มท.จับมือ'บาเยิร์น' เปิดสอนครูปั้นแข้งเด็กไทยไปบอลโลก
“มหาดไทย” จับมือ “บาเยิร์น มิวนิค” ทีมฟุตบอลดังเยอรมัน ปั้นแข้งเด็กไทยไปบอลโลก ดึงครูดีระดับโลกมาติวเข้มผู้ฝึกสอนครูไทยสู่ระดับสากล
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการอบรมโครงการสร้างเสริมและสนับสนุนทักษะด้านกีฬาฟุตบอลแก่เยาวชนไทยอย่างยั่งยืน รุ่นที่ 1 จัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับบริษัท สปอร์ต ไทย- บาวาเรีย จำกัด ซึ่งเป็น Official Strategic Partnership กับทางสโมสรฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิค ประเทศเยอรมัน
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่าโครงการสร้างเสริมและสนับสนุนทักษะด้านกีฬาฟุตบอลแก่เยาวชนไทยอย่างยั่งยืน ถูกพัฒนาจากแนวทางและวิธีการฝึกซ้อมฟุตบอลตามมาตรฐานสากล และได้นำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับกิจกรรมกีฬาฟุตบอลของนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยถ่ายทอดแนวทางการพัฒนานี้ไปทางผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลประจำโรงเรียนทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทางผู้จัดทำโครงการฯ ได้กำหนดให้มีการฝึกอบรมผู้ฝึกสอนด้านฟุตบอล ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน จนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน 2559 โดยเปิดฝึกอบรม รุ่นละ 40 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 6 รุ่น ตั้งแต่เวลา 08.00 - 19.30 น. โดยมีวิทยากรจากบริษัท สปอร์ต ไทย- บาวาเรีย จำกัด ได้แก่ Mr.Dennis Amato ตำแหน่ง Head of Academic และ Mr.Ronald Boretti ตำหน่ง Director of Coaching ซึ่งทั้งสองคนเป็นโค้ชระดับ UEFA A-License เป็นผู้ฝึกสอน
“เนื่องจากผู้ที่จะนำหลักสูตรเหล่านี้ไปเผยแพร่และฝึกสอนให้กับนักเรียน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องผ่านการอบรมจากบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อให้ผู้ฝึกสอนหรือครูพละศึกษานำหลักสูตรไปสอนนักเรียนได้อย่างถูกต้องตามวิธีการฝึกของสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเชื่อได้ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนนักฟุตบอลไทยที่มีความสามารถ และมีฝีมือทัดเทียมกับนักฟุตบอลในระดับสากลมากขึ้น ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะสามารถสร้างเสริมและสนับสนุนทักษะด้านกีฬาฟุตบอลแก่เยาวชนไทยได้อย่างยั่งยืน”
นอกจากนี้ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวฝากให้ครูอาจารย์และโค้ชของโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองท้องถิ่นที่โชคดีได้รับโอกาสจากกลุ่มวังขนาย สปอร์ตไทย บาวาเรีย และโค้ช ได้นำเอาความรู้เทคนิคต่างๆที่ได้จากอาจารย์จากบาร์เยินมิวนิคไปถ่ายทอดให้ลูกศิษย์และเด็กๆในพื้นที่ให้มีทักษะ ซึ่งความรู้ ในการเล่นบอลแบบบาร์เยินมิวนิค เพื่อช่วยกันปั้นเด็กๆให้เป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทยให้ได้ไปบอลโลก โดยเฉพาะในยุคนี้ฟุตบอลหรือกีฬาอื่นๆนอกจากทำให้เด็กเป็นผู้ใหญ่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงจิตใจดีงามแล้ว ยังใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ใช้เป็นอาชีพได้ด้วย และเหนืออื่นใดคือ ทำให้คนไทยทั้งชาติมีความสุขร่วมกันจากความสำเร็จของนักฟุตบอลนักกีฬาไทย จึงขอฝากให้ตั้งใจรับการถ่ายทอดและนำไปสอนเด็กๆของเราต่อไป
ด้าน นายศวัสกร วิบุญวิริยะวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สปอร์ต ไทย-บาวาเรีย จำกัด กล่าวว่าจากนโยบายรัฐบาล “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” คือการลดเวลาในห้องเรียนให้น้อยลง แต่ต้องไม่กระทบเนื้อหาหลักที่ควรเรียนรู้และปรับเปลี่ยนให้ใช้เวลาในการทำกิจกรรมที่นักเรียนสนใจ เพื่อเพิ่มทักษะในการเรียนรู้นอกห้องเรียนและสามารถพัฒนาสู่เส้นทางสายอาชีพได้ในที่สุด ซึ่งกิจกรรมที่เป็นที่นิยมสูงสุดของเยาวชนไทย คือการฝึกฝนเพื่อเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ถือเป็นโอกาสอันดีที่เยาวชนไทยจะได้รับการฝึกฝนขั้นพื้นฐานตามรูปแบบมาตรฐานสากล
ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว ทางบริษัท สปอร์ต ไทย-บาวาเรีย จึงได้จัดทำหลักสูตรเพื่อพัฒนาศักยภาพนักกีฬาฟุตบอลขึ้น เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับการเรียนการสอนด้านกีฬาฟุตบอลของนักเรียน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6 รวมทั้งฝึกสอนและพัฒนาทักษะให้แก่ครูพลศึกษา ผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอล ได้นำไปใช้ในช่วงเวลาของการเรียนรู้นอกห้องเรียนตามนโยบายของทางรัฐบาล (ช่วงเวลา 14.30 – 16.00 น.)
นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังสามารถนำไปปรับใช้กับการสอนในวิชาพละศึกษาตามหลักสูตรสามัญได้อีกด้วย โดยหลักสูตรนี้ถูกพัฒนาร่วมกันระหว่างโค้ชจากทั้งสองประเทศ มีระดับการฝึกทั้งหมด 12 ระดับด้วยกัน (ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6) แต่ด้วยข้อจำกัดทางด้านเวลาในการฝึกสอน หลักสูตรนี้จึงถูกปรับเปลี่ยนให้มีความเข้าใจง่ายและมุ่งเน้นในการปลูกฝังความรู้และความเข้าใจในการเตรียมตัวเพื่อเป็นนักกีฬาอาชีพ อีกทั้งรูปแบบการฝึกซ้อมที่จะสามารถนำไปฝึกฝนด้วยตนเองในเวลาอื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน การปลูกฝังสิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งความมุ่งมั่นและเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาเยาวชนไทยเพื่อสู่ความเป็นมืออาชีพต่อไป
โดยผู้สนใจ โครงการสร้างเสริมและสนับสนุนทักษะด้านกีฬาฟุตบอลแก่เยาวชนไทยอย่างยั่งยืนของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้ร่วมกับบริษัท สปอร์ต ไทย- บาวาเรีย จำกัด จะสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์. 02-716-1790-2 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป