เพลง: “ธรรมะ x ดิจิทัล” (อ่านว่า ธรรมะครอสดิจิทัล)
แนวเพลง: ป๊อปฮิปฮอป มีบีตทันสมัย เสียงซินธ์ผสานเสียงฆ้อง/ระนาดแบบไทย
เนื้อเพลง: ธรรมะ x ดิจิทัล
[Hook / ท่อนฮุก]
ธรรมะก็เท่... ไม่ต้องเชย
AI เปิดทางธรรมะทันยุคเลย
จากพระไตรปิฎก สู่แพลตฟอร์มในมือเธอ
“ธรรมะเรียนได้” แค่คลิกเดียวก็เจอ
[Verse 1]
เมื่อโลกหมุนไว เราต้องไวกว่า
ธรรมะไม่ใช่แค่เรื่องของคนชรา
“ดีอี” จับมือ “มมร.”
สร้างแชตบอตธรรมะที่ใครก็ถามมาได้
อินเทอร์เฟซเข้าใจง่าย ข้อมูลไม่หลุดเป้า
บูรณาการพระธรรม...แบบไม่ต้องเดา
AI เข้าใจพระไตรฯ ดีกว่าบางคนอ่าน
ให้ธรรมะเดินทางถึงใจ ไม่ใช่แค่โบราณ
[Bridge]
Learn to earn — ธรรมะเรียนแล้วใช้ได้จริง
เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนวิถี สร้างทุกสิ่ง
ไม่ใช่แค่สวด แต่สื่อสารตรงจุด
ให้ธรรมะพูดได้ ในยุคดิจิทัลสุดๆ
[Hook / ท่อนฮุก ซ้ำ]
ธรรมะก็เท่... ไม่ต้องเชย
AI เปิดทางธรรมะทันยุคเลย
จากพระไตรปิฎก สู่แพลตฟอร์มในมือเธอ
“ธรรมะเรียนได้” แค่คลิกเดียวก็เจอ
[Verse 2]
อบรมออนไลน์ เข้าถึงได้ทุกชน
แม้อยู่ไกล ไม่มีใครหลุดพ้น
มีธนาคารหน่วยกิตไว้เก็บพลังเรียน
เชื่อมแพลตฟอร์มรัฐ เพิ่มโอกาสไม่มีเวียน
เยาวชนไม่หลุดวงโคจรธรรม
ไม่ใช่แค่ฟัง แต่รู้ลึกในเนื้อคำ
สร้างพื้นฐานคุณธรรมให้สังคม
เดินทางไกลด้วยปัญญา ไม่ใช่แค่ “นิยม”
[Outro]
“พุทธศาสนา” ไม่ได้ล้าสมัย
เพียงแค่ปรับวิธีให้ตรงใจ
ขอให้ธรรมะแผ่ไกล...สู่โลกอนาคต
ด้วยดิจิทัลที่ดี...และใจที่ไม่หมด
ถ้าอยากเปลี่ยนแนวเป็นแบบ “ลุ่มลึก นุ่มช้า” หรือแนว acoustic มีเสียงระนาดสลับกับเสียง AI chatbot แบบ voice-over ก็ทำได้อีกนะ บอกแนวที่อยากให้ต่อยอดได้เลย!
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมเจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ อุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสังคมดิจิทัล ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย โดยมีศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และพระธรรมวชิรจินดาภรณ์, รศ.ดร. อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นผู้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงดีอี หน่วยงานในสังกัดเข้าร่วม ณ พระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพฯ
นายประเสริฐ กล่าวว่า MOU ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศไทย ให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัล ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาบูรณาการเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ทางพระพุทธศาสนา อาทิ ระบบแชตบอตและอินเทอร์เฟซ ที่สามารถช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในการเข้าถึงข้อมูลทางพระพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ตรงตามหลักพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บนพื้นฐานแห่งพระไตรปิฎก อรรถกถา และคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเถรวาทฉบับมาตรฐาน พร้อมทั้งจัดทำฐานข้อมูลพระไตรปิฎกและคัมภีร์สำคัญในรูปแบบดิจิทัล ที่สามารถนำไปประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน ยังมีการพัฒนาหลักสูตรออนไลน์ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนา และการพัฒนาและเชื่อมโยงหลักสูตรการอบรมออนไลน์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา กับ แพลตฟอร์มภาครัฐเพื่อรองรับการพัฒนาทักษะดิจิทัลเรียนรู้ มีรายได้ เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิตผ่านรูปแบบ Learn to Earn ซึ่งสามารถจัดเก็บข้อมูลการฝึกอบรมในรูปแบบการสะสมหน่วยการเรียนรู้หรือธนาคารหน่วยกิต (Credit bank) รวมถึงการร่วมกันออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ (E - learning) ที่มีความน่าสนใจ และใช้งานง่าย สามารถดึงดูดผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนไทย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่นอกระบบการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงองค์ความรู้อย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับวิถีการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล ด้วยความมุ่งหวังให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนา สามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างกว้างขวาง ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้กระทรวงดีอี จะร่วมสนับสนุน บุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI เข้าร่วมเพื่อร่วมดำเนินการและให้คำปรึกษาในโครงการฯ พร้อมทั้งสนับสนุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และเทคโนโลยี AI รวมถึงการพัฒนาระบบแชตบอต อินเทอร์เฟซ และเครื่องมือดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี และระบบต่างๆ ที่จำเป็น และการติดตามประเมินผลวิเคราะห์ข้อมูลด้านการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้มีความสอดคล้องกับหลักการและแนวทางที่กำหนดไว้
“MOU ฉบับนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนพระพุทธศาสนา เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของโลกยุคใหม่ ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ มาใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เข้าถึงสังคมวงกว้าง ตลอดจนสนับสนุนการดำเนินกิจการของคณะสงฆ์ ในการธำรงรักษาและเผยแผ่พระธรรมคำสอนไปสู่ประชาชนได้อย่างถูกต้อง ทันยุค ทันสมัย อันจะนำไปสู่การสร้างสังคมที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมอย่างมั่นคงและยั่งยืน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีกล่าว


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น