วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2567

“หลวงปู่ศิลา” รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ “มจร” “สมเด็จพระมหาธีราจารย์” ประสาทวันที่ 2 ยกพรหมวิหารธรรมสร้างสันติสุขในหมู่มวลมนุษยชาติ


เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2567 เวลา 13.30 น. สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชในพิธีประสาทปริญญาแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ณ อาคาร มวก. ๔๘ พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  โดยมี พระพรหมวชิราธิบดี นายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระพรหมบัณฑิต อุปนายกสภามหาวิทยาลัย  พระพรหมวัชรธีราจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย รองอธิการบดี คณาจารย์เจ้าหน้าที่ ผู้บริหาร นิสิต พร้อมด้วยประชาชนทั่วไป ถวายการต้อนรับ ซึ่งบรรยากาศการประสาทปริญญาวันนี้เป็นไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากมีพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่ทั้งภายในประเทศและนานาชาติ เดินทางมารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ พร้อมทั้งเข็มเกียรติคุณ

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ได้ กล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า   ในพระนาม เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ขอแสดงมุทิตาจิต ด้วยความจริงใจ ต่อบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิต ระดับมหาบัณฑิต และท่านพระเถรานุเถระ ท่านผู้มีเกียรติ ซึ่งเข้ารับปริญญากิตติมศักดิ์และเข็มเกียรติคุณ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประจำปีพุทธศักราช 2567 ทุกท่าน บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาทั้งหลาย เป็นผู้มีศักดิ์และสิทธิ์แห่งปริญญาบัตร ซึ่งเป็นเครื่องหมายว่าได้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรในมหาวิทยาลัยนั้น เปรียบประดุจว่าท่านมีกุญแจดอกสำคัญ อันจะช่วยไขประตูสู่โอกาสแห่งความรุ่งเรืองในชีวิต นำวิชาความรู้ความสามารถต่างๆ ไปใช้ในการปฏิบัติศาสนกิจ และประกอบกิจการงานที่พึงประสงค์ให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ได้ ด้วยอานุภาพแห่งสติปัญญาที่ได้ศึกษาอบรมเล่าเรียนมาโอกาส


"เราทั้งหลายในฐานะพุทธบริษัท ผู้นับถือพระพุทธศาสนา ย่อมตระหนักในคุณธรรมพื้นฐานของการเป็นผู้ประเสริฐ ที่เรียกว่า “พรหมวิหารธรรม” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อแรก คือ“เมตตา” ความปรารถนาดี มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกันนั้น เป็นคุณธรรม  ที่ท่านในฐานะดุษฎีบัณฑิต มหาบัณฑิต และในฐานะผู้ปรารถนาสันติสุขในหมู่มวลมนุษยชาติ จำเป็นต้องมีเป็นประการแรก ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต้องอาศัยไมตรีจิตอันจริงใจต่อกันเป็นพื้นฐานของการดำเนินความสัมพันธ์ในทุกแง่มุมผู้มีไมตรีจิตต่อกันอย่างจริงใจ ย่อมได้ชื่อว่าเป็นกัลยาณมิตร และมิตรแท้ย่อมจะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นห่วงทุกข์สุขของกันและกันอยู่เสมอ มิตรย่อมคิดถึงกัน ไม่ทอดทิ้งกัน และสามารถผดุงคุณธรรมความดีงามอื่นๆ ที่พึงมีต่อกัน โดยเฉพาะสามัคคีธรรมในหมู่พุทธบริษัท และมวลมนุษยชาติที่พึงรักษาไว้ให้มั่นคง ไม่ควรให้หวั่นไหว คลอนแคลน  ถ้าท่านดุษฎีบัณฑิต มหาบัณฑิต และท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย รักษาน้ำใจไมตรีอย่างเสมอภาคไว้ได้ สันติภาพย่อมบังเกิดขึ้น และบุคคลผู้ไม่ประทุษร้ายมิตรนั้น ย่อมได้รับการยกย่องบูชา ในที่ทุกสถาน สมดังที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนไว้ว่า “สพฺพตฺถ ปูชิโต โหติ โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติ” แปลความว่า “ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมมีผู้บูชาในที่ทั้งปวง”


ส่วน พระพรหมวัชรธีราจารย์ ได้กล่าวว่า ในพิธีประสาทปริญญาครั้งนี้ สภามหาวิทยาลัยมีมติอนุมัติให้ปริญญาดุษฎีบัณฑฺิต จำนวน 512 รูป/คน ระดับมหาบัณฑิต 1,025 รูป/คน และระดับบัณฑิตจำนวน 2,912 รูป/คน และอภิธรรมบัณฑิต 144 รูป/คน ร่วมทั้งสิ้น 4,602 รูป/คน นอกจากนี้สภามหาวิทยาลับได้อนุมัติปริญญากิตติมศักดิ์แลกะเข็มเกียรติคุณแก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศจำนวน 242 รูป/คน ประกอบด้วยระดับดูษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จำนวน 90 รูป/คน ระดับมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์จำนวน 4 รูป/คน และเข็มเกียรติคุณจำนวน 48 รูป/คน

“สมเด็จพระมหาธีราจารย์” ปฎิบัติหน้าที่แทน “สมเด็จพระสังฆราช” งานประสาทปริญญา "มจร" ยก ๕ คุณธรรมเตือนสติบัณฑิต ๔,๖๐๒ รูป/คนยุคสื่อสารรวดเร็ว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ชูศักดิ์" จี้ "พศ." ออกมาตรการและกลไกป้องกันไม่ให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา

  เมื่อวันที่  11 ธันวาคม 2567  ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานก...