วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

น้ำหมักชีวภาพผักโขมสูตรมหาพอเพียง

สวัสดีครับพี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวตระกูลสมพงษ์ สำบายดีพี่น้องชาวลาว หาวคั้นหล่อกั้ว พี่น้องไทดำ แดง ขาว อยู่เวียดนาม อยู่หลีกินหวานพี่น้องไทลือสิบสองปันนาเมืองจีน ใหม่สูงครับพี่น้องไทใหญ่รัฐฉานพม่า พี่ไทคำตี ไทอาหม รัฐอัสสัม อินเดีย

มาพบกันอีกครั้งครับสำหรับรายการ"มหาทำกินวิถีพอเพียง" การทำเกษตรอินทรย์หรือพืชออแกนนิคนั้นจะต้องรู้จักการทำน้ำหมักชีวภาพ และปุ๋ยจุลินทรีย์แห้ง ซึ่งก็จะมีอยู่หลายสูตรเหมือนกัน ตามสูตรที่ทางสวนเกษตรดาดฟ้าสำนักงานเขตหลักสี่ที่มีชื่อก็จะมีน้ำหมักสูตรเร่งต้นเร่งใบหรือจุลินทรีย์ตัวแม่ ก็จะมีส่วนผสมคือ

1.กวางตุ้ง ผักบุ้ง คะน้า 3 กิโลกรัม 2.กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม

วิธีทำก็คือนำผักมาสับเป็นชิ้นเล็กๆหนาประมาณ 1 เซนติเมตร ใส่ลงในถัง ใส่กากน้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝาใว้ 15 วัน แล้วเติมน้ำ 10 ลิตร ปิดฝาหมักต่ออีก 1 เดือน แล้วรินเอาน้ำหมักเก็บไว้ในขวดปิดฝาให้สนิดเก็บไว้ วิธีใช้ก็คือ น้ำ 10 ลิตรต่อน้ำหมัก 2 ช้อนโต๊ะใช้รดผักทุก 3-5 วัน

และน้ำหมักสูตรเร่งดอกเร่งผลหรือจุลินทร์ตัวพ่อ ก็จะประกอบด้วย กล้วย สับปะรด แคนตาลูป 3 กิโลกรัม และกากน้ำตลาดแล้วทำเหมือนสูตรแรก

แต่เมื่อทำจริงๆก็ต้องมีการดัดแปลงครับ อย่างผักสีเขียวก็ใช้ผักโขมที่เกิดตามธรรมชาติใกล้บ้านริมถนนซอยกันตนา จะเรียกว่าน้ำหมักชีวภาพผักโขมก็คงจะได้ นอกจากนี้ยังได้รับการอนุเคราะห์จากร้านหมูกะทะริเวอร์พลอยข้างบ้านที่จะนำเศษผักที่ใช้ประกอบกับเครื่องเคียงหมูกะทะที่ใช้ไม่ได้ให้ทุกวันก็จะมีผักบุ้งฝักกาด ส่วนกากน้ำตาลก็ใช้น้ำแดงที่ทางร้านซื้อมาไหว้ลูกกรอกแทน ขณะที่หัวเชื้อจุลินทรีย์ก็ไปเอามาจากเทศบาลตำบลบางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพราะที่เทศบาลตำบลบางใหญ่คำนวนแล้วไม่คุ้มกับค่ารถ

เมื่อผมได้ผักที่จะนำมาทำน้ำหมักชีวภาพก็จะมานั่งสับทุกวันครับ การสับก็ต้องอาศัยความชำนาญอยู่บ้างเพราะเคยทำงานอยู่ร้านสะดวกซื้ออยู่พักหนึ่งและต้องระวังไม่เช่นนั้นอาจจะสับมือตัวเองได้ เสร็จแล้วก็ทำตามวิธีดังกล่าวตอนนี้ผมก็ได้น้ำหมักไว้รดผักแล้วครับ ก็คิดว่าจะทำจำหน่ายอยู่เหมือนกันเพราะว่าเริ่มจะเยอะแล้ว ... สวัสดี

ยลปลูกผักลงเรือถั่วฝักยาวไต่เชือก

สวัสดีครับพี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวตระกูลสมพงษ์ สำบายดีพี่น้องชาวลาว หาวคั้นหล่อกั้ว พี่น้องไทดำ แดง ขาว อยู่เวียดนาม อยู่หลีกินหวานพี่น้องไทลือสิบสองปันนาเมืองจีน ใหม่สูงครับพี่น้องไทใหญ่รัฐฉานพม่า พี่ไทคำตี ไทอาหม รัฐอัสสัม อินเดีย

มาพบกันอีกครั้งครับสำหรับรายการ"มหาทำกินวิถีพอเพียง" ตอนนี้ก็จะมาลงรายละเอียดในแปลงผักที่ผมปลูกผ่านมาประมาณ 2 เดือนกว่าแล้ว   ก็ได้ความคิดครับว่าสิ่งสำคัญในการปลูกพืชผักนั้นอยู่ที่การวางแผนวางแปลนก่อน เพราะว่าเรามีเนื้อที่ในการปลูกน้อย ตอนแรกๆก็ไม่เข้าใจหรอกครับก็ค่อยๆคิดค่อยๆทำไป โดยจะใช้สิ่งของที่มีอยู่มาเป็นอุปกรณ์ในการปลูกให้ได้มากที่สุด จะใช้เงินซื้อในสิ่งที่มีความจำเป็นจริงๆ

อย่างเช่นเรือนี้ครับ ที่ได้รับการอนุเคราะห์จากกระทรวงวัฒนธรรมภายใต้การแนะนำของนายสุรศักดิ์ เตชะทัศน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและเพื่อนๆ  เมื่อน้ำลดแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปเก็บไว้ที่ไหนครับ ตอนแรกนำมาวางแล้วก็เอาน้ำใส่ ก็เกิดประชามติครับคือเพื่อนบ้านก็งงครับว่ามหาสำราญจะทำอะไรจะเลี้ยงปลาหรือจะปลูกบัวดี

ก็เกิดความคิดที่จะทำเป็นแปลงปลูกผักครับ โดยได้แนวความคิดมาจากหนังสือสวนผักคนเมืองสวนผักดาดฟ้า ตอนสวนครัวกลางน้ำครับที่นำต้นธูปฤาษีมากองทับกันในคลองและสามารถทำเป็นแปลงปลูกผักได้ ผมก็เอาเศษอิฐิจากอิฐิบล็อกที่นำมาก่อป้องกันน้ำท่วมบ้านแต่ไม่ได้ผลนั้นแหละครับมาลองพื้นก่อน แล้วก็นำเคลื้อบานบุรีที่มีคนนำมาทิ้งมาวางแล้วก็เอาดินปุ๋ยชีวภาพมาเททับก็ได้แปลงปลูกผักอีก 1 แปลง ก็คงจะเรียกว่าเป็นผักลงเรือได้นะครับ

ส่วนถั่วฝักยาวไต่เชือกนี้ก็ได้แนวความคิดมาจากน้องชายแฟนที่มาจากต่างจังหวัดมาช่วยปรับปรุงบ้านให้ฝีมือก็อยู่ระดับช่างก่อสร้างหละครับ ว่าสามารถนำเชือกฟางมาผูกให้ถั่วฝักยาวไต่แทนไม้รวกได้ก็อย่างที่เห็นนี่หละครับ ประกอบกับได้ข้อมูลจากหนังสือว่าชาวออสเตรเลียก็ใช้เชือกในโรงเรือนปลูกผักเหมือนกัน ก็ถือว่าเป็นความรู้ใหม่หละครับ นี้ก็ต้องเรียกว่าฝักยาวไต่เชือกได้เช่นเดียวกันครับ


นอกจากนี้ยังได้นำเชืือกที่เก็บมาจากคนทิ้งเพราะน้ำท่วม มาทำตาข่ายให้ผักพันธุ์ไม้เลื้อยได้ไต่ก็อย่างที่เห็นนี้หละครับ ... สวัสดี

น้ำท่วมเปลี่ยนนิสัยใฝ่ใจเกษตรพอเพียง

สวัสดีครับพี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวตระกูลสมพงษ์ สำบายดีพี่น้องชาวลาว หาวคั้นหล่อกั้ว พี่น้องไทดำ แดง ขาว อยู่เวียดนาม อยู่หลีกินหวานพี่น้องไทลือสิบสองปันนาเมืองจีน ใหม่สูงครับพี่น้องไทใหญ่รัฐฉานพม่า พี่ไทคำตี ไทอาหม รัฐอัสสัม อินเดีย

มาพบกันอีกครั้งครับสำหรับรายการ"มหาทำกินวิถีพอเพียง" สืบเนื่องจากตอนแนะนำรายงานนั้นแหละครับ ปัจจัยหลักที่มาของรายงานนี้ก็คือจากมหาอุทกภัยใหญ่ปี 2554 ที่ผ่านมาสร้างความเสียหายให้กับคนไทยไม่น้อยไม่เว้นแม้นแต่มหาสำราญ สมพงษ์ ที่บ้านท่วมถึงหน้าอกเหมือนกัน

เงินเยียวยา 5,000 บาทจากรัฐบาลนั้นก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมบ้านหรอกครับ  ส่วนที่บอกว่าจะชดเชยให้ตามความเป็นจริงแต่ไม่เกิด 3 หมื่นบาทนั้นก็ไม่รู้จะได้เมื่อใด เพราะนี้ก็เข้าเดือนเมษายนแล้วยังไม่มีวี่แวว และที่บอกว่าใบเสร็จค่าใช่จ่ายในการซ่อมบ้านสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ก็ต้องรอปีหน้าคือปี 2556 เพราะนำไปยื่นแสดงการเสียภาษีแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าใช้ไม่ได้เพราะในใบเสร็จระบุเป็นปี 2555 ก็ไม่รู้ว่าตอนยื่นแสดงการเสียภาษีปี 2555 ในปี 2556 นั้นใบเสร็จเหล่านี้ก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว

แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะว่าน้ำท่วมทำให้เปลี่ยนแนวความคิดหรือเปลี่ยนนิสัยให้หันมาสนใจเกี่ยวกับการเกษตรมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรอินทรีย์หรือเกษตรพอเพียง ตอนนี้ก็เริ่มอยากจะทำอย่างจริงๆจังๆแล้ว แต่ก็ต้องหาที่เสียก่อนอย่างน้อยก็ประมาณ 1 ไร่ เพราะในอนาคตคนมากขึ้นที่เพาะปลูกน้อยลง อาหารก็จะหายากและขาดแคลนหากไม่เตรียมความพร้อม คนรุ่นต่อไปคงจะลำบากครับ ก็ต้องขอขอบคุณน้ำท่วมครับที่สามารถเปลียนนิสัยมหาสำราญ สมพงษ์ได้  ... สวัสดี

ดินปุ๋ยชีวภาพสุดฮิตตลาดไม้ดอกไม้ประดับ

สวัสดีครับพี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวตระกูลสมพงษ์ สำบายดีพี่น้องชาวลาว หาวคั้นหล่อกั้ว พี่น้องไทดำ แดง ขาว อยู่เวียดนาม อยู่หลีกินหวานพี่น้องไทลือสิบสองปันนาเมืองจีน ใหม่สูงครับพี่น้องไทใหญ่รัฐฉานพม่า พี่ไทคำตี ไทอาหม รัฐอัสสัม อินเดีย

มาพบกันอีกครั้งครับสำหรับรายการ"มหาทำกินวิถีพอเพียง" .... สวัสดี

พบช่างแกะสลักลงรักฝังมุกตระกูลดังเทียนทอง

สวัสดีครับพี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวตระกูลสมพงษ์ สำบายดีพี่น้องชาวลาว หาวคั้นหล่อกั้ว พี่น้องไทดำ แดง ขาว อยู่เวียดนาม อยู่หลีกินหวานพี่น้องไทลือสิบสองปันนาเมืองจีน ใหม่สูงครับพี่น้องไทใหญ่รัฐฉานพม่า พี่ไทคำตี ไทอาหม รัฐอัสสัม อินเดีย

มาพบกันอีกครั้งครับสำหรับรายการ"มหาทำกินวิถีพอเพียง" ผมได้นำท่านมาพบกับอาชีพๆหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยไม่ให้เสื่อมสูญ นั้นก็คืออาชีพ "แกะสลักลงรักฝังมุก"



นายช่างที่ผมจะพามาพบนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาครับ แต่เป็นช่างจากตระกูลดังฝั่งตะวันออกนั้นก็คือตระกูล"เทียนทอง" คือนายสำเริญ เทียนทอง ซึ่งเป็นคนจังหวัดหวัดสุรินทร์เป็นชาวเขมรสุรินทร์ครับ และได้อพยพมาอยู่ที่หมู่บ้านวิรากร ซอยกันตนา ต.-อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี

นายสำเริญบอกว่ายึดอาชีพนี้มา 20 ปีกว่าแล้ว ช่วงที่บูมๆ ก็มีรายงานเข้ามาประมาณ 5-6 หมื่นบาท แต่ช่วงน้ำท่วมมานี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าใด ก็อยู่ที่ประมาณ 2-3 หมื่นบาท งานที่สั่งให้ทำก็จะเป็นการแกะสลักลงรักฝังมุกบานประตูโบสถ์ ตู้พระธรรม กรอบใบประกาศพัตรยศ และขาตั้งพัตรยศ

หากวัดหรือท่านใดจะใช้บริการนายช่างสำเริญ เทียนทอง ก็สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร 085-1210760 หรือที่ 082-4900068.... สวัสดี

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

"มหาทำกินวิถีพอเพียง"ตอนแนะนำรายการ



สวัสดีครับพี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวตระกูลสมพงษ์ สำบายดีพี่น้องชาวลาว หาวคั้นหล่อกั้ว พี่น้องไทดำ แดง ขาว อยู่เวียดนาม อยู่หลีกินหวานพี่น้องไทลือสิบสองปันนาเมืองจีน ใหม่สูงครับพี่น้องไทใหญ่รัฐฉานพม่า พี่ไทคำตี ไทอาหม รัฐอัสสัม อินเดีย

มาพบกันอีกครั้งครับสำหรับคลิปหลังจากที่หายไปหลายเดือนช่วงน้ำท่วม ก็เพราะกล้องตัวนี้แหละครับ (โชว์กล้อง) ที่จมน้ำเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็คงจะได้นำสิ่งที่สนใจนำมาเหล่าสู่กันเป็นระยะๆ แต่ก็ทนไม่ไหวครับจึงได้ตัดสินใจถอยกล้องตัวใหม่ใสกว่าเก่าแบบผ่อนนะครับ จะรอใช้ของฟรีคงอีกนาน

เมื่อมีกล้องแล้วก็คงจะต้องใช้งานให้คุ้มกับเงินหละครับ คราวนี้คงจะมีเนื้อหาเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น บวกกับความอิจฉาตาร้อนหละครับ ที่ตอนนี้เห็นเพื่อนๆได้ดีมีความก้าวหน้าเป็นถึงบก.ทีวีก็มี ก็อดที่จะทำเลียบแบบไม่ได้

ก็เพราะน้ำท่วมนั้นหละครับที่ทำให้มีความคิดที่จะทำเนื้อหาเป็นเรื่องเป็นราว จึงได้เกิดแนวความคิดที่จะทำเป็นลักษณะรายการขึ้น ไหนๆเพื่อนๆก็เรียกชื่อเล่นว่า "มหา" แล้ว ตามวุฒิศึกษาด้านภาษาบาลีมา เว็บส่วนตัวก็ให้ชื่อว่า "mhanation.net" เมื่อทำรายการจึงให้ชื่อว่า "มหาทำกินวิถีพอเพียง" โดยขอรับอาสาเป็นพิธีกรเองออกหน้าออกตากันหน่อยแม้นองค์ประกอบตอนนี้จะไม่สมบูรณ์ไปบ้าง (แก่แล้ว) เพราะจะจ้างพิธีกรดังอย่างแนวไหนหน้าช่องสองช่องสามนามสกุลสมพงษ์ๆเหมือนกันนี่ก็ไม่มีเงินจ้างหละครับ

ทำไมถึงให้ชื่อรายการว่า "มหาทำกินวิถีพอเพียง" หรือครับ ก็เพราะว่าที่ผ่านมาได้ใช้ชีวิตอยู่กับหม้อข้าวของคนอื่นมาตลอดเกือน 40 ปี จนไม่รู้จักวิธีปลูกพืชผักกินเอง ไม่รู้ว่าอาหารที่กินนั้นมีสารพิษอะไรหรือไม่ มีประโยชน์หรือมีโทษอย่างไร

ก็ช่วงน้ำท่วมนั้นหละครับเป็นแรงบรรดาลใจที่สำคัญเพราะเห็นพืชผักในช่วงนั้นราคาแพงมาก เอ้เหมือนกับตอนนี้หรือเปล่าหว้อ แตง มะเขือกิโลละ 50-60 บาท โอ้แม่เจ้า มะนาวลูกละ 15 บาท โอ้โน และก็ไม่มีที่จะซื้อด้วย จึงได้เกิดความคิดที่จะปลูกผักกินเอง หลังจากช่วงน้ำท่วมก็หาผักบุ้ง ผักกระเฉดมาปลูกอย่างที่เห็นในคลิปที่ทำก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้กินหรอกครับน้ำแห้งก่อน แต่ก็ยังดีได้ดูเล่นเพลินๆๆ

เมื่อน้ำลดดินแห้งแล้ว ก็ได้ทำแปลงปลูกพืชผักหน้าบ้านทาวน์เฮ้าส์พื้นที่ประมาณ 10 ตารางวาได้ครับ(แพลนแปลงปลูกผักวงกว้าง) อยากปลูกอะไรก็ปลูกครับ ก็มีกล้วย 2 ต้น (ชี้ที่ต้นกล้วย) ที่เก็บหน่อมาช่วงน้ำท่วม มะระ บวบ ถั่วผักขาว ผักกาดต่างๆ หอมแบ่ง ผักชีโรยหน้า (ถ่ายผักที่ปลูกชี้ให้เห็น) เมื่อปลูกไประยะหนึ่งครับก็มีทั้งที่เกิดและไม่เกิด บางที่ก็โตบางที่ก็ไม่โตเป็นเพราะอะไรหว่า แล้วพันธุ์ไม้เลื่อยจะทำอย่างไร สรุปก็คือว่าเราปลูกผักกินไม่เป็นเลย จึงจำเป็นต้องหาความรู้เพิ่มเติม หนังสือที่เกี่ยวกับการเกษตรต่างๆหลายๆสำนักซื้อมาหมดครับ (โชว์หนังสือ) นี้คือห้องสมุดส่วนตัวครับมีมากอยู่เหมือนกัน

เมื่อหาความรู้เกี่ยวกับการเกษตรไปเรื่อยๆ ถามผู้รู้ต่างๆ บ้าง ทดลองปลูกแก้ปัญหาไปด้วย ก็มาฉุกคิดอีกหละครับว่าเราปลูกพืชผักหรือทำการเกษตรแบบไหนที่ไม่มีโทษต่อร่างกายหรือไม่มีสารพิษเจือปน ก็ได้คำตอบแล้วครับว่าจะต้องเป็นเกษตรอินทรีย์หรือพืชออแกนนิค โดยปลูกผสมผสานตามหลักทฤษฎีใหม่เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างปุ๋ยก็ต้องปุ๋ยอินทรีย์ครับ

หลังจากที่ได้ทดลองปลูกมาประมาณ 2 เดือนตอนนี้ก็เห็นผลแล้วครับ มื้อเช้าก็ไม่จำเป็นต้องฝากท้องไว้กับคนอื่นเหมือนแต่ก่อน เก็บผักกาด ยอดถั่ว บวบ สะเดา มาลวกจิ้มน้ำพริก ก็ลดค่าใช้จ่ายได้บ้าง

ท่านที่ชมรายการนี้แล้วจะเอาเป็นแบบอย่างก็ไม่ว่ากันนะครับ ส่วนผู้ที่ทำมาก่อนหน้านี้ผมก็ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยก็แล้วกันยินดีขอรับคำแนะนำ เพราะจะต้องหาความรู้ด้านการเกษตรอีกมากเลยทีเดียว หรือใครจะแวะมาเยี่ยวชมสวนเกษตรพอเพียงของมหาสำราญ สมพงษ์ หมู่บ้านวิรากร ซอยกันตนา บางใหญ่ จ.นนทบุรีก็ยินดีนะครับ

ก็พอรู้เป้าหมายของรายการแล้วนะครับ ก็ขอได้รับความปรารถนาจากผู้อุปถัมภ์ใจดี เออยังไม่หรอกครับเพิ่งเริ่มต้น ส่วนท่านใดเห็นว่ารายการนี้มีประโยชน์จะสนับสนุนบ้างก็ยินดีนะครับ.....สวัสดี

วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

สูตรการดองผักเสี้ยนหน้าบ้านมหาสำราญ สมพงษ์



หลังจากน้ำท่วมทำให้เกิดความคิดที่จะหาเมล็ดพันธุ์ผักมาปลูกเอาไว้รับประทาน และเตรียมความพร้อมหากเกิดน้ำท่วมอีกจะได้มีผักกินไม่ต้องหาซื้อในราคาแพง ในจำนวนนั้นก็มีผักเสี้ยนรวมอยู่ด้วยและก็โตพอที่จะนำมาดองได้ประมาณ 1 กำมือแล้ว

ก็เกิดปัญหาว่าเราไม่เคยทำเพราะโดยปกติแล้วเราอยากกินก็หาซื้อเอาก็ได้ราคาไม่แพงมากนัก หรือไม่ก่อนหน้านี้เราก็เห็นแต่อยู่ในถ้วยที่โยมนำมาถวาย เราก็ต้องหาวิธีทำก็คือถามเพื่อนบ้าน หรือไม่ก็หาข้อมูลในกูเกิ้ลก็ได้สูตรและวิธีทำเป็นที่เรียบร้อย เชื่อแน่ว่าอีกสองวันคงจะเปรี้ยวแล้วนำมาจิ้มน้ำพริกปลาสองตัวก็จะอร่อยน้อย

ต้นทุนก็ไม่มากซื้อเมล็ดมาจากงานมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซองละยี่สิบบ้าน ที่ทำครั้งนี้ถ้าขายก็ราคาสิบบาทแล้ว แต่นี่ตัดแค่ยอดมาทำ ต่อไปต้นต่อมันก็คงจะโตให้เก็บได้อีกหลายรอบ ลดต้นทุนค่าอาหารไปได้หลายบาทเลยทีเดียว ใครจะเลียนแบบก็ไม่ว่ากันนะ

การเมืองไม่ยุ่ง จะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไรก็แก้ไป ดองผักเสี้ยนกินดีกว่า พวกที่ตั้งหน้าตั้งตาด่ากัน เลิกด่าแล้วมาช่วยข้าพเจ้าดอกผักเสี้ยนก็จะดีนะ

ตอนนี้ยังไม่มีกล้องเลยไม่ได้ถ่ายการทำให้ดูเดี๋ยวจะหาว่าโม้ เพราะกล้องตัวเดิมจมน้ำท่วมเรียบร้อยไปแล้ว

วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555

โครงสร้างนิยายเรื่อง "น่านรัก"

โครงสร้างนิยายเรื่อง "น่านรัก" 1. บทนำ เปิดเรื่อง : สันติสุข ชายหนุ่มนักเขียนนิยายธรรมะที่ต้องการค้นหามิติใหม่ของการเล่าเรื่องธรรม...