธาราม โดยร่วมกันทำความดีถวายในการเจริญสติ และจัดบรรพชาอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลด้วย
วันที่ 28 กรกฎาคม 2560 เนื่องวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูล รัชกาลที่ ร.10 เวลา 06 .00 น. พระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย นำพระสงฆ์ ทำวัตรสวดมนต์เช้าเพื่อเจริญสติ และน้อมถึงคุณขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระสงฆ์ 98 รูป พระสงฆ์ จากโครงการศึกษาและปฏิบัติงานแดนพุทธภูมิ โดยทางคณะภาค 10 ให้การส่งเสริมเพื่อมาศึกษาปฏิบัติงาน 12 รูป แม่ชี จิตอาสา ทีมแพทย์ที่เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลพระสงฆ์ไทย พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชน ที่พระอุโบสถวัดไทยพุทธคยา
ขณะที่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 เวลา 19.00 น. พระครูสุวัฒน์ชยาทร รองหัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล เป็นประธานนำพระสงฆ์ แม่ชี อาสาสมัคร ทำวัตรสวดมนต์เย็น เจริญจิตภาวนา เจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และถวายพระพรชัยมงคลกับถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูล รัชกาลที่ 10 ภายในพระอุโบสถ และเช้าวันที่ 28 กรกฎาคม 2560 ได้มีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์นานาชาติ ถวายเป็นพระราชกุศล
ส่วนที่ประเทศสวีเดน สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงสตอกโฮล์ม จัดพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2560 โดยมีพระวิเทศปุญญาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพุทธาราม ประธานฝ่ายสงฆ์ และพระสงฆ์จำนวน 7 รูป จากวัดพุทธารามและวัดสันตินิวาส และมีนายเกียรติ คุณชาติประเสรฐิ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงสตอกโฮล์ม พร้อมทั้งภรรยาข้าราชการ และประชาชนเข้ามาร่วมงาน ณ ในโอกาสนี้พระวิเทศปุญญาภรณ์ได้นำเจริญสติเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่บูรพมหากษัตริย์ไทย เนื่องจากประเทศสวีเดนเป็นประเทศที่สมเด็จพระปิยะมหาราชเคยเสด็จประพาสยุโรป เมื่อ120 ปี โดยเอกอัครราชทูตและส่วนราชการ ทั้งสองประเทศได้จัดงานรำลึกการเสด็จประพาสสวีเดนเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ทางวัดพุทธาราม โดยร่วมกันทำความดีถวายในการเจริญสติ และจัดบรรพชาอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลด้วย
วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
"พงศ์พร"นำถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ"ในหลวง ร.10"
"พงศ์พร"นำขรก.พศ.ถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พร้อมลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา
วันที่ 28 กรกฎาคม 2560 เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พร้อมลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา 28 กรกฎาคม 2560 ณ ศาลาถวายสังฆทาน (ข้างองค์พระประธานพุทธมณฑล) อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
วันที่ 28 กรกฎาคม 2560 เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พร้อมลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา 28 กรกฎาคม 2560 ณ ศาลาถวายสังฆทาน (ข้างองค์พระประธานพุทธมณฑล) อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
กองทัพสหรัฐฯตั้งชาวพุทธเกาหลีคนแรกเป็นอนุศาสนาจารย์
ความนิยมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมในประเทศสหรัฐอเมริกามิใช่มีเฉพาะประชาชนทั่วไปเท่านั้น
แม้แต่ทหารในกองทัพก็นิยมเช่นเดียวกัน
แต่เดิมนั้นเป็นหน้าที่ของพระธรรมทูต
แต่ต่อมาได้มีการตั้งตำแหน่งอนุศาสนาจารย์ ทำหน้าที่โดยตรง
ชาวพุทธไทยคนแรกที่ได้มีโอกาสเข้าไปทำหน้าที่นี้คือ ร.อ.สมญา มาลาศรี อนุศาสนาจารย์ทหารกองประจำการกองทัพบก ประเทศอเมริกา ซึ่งเดิมบวชเป็นสามเณรและพระศึกษาพระธรรมวินัยภาษาบาลีจนสามารถจบปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยา(มจร) รุ่นเดียวกับพระมหาสมปอง ตาลปุตโต พระนักเทศน์ชื่อดัง เป็นพระธรรมทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา สึกหาลาเพศเป็นทหารที่กองทัพสหรัฐอเมริกา และพัฒนาตัวเองมาโดยตลอดปัจจุบันกำลังศึกษาในระดับปริญญาเอก
พร้อมกันนี้ในกองทัพประเทศสหรัฐอเมริกานั้นยังมีคนไทยเข้าไปทำหน้าที่ตามที่ร.อ.สมญา ได้ตามแจ้งผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว "Somya Malasri" เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2560 แสดงความยินดีกับคนไทยที่ประเทศสหรัฐอเมริกาความว่า "อาทิตย์นี้มีเรื่องน่าภูมิใจสำหรับพี่น้องคนไทยไกลบ้านหลายเรื่องที่อยากจะเเชร์ เพราะอยากให้กำลังใจน้องๆ คนไทยที่ได้มาสร้างชื่อเสียงที่นี่ท่านแรกเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่ง เป็น Sergeant ของกองทัพบก ส่วนอีกสองท่านเป็นทหารอากาศ เพิ่งจบมาหมาดๆๆ ขอแสดงความยินดีครับ"
และเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา ร.อ.สมญา ได้โพสต์ข้อความว่า "Korean Buddhist clergy became a US Navy chaplain, LT Kim Sae Jeong (Rev. Il Doh / Won Buddhism) newly commissioned and serving at Navy base as a Navy reserve. Congrats Rev. Kim!...she is the first Korean (Buddhist) ever serve at the US military chaplaincy. credit: Bokwang Sah-Jongmae" และได้แจ้งว่า "เป็นชาวพุทธเกาหลีคนแรกที่เป็นอนุศาสนาจารย์"
.......................
(หมายเหตุ : ภาพ ร.อ.สมญา มาลาศรี ทหารและชาวอเมริกาปฏิบัติธรรมกับพระธรรมทูตไทยในสหรัฐอเมริกา)
ชาวพุทธไทยคนแรกที่ได้มีโอกาสเข้าไปทำหน้าที่นี้คือ ร.อ.สมญา มาลาศรี อนุศาสนาจารย์ทหารกองประจำการกองทัพบก ประเทศอเมริกา ซึ่งเดิมบวชเป็นสามเณรและพระศึกษาพระธรรมวินัยภาษาบาลีจนสามารถจบปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยา(มจร) รุ่นเดียวกับพระมหาสมปอง ตาลปุตโต พระนักเทศน์ชื่อดัง เป็นพระธรรมทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา สึกหาลาเพศเป็นทหารที่กองทัพสหรัฐอเมริกา และพัฒนาตัวเองมาโดยตลอดปัจจุบันกำลังศึกษาในระดับปริญญาเอก
พร้อมกันนี้ในกองทัพประเทศสหรัฐอเมริกานั้นยังมีคนไทยเข้าไปทำหน้าที่ตามที่ร.อ.สมญา ได้ตามแจ้งผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว "Somya Malasri" เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2560 แสดงความยินดีกับคนไทยที่ประเทศสหรัฐอเมริกาความว่า "อาทิตย์นี้มีเรื่องน่าภูมิใจสำหรับพี่น้องคนไทยไกลบ้านหลายเรื่องที่อยากจะเเชร์ เพราะอยากให้กำลังใจน้องๆ คนไทยที่ได้มาสร้างชื่อเสียงที่นี่ท่านแรกเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่ง เป็น Sergeant ของกองทัพบก ส่วนอีกสองท่านเป็นทหารอากาศ เพิ่งจบมาหมาดๆๆ ขอแสดงความยินดีครับ"
และเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา ร.อ.สมญา ได้โพสต์ข้อความว่า "Korean Buddhist clergy became a US Navy chaplain, LT Kim Sae Jeong (Rev. Il Doh / Won Buddhism) newly commissioned and serving at Navy base as a Navy reserve. Congrats Rev. Kim!...she is the first Korean (Buddhist) ever serve at the US military chaplaincy. credit: Bokwang Sah-Jongmae" และได้แจ้งว่า "เป็นชาวพุทธเกาหลีคนแรกที่เป็นอนุศาสนาจารย์"
.......................
(หมายเหตุ : ภาพ ร.อ.สมญา มาลาศรี ทหารและชาวอเมริกาปฏิบัติธรรมกับพระธรรมทูตไทยในสหรัฐอเมริกา)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์
วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23: พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ พระไตรปิฎกเล...
-
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณประสาร” รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(...
-
วิจารณ์สนั่นหลักสูตรบาลีป.ธ.1-2 ถึงป.ธ. 9 เรียนพระไตรปิฎก 149 หน้า "เจ้าคุณหรรษา" ยกสามเณร 2 รูป หนึ่งจบ ป.ธ. 9 อายุ 17 ปี หนึ่งจบ...
-
พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้...