วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

แนะวิศวกรสันติภาพพึงระวัง! สื่อสารเสียดสีอาทิ"คลับเฮ้าส์toxic"ปมเหยียดคนอีสาน



วันที่ ๖   พฤศจิกายน ๒๕๖๔  พระปราโมทย์ วาทโกวิโท,ดร. อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) อาจารย์ประจำวิชาปฏิบัติการจัดการความขัดแย้งโดยพุทธสันติวิธี  เปิดเผยว่า ได้ทำหน้าที่สอนนิสิตระดับปริญญาโท รุ่น ๘ หลักสูตรสันติศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  ซึ่งเป็นรายวิชาสุดท้ายของนิสิตปริญญาโทรุ่น ๘ คือ วิชาปฏิบัติการจัดการความขัดแย้งโดยพุทธสันติวิธี เป็นวิชาที่ต้องลงมือปฏิบัติเพื่อจัดการความขัดแย้งในมิติต่างๆ ไม่ใช่วิชาที่ต้องเรียนทฤษฎีแต่เป็นรายวิชาที่ต้องนำทฤษฎีที่เรียนมาทั้งหมดมาบูรณาการลงสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริงในการจัดการความขัดแย้งโดยพุทธสันติวิธี จึงออกแบบให้นิสิตได้เลือกพื้นที่ในการปฏิบัติเพื่อจัดการความขัดแย้งในบริบทของตนเอง

โดยเริ่มต้นจากสวดมนต์เจริญสติวิปัสสนากรรมฐานซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างสันติภายใน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ชี้แจงรายละเอียดของรายวิชา พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การลงพื้นจัดการความขัดแย้งโดยพุทธสันติวิธีผ่านเรื่องราวและการใช้เครื่องมือของพุทธสันติวิธี ผ่านการวิเคราะห์ความขัดแย้งผ่านอริยสัจโมเดล โดยนิสิตเลือกพื้นที่ในการปฏิบัติการจัดการความขัดแย้งโดยพุทธสันติวิธี “เอาธรรมลงไปทำ” แต่สิ่งที่พึงระวังคือ ได้ยกกรณีข่าวดังในสื่อออนไลน์เรื่องการกล่าวเสียดสีบุคคลอื่นๆ สังคมออนไลน์ไว เร็ว แรง แซงแต่ชน ซึ่งสอดรับกับทางพระพุทธศาสนาว่าพึงระวังการเสียดสีด้วยการเขียนและการคำพูด 

ประกอบด้วย  “ชาติกำเนิด ชื่อ ตระกูล หน้าที่การทำงาน ศิลปวิทยาการศึกษา  ความเจ็บไข้   รูปลักษณ์  กิเลส  คดีความ และคำด่า ” เพราะจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่ฝังรากลึกสามารถนำไปสู่การใช้ความรุนแรงได้ในที่สุด วิศวกรสันติภาพเวลาลงไปทำงานกับชุมชนบุคคลจะต้องใช้สัมมาวาจามีความ “จริง  ไพเราะ เหมาะกาล ประสานสามัคคี มีประโยชน์ ประกอบด้วยเมตตา” โดยสวมวิญญาณของปุณณะต้นแบบของพระสาวกที่ใช้ขันติธรรมเป็นฐานต่อความแตกต่าง เพราะขันติธรรมไม่ได้แปลว่าอดทนเท่านั้นแต่ต้องเคารพให้ เกียรติในความแตกต่าง ยิ่งเราแตกต่างกันยิ่งต้องศึกษาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน 

พระปราโมทย์ สรุปว่า ดังนั้น จึงสะท้อนไปถึงคนในสังคมที่ขาดสติในการสื่อสารอาจนำไปสู่ความขัดแย้งและการใช้ความรุนแรง พระพุทธเจ้าจึงเน้นย้ำในหลักโอวาทปาติโมกข์ว่า “การไม่พูดร้าย การไม่ทำร้าย” แม้บุคคลนั้นจะมีความแตกต่างจากเราขนาดไหนก็ตาม  จึงเน้นย้ำนิสิตปริญญาโทว่านี่คือ วิชาสุดท้ายที่จะต้องลงปฏิบัติการจัดการความขัดแย้งโดยพุทธสันติวิธี  วิศวกรสันติภาพพึงระวังการเสียดสีด้วยการเขียนและการคำพูด ผ่านการพัฒนาสติ ขันติ และสันติ เพราะขันติธรรมไม่ได้แปลว่าอดทนแต่ต้องเคารพให้เกียรติในความแตกต่าง เป็นเหตุว่าจะต้องฝึกสติขันติสันติให้มีความเข้มแข็งเพื่ออยู่กับสังคมที่ไม่มีสติ ไม่มีขันติ ไม่มีสันติ แต่แท้จริงโลกไม่ได้วุ่นวายใจของเราต่างหากที่วุ่นวาย เพราะอะไรที่เราไม่สามารถจัดการได้จงจัดการใจของเราเอง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"มจร"สีเขียวยุคAI! จัดกิจกรรม "รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม คืนขยะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน"

กิจกรรม “รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม” เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างจริยธรรมและเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ด้วยหล...