วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

"สมเด็จพระสังฆราช" ตรัส "ทั้งพม่าและไทยมีพุทธศาสนาเป็นธงชัย" ประทานแก่ทูตเมียนมา โอกาสน้อมนำสมณศักดิ์ชั้นสูงสุดจากรัฐบาลเข้าถวาย



เมื่อวันอังคารที่ 5 กรกฎาคม 2565   เพจสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้เพิ่มรูปภาพและข้อความว่า "วันอังคาร ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และคณะ เฝ้าถวายเครื่องประกอบสมณศักดิ์ชั้นสูงสุด “อภิธชมหารัฏฐคุรุ” ซึ่งรัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาขอประทานถวาย 

สมณศักดิ์ “อภิธชมหารัฏฐคุรุ” เป็นสมณศักดิ์ชั้นสูงสุดของคณะสงฆ์พม่า ซึ่งจะถวายแด่สมเด็จพระสังฆราช หรือสมเด็จพระราชาคณะ ผู้ทรงคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อกิจการพระพุทธศาสนาและมีพระชนมายุหรือมีอายุ ๘๐ ปีขึ้นไปเท่านั้น ทั้งนี้ รัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเคยถวายสมณศักดิ์อภิธชมหารัฏฐคุรุ แด่สมเด็จพระสังฆราชแห่งราชอาณาจักรไทยมาแล้ว ๒ พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ ๑๓ และสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า

“นามของสมณศักดิ์ที่ว่า ‘อภิธชมหารัฏฐคุรุ’ ชวนให้อาตมภาพระลึกถึงพระสูตรหนึ่งในพระไตรปิฎก ได้แก่ ‘ธชัคคสูตร’ ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสอุปมาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ว่าเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอันเลิศ ประเสริฐยิ่งกว่าธงชัยของแม่ทัพในการสงคราม เพราะเหตุว่าแม่ทัพนายกองทั้งหลาย ล้วนยังเป็นผู้มีกิเลส ธงประจำตำแหน่งของเขา จึงไม่อาจเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้อย่างแท้จริง ในขณะที่ ‘พระรัตนตรัย’ อันเป็นธงชัยแห่งพุทธบริษัท ย่อมก่อให้เกิดความมั่นใจ ไม่หวาดหวั่นครั่นคร้าม ในการบำเพ็ญคุณงามความดี 

ดังที่สมเด็จพระบรมครู ทรงสอนไว้ว่า ‘พึงระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิด ความกลัวไม่พึงมีแก่เธอทั้งหลาย แต่ถ้าว่าเธอทั้งหลายไม่พึงระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้องอาจกว่านรชนนั้น เธอทั้งหลายก็พึงระลึกถึงพระธรรมอันนำออกจากทุกข์ อันพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว หรือถ้าเธอทั้งหลายไม่ระลึกถึงพระธรรมอันนำออกจากทุกข์ อันพระพุทธเจ้าทรงแสดงดีแล้วนั้น เธอทั้งหลายก็พึงระลึกถึงพระสงฆ์ผู้เป็นบุญเขต ไม่มีบุญเขตอื่นยิ่งไปกว่า ครั้นเมื่อเธอทั้งหลายระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์อยู่ ความกลัวก็ดี ความหวาดสะดุ้งก็ดี ความขนพองสยองเกล้าก็ดี จักไม่มีเลย’

ทั้งพม่าและทั้งไทย ต่างก็มีประชากรส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา นับได้ว่าเรามีธงชัยแห่งชีวิตร่วมกัน จึงขอพุทธบริษัททุกหมู่เหล่า ยึดมั่นในพระไตรสรณคมน์เป็นยอดธง เพียรหมั่นศึกษาอบรม ประพฤติปฏิบัติ และเผยแผ่พระพุทธธรรม เพื่อความผาสุกร่มเย็นของโลกนี้ และขอทุกท่านจงปราศจากความกลัว ความหวาดสะดุ้ง ความขนพองสยองเกล้า ในอันที่จะประกอบกรณียกิจ เพื่อจรรโลงเมตตาธรรม ไว้เป็นเครื่องค้ำจุนโลก ให้ดำรงคงมั่นอยู่ด้วยสันติภาพอันร่มเย็น ตลอดกาลนาน

ขออนุโมทนาสาธุการด้วยใจจริงอีกครั้งหนึ่งที่นำเกียรติยศมามอบให้ และขออำนวยพรให้ทุกท่าน จงเจริญงอกงามในพระบวรพุทธศาสนายิ่งๆ ขึ้นสืบไป เทอญ”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์

  วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23: พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ พระไตรปิฎกเล...