การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) ส่งผลกระทบต่อหลากหลายอาชีพในศตวรรษที่ 21 หนึ่งในนั้นคือ “สื่อมวลชน” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดข้อมูล ข่าวสาร และสร้างความเข้าใจในสังคม สื่อมวลชนในยุคก่อนอาศัยทักษะด้านเนื้อหา (Content-based Skills) แต่ในยุคปัจจุบันที่ AI สามารถสังเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างแม่นยำและรวดเร็ว สิ่งที่ AI ยังไม่สามารถแทนที่ได้คือ Character หรือ “ลักษณะภายในของมนุษย์” ที่สะท้อนคุณธรรม ทัศนคติ และแรงจูงใจในการสื่อสารอย่างรับผิดชอบ
บทความนี้มุ่งวิเคราะห์ลักษณะ Character ที่จำเป็นสำหรับสื่อมวลชนในยุค AI โดยเน้นมุมมองเชิงพุทธและหลักการพัฒนา “ผลลัพธ์ลักษณะบุคคล (Character Outcomes)” ตามมาตรฐานการเรียนรู้ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อชี้ให้เห็นว่า Character คือหัวใจของสื่อในยุคใหม่
1. ปรากฏการณ์โลกยุคใหม่: เมื่อ Content ไม่ใช่คำตอบ
จากประสบการณ์ของผู้เขียนในแวดวงการพัฒนาและฝึกอบรม พบว่าโลกการศึกษาและการทำงานในยุคปัญญาประดิษฐ์เริ่มเปลี่ยนมุมมองอย่างชัดเจน ครู อาจารย์ และวิทยากรจำนวนมากยังให้ความสำคัญกับการผลิตเนื้อหาการเรียนรู้ ทั้งที่เนื้อหาส่วนใหญ่มักล้าหลังและไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล AI ในปัจจุบันสามารถให้คำตอบต่อคำถามแทบทุกประเภทอย่างแม่นยำ ทั้งในเชิงข้อมูล ข้อเท็จจริง และการวิเคราะห์เบื้องต้น
ในบริบทนี้ สื่อมวลชนซึ่งเคยเป็นผู้ “ผูกขาดข้อมูล” ในอดีต จำเป็นต้องปรับตัวจากการเป็นผู้ให้ข้อมูล มาเป็น “ผู้นำเสนออย่างมีความรับผิดชอบ” ที่มี Character ที่ AI ไม่อาจเลียนแบบได้
2. Character: หัวใจของสื่อมวลชนยุคเอไอ
Character คือคุณลักษณะภายในที่สะท้อนจิตสำนึก ความคิด จริยธรรม และความสามารถในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ในบริบทของสื่อมวลชน Character จึงไม่ใช่เพียงบุคลิกภาพหรือมารยาทในการทำงาน แต่รวมถึงความสามารถในการแยกแยะ ถูก-ผิด จริง-เท็จ อย่างมีจริยธรรม ความเข้าใจผู้อื่น และการสื่อสารอย่างรับผิดชอบต่อสังคม
ในแง่นี้ Character แบ่งออกเป็น 4 มิติ ตามแนวคิด “ภาวนา ๔” ในพระพุทธศาสนา ได้แก่:
2.1 Character ด้านกายภาพ
สื่อมวลชนควรมีบุคลิกภาพอ่อนน้อม เคารพผู้อื่น มีความพร้อมทางร่างกายและวุฒิภาวะทางสังคม เข้าใจบริบทของข่าวที่รายงาน และอัปเดตความรู้ตลอดเวลา (Lifelong Learning) เพื่อให้เข้าใจเหตุการณ์โลกอย่างรอบด้าน
2.2 Character ด้านพฤติภาพ
การทำงานท่ามกลางความหลากหลายทางความคิด เชื้อชาติ ศาสนา และอุดมการณ์ สื่อมวลชนจำเป็นต้องมีความสามารถในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่ใช้ถ้อยคำสร้างความเกลียดชัง ไม่บูลลี่ และไม่เผยแพร่ข้อมูลที่กระทบต่อศักดิ์ศรีของผู้อื่น มีจิตสาธารณะ และใช้การสื่อสารอย่างสันติ
2.3 Character ด้านจิตภาพ
ในภาวะวิกฤตหรือความขัดแย้ง สื่อมวลชนต้องมีสติ (Mindfulness) ความอดทน (Patience) และความเมตตา (Compassion) ในการรายงานข่าว ควบคุมอารมณ์ภายใน และไม่ใช้อารมณ์ส่วนตัวเป็นเครื่องมือในการสร้างกระแสข่าว
2.4 Character ด้านปัญญา
สื่อมวลชนควรใช้ปัญญาเป็นฐานในการแก้ปัญหาและรายงานข่าว คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม ใช้วิจารณญาณในการนำเสนอ ไม่เผยแพร่ข่าวลวง มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ และมีวัฒนธรรมแห่งสันติภาพ (Culture of Peace) ได้แก่ การเคารพ ความเข้าใจผู้อื่น การให้อภัย ไม่ใช้ความรุนแรง และเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
3. สื่อมวลชน: ผู้ออกแบบบทสนทนาใหม่ของสังคม
เมื่อเนื้อหาข่าวสามารถถูกสร้างได้โดย AI แต่จิตวิญญาณของข่าวยังต้องอาศัยมนุษย์ที่มี Character สื่อมวลชนยุค AI จึงเปรียบเหมือน “วิศวกรข้อมูลเชิงจริยธรรม” (Ethical Info Engineer) ซึ่งไม่เพียงกรองข้อมูล แต่ยังเลือกสื่อสารอย่างมีจริยธรรม และสร้างพื้นที่แห่งความเข้าใจในสังคม
นอกจากนี้ ยังควรสนับสนุนให้ผู้เรียนในสายสื่อสารมวลชนพัฒนา “AQ” (Adversity Quotient) ซึ่งเป็นทักษะการปรับตัวเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน มีความกล้าในการตั้งคำถามใหม่ ๆ ต่อโครงสร้างสื่อเดิม และมีแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม
สรุป
ในยุคที่เนื้อหา (Content) กลายเป็นทรัพยากรเปิด (Open Resource) ที่ AI เข้าถึงและเรียบเรียงได้ทุกเมื่อ สิ่งที่ครู อาจารย์ และวิทยากรควรพัฒนาในผู้เรียน โดยเฉพาะในสายงานสื่อสารมวลชน คือ Character ซึ่งเป็นคุณลักษณะเฉพาะที่ AI ไม่สามารถเลียนแบบได้
Character ในบริบทของสื่อมวลชน หมายถึง ความอ่อนน้อม สุภาพ เข้าใจผู้อื่น คิดอย่างมีวิจารณญาณ และสื่อสารอย่างมีจริยธรรม ซึ่งสามารถบูรณาการร่วมกับผลลัพธ์การเรียนรู้ทั้งด้านความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skills) จริยธรรม (Ethics) และลักษณะบุคคล (Character) ตามมาตรฐานกระทรวง อว. ได้อย่างลงตัว
เพราะสุดท้ายแล้ว การสร้าง “ข่าวสาร” ไม่ได้อยู่ที่ว่าเรารู้มากแค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าเราจะ ใช้สิ่งที่รู้เพื่อสร้างสันติภาพ ความเข้าใจ และความหวังในสังคมได้อย่างไร

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น