ในปัจจุบัน สังคมที่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จทางวัตถุและความสะดวกสบาย มักมองข้ามความจริงแท้ของชีวิต นั่นคือ ความไม่เที่ยง ความแก่ชรา และความตาย ด้วยเหตุนี้ การระลึกถึงความตายหรือการเข้าใจความตายอย่างลึกซึ้ง จึงเป็นหนทางที่จะทำให้มนุษย์กลับมาเห็นคุณค่าของชีวิต และใช้ชีวิตอย่างมีสติ มีความหมาย และพร้อมเผชิญกับสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างสงบ
ความตายจากมุมมองทั่วไป vs. มุมมองทางพุทธศาสนา
จากมุมมองทั่วไป ความตายมักถูกมองเป็น "จุดสิ้นสุด" ของชีวิต เป็นการสูญเสียความสัมพันธ์ ความทรัพย์สิน และตัวตนที่ยึดถืออยู่ มันมักนำมาซึ่งความเศร้าโศก ความกลัว และความไม่เข้าใจ ยิ่งไปกว่านั้น ในหลายวัฒนธรรม ความตายยังเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องการลงโทษ หรือชีวิตหลังความตายที่เต็มไปด้วยความลึกลับ
ตรงกันข้าม มุมมองทางพุทธศาสนามองความตายว่าเป็นธรรมชาติอันเที่ยงแท้และเป็นส่วนหนึ่งของ "ไตรลักษณ์" คือ อนิจจัง (ความไม่เที่ยง) ทุกขัง (ความเป็นทุกข์) และอนัตตา (ความไม่มีตัวตนที่แท้จริง) ความตายจึงไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ภพภูมิใหม่ตามหลักกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด (สังสารวัฏ) พระพุทธศาสนายังสอนให้พิจารณาความตายเป็น "มรณสติ" หรือการระลึกถึงความตาย เพื่อให้ตระหนักรู้ถึงความไม่เที่ยงของชีวิต และใช้ชีวิตอย่างมีสติในทุกขณะ
จุดประสงค์ของหนังสือในการศึกษาความตายผ่านพระไตรปิฎก
หนังสือ "พระไตรปิฎกกับความตาย" นี้จัดทำขึ้นเพื่อเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับความตาย ผ่านหลักคำสอนในพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นแหล่งรวมคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธเจ้า โดยเนื้อหาจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจความตายในมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ธรรมชาติของชีวิต ความสำคัญของการมีมรณสติ และแนวทางปฏิบัติเพื่อเผชิญความตายอย่างสงบ
นอกจากนี้ หนังสือยังตั้งใจให้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาและปฏิบัติธรรม เพื่อเตรียมจิตใจให้พร้อมรับกับความไม่แน่นอนของชีวิต ทั้งในยามเผชิญหน้ากับความตายของตนเองหรือบุคคลอันเป็นที่รัก อีกทั้งยังเป็นการเน้นย้ำถึงคุณค่าของชีวิตที่ควรใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดก่อนที่ความตายจะมาถึง
หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเห็นความตายไม่ใช่สิ่งที่ควรหวาดกลัว แต่เป็นครูผู้ยิ่งใหญ่ที่สอนให้เรารู้จักปล่อยวาง เข้าใจชีวิต และมุ่งสู่ความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ด้วยการปฏิบัติตามคำสอนแห่งพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น