วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2565

"อภิสิทธิ์-อภิรักษ์" ร่วมประชุมใหญ่ ปชป. ทาง Zoom "จุรินทร์" แจงปม "ปริญญ์" กก.บห. รับผิดชอบตามขอบเขต

 


“จุรินทร์” แจงที่ประชุมใหญ่ ปชป. ยันความรับผิดชอบ กก.บห. หากเลยขอบเขตจะกลายเป็นความไม่รับผิดชอบ ยันรักษามาตรฐาน “ประชาธิปัตย์” เมื่อปัญหาเกิดในยุคเรา ตนก็ไม่ผลักความรับผิดชอบ เมื่อเป็นหน้าที่ก็ต้องแก้ปัญหาให้สำเร็จลุล่วง ไม่หนีปัญหา

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2565  เวลา 13.40 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค ขึ้นที่ห้องประชุม ชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช โดยการประชุมครั้งนี้นอกจากจะเป็นครั้งแรกที่เป็นการจัดประชุมทางอิเลคทรอนิกส์ ผ่านระบบ Zoom แล้ว ทางพรรคได้มีการตรวจ ATK พร้อมกับกำชับให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ให้กับแกนนำพรรค และสมาชิกพรรคที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ประชุมอีกด้วย 


โดยแกนนำสำคัญที่มาร่วมงานด้วยตัวเองในวันนี้ นอกจากรัฐมนตรีของพรรคอย่าง ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ยังประกอบด้วย กก.บห. พรรค อาทิ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ ดร.รัชดา ธนาดิเรก ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ นายวิรัช ร่มเย็น นายอัศวิน วิภูศิริ น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ นายธนา ชีรวินิจ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค นายชวลิต รัตนสุทธิกุล นายทวีโชค อ๊อกกังวาล 


องค์ประชุมที่เป็น ส.ส. ของพรรคที่เป็น บัญชีรายชื่อ ประกอบด้วย นายชวน หลีกภัย นายสินิตย์ เลิศไกร นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายเกียรติ สิทธีอมร ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส. กระบี่ นายสราวุธ อ่อนละมัย ส.ส.ชุมพร นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ มีอดีต ส.ส. ของพรรค อาทิ นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล นายสากล ม่วงศิริ นายสุกิจ ก้องธรนินทร์ นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท นายวัชระ เพชรทอง นางพจนารถ แก้วผลึก นพ.บรรพต ตันธีรวงศ์ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ นายธนิตพล ไชยนันทน์ นายณรงค์ ดูดิง นายกุลเดช พัวพัฒนกุล นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ นายเจะอามิง โตะตาหยง นอกจากนี้ยังมี อดีตรัฐมนตรีของพรรค อย่าง นายไพฑูรย์ แก้วทอง นายสัมพันธ์ ทองสมัคร นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นายเอนก ทับสุวรรณ พร้อมด้วยตัวแทนพรรคจากทุกภาค เข้าร่วมประชุมด้วยตัวเองอีกด้วย   ขณะที่สมาชิกพรรคบางส่วนประชุมผ่านระบบซูม เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค และ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค เป็นต้น


ก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้น เมื่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางมาถึงพรรค มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จากทุกภาค ร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับเปล่งเสียงให้กำลังใจ “หัวหน้า สู้ๆ” ดังกระหึ่มตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีตัวแทนพรรคจากภาคอีสานได้นำผ้าขาวม้าผูกเอวหัวหน้าพรรค และมีการรดน้ำมนต์จาก 10 วัด เพื่ออวยพรให้นายจุรินทร์มีกำลังใจในการทำประโยชน์ให้กับประเทศและชาวประชาธิปัตย์ต่อไป 


การประชุมใหญ่สามัญของพรรค มีวาระการประชุมที่สำคัญคือ รายงานการดำเนินกิจการของพรรค ในรอบปีที่ผ่านมา และรับรองงบการเงินประจำปี 2564 ตาม พรป.พรรคการเมือง มาตรา 43 และมาตรา 61 นอกจากนี้ยังจะมีการหารือถึงแผนงาน และโครงการที่พรรคจะได้ดำเนินการกิจกรรมในปีถัดไป โดยเฉพาะการหารายได้ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในทางการเมือง และการพัฒนาการบุคลากรทางการเมือง ตามข้อบังคับพรรคข้อ 79  


ส่วนภายหลังการประชุม หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงผลการประชุมในวันนี้ว่า 


ที่ประชุมมีการสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าพรรคได้มีการดำเนินการอะไรไปบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ชี้แจงให้ที่ประชุมเข้าใจ โดยกรณีของคุณปริญญ์นั้น ตนได้ชี้แจงแทน กก.บห. พรรคว่า ได้มีการแถลงไปแล้วอย่างน้อยครั้งหนึ่ง นอกจากการให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านั้น และขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งมี ดร.รัชดา ธนาดิเรก และบุคคลภายนอกพรรคที่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชน บทบาทสตรี และผู้ที่ส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ เข้ามาร่วมเป็นคณะทำงาน และเป็นคณะกรรมการ ซึ่งจะเป็นผู้ที่เข้าไปช่วยดูด้วยว่า จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตเราจะหาทางป้องกันปัญหาได้อย่างไร และจะแก้ไขปัญหาอย่างไร รวมถึงจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้าง ซึ่งอาจจะกลายเป็นต้นแบบของพรรคการเมืองทุกพรรคต่อไปในอนาคตได้ 


หัวหน้าพรรคยังกล่าวถึง กรณีที่มีผู้นำข้อความทางไลน์ภายในพรรคออกไปเผยแพร่ข้างนอกว่า เรื่องนี้ก็ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเช่นเดียวกับที่สาธารณชนรับทราบว่าพรรคมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ รวมไปถึงการกำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไปในอนาคตด้วย โดยมอบให้รองหัวหน้าพรรค นายนราพัฒน์ แก้วทอง เป็นผู้ดำเนินการต่อไป 


ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าถึงเวลานี้ยังยืนว่าจะยังไม่ลาออกใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าตนได้พูดเรื่องนี้ไปแล้วว่า ความรับผิดชอบนั้น ถ้ามันเลยขอบเขตก็จะกลายเป็นความไม่รับผิดชอบ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้ทำไปก็คือ เมื่อปัญหาเกิดในยุคเรา ตนก็ไม่ผลักความรับผิดชอบ เราก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไปข้างหน้าให้ได้ และก็ไม่หนีปัญหา เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ก็คือสิ่งที่เราได้ยึดถือยึดมั่นมา หรือแม้แต่กรณีที่คุณวิทยา แก้วภราดัย ได้ออกมายกตัวอย่างว่าในยุคที่ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเคยถูกกล่าวหาทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง ท่านก็ได้แสดงความรับผิดชอบหรือแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่กรรมการบริหารพรรคก็ไม่ได้ลาออกแต่กรรมการบริหารพรรคชุดนั้นก็ไม่ได้หนีปัญหา และได้เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาด้วยการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค จนกระทั่งมีมติที่จะให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี และตนก็เป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากมติพรรคให้ปรับคณะรัฐมนตรีจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไปเป็นรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุขเพื่อไปแก้ปัญหาในกระทรวงสาธารณสุขจากการลาออกของคุณวิทยา ซึ่งเรื่องนั้นเป็นมาตรฐานหรือเป็นสิ่งที่เราได้เคยปฏิบัติมา ยุคนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนมาตรฐาน และยุคนี้ก็ได้ปฏิบัติไปตามนั้นเมื่อ คุณปริญญ์ ได้เป็นผู้ที่ถูกกล่าวหา คุณปริญญ์ก็ได้ลาออกไปจากทุกตำแหน่งในพรรค ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็ไม่มีหน้าที่ที่จะแสดงความรับผิดชอบจนเกินเลยขอบเขตของความรับผิดชอบจนกลายเป็นการหนีความรับผิดชอบ และกรรมการบริหารพรรคก็มีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นที่มาของการตั้งคณะกรรมการ ที่มี ดร.รัชดา เข้ามาแก้ไขปัญหา 


ผู้สื่อข่าวถามว่า การชี้แจงของหัวหน้าพรรคในที่ประชุมวันนี้จะทำให้ปัญหาในพรรคคลี่คลายได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า  เรื่องนี้ในที่ประชุมก็ไม่มีผู้ใดถามเพิ่มอีก และทุกท่านก็รับทราบและเข้าใจในคำชี้แจง 


ส่วนที่หลายคนมองว่าปัญหาดังกล่าวเหมือนเป็นระเบิดเวลานั้น หัวหน้าพรรคกล่าวว่า ตนไม่ไปขอตอบตรงนั้น เมื่อเรามีหน้าที่อะไร มีปัญหาเกิดขึ้นเราก็ต้องรับผิดชอบด้วยการแก้ไขปัญหา ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ เพราะฉะนั้นไม่ได้แปลว่าวันนี้ประชาธิปัตย์เจอปัญหานี้แล้ว เราจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ประชาธิปัตย์จบแล้วเหมือนที่บางคนพยายามพูดให้เป็นอย่างนั้นซึ่งตนไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น 


“ทุกยุคทุกสมัยก็มีปัญหาเกิดขึ้น กรรมการบริหารพรรคที่สมาชิกเขาเลือกมาจากมติทั่วประเทศก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหาไม่ว่าองค์กรใด ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ทุกองค์กรมีปัญหาได้ทั้งสิ้น คนที่รับผิดชอบองค์กรก็ต้องแก้ปัญหาในรัฐบาลก็มีปัญหา ไม่ใช่ไม่มี คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี คนเป็นรัฐมนตรีก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหา เพราะเขาเลือกขึ้นมาเป็นผู้บริหารพรรค หรือผู้บริหารองค์กรเพื่อไปแก้ปัญหา ถ้าหนีปัญหาก็กลายเป็นความไม่รับผิดชอบประการหนึ่งเหมือนกัน ทุกอย่างมีหลายมุม” 


หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเพิ่มเติมอีกว่า ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณสมาชิกจากทุกภาคทั่วประเทศที่กรุณามาให้กำลังใจกับตนและกรรมการบริหารพรรคทุกคน ขอขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง สิ่งเดียวที่ตนและคณะกรรมการบริหารพรรคจะทำได้ก็คือเราต้องปฏิบัติหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดให้สมบูรณ์แบบที่สุด แล้วพาพรรคให้เดินข้างหน้าให้ได้ ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสในการที่จะนำพรรคเดินไปข้างหน้าต่อไปและส่งไม้ต่อให้คนรุ่นต่อๆ ไป ให้คนรุ่นใหม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อไปในอนาคต 


ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า หากมี กก.บห. ของพรรคประสงค์ลาออกเพิ่มเติมอีก จะมีแนวทางอย่างไรนั้น หัวหน้าพรรคกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิ์ของแต่ละท่าน เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทุกคน ในทุกวิกฤติก็มีโอกาส เมื่อเราไม่ประสงค์ให้ใครออกจากพรรค แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็มีหน้าที่ต้องหาคนใหม่ในการเข้ามาชดเชยทดแทน ทุกองค์กรก็มีเข้ามีออก ทุกองค์กรก็มีสิ่งที่หมดภารกิจไป แต่ตนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่ใครจะลาออก อย่าเข้าใจผิด แต่ทุกองค์กรต้องมีหน้าที่สร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาในการที่จะต่อเติมอนาคตให้กับองค์กรนั้นๆ ประชาธิปัตย์ก็เหมือนกัน ทุกพรรคก็เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ไม่งั้นประชาธิปัตย์อยู่ยั้งยืนยงมา 76 ปี แล้วเดินหน้าสู่ปีที่ 77 ต่อไปไม่ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"มจร"สีเขียวยุคAI! จัดกิจกรรม "รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม คืนขยะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน"

กิจกรรม “รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม” เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างจริยธรรมและเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ด้วยหล...