วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

มส."มอบข้าวถุง พยุงชีวิต" ประชาชนประสบภัยโควิด



เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธุ์ 2664 ที่ผ่านมา ที่วัดลาดปลาเค้า แขวงจรเข้บัว กทม. พระพรหมเสนาบดี กรรมการมหาเถรสมาคม  เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  และพระมหาเขมานันท์ ปิยสีโล เจ้าอาวาสวัดลาดปลาเค้าและเจ้าคณะเขตลาดพร้าว พร้อมด้วยนางสุภาพร ศรีศาสนวงศ์  ผู้อำนวยการเขตลาดพร้าว กทม.เป็นประธานฝ่ายฆราวาส มอบข้าวถุงให้กับประชาชนที่ประสบภัยโควิด ตามโคงการ"มอบข้าวถุง พยุงชีวิต"

พระมหาเขมานันท์ กล่าวว่า เป็นโครงการที่วัดอยากจะเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากไร้ ยุคนี้อาตมาต้องขอบอกว่าเป็นยุค "ข้าวยากหมากแพง" จริงๆ ประชาชนยากไร้ หลายๆ บ้าน ไม่มีแม้แต่ข้าวสารกรอกหม้อ อาตมาจึงคิดว่าคนที่พอจะมีเงินนั้นยังพอมีอยู่ หากประชาสัมพันธ์ "ให้ผู้ที่มีทรัพย์"  นำเงินมาบริจาค แล้วช่วยเหลือคนยากไร้ที่ไม่มีจะกิน คงจะช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจนลดปัญหาฉกชิงวิ่งราว ลดปัญหาอาชญากรรม การฆ่าตัวตายด้วยพิษเศรษฐกิจไปได้บ้าง จึงได้ริเริ่มโครงการ "มอบข้าวถุง พยุงชีวิต"  ดังกล่าว ปรากฏว่าหลังจากประชาสัมพันธ์ไปแล้ว ได้ผลเกินคาด ทั้งชาวไทยชาวต่างประเทศ หน่วยงานราชการ ต่างร่วมบริจาคเงิน เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อข้าวถุง มาตั้งไว้ ก็จะมีผู้ยากไร้มารับข้าวสารจากมืออาตมาโดยตรง บ้างก็เดินมา บ้างก็ขี่จักรยานมา บริจาคทุกวัน บางวันร่วม 100 ถุงหรือมากกว่า แต่การบริจาคก็มีมาอย่างไม่ขาดสาย อาตมาได้เท่าไหร่ ก็บริจาคเท่านั้น ก็หมดทุกวัน ก็ถือเป็นโอกาสดีที่อาตมาเป็นพระสงฆ์เล็กๆ แต่ได้มีโอกาสได้ช่วยเหลือประชาชน ได้ช่วยเหลือประเทศชาติ

ดร.ณพลเดช มณีลังกา  อนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ กล่าวว่า  ตนเชื่อว่า จากเหตุการณ์ โควิด-19 นี้ มีประชาชนส่วนมากที่เห็นความทุกข์ยากของพี่น้องร่วมประเทศและมีจิตกุศลที่จะช่วยเหลือ บ้างก็บริจาคทรัพย์ บ้างก็บริจาคสิ่งของ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ตนเห็นว่าสิ่งนี้คล้ายกับเหตุการณ์ของประเทศในอดีต ในสังคมไทยเชื่อกันว่า "ยิ่งให้ ก็ยิ่งได้"  และ "ทำบุญด้วยอะไรก็ได้สิ่งนั้น"  ปลูกถั่วก็ได้ถั่วปลูกงาก็ได้งา ตนคิดว่าสิ่งนี้ยังฝังแน่นในจิตใจคนไทย การมีจิตใจเอื้อเฟื้อเกื้อกูลนี้ จะส่งผลให้ประเทศฝ่าฟันภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองไปได้ด้วยกัน จากที่ตนมาสัมผัสวัดลาดปลาเค้า วัดก็มีโอกาสได้กลับมาเป็นศูนย์กลางของชุมชน ได้มีโอกาสเป็นที่พึ่งยามท้องหิว ส่งผลให้ได้มีโอกาสในการนำหลักธรรมคำสอนมาสอนให้ประชาชน "รู้จัก ผิดชอบชั่วดี"  อาจมีผลให้ท้องถิ่นประกอบสัมมาอาชีวะ 

ดร.ณพลเดช กล่าว กล่าวด้วยว่า หากวัดทั่วประเทศมีรูปแบบเช่นวัดลาดปลาเค้า วัดจะกลับมาเป็นศูนย์กลางของชุมชน การเรียนการสอนจะเริ่มจากจิตใจที่ดีเป็นรากเหง้า ตนเชื่อว่าหากจิตใจของประชาชนดี เราจะเป็นประเทศที่มั่งคั่ง ดังมีประวัติศาสตร์ ดังสมัย "อาณาจักรตามพรลิงค์" แห่งเมืองนครศรีธรรมราช ที่มีเงิน "นะโม" เป็นสกุลเงินหลักในการค้าขายภายในและต่างประเทศ สมัยนั้นแผ่นดินไทยถือเป็นศูนย์กลางการเงินการธนาคารและศูนย์กลางการค้าโลกแห่งหนึ่ง และอีกสมัยไม่นานมานี้ ก็เช่นสมัยสุโขทัย และกรุงศรีอยุธยา หากจะดูตามประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่ของบ้านเมืองแล้ว เรามีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ศิลปะและวัฒนธรรม อย่างโดดเด่น โดยมีจุดเชื่อมโยงจุดเล็กๆ ที่ทำให้ชุมชนเข้มแข็งมีการปรึกษาหารือกันในแต่ละชุมชน นั่นก็คือ "วัด" นั้นเอง ตนมองว่าหากวัดกลับมามีบทบาทเป็นศูนย์กลางชุมชนอีกครั้ง จะส่งผลให้ประเทศมั่งคั่งและส่งผลดีให้ประเทศชาติได้ในหลายอีกมิติ

2 ความคิดเห็น:

วิเคราะห์ ‎“จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์

  วิเคราะห์ ‎“จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์ บทนำ “จาล...