วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

“กรณ์” นำชาติพัฒนากล้า ปราศรัยสุราษฎร์ธานี ย้ำจุดยืนชนทุนผูกขาด เอาเปรียบประชาชน



วันที่ 4  พฤษภาคม 2566  นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค พล.ต.ธชา จินตวร ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาพรรค ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมเวทีปราศรัยช่วย นายอนุวัตร์ รจิตานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 4 หาเสียง โดยมีผู้สมัคร ส.ส. นางพงศ์ศรี นาคเมือง เขต 2 เบอร์ 8 นายสุพจน์ บานเย็น เขต 4 เบอร์ 9 และ นายวศุธน เรืองขนาบ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 เบอร์ 4 ร่วมปราศรัย โดยได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น และร่วมรับฟังปราศรัยอย่างเนืองแน่น 

พรรคชาติพัฒนากล้า เราเป็นพรรคเล็กและเป็นพรรคใหม่ แต่เรากล้าชกกับรุ่นเฮฟวี่เวท เรื่องที่เราออกมาสู้ ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ จนได้รับการยอมรับสะท้อนมาเป็นผลโพลล์ของสุราษฎร์ธานีเขต 1 วันนี้ ที่โพลล์บี้กับที่ 1 แบบหายใจรดต้นคอ เวลาที่เหลืออยู่อีก 10 วันถือเป็นช่วงสำคัญ โดยเฉพาะกับพรรคการเมืองและผู้สมัคร ที่หาเสียงแนวสร้างสรรค์ ไม่แจกเงิน เราต้องรักษาสถานะเป็นผู้ท้าชิง ให้เข้าสู่เส้นชัยให้ได้ 

นายกรณ์ กล่าวว่า เรามักได้ยินคำถามเสมอว่าเราอยู่ฝั่งไหน ซ้ายหรือขวา เราตอบไม่แบบอายว่าเรามองข้ามขั้วการเมือง แต่มาสู้กับเรื่องปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ไม่ตั้งเงื่อนไขให้กับสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นกลยุทธ์การเมืองของพรรคใหญ่ เพื่อแบ่งประชาชนออกเป็นสองข้าง แต่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย และยังเป็นอุปสรรคของประเทศในการที่จะเดินต่อไปข้างหน้า เรามีจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่พร้อมร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.มาเลือกนายก เราถูกปรามาสเสมอว่าเราพร้อมเสียบ ซึ่งต้องบอกว่า ถ้าเป็นพรรครอเสียบก็ต้องสงวนปากสงวนคำอยู่นิ่ง ๆ ไม่พูดเรื่องใหญ่ ไม่ท้าทายใคร แต่เราสู้กับทุนใหญ่ ทุนผูกขาด มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟ ที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาค่าครองชีพของประชาชน ซึ่ง่มันสวนทางกับพรรครอเสียบ แต่เป็นพรรคที่พร้อมสู้เพื่อความถูกต้องทวงความเป็นธรรมคืนให้พี่น้องประชาชน  

“เราพร้อมสู้กับทุนผูกขาดทุกชนิด เพื่อพี่น้องประชาชน ไม่มีใครที่พึ่งพาได้เหมือนกับเรา ในการยืนหยัดต่อสู้กับใครก็ตาม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของท่าน ผมมีจุดยืนเรื่องนี้ ตั้งแต่เริ่มทำงาน ก่อนการทำงานการเมือง ด้วยซ้ำ ผมเกลียดที่สุดคือ ทุนผูกขาด เพราะกระทบกับต้นทุนชีวิตประชาชน ครอบงำการเมืองทุกขั้ว เราขอต่อสู้ในแนวทางสร้างสรรค์ ประเทศไทยต้องมีพรรคการเมืองแบบนี้เข้าไปทำงานในสภา ท่านไม่ต้องกังวลว่าเลือกเราแล้วจะได้เป็นรัฐบาลไหม ขอให้ท่านเลือกอนุวัตรเบอร์ 4 และพรรคชาติพัฒนากล้าเบอร์ 14 ขอให้เรามี ส.ส.ในสภา จะกี่คนก็ตาม เราพร้อมยืนหยัดต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนขอท่านอย่าลังเล” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

นายวรวุฒิ กล่าวว่า นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า เราเน้นโอกาสนิยม ให้คนตัวเล็ก ทำธุรกิจได้ เติบโตได้ แข็งแรง แข่งกันทุนใหญ่ได้ พรรคชาติพัฒนาจึงมีนโยบายเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก สนับสนุนเกษตรกรสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าด้วยการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร แต่ระบบราชการไม่เอื้ออำนวยทำให้ต้องเกี่ยวพันกันหลายกระทรวง ไม่เปิดโอกาสให้คนตัวเล็กเติบโต พรรคชาติพัฒนากล้า เราเสนอโครงการ “บริษัทมหาชนของเกษตรกร” โดยใช้กลไกตลาดทุนมาช่วย  เราดึงเกษตรกรมารวมตัวกัน โดยมีเศรษฐีคนไทย และนักลงทุนต่างประเทศ  มาสนับสนุนนักบริหารทางการตลาด และหาตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ แบบนี้เกษตรกรได้ประโยชน์ตั้งแต่ขายราคาพืชผล แปรรูปผลผลิต และนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาเพื่อพัฒนาสินค้า ถ้าทำแบบนี้เกษตรกรเราไม่จนแน่นอน และโมเดลนี้จะเริ่มที่ จ.สุราษฎร์ธานีเป็นที่แรก เพราะเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ 

นายวรนัยน์ นโยบายประชานิยม จะทำให้ล้มละลายทั้งประเทศ ชุดนโยบายเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยพัฒนา คุณภาพชีวิตพัฒนา คือการสร้างโอกาส สร้างความเสมอพรรค หลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลแจกเงินไปเท่าไหร่แล้วแต่ ประชาชนจนเหมือนเดิม ถ้าเราอยากมีอนาคต เราต้องมองเรื่องหาเงิน ใครจะมาพัฒนาเศรษฐกิจให้เราได้ สร้างโอกาส ให้อาวุธพวกเราต่อสู้ ไม่ใช่ลืมตาอ้าปาก แต่อิ่มหมีพีมัน อยู่ดีกินดี คนรวยมีไม่กี่คน ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าตอบโจทย์ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน แบบไม่เน้นประชานิยม  

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเรามั่นใจว่าเราเป็นพรรคแห่งความหวัง เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน เราพูดได้ชัดเจนตรงไปตรงมาไม่ต้องเกรงใจทุนใหญ่ เราไม่รับทุนผูกขาด และเป็นพรรคแรกที่ต่อสู้เรื่องพลังงาน และออกมาเตือนรัฐบาลหลายครั้งว่าราคาน้ำมัน ค่าไฟ และข้าวของจะแพงตามมา แต่รัฐบาลไม่ทำ และยังประกาศขึ้นค่าไฟ ซ้ำเติมประชาชน และยังเอา รมว.พลังงานมาเป็นผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 2 ของพรรคลุงอีกมันสะท้อนถึงทุนผูกขาดที่มีอำนาจที่อยู่เหนือการเมือง   

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราไม่เน้นประชานิยม แต่เน้นโอกาสนิยม เราไม่เน้นแจก ตอนนี้มีหลายพรรคการเมืองมีนโยบายลดแลกแจกแถม บางพรรคประกาศจะขึ้นค่าแรงในอีก 5 ปีข้างหน้า ชี้นำอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้ของแพงขึ้น และยังซ้ำด้วยนโยบายแจกประชาชนคนละหมื่น รวมแล้ว 5.5 แสนล้านบาท งบประมาณดังกล่าวสามารถสร้างมอเตอร์เวย์จากเหนือจรดใต้ แต่จะเอามาแจกในเวลาไม่กี่เดือน ตนไม่เคยเห็นใครทำนโยบายแบบนี้มาก่อน เรื่องการแจกทำได้แต่ต้องเป็นช่วงที่ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤตในช่วงโควิด แต่ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ได้อยู่ภาวะวิกฤตจึงไม่ใช่เวลาของการแจก เราจะใช้เงินแบบเทน้ำเทท่าแบบนั้นไม่ได้ 

“คุณกรณ์ สมัยเป็น รมว.คลัง เพราะทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อสิบกว่าปีก่อน จีดีพีติดลบ 0.7 คุณกรณ์ ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ จนพลิกจีดีพีขึ้นมา 7.5 ภายใน 1 ปี จนโลกยกให้เห็น รมว.คลังโลก ซึ่งไม่มีนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีคนไหน ทำได้แบบคุณกรณ์ วันนี้เรามาบอกว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีทีมเศรษฐกิจที่มีคุณภาพเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน” นายอรรถวิชช์ กล่าว 

นายอนุวัตร กล่าวว่า จากการเดินสายพบปะพี่น้องประชาชน ล้วนแต่สะท้อนให้ฟังว่าตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี ค้าขายไม่มีกำไร ข้าวของแพงขึ้นมาก พรรคชาติพัฒนากล้าเรามีนโยบายหลากหลาย ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน จึงขอโอกาสพี่น้องชาวสุราษฎร์ธานีสนับสนุนให้ผู้สมัครของพรรค เป็นผู้แทนของพวกท่านเข้าไปทำงานในสภา เพื่อเข้าไปผลักดันนโยบายให้สำเร็จ สุราษฎร์ธานีมีทรัพยากรธรรมชาติครบถ้วน ทั้ง ทะเล แม่น้ำ ป่าไม้ ทะเล ภูเขา พืชผลทางการเกษตรอุดมสมบูรณ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้มหาศาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ ๕. ปารายนวรรค ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย สุตตนิบาต

วิเคราะห์ ๕. ปารายนวรรค ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ "ปารายนวรรค...