"พระเขี้ยวแก้ว"จากจีนถึงไทยแล้ว! "จิราพร" เชิญชวนประชาชนสักการะ ฉลองปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมเชิญชมสดพิธีอัญเชิญพร้อมกันทั่วประเทศ 16.30 น. ทางช่อง NBT
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ตามที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการประสานงานการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) และดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะสงฆ์ไทยนำโดยพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ออกจากพระวิหารวัดหลิงกวงไปยังท่าอากาศยานกรุงปักกิ่ง มีพิธีส่งมอบให้แก่ผู้แทนทางการไทย โดยนายเฉิน รุ่ยเฟิง รัฐมนตรีประจำสำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติจีน
ส่งมอบให้แก่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีพระสงฆ์ฝ่ายไทยและฝ่ายจีน และผู้แทนหน่วยงานของทั้งสองประเทศก่อนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ขึ้นสู่เครื่องบินพิเศษกองทัพอากาศ ออกจากท่าอากาศยานกรุงปักกิ่ง ไปยังท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 โดยเดินทางถึงในเวลา ประมาณ 13.06 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประกอบพิธีรับพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) โดยมีการตั้งขบวนเกียรติยศรับพระบรมสารีริกธาตุ คณะสงฆ์ไทยและจีนร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์
จากนั้น จัดขบวนรถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ(พระเขี้ยวแก้ว) ออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ใช้เส้นทางยกระดับอัตราภิมุข-ทางพิเศษศรีรัช ผ่านวัดไตรมิตรวิทยาราม ถนนมิตรภาพไทย-จีน ซุ้มประตูแฉลิมพระเกียรติฯ ถนนเยาวราช และถนนมหาไชย เข้าสู่ถนนราชดำเนินไปยังลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ มีการจัดตั้งริ้วขบวนอัญเชิญ 24 ขบวน โดยเริ่มจากลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ถึงท้องสนามหลวง ระยะทาง 2.7 กิโลเมตร
“จิราพร” เชิญชวนประชาชนสักการะ
นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี 2568 รัฐบาลไทยได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ “พระเขี้ยวแก้ว” จากวัดหลิงกวง ประเทศจีน มาประดิษฐานที่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว โดยวันนี้ (4 ธันวาคม 2567) จะมีการจัดพิธีทางศาสนา และอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 โดยมีการจัดริ้วขบวนอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์สู่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมพิธีด้วย
นางสาวจิราพร เปิดเผยว่า ถือเป็นโอกาสดีที่ประชาชนชาวไทยได้สักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” 1 ใน 2 องค์บนโลก ซึ่งปัจจุบันมีพระเขี้ยวแก้วเพียง 2 องค์บนโลกใบนี้ คือ “พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำขวา” ประดิษฐาน ณ ประเทศศรีลังกา และ “พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย” ประดิษฐาน ณ ประเทศจีน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้เคยอนุญาตให้อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้ายไปประดิษฐานยังประเทศต่าง ๆ รวม 6 ครั้ง ปีนี้ถือเป็นปีมหามงคลของประเทศไทย จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่คนไทยจะได้สักการะพระเขี้ยวแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
”สำหรับพิธีอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว จากลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์สู่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงวันนี้ เชื่อว่ามีประชาชนสนใจและอยากเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามรับชมการถ่ายทอดสดพิธีดังกล่าว ได้ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT2HD กดช่อง 2 ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารการเข้าสักการะพระเขี้ยวแก้ว ได้จากเว็บไซต์ “พระลาน” https://www.phralan.in.th
และประชาชนสามารถเข้าสักการะพระเขี้ยวแก้วได้ ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 07.00 - 20.00 น. โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมดอกไม้สักการะ (ประชาชนไม่ต้องนำมาเอง) และมีโปสการ์ดพร้อมบทสวดบูชาพระเขี้ยวแก้วมอบให้ ซึ่งผู้ที่จะเข้าสักการะองค์พระเขี้ยวแก้วต้องนำบัตรประชาชนแสดงเพื่อยืนยันตัวตนด้วย“ นางสาวจิราพร กล่าว
หรือฟังเพลงเกี่ยวกับพระเขี้ยวแก้วได้ที่ อัลบั้มมนต์เพลงพุทโธจีพีที: พระเขี้ยวแก้วยุคเอไอ: วิถีพุทธสันติวิธี https://siampongsnews.blogspot.com/2024/12/blog-post_83.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น