วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

จุลลโพธิชาดกว่าด้วยความโกรธ

วิเคราะห์ จุลลโพธิชาดก  ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  19  ขุททกนิกาย  ชาดก ทสกนิบาตชาดก   ที่ประกอบด้วย  

 ๕. จุลลโพธิชาดกว่าด้วยความโกรธ

             [๑๓๖๗] ดูกรพราหมณ์ ผู้ใดมาพาเอานางปริพาชิกาผู้มีนัยน์ตางามน่ารัก มีใบหน้า

                          ยิ้มแย้มของท่านไปด้วยพลการ ท่านจะทำอย่างไร?

             [๑๓๖๘] ถ้าความโกรธบังเกิดขึ้นแก่อาตมภาพแล้ว ยังไม่เสื่อมคลายไป เมื่อ

                          อาตมภาพยังมีชีวิตอยู่ก็ยังไม่หาย อาตมภาพจะห้ามกันเสียโดยพลันที

                          เดียว ดังฝนห่าใหญ่ชำระล้างธุลี ฉะนั้น.

             [๑๓๖๙] ท่านกล่าวอวดอ้างไว้ในวันก่อนอย่างไรหนอ วันนี้เป็นเหมือนว่ามีกำลัง

                          ทำเป็นไม่เห็น นั่งนิ่งเย็บสังฆาฏิอยู่ในบัดนี้.

             [๑๓๗๐] ความโกรธบังเกิดแก่อาตมภาพแล้ว ยังไม่ได้เสื่อมคลายไป เมื่อ

                          อาตมภาพยังมีชีวิตอยู่ก็ยังไม่หาย อาตมภาพจะห้ามกันเสียโดยพลันที

                          เดียว ดังฝนห่าใหญ่ชำระล้างธุลี ฉะนั้น.

             [๑๓๗๑] ความโกรธบังเกิดขึ้นแก่ท่านแล้ว ยังไม่ได้เสื่อมคลายไปอย่างไร เมื่อ

                          ท่านยังมีชีวิตอยู่ ความโกรธยังไม่หายอย่างไร ท่านได้ห้ามความโกรธ ดัง

                          ฝนห่าใหญ่ชำระล้างธุลี ฉะนั้น เป็นไฉน?

             [๑๓๗๒] เมื่อความโกรธเกิดขึ้นแล้ว บุคคลย่อมไม่เห็นประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้

                          อื่น เมื่อความโกรธไม่เกิดขึ้น บุคคลย่อมเห็นได้ดี ความโกรธนั้นเกิด

                          ขึ้นแก่อาตมภาพแล้ว ยังไม่เสื่อมคลายไป ความโกรธเป็นอารมณ์ของ

                          คนไร้ปัญญา.

             [๑๓๗๓] ชนทั้งหลายย่อมยินดีด้วยความโกรธที่เกิดขึ้นแล้ว ชื่อว่าเป็นศัตรูหา

                          ทุกข์ให้แก่ตนเอง ความโกรธนั้นเกิดขึ้นแก่อาตมภาพแล้ว ยังไม่เสื่อม

                          คลายไป ความโกรธเป็นอารมณ์ของคนไร้ปัญญา.

             [๑๓๗๔] อนึ่ง เมื่อความโกรธเกิดขึ้น บุคคลไม่รู้จักประโยชน์ตน ความโกรธนั้น

                          เกิดขึ้นแก่อาตมภาพแล้ว ยังไม่เสื่อมคลายไป ความโกรธเป็นอารมณ์

                          ของคนไร้ปัญญา.

             [๑๓๗๕] บุคคลถูกความโกรธครอบงำแล้ว ย่อมละทิ้งกุศลเสีย ย่อมซัดส่าย

                          ประโยชน์แม้มากมายได้ เขาประกอบด้วยเสนา คือ กิเลสหมู่ใหญ่ที่

                          น่ากลัว มีกำลัง สามารถปราบผู้อื่นให้อยู่ในอำนาจได้ ความโกรธนั้น

                          ยังไม่เสื่อมคลายไปจากอาตมภาพ ขอถวายพระพร.

             [๑๓๗๖] ธรรมดาไฟย่อมเกิดขึ้นที่ไม้สีไฟอันบุคคลสีอยู่ ไฟเกิดขึ้นแต่ไม้ใด ย่อม

                          เผาไม้นั้นเองให้ไหม้.

             [๑๓๗๗] ความโกรธย่อมเกิดขึ้นแก่คนโง่เขลา เบาปัญญา ไม่รู้จริง เพราะความ

                          แข่งดี แม้เขาก็ถูกความโกรธนั้นแหละเผาลน.

             [๑๓๗๘] ความโกรธย่อมเจริญขึ้นแก่ผู้ใด ดุจไฟเจริญขึ้นในกองหญ้าและไม้ ฉะนั้น

                          ยศของบุคคลนั้นย่อมเสื่อมไป เหมือนพระจันทร์ข้างแรม ฉะนั้น.

             [๑๓๗๙] ความโกรธของผู้ใดย่อมสงบลง เหมือนไฟหมดเชื้อ ฉะนั้น ยศของผู้นั้น

                          ย่อมเต็มเปี่ยม เหมือนพระจันทร์ข้างขึ้น ฉะนั้น.

จบ จุลลโพธิชาดกที่ ๕.


ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม ประยุกต์ใช้" โดยใช้สาระสำคัญของ จุลลโพธิชาดก ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่  19  ขุททกนิกาย  ชาดก  ทสกนิบาตชาดก

วิเคราะห์จุลลโพธิชาดกในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรมและการประยุกต์ใช้

บทนำ จุลลโพธิชาดก เป็นหนึ่งในชาดกที่ปรากฏในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 19 ขุททกนิกาย ชาดก ทสกนิบาตชาดก โดยเป็นเรื่องราวที่เน้นให้เห็นถึงอานุภาพของความโกรธและผลกระทบของมันที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่ขาดปัญญา จุลลโพธิชาดกจึงสะท้อนถึงหลักธรรมในพุทธศาสนาที่เกี่ยวกับพุทธสันติวิธี ซึ่งเป็นแนวทางในการระงับความโกรธและดำรงชีวิตด้วยปัญญา บทความนี้จะวิเคราะห์เนื้อหาของจุลลโพธิชาดกและการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

สาระสำคัญของจุลลโพธิชาดก จุลลโพธิชาดกมีเนื้อหาว่าด้วยความโกรธและการระงับความโกรธผ่านมุมมองของบุคคลที่มีปัญญา เรื่องราวเล่าถึงพราหมณ์ผู้หนึ่งซึ่งถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดการกับความโกรธที่เกิดขึ้นเมื่อนางปริพาชิกาถูกพาไปโดยพลการ คำตอบของพราหมณ์แสดงให้เห็นถึงหลักธรรมที่เกี่ยวกับการระงับความโกรธอย่างมีปัญญา ดังที่กล่าวไว้ว่า “อาตมภาพจะห้ามกันเสียโดยพลันทีเดียว ดังฝนห่าใหญ่ชำระล้างธุลี ฉะนั้น”

ในชาดกนี้ ได้ชี้ให้เห็นถึงผลเสียของความโกรธว่าเมื่อบุคคลถูกความโกรธครอบงำแล้ว ย่อมมองไม่เห็นประโยชน์ของตนและผู้อื่น อีกทั้งความโกรธยังเปรียบเสมือนไฟที่สามารถเผาผลาญตนเองและสังคมรอบข้างได้ การที่บุคคลสามารถระงับความโกรธได้นั้น เปรียบได้กับไฟที่หมดเชื้อ ซึ่งทำให้บุคคลสามารถดำรงตนในศีลธรรม และมีความสงบสุขในจิตใจ

พุทธสันติวิธีในจุลลโพธิชาดก หลักพุทธสันติวิธีที่ปรากฏในจุลลโพธิชาดกสามารถสรุปได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้:

  1. การรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง – เมื่อความโกรธเกิดขึ้น บุคคลที่มีปัญญาจะตระหนักรู้ถึงอารมณ์ของตนเอง และไม่ปล่อยให้มันครอบงำ

  2. การหักห้ามความโกรธด้วยปัญญา – ความโกรธเป็นอารมณ์ที่เกิดจากอวิชชา ดังนั้นบุคคลพึงใช้ปัญญาในการวิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบของความโกรธ เพื่อยับยั้งพฤติกรรมที่อาจเป็นโทษ

  3. การเปรียบเทียบความโกรธกับไฟที่เผาผลาญตนเอง – ความโกรธเปรียบเสมือนไฟที่เผาผลาญผู้ที่โกรธเองมากกว่าผู้ที่ถูกโกรธ ดังนั้นการระงับความโกรธคือวิธีที่ช่วยให้บุคคลดำรงอยู่ในสันติ

  4. การมีเมตตาและกรุณา – แทนที่จะตอบโต้ด้วยความโกรธ บุคคลควรใช้เมตตาและกรุณาเป็นเครื่องมือในการนำพาชีวิตสู่ความสงบสุข

  5. การพัฒนาสติและสมาธิ – การเจริญสติและสมาธิช่วยให้บุคคลสามารถควบคุมอารมณ์ และตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างมีสติ

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จุลลโพธิชาดกสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้หลายวิธี เช่น:

  • ในสถานการณ์ที่เกิดความขัดแย้ง ควรใช้ปัญญาพิจารณาเหตุและผลก่อนตอบโต้

  • ใช้เทคนิคการฝึกสติ เช่น การเจริญสมาธิ หรือการกำหนดลมหายใจ เพื่อควบคุมอารมณ์

  • สร้างความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น แทนที่จะมุ่งตอบโต้ด้วยความโกรธ

  • ฝึกการให้อภัยและปล่อยวาง เพื่อไม่ให้ความโกรธเป็นตัวทำลายความสุขของตนเอง

สรุป จุลลโพธิชาดกเป็นตัวอย่างที่ดีของหลักธรรมพุทธสันติวิธี ซึ่งเน้นถึงการระงับความโกรธด้วยปัญญาและเมตตา เรื่องราวในชาดกนี้สะท้อนให้เห็นว่าความโกรธเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางความสงบสุขของบุคคล และแนวทางที่ดีที่สุดในการรับมือกับความโกรธคือการควบคุมจิตใจด้วยปัญญา และการมีสติอยู่เสมอ หากนำหลักธรรมจากจุลลโพธิชาดกไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ย่อมนำไปสู่ความสงบสุขทั้งในระดับบุคคลและสังคมโดยรวม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพลง: จื่อบ่จบนะ

(Verse 1)  https://suno.com/s/HyI7uKXcItCHKew7 ทางชีวิตบ่ได้โรยดอกไม้ แต่หัวใจยังฮอดฝั่ง สองเท้าที่ล้าก็ยังย่างต่อไป บ่มีย่านความฝันพัง ฮู้โ...