วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

โกสัมพิยชาดก อยู่คนเดียวดีกว่าร่วมกับคนพาล

 เรื่องวิเคราะห์  โกสัมพิยชาดก ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  19  ขุททกนิกาย  ชาดก นวกนิบาตชาดก     ที่ประกอบด้วย  

 ๒. โกสัมพิยชาดก

อยู่คนเดียวดีกว่าร่วมกับคนพาล

             [๑๒๑๖] คนพาลมีเสียงอื้ออึงเหมือนกันหมด สักคนหนึ่งก็ไม่รู้สึกตนว่าเป็นคน

                          พาล เมื่อสงฆ์แตกกัน ก็ไม่รู้เหตุอื่นโดยยิ่งกว่าสงฆ์แตกกันเพราะเรา.

             [๑๒๑๗] เพราะเป็นคนมีสติหลงลืม ยังพูดว่าตนเป็นบัณฑิต มีวาจาเป็นโคจร ช่าง

                          พูด ย่อมปรารถนาจะให้เสียงออกจากปากอยู่เพียงใด ก็พูดไปเพียงนั้น

                          เขาถูกความทะเลาะนำไปแล้ว ยังไม่รู้ว่าการทะเลาะนั้นเป็นโทษ.

             [๑๒๑๘] ก็ชนเหล่าใดเข้าไปผูกความโกรธนั้นไว้ว่า คนโน้นด่าเรา คนโน้นได้ตี

                          เรา คนโน้นได้ชำนะเรา คนโน้นได้ลักของๆ เรา เวรของชนเหล่านั้น

                          ย่อมไม่ระงับเลย.

             [๑๒๑๙] ส่วนชนเหล่าใดไม่เข้าไปผูกความโกรธนั้นไว้ว่า คนโน้นด่าเรา คนโน้น

                          ได้ตีเรา คนโน้นได้ชำนะเรา คนโน้นได้ลักของๆ เรา เวรของชน

                          เหล่านั้นย่อมระงับไป.

             [๑๒๒๐] ในกาลไหนๆ เวรในโลกนี้ย่อมไม่ระงับเพราะเวรเลย แต่ย่อมระงับ

                          เพราะความไม่มีเวร ธรรมนี้เป็นของเก่า.

             [๑๒๒๑] ก็ชนเหล่าอื่นย่อมไม่รู้สึกว่า พวกเราจะพากันยุบยับในท่ามกลางสงฆ์นี้

                          ฝ่ายชนเหล่าใดในหมู่นั้นย่อมรู้สึกได้ ความหมายมั่นกันย่อมสงบระงับ

                          ไป เพราะการทำไว้ในใจโดยแยบคายของชนเหล่านั้น.

             [๑๒๒๒] คนที่ปล้นแว่นแคว้น ชิงทรัพย์สมบัติตัดกระดูกกัน ปลงชีวิตกัน ก็

                          ยังกลับสามัคคีกันได้ เหตุไรเธอทั้งหลายจึงไม่สามัคคีกันเล่า?

             [๑๒๒๓] ถ้าจะพึงได้สหายผู้มีปัญญา เป็นนักปราชญ์เที่ยวไปร่วมกัน ผู้มีปกติ

                          อยู่ด้วยกรรมดี พึงครอบงำอันตรายทั้งปวงเสีย แล้วดีใจ มีสติเที่ยวไป

                          กับสหายนั้น.

             [๑๒๒๔] ถ้าไม่พึงได้สหายผู้มีปัญญา เป็นนักปราชญ์เที่ยวไปร่วมกัน ผู้มีปกติ

                          อยู่ด้วยกรรมดี พึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียว เหมือนพระราชาทรงสละ

                          แว่นแคว้นเสด็จไปแต่พระองค์เดียว หรือเหมือนช้างมาตังคะเที่ยวไปใน

                          ป่าแต่เชือกเดียว ฉะนั้น.

             [๑๒๒๕] การเที่ยวไปผู้เดียวประเสริฐกว่า เพราะคุณเครื่องความเป็นสหายย่อมไม่

                          มีในคนพาล ควรเที่ยวไปแต่ผู้เดียวแต่ไม่ควรทำบาป เหมือนช้างมาตังคะ

                          มีความขวนขวายน้อย เที่ยวไปในป่า ไม่ทำกรรมชั่ว ฉะนั้น.


ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม ประยุกต์ใช้" โดยใช้สาระสำคัญของ โกสัมพิยชาดก    ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  19  ขุททกนิกาย  ชาดก    นวกนิบาตชาดก  

วิเคราะห์โกสัมพิยชาดกในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรมและการประยุกต์ใช้

บทนำ โกสัมพิยชาดก เป็นหนึ่งในชาดกที่ปรากฏในพระไตรปิฎก เล่มที่ 27 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 19 ขุททกนิกาย ชาดก นวกนิบาตชาดก ซึ่งมีเนื้อหาที่สำคัญเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในสงฆ์ โดยเฉพาะการทะเลาะวิวาทของพระภิกษุที่โกสัมพี ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงคนพาลและการเสริมสร้างความสามัคคี เนื้อหาของโกสัมพิยชาดกสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของพุทธสันติวิธี ซึ่งเป็นแนวทางในการสร้างสันติภาพโดยใช้หลักธรรมของพระพุทธศาสนา บทความนี้จะวิเคราะห์เนื้อหาสำคัญของโกสัมพิยชาดก และนำเสนอการประยุกต์ใช้ในบริบทสังคมปัจจุบัน

เนื้อหาสำคัญของโกสัมพิยชาดก โกสัมพิยชาดกเน้นให้เห็นถึงลักษณะของคนพาลที่เต็มไปด้วยความอวดดี ไม่สำนึกในความผิดของตนเอง และไม่เข้าใจว่าตนเองเป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง พระพุทธเจ้าได้สอนว่าเวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร แต่ย่อมระงับด้วยความไม่มีเวร ซึ่งเป็นหลักธรรมที่สำคัญของพุทธศาสนาในการระงับความขัดแย้ง นอกจากนี้ยังมีคำสอนเกี่ยวกับการเลือกคบหาสหาย หากไม่สามารถหาผู้มีปัญญาเป็นมิตรได้ ก็ควรดำรงตนอยู่เพียงลำพัง ดีกว่าที่จะเกี่ยวข้องกับคนพาล

โกสัมพิยชาดกกับพุทธสันติวิธี พุทธสันติวิธีเป็นแนวทางการสร้างสันติภาพโดยใช้หลักธรรมของพระพุทธศาสนา ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่

  1. การไม่เบียดเบียน (อหิงสา) - หลักการนี้ตรงกับคำสอนในโกสัมพิยชาดกที่กล่าวว่าเวรไม่ระงับด้วยเวร แต่ระงับได้ด้วยความไม่มีเวร

  2. การเจริญเมตตาและขันติ - การให้อภัยและไม่จองเวรเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสังคมที่สงบสุข

  3. การอยู่ร่วมกันด้วยสติปัญญา - การเลือกคบหาสมาคมกับผู้มีปัญญาเป็นแนวทางที่นำไปสู่ความสงบสุขของสังคม หากไม่พบมิตรที่ดี ก็ควรอยู่คนเดียวดีกว่าร่วมกับคนพาล

  4. การแก้ไขความขัดแย้งโดยใช้ปัญญา - ในสถานการณ์ที่เกิดความขัดแย้ง ควรใช้ปัญญาพิจารณาและหาทางออกที่เหมาะสมแทนการใช้อารมณ์หรือความโกรธเกลียด

การประยุกต์ใช้ในสังคมปัจจุบัน ในบริบทสังคมปัจจุบัน หลักธรรมจากโกสัมพิยชาดกสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในหลายด้าน ได้แก่

  • การบริหารองค์กรและการทำงานเป็นทีม: คำสอนเกี่ยวกับการเลือกคบหาสมาคมสามารถนำมาใช้ในองค์กร เพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นทีมที่มีคุณภาพ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่นำไปสู่ความขัดแย้งภายในองค์กร

  • การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและสังคม: หลักการให้อภัยและไม่จองเวรสามารถช่วยลดความขัดแย้งในครอบครัวและสังคมได้

  • การพัฒนาภาวะผู้นำ: ผู้นำที่ดีควรมีปัญญาและความอดทน สามารถนำพาสังคมไปสู่ความสงบสุข แทนที่จะเป็นต้นเหตุของความแตกแยก

ข้อเสนอแนะ

  1. การศึกษาโกสัมพิยชาดกในเชิงลึก – ควรมีการศึกษาชาดกนี้อย่างเป็นระบบเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและสามารถนำไปปรับใช้ในสังคมได้อย่างเหมาะสม

  2. การบูรณาการพุทธสันติวิธีกับการศึกษา – หลักธรรมจากชาดกนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรเกี่ยวกับการแก้ไขความขัดแย้งและสันติศึกษา

  3. การเผยแพร่แนวคิดผ่านสื่อสมัยใหม่ – การนำเสนอหลักธรรมจากโกสัมพิยชาดกผ่านสื่อดิจิทัล เช่น บทความออนไลน์ พอดแคสต์ หรือวิดีโอสั้น จะช่วยให้แนวคิดเหล่านี้เข้าถึงประชาชนทั่วไปได้ง่ายขึ้น

สรุป โกสัมพิยชาดกเป็นชาดกที่มีคุณค่าในการสอนเรื่องความขัดแย้ง การเลือกคบมิตร และการแก้ไขปัญหาด้วยปัญญา หลักธรรมที่ปรากฏในชาดกนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของพุทธสันติวิธี เพื่อเสริมสร้างสันติภาพและความสามัคคีในสังคม ทั้งในระดับบุคคล องค์กร และระดับประเทศ การปฏิบัติตามคำสอนในโกสัมพิยชาดกไม่เพียงช่วยให้เราหลีกเลี่ยงคนพาลและความขัดแย้ง แต่ยังเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตที่นำไปสู่ความสุขและความสงบในระยะยาว

เพลง: อยู่ลำพังยังดีกว่า

 ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌,AI

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

คลิกฟังเพลงที่นี่

 (Verse 1) 

เสียงคนพาลนั้นดังอื้ออึง

ต่างคนต่างพูด ไม่ฟังกันเอง

เมื่อขัดแย้งก็ไม่มีใครยอม

มัวแต่ถนอม อัตตาของตน

(Chorus) 

อยู่ลำพังยังดีกว่า

ถ้าเพื่อนพาแต่เรื่องวุ่นวาย

หากได้มิตรที่ดีร่วมทาง

จึงค่อยก้าวไปด้วยหัวใจมั่นคง

 (Verse 2)  

โกรธแล้วจำ ไม่ลืมเลือน

เฝ้าผูกใจ เวรย่อมไม่จบ

หากปล่อยวาง ไม่ถือสา

สันติสุข จะมีให้เห็น

(Outro)

เหมือนช้างใหญ่ ที่เดินเดี่ยวไป

ดีกว่ารวมหมู่ แล้วทุกข์ใจนัก

เดินอย่างสุข สงบและดี

ธรรมะชี้ ให้พบหนทาง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมเด็จพระมหาธีราจารย์เปิดการประชุมใหญ่องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) ครั้งที่ 31 ณ หอประชุมนวมภูมินทร์ วชิราวุธวิทยาลัย

เมื่อวันที่ 6   ธันวาคม 2568 เวลา 09.30 น.  สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระบัญชาให้ เจ้าประคุณ สมเด็จพระม...