วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

“เพื่อไทย”สวน“บิ๊กตู่”มั่ว โต้“ทักษิณ”แนะแก้จน ไม่เข้าใจให้ถาม



“เพื่อไทย” สวน “ประยุทธ์” เพราะไม่เปิดสมองรับฟัง แถมส่งลิ่วล้อไม่มีราคามาโต้มั่วเศรษฐกิจถึงแย่หนัก  ชี้คำแนะนำจากอดีตนายกฯมีแต่คนชื่นชม แนะหากไม่เข้าใจให้ถาม “ทักษิณ”             

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า “ตามที่อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร ได้ออกมาแสดงวิสัยทัศน์การแก้จน จนเป็นที่สนใจกันทั่วประเทศ และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจได้ออกมาขยายความอธิบายเพื่อให้ประชาชนและรัฐบาลได้เข้าใจ แต่แทนที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จะนำไปพิจารณาปรับแก้การบริหารที่ล้มเหลวของตนเอง กลับออกมาโต้แบบมั่วๆ แถมยังให้คนที่ไม่มีต้นทุนทางสังคมออกมาโต้นายพิชัย แสดงถึงความไม่เข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันที่ลุกลามบานปลายและหนักหนาสาหัสเกินกว่าพลเอกประยุทธ์จะเช้าใจได้แล้ว 

              

“พลเอกประยุทธ์นอกจากไม่มีความรู้ความสามารถทางด้านเศรษฐกิจแล้วยังไม่รู้จักขวนขวายหาความรู้ รวมถึงไม่เคยทำการบ้านเลยถึงขนาดถามว่านายพิชัยเรียนจบอะไรมา ซึ่งทำให้ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ ต้องออกมาสอนว่านายพิชัย จบเศรษฐศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะที่พลเอกประยุทธ์ไม่ได้มีความรู้ทางเศรษฐกิจเลยแต่กลับมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาแก้เศรษฐกิจได้ นอกจากนี้นายพิชัย ยังจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วยและยังเป็นลูกศิษย์คนโปรดของ ดร. วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกฯ และ อดีต รมว. คลัง ที่ช่วยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกฯ พัฒนาเศรษฐกิจไทยในสมัยนั้น  นายพิชัยคงไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองแล้วเพราะที่ผ่านมาสิ่งที่นายพิชัยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยก็ถูกต้องมาตลอด โดยพลเอกประยุทธ์ได้ทำเศรษฐกิจทรุดต่ำมาตลอด  พลเอกประยุทธ์ต้องกลับไปดูประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างประเทศพม่า เหตุผลที่ประชาชนพม่าต้องออกมาประท้วงเพราะตลอด 50 ปีที่ทหารปกครองเศรษฐกิจพม่าย่ำแย่มาตลอดจนประชาชนทนไม่ไหว และพอมองกลับมาถึงเศรษฐกิจไทยตลอด 6 ปีก็ย่ำแย่ไม่ต่างกัน ซึ่งประชาชนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ได้รู้ซึ้งแล้วจึงได้ออกมาประท้วงกันเพราะไม่มีทิศทางที่เศรษฐกิจจะดีได้ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ 


“พลเอกประยุทธ์เองยังไม่เข้าใจเลยว่าประชาธิปไตยมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างไร ทั้งที่ตลอด 5 ปีภายใต้การปฏิวัติเศรษฐกิจไทยเสื่อมถอยมาตลอด ไม่ได้มาเสื่อมถอยเฉพาะช่วงโควิด ถ้าพลเอกประยุทธ์ยังเข้าใจว่าจัดการโควิดได้ดี โดยเศรษฐกิจไทยเสียหายอย่างหนักแสดงถึงความเช้าใจที่ผิด อีกทั้งเศรษฐกิจไทยตกต่ำมากตั้งแต่ก่อนมีไวรัสโควิดแล้ว ถ้าพลเอกประยุทธ์ยังจะหลอกตัวเองก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้เลย แล้วอย่าคิดแม้นแต่จะเทียบวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจของพลเอกประยุทธ์กับอดีตนายกทักษิณ คงเทียบกันไม่ได้ มันคนละชั้น ถ้าจะเอาคนมาเชียร์แบบหลับหูหลับตาเชียร์ขนาดนี้น่าจะสร้างความอับอายให้กับพลเอกประยุทธ์มากกว่า หากพลเอกประยุทธ์อาจจะไม่มีความรู้เพียงพอที่จะเข้าใจสิ่งที่อดีตนายกทักษิณพูดได้ ก็อยากให้พลเอกประยุทธ์ได้สอบถามโดยตรงกับอดีตนายกทักษิณเลย อย่าได้แกล้งทำเป็นโกรธเพราะไม่เข้าใจ เชื่อว่าอดีตนายกทักษิณจะยินดีอธิบายให้พลเอกประยุทธ์ได้เข้าใจ เพราะอดีตนายกทักษิณหวังดีกับประเทศไม่อยากให้เศรษฐกิจของไทยเข้าสู่ความหายนะอย่างสโลโมชั่นอย่างที่เป็นอยู่

         

“เอาแค่วิธีการเยียวยาเงินให้ประชาชนในช่วงโควิด -19 ถ้าเป็นยุคท่านทักษิณป่านนี้ประชาชนได้รับเงินสดและทำเศรษฐกิจประเทศไทยฟื้นแล้วตั้งแต่สัปดาห์แรก ท่านพลเอกประยุทธ์และรัฐบาลท่านใช้สมองส่วนไหนคิด บอกว่ากลัวคนติดโควิดไม่ให้จับเงินสดไม่ให้คนรอกดเอทีเอ็ม แต่กลับไม่กลัวคนไม่มีโทรศัพท์มือถือรอคิวยาวหน้าธนาคาร แถมยังดุยิ่งกว่าหมา แล้วยังบอกประชาชนอีกว่า ลำบากสักนิดขอให้คุ้นชิน ลำพังแค่ทนอยู่กับท่านมันก็เกินทนยังให้มาทนกับความลำบากอีก ท่านเป็นผู้นำประเภทไหนกันที่ทนเห็นประชาชนต่อแถวลงทะเบียนขอรับเงินยามที่เขาไม่มีจะกินเช่นนี้” นางสาวตรีชฎา กล่าวทิ้งท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ดร.นิยม เวชกามา" จับมือกรรมาธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ไปช่วยแก้ปัญหาตั้งวัดในศรีสะเกษกว่า 300 แห่ง

วันที่ 24 เมษายน 2567 ดร.นิยม เวชกามา ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม  เวชยชัย ในฐานะอนุกรรมมา...