เรื่องวิเคราะห์ กัณหชาดก ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 19 ขุททกนิกาย ชาดก ทสกนิบาตชาดก ที่ประกอบด้วย
๒. กัณหชาดกว่าด้วยขอพร
[๑๓๒๙] บุรุษนี้ดำจริงหนอ บริโภคโภชนะก็ดำ อยู่ในภูมิประเทศก็ดำ ไม่เป็น
ที่ชอบใจของเราเลย.
[๑๓๓๐] คนไม่ชื่อว่าเป็นคนดำเพราะผิวหนัง เพราะคนที่มีแก่นภายในจึงชื่อว่าเป็น
พราหมณ์ ผู้ใดมีบาปกรรม ผู้นั้นแหละชื่อว่าเป็นคนดำ นะท้าวสุชัมบดี.
[๑๓๓๑] ดูกรท่านพราหมณ์ คำนั้นท่านกล่าวดีแล้ว สมควรเป็นสุภาษิต ข้าพเจ้าจะ
ให้พรแก่ท่านอย่างหนึ่ง ตามแต่ใจท่านปรารถนา.
[๑๓๓๒] ข้าแต่ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่กว่าภูตทั้งปวง ถ้าจะโปรดประทานพรแก่
ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาให้ความประพฤติของตน อย่าให้มี
ความโกรธ อย่าให้มีโทสะ อย่าให้มีความโลภ อย่าให้มีความสิเนหา
ขอได้ทรงโปรดประทานพร ๔ ประการนี้แก่ข้าพระองค์เถิด.
[๑๓๓๓] ดูกรท่านพราหมณ์ ท่านเห็นโทษในความโกรธ ในโทสะ ในโลภะ
และในสิเนหาเป็นอย่างไรหรือ ข้าพเจ้าขอถามความนั้น ขอท่านจงบอก
แก่ข้าพเจ้าเถิด?
[๑๓๓๔] ความโกรธเกิดแต่ความไม่อดทน ทีแรกเป็นของน้อย แต่ภายหลังเป็น
ของมาก ย่อมเจริญขึ้นโดยลำดับ ความโกรธมักทำความเกี่ยวข้อง มี
ความคับแค้นมาก เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์จึงไม่ชอบใจความโกรธ.
[๑๓๓๕] วาจาของผู้ประกอบด้วยโทสะ เป็นวาจาหยาบคาย ถัดจากนั้นก็เกิด
ปรามาสถูกต้องกัน ต่อจากนั้นก็ชกต่อยกันด้วยมือ ต่อไปก็หยิบท่อน
ไม้เข้าทุบตีกัน จนถึงจับศาตราเข้าฟันแทงกันเป็นที่สุด โทสะเกิดแต่
ความโกรธ เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์จึงไม่ชอบใจโทสะ.
[๑๓๓๖] ความโลภเป็นอาการหยาบ เป็นเหตุให้เที่ยวปล้นขู่เอาสิ่งของแสดงของ
ปลอมเปลี่ยนเอาของคนอื่น ทำอุบายล่อลวง บาปธรรมทั้งหลายนี้ มี
ปรากฏอยู่เพราะโลภธรรม เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์จึงไม่ชอบใจโลภะ.
[๑๓๓๗] กิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งหลาย อันสิเนหาผูกรัดเข้าอีก เป็นของสำเร็จด้วย
ใจ นอนเนื่องอยู่เป็นอันมาก ย่อมทำให้บุคคลเดือดร้อนยิ่งนัก เพราะ
ฉะนั้น ข้าพระองค์จึงไม่ชอบใจความสิเนหา.
[๑๓๓๘] ดูกรท่านพราหมณ์ คำนั้นท่านกล่าวดีแล้ว สมควรเป็นสุภาษิต ข้าพเจ้า
จะให้พรแก่ท่านอย่างหนึ่ง ตามแต่ใจท่านปรารถนา.
[๑๓๓๙] ข้าแต่ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่กว่าภูตทั้งปวง ถ้าจะโปรดประทานพรแก่
ข้าพระองค์ ขออาพาธทั้งหลายอันเป็นของร้ายแรง ซึ่งจะทำอันตรายตบะ
กรรมได้ อย่าพึงบังเกิดแก่ข้าพระองค์ผู้อยู่ในป่า ซึ่งอยู่แต่ผู้เดียว
เป็นนิตย์.
[๑๓๔๐] ดูกรท่านพราหมณ์ คำนั้นท่านกล่าวดีแล้ว สมควรเป็นสุภาษิต ข้าพเจ้า
จะให้พรแก่ท่านอย่างหนึ่ง ตามแต่ใจท่านปรารถนา.
[๑๓๔๑] ข้าแต่ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่กว่าภูตทั้งปวง ถ้าจะโปรดประทานพรแก่ข้า
พระองค์ ขอใจหรือร่างกายของข้าพระองค์ อย่าเข้าไปกระทบกระทั่ง
ใครๆ ในกาลไหนๆ เลย ขอได้ทรงโปรดประทานพรนี้เถิด.
ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม ประยุกต์ใช้" โดยใช้สาระสำคัญของ กัณหชาดก ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 27 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 19 ขุททกนิกาย ชาดก ทสกนิบาตชาดก
วิเคราะห์ กัณหชาดก ในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักธรรม และการประยุกต์ใช้
บทนำ
กัณหชาดกเป็นหนึ่งในชาดกที่ปรากฏในพระไตรปิฎก เล่มที่ 27 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 19 ขุททกนิกาย ชาดก ทสกนิบาตชาดก เนื้อหาของชาดกนี้เน้นการแสดงหลักธรรมเกี่ยวกับการพิจารณาคุณค่าของบุคคลโดยไม่ยึดติดกับลักษณะภายนอก และการขอพรที่สะท้อนถึงแนวคิดพุทธสันติวิธีที่เน้นความสงบภายในและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
เนื้อเรื่องโดยสังเขป
กัณหชาดกเป็นเรื่องราวของพราหมณ์รูปหนึ่งที่ได้รับโอกาสขอพรจากท้าวสักกะ แต่พรที่เขาขอกลับมิใช่ทรัพย์สมบัติหรืออำนาจ แต่เป็นการขอให้ตนปราศจากความโกรธ โทสะ โลภะ และสิเนหา รวมถึงการไม่ให้มีโรคภัยไข้เจ็บ และขอให้ตนเองไม่เข้าไปกระทบกระทั่งผู้อื่น พรที่พราหมณ์ขอสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในธรรมชาติของกิเลส และเป็นตัวอย่างของการดำเนินชีวิตที่นำไปสู่สันติสุขแท้จริง
การวิเคราะห์กัณหชาดกในบริบทพุทธสันติวิธี
1. การไม่ตัดสินคนจากภายนอก
ข้อความในพระสูตรระบุว่า “คนไม่ชื่อว่าเป็นคนดำเพราะผิวหนัง เพราะคนที่มีแก่นภายในจึงชื่อว่าเป็นพราหมณ์” นั่นหมายความว่าพุทธศาสนาเน้นให้พิจารณาคุณค่าของบุคคลจากจริยธรรมและการกระทำ มากกว่าลักษณะทางกายภาพ แนวคิดนี้สามารถนำไปใช้ในบริบทของสังคมปัจจุบัน เช่น การลดอคติทางชาติพันธุ์ ศาสนา และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างสังคมที่สงบสุข
2. การป้องกันและขจัดกิเลส
พราหมณ์ในชาดกได้ขอพรให้ตนไม่มีความโกรธ โทสะ โลภะ และสิเนหา ซึ่งเป็นรากเหง้าของปัญหาความขัดแย้งในระดับบุคคลและสังคม หลักธรรมนี้สอดคล้องกับพุทธสันติวิธีที่เน้นการลดละกิเลสภายในเพื่อสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน ตัวอย่างของการนำหลักนี้ไปใช้ในสังคมคือการอบรมจิตใจผ่านการปฏิบัติสมาธิและวิปัสสนาเพื่อลดอารมณ์รุนแรงและเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน
3. การขอพรเพื่อสันติสุขที่แท้จริง
พรที่พราหมณ์ขอเกี่ยวข้องกับสุขภาพที่ดีและการไม่ทำร้ายผู้อื่น ซึ่งเป็นแนวคิดของ “อหิงสา” หรือการไม่เบียดเบียนกัน หลักการนี้สามารถประยุกต์ใช้ในระดับนโยบายของรัฐ โดยส่งเสริมสังคมที่เคารพสิทธิและเสรีภาพของกันและกัน ลดความขัดแย้งที่เกิดจากการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว และสร้างระบบสาธารณสุขที่เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม
การประยุกต์ใช้ในสังคมปัจจุบัน
ด้านการศึกษา: การสอนหลักธรรมจากกัณหชาดกในโรงเรียนสามารถช่วยให้นักเรียนพัฒนาความสามารถในการคิดเชิงวิพากษ์และมีทัศนคติที่เปิดกว้างต่อความแตกต่างของบุคคล
ด้านสันติวิธี: แนวคิดเรื่องการลดโทสะและความโลภสามารถนำไปใช้ในการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคม
ด้านสาธารณสุข: การขอพรให้ไม่มีโรคร้ายแรงสามารถสะท้อนถึงความสำคัญของการสร้างระบบสุขภาพที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของสังคมสงบสุข
สรุป
กัณหชาดกเป็นตัวอย่างของคำสอนในพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับพุทธสันติวิธี โดยเน้นให้บุคคลพิจารณาคุณค่าจากภายใน ลดละกิเลส และสร้างสังคมที่สงบสุขผ่านการไม่เบียดเบียนกัน หลักธรรมจากชาดกนี้สามารถประยุกต์ใช้ในสังคมปัจจุบันเพื่อเสริมสร้างสันติสุขและความเข้าใจระหว่างกันในระดับบุคคล ชุมชน และโลกโดยรวม
บรรณานุกรม
พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 27 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 19 ขุททกนิกาย ชาดก ทสกนิบาต
สุมาลี สมบูรณ์, "การประยุกต์ใช้พุทธสันติวิธีในสังคมไทย," วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา, 2564.
สมภาร พรมทา, "อหิงสาและสันติวิธีในพระพุทธศาสนา," สำนักพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ์, 2558.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น