'มหานิกาย'มอบป.เอก'ธรรมยุต' ย้ำภาพทำลายกำแพงนิกาย : สำราญ สมพงษ์รายงาน
ภาพความร่วมมือระหว่างพระทั้งสองนิกายในประเทศไทยคือมหานิกายกับธรรมยุตไม่
ได้ปรากฏต่อสายตาสาธารณชนเท่าใดนัก
ทั้งๆที่มีความร่วมมือกันมาอย่างต่อเนื่อง
เป็นที่ทราบกันก็เฉพาะในวงในเท่านั้น
อย่างภาพที่พระธรรมสุธี นายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ฝ่ายมหานิยาย พร้อมด้วยพระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดี ผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ ได้ร่วมพิธีถวายปริญาพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจักการเชิงพุทธ แด่พระธรรมวราจารย์ (แบน กิตฺสาโร) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 16,17,18 ฝ่ายธรรมยุต และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ กรุงเทพมหานคร ที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร) วิทยาเขตสิรินธร อ้อมใหญ่ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา
หรืออย่างเช่นกรณีประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน โดยได้พิจารณารายชื่อพระเถรานุเถระที่จะเข้ารับพระราชทานสถาปนาเลื่อนและ ตั้งสมณศักดิ์ ประจำปี 2555 ซึ่งปีนี้มีตำแหน่งชั้นรองสมเด็จพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏ ฝ่ายมหานิกาย ว่างจำนวน 1 ตำแหน่ง
ที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้พิจารณาเห็นควรเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์พระธรรมโกศา จารย์ (ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส และอธิการบดี มจร ในฐานะกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะรูปใหม่ มีราชทินนามว่า “พระพรหมบัณฑิต” สร้างความปลาบปลื้มให้กับชาว มจร และชาวพุทธไม่น้อย
ข้อมูลเช่นนี้ก็ทราบอยู่เฉพาะในวงจำกัดเช่นเดียวกัน ไม่เหมือนกับกรณีพฤติกรรมของพระสงฆ์ที่ผิดพระธรรมวินัย มั่วสีกา ค้ายาเสพติด เต้นโคโยตี้เป็นต้น เมื่อมีข้อมูลทางลบเช่นนี้ถูกเผยแพร่ออกมา จะมีการเผยแพร่ต่อทางสังคมออนไลน์โดยเฉพาะทางเฟซบุ๊กอย่างรวดเร็ว จึงทำให้มีเสียงเรียกร้องจากพระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดี มจร ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ต้องการให้ มส.ตั้งหน่วยงานขึ้นมาตรวจสอบควบคุม
ความจริงแล้วความร่วมมือของพระทั้งสองนิยายหรือแม้นแต่พระนิกายต่างๆในต่าง ประเทศ ก็มีมาอย่างต่อเนื่องดูการจัดงานวันวิสาขะโลกเป็นตัวอย่าง ทั้งการปกครองและการศึกษา มมร.ก็เคยพิจารณาพิธีถวายปริญาดุษฏีบัณฑิตแก่พระเถระฝ่ายมหานิกายเช่นเดียว กัน
ต่อกรณีนี้ "สมหมาย สุภาษิต" รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารสำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังมคม มจร ชี้แจงว่า การที่ มจร ถวาย ปริญาพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจักการเชิงพุทธ แด่พระธรรมวราจารย์ ฝ่ายธรรมยุตดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เพราะมีกิจกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผ่านกระบวนการการเสนอชื่อให้สภาวิชาการของมหาวิทยาลัยพิจารณาอนุมัติไป ตามคุณสมบัติอย่างแท้จริง โดยไม่มีสี การเมืองหรือนิกายเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
"ส่วนการการที่ มส.พิจารณาเห็นชอบให้พระธรรมโกศาจารย์เลื่อนสมณศักดิ์ชั้นรองสมเด็จพระราชา คณะชั้นหิรัญบัฏ ฝ่ายมหานิกายนั้น ก็เป็นพระราชาคณะที่มีคุณสมบัติเหมาะสม 1 ใน 3 รูปที่สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กรรมการ มส. เสนอให้ที่ประชุม มส.พิจารณา" "สมหมาย" ระบุ
ภาพ มจร พิธี ถวายปริญาพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แด่พระธรรมวราจารย์ พระเถระฝ่ายธรรมยุตดังกล่าวจึงนับว่าเป็นการย้ำการทุบกำแพงนิกายโดยแท้ ทั้งนี้เพราะทั้งสองมหาวิทยาลัยสงฆ์ตั้งบนหลักของ "วิชชา" ไม่ยึดฝักฝ่ายหรือนิกายเป็นที่ตั้ง
หากยังมี "อวิชชา" ความเป็นนิกาย สี หรือแม้นแต่ความเป็นศาสนาจนทำให้เห็นภาพวัดพุทธในบังคลาเทศถูกเผา ทำให้ชาวพุทธต้องรวมตัวกันออกมาเรียกร้องให้ยุติพฤติกรรมการทำลายล้างเพราะ ศาสนาเป็นต้นเหตุ ภาพความร่วมมือของทั้งสองมหาวิทยาลัยสงฆ์ก็คงไม่เกิด ฝ่ายการเมืองจะเอาเป็นแบบอย่างความปรองดองก็คงจะเกิดขึ้นได้
....................
(หมายเหตุ : ที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20121013/142229/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9B.%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2.html)
อย่างภาพที่พระธรรมสุธี นายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ฝ่ายมหานิยาย พร้อมด้วยพระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดี ผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ ได้ร่วมพิธีถวายปริญาพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจักการเชิงพุทธ แด่พระธรรมวราจารย์ (แบน กิตฺสาโร) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 16,17,18 ฝ่ายธรรมยุต และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ กรุงเทพมหานคร ที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร) วิทยาเขตสิรินธร อ้อมใหญ่ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา
หรืออย่างเช่นกรณีประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน โดยได้พิจารณารายชื่อพระเถรานุเถระที่จะเข้ารับพระราชทานสถาปนาเลื่อนและ ตั้งสมณศักดิ์ ประจำปี 2555 ซึ่งปีนี้มีตำแหน่งชั้นรองสมเด็จพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏ ฝ่ายมหานิกาย ว่างจำนวน 1 ตำแหน่ง
ที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้พิจารณาเห็นควรเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์พระธรรมโกศา จารย์ (ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส และอธิการบดี มจร ในฐานะกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะรูปใหม่ มีราชทินนามว่า “พระพรหมบัณฑิต” สร้างความปลาบปลื้มให้กับชาว มจร และชาวพุทธไม่น้อย
ข้อมูลเช่นนี้ก็ทราบอยู่เฉพาะในวงจำกัดเช่นเดียวกัน ไม่เหมือนกับกรณีพฤติกรรมของพระสงฆ์ที่ผิดพระธรรมวินัย มั่วสีกา ค้ายาเสพติด เต้นโคโยตี้เป็นต้น เมื่อมีข้อมูลทางลบเช่นนี้ถูกเผยแพร่ออกมา จะมีการเผยแพร่ต่อทางสังคมออนไลน์โดยเฉพาะทางเฟซบุ๊กอย่างรวดเร็ว จึงทำให้มีเสียงเรียกร้องจากพระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดี มจร ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ต้องการให้ มส.ตั้งหน่วยงานขึ้นมาตรวจสอบควบคุม
ความจริงแล้วความร่วมมือของพระทั้งสองนิยายหรือแม้นแต่พระนิกายต่างๆในต่าง ประเทศ ก็มีมาอย่างต่อเนื่องดูการจัดงานวันวิสาขะโลกเป็นตัวอย่าง ทั้งการปกครองและการศึกษา มมร.ก็เคยพิจารณาพิธีถวายปริญาดุษฏีบัณฑิตแก่พระเถระฝ่ายมหานิกายเช่นเดียว กัน
ต่อกรณีนี้ "สมหมาย สุภาษิต" รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารสำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังมคม มจร ชี้แจงว่า การที่ มจร ถวาย ปริญาพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจักการเชิงพุทธ แด่พระธรรมวราจารย์ ฝ่ายธรรมยุตดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เพราะมีกิจกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผ่านกระบวนการการเสนอชื่อให้สภาวิชาการของมหาวิทยาลัยพิจารณาอนุมัติไป ตามคุณสมบัติอย่างแท้จริง โดยไม่มีสี การเมืองหรือนิกายเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
"ส่วนการการที่ มส.พิจารณาเห็นชอบให้พระธรรมโกศาจารย์เลื่อนสมณศักดิ์ชั้นรองสมเด็จพระราชา คณะชั้นหิรัญบัฏ ฝ่ายมหานิกายนั้น ก็เป็นพระราชาคณะที่มีคุณสมบัติเหมาะสม 1 ใน 3 รูปที่สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กรรมการ มส. เสนอให้ที่ประชุม มส.พิจารณา" "สมหมาย" ระบุ
ภาพ มจร พิธี ถวายปริญาพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แด่พระธรรมวราจารย์ พระเถระฝ่ายธรรมยุตดังกล่าวจึงนับว่าเป็นการย้ำการทุบกำแพงนิกายโดยแท้ ทั้งนี้เพราะทั้งสองมหาวิทยาลัยสงฆ์ตั้งบนหลักของ "วิชชา" ไม่ยึดฝักฝ่ายหรือนิกายเป็นที่ตั้ง
หากยังมี "อวิชชา" ความเป็นนิกาย สี หรือแม้นแต่ความเป็นศาสนาจนทำให้เห็นภาพวัดพุทธในบังคลาเทศถูกเผา ทำให้ชาวพุทธต้องรวมตัวกันออกมาเรียกร้องให้ยุติพฤติกรรมการทำลายล้างเพราะ ศาสนาเป็นต้นเหตุ ภาพความร่วมมือของทั้งสองมหาวิทยาลัยสงฆ์ก็คงไม่เกิด ฝ่ายการเมืองจะเอาเป็นแบบอย่างความปรองดองก็คงจะเกิดขึ้นได้
....................
(หมายเหตุ : ที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20121013/142229/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9B.%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2.html)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น