วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สภาป่วน!'สมศักดิ์'ตบะแตกดวงตาเห็นธรรมช่วยไม่ได้

             สภา"ป่วน วุ่น เดือด เละ ตีรวน" นี้เป็นอารมณ์การพาดหัวหนังสือพิมพ์หัวสีที่สะท้อนบรรยาการการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... ฉบับที่ว่าด้วยกลุ่มมาตราที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา  ที่ได้เกิดเหตุประท้วงวุ่นวายขึ้นตลอดทั้งวัน ถึงขั้นต้องให้ตำรวจรัฐสภา เชิญ ส.ส.ฝ่ายค้าน ที่ลุกยืนประท้วงออกจากห้องประชุม และสั่งพักการประชุมหลายครั้ง

             โดยเฉพาะช่วงที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ขึ้นทำหน้าที่ประธานการประชุม ถึงกับระเบิดอารมณ์ตัดสินนำค้อนทุบบนบัลลังก์ 3 ครั้ง เพื่อเป็นสัญญาณให้ยุติความไม่สงบ พร้อมสั่งให้ตำรวจรัฐสภาเข้ามาในห้องประชุมเพื่อนำตัวสมาชิกรัฐสภาที่ไม่ยอมนั่งลง และไม่อยู่ในความสงบออกจากห้องประชุม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาคุ้มกันนายสมศักดิ์ และพยายามเข้าไปนำตัว ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ยืนส่งเสียงดัง ออกไปจากห้อง
             ทั้งนี้เพราะส.ส. ประชาธิปัตย์เกือบทุกคนได้ลุกขึ้นยืนประท้วงและมีการตะโกนว่า "สภาทาส", "เผด็จการ", "ขี้ข้าทักษิณ" ขณะที่นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำกระดาษที่มีข้อความว่า "สภาทาส" ขึ้นมาชูต่อหน้าบัลลังก์ ส่วนนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า "ประชุมต่อไปเลยจะได้รางวัล ทักษิณดูอยู่"

             และความวุ่นวายดำเนินไปตลอด 12 ชั่วโมง ด้วยกลยุทธ์ของพรรคประชาธิปัตย์พยายามขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ที่มีการกล่าวขานกันว่าเปิดโอกาสให้มีสภาผัวสภาเมียขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ก็ต้องเกิดคำถามว่าเป็นสิทธิ์หรือไม่ เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ กับการขัดขวางเช่นนั้น
             เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป 1 วัน นายสมศักดิ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระหว่างเตรียมเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล ต้นแบบคนพอเพียงวิถีประชาธิปไตย ที่ห้องโถงรัฐสภา ถึงการทำหน้าที่ประธานที่ประชุม และถูกสมาชิกรัฐสภาประท้วงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้การประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มมาตราที่เกี่ยวกับที่มาของ ส.ว.เป็นไปด้วยความวุ่นวาย ว่า “ไม่ปวดหัว มีเหนื่อยเล็กน้อย แต่โคตรเบื่อเลย” จากนั้นได้ส่งยิ้ม ก่อนเดินเลี่ยงผู้สื่อข่าวเพื่อปฏิบัติภารกิจต่อไป

             ขณะเดียวกันก็มีเสียงสะท้อนเกี่ยวกับเหตุการณ์ในสภาของบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างๆ โดยเฉพาะที่ระบุว่า "ทำให้เสือมเสียไปทั่วโลก" เข้าลักษณ์ชี้หน้าด่าฝ่ายตรงข้ามเช่นเดิม ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าที่เสือมเสียนั้นจริงหรือไม่หรือเพียงยกขึ้นมาด่าฝ่ายตรงกันข้ามเท่านั้น เพราะว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายในสภาเช่นนี้ในประเทศต่างๆเช่นเกาหลี ไต้หวัน ยูเครน ก็เกิดเหมือนกัน

             ความวุ่นวายในสภานะดีแล้วดีกว่าไปวุ่นวายนอกสภา และที่วุ่นวายนั่นแหละประชาธิปไตย ส่วนสภาเงียบๆมีแต่สภาเผด็จการเท่านั้น จึงไม่เข้าใจว่าผู้ที่วิจารณ์นั้นเข้าใจหลักปรัชญาการเมืองและหลักประชาธิปไตยดีหรือไม่ หรือรู้แต่อัตตาธิปไตยหรือคณาธิปไตยเท่านั้น ขณะเดียวกันสื่อต่างประเทศเขาดูที่เนื้อหาโดยเฉพาะกรณีมีตำรวจปราบจลาจลโผล่ที่รัฐสภาได้อย่างไร เท่ากับเอกสิทธิ์ ส.ส.ไม่มีความหมาย

             คำกล่าวของนายสมศักดิ์ในงานมอบรางวัลต้นแบบคนพอเพียงวิถีประชาธิปไตยนั้นน่าสนใจเช่นกัน เพราะนายสมศักดิ์ได้ยกหลักธรรมขึ้นมาสื่อให้ผู้รับรางวัลและสังคมได้ทราบรวมถึงพื้นฐานของตัวนายสมศักดิ์เองเป็นเช่นใดเช่น
             "เรามีความพอเพียงก็จะส่งผลให้กิเลส โลภ โกรธ หลง น้อยลง ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดและดัชนีวัดความดีของคน โดยได้มีการพิสูจน์มาแล้ว ด้วยการได้คนดี 77 คนมานั่งตรงนี้  และ 2. หลักการประชาธิปไตย ที่สำคัญคือการมีสำนึกของพลเมืองในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ถ้าเป็นคนดีต้องมีสำนึกหน้าที่พลเมืองด้วย ซึ่งพิสูจน์ได้ด้วยการส่งเสริมให้มีคนดีมาเป็นตัวแทนทำหน้าที่แทนพวกเรา และยังมีอีกหลายอย่างที่คนดีต้องมีสำนึกพลเมืองกระทำทุกโอกาสทุกเวลา

             ตามหลักพระพุทธศาสนาคือละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องแผ่ว ซึ่งการละชั่วทำดีมันเหมือนนามธรรมที่สัมผัสยาก แต่การทำจิตใจให้ผ่องแผ่วนั้นยากยิ่งกว่า เพราะถ้าไม่ปฏิบัติก็ยากที่จะเข้าถึง หรือที่เรียกว่า “ดวงตาเห็นธรรม” ตนเคยไปปฏิบัติธรรมในช่วงที่มีการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อปี 2549 โดยการหลบไปบวชกับพี่น้องและครอบครัว ไปนั่งวิปัสสนาที่จ.พิษณุโลกเป็นจำนวน 10 วัน โดยไม่ได้มีการมองหน้าหรือพูดคุยกับพี่น้องที่ร่วมบวชด้วยเลย เพราะจะทำให้เกิดกิเลส ซึ่งตนสามารถทำได้
             สิ่งที่ผมได้มาคือการมีสติปัญญาทางธรรม อย่างน้อยก็ได้ดวงตาเห็นธรรมในระดับหนึ่ง ถือว่าเป็นกำไรชีวิต จะสังเกตว่าหลายคนมาถามผมถึงการทำหน้าที่ว่ามีอารมณ์โกรธหรือไม่ ซึ่งผมก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่ามีบ้าง เพราะถ้าโกรธไม่เป็นก็บ้าแล้ว แต่อยู่ที่ว่าจะข่มอารมณ์ได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นไม่ต้องห่วงเพราะผมได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ไม่มีตบะแตก นิ่งเสียอย่างไม่มีแพ้  ขอให้ทุกคนช่วยกันขยายให้มีคนดีเพิ่มมากขึ้น เพราะประเทศต้องการคนดีจริงๆ ไม่เอาแล้วพวกดีปลอมเพราะมีเยอะแล้ว"

              แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาเมื่อวันที่ 20 ส.ค.นั้นสะท้อนให้เห็นว่านายสมศักดิ์จะต้องหาโอกาสนั่งวิปัสสนาเพิ่มขึ้น เพราะกิเลสข้อโมหะหรือความหลงหรืออวิชชานั้นละยากที่สุด ต้องปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานขั้นสูงถึงจะ "บรรลุธรรม" ไม่ใช่ได้ "ดวงตาเห็นธรรม" หรือ "บรรลุธรรม" แค่ลมปากเท่านั้น
................

(หมายเหตุ : สภาป่วน!'สมศักดิ์'ตบะแตกดวงตาเห็นธรรมช่วยไม่ได้ : กระดานความคิด โดยสำราญ สมพงษ์รายงาน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"สมเด็จพระธีรญาณมุนี-ปลัด มท." ประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถคู่หน้าวัดสโมสรนนทบุรี

    เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2567  เวลา 09.39 น.ที่วัดสโมสร บ้านคลองหม่อมแช่ม หมู่ 9 ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจ...