วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2563

"นิยม" ถาม "อนุชา"ตอบในสภาฯ ปมอดีตพระผู้ใหญ่ถูกตัดสินคดีเงินทอนวัด



วันที่ 10 ก.ย.2563 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงประเด็นการอภิปรายฯของนายนิยม   เวชกามา สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับเรื่องของพระพุทธศาสนาระบุว่ามีพระเถระจำนวน 7 รูป ถูกดำเนินคดี แล้วศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด มีการคืนยศให้พระเถระดังกล่าวนั้นว่า คดีดังกล่าวศาลได้ตัดสินให้รอการลงโทษกำหนด 2 ปี ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าพระเถระผู้ใหญ่ได้ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกแต่ให้รอลงอาญา 

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เมื่อถูกตัดสินลงโทษแล้ว จะกลับมาห่มผ้าเหลืองอีกนั้น จะต้องผ่านกระบวนการบรรพชาอุปสมบท ถึงจะมีสิทธิ์ห่มผ้าเหลืองได้ ถ้าหากห่มผ้าเหลืองโดยไม่ได้อุปสมบทจะมีความผิดฐานแต่งกายเลียนแบบพระ ตามมาตรา 208 ประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับศาสนา 

นายอนุชาพร้อมกับกล่าวย้ำว่า พระที่ผิดพระธรรมวินัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระที่ถูกจับแล้วต้องลาสิกขาบท มีพระธรรมวินัยระบุไว้ชัดเจนว่าต้องบรรพชาใหม่ ไม่สามารถกลับมาห่มผ้าเหลืองได้ และไม่ได้อยู่ที่จิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการสึกโดยเต็มหรือไม่เต็มใจก็ตาม จากที่นายนิยม เวชกามา ระบุว่ามีพระจำนวน 3 แสนรูป หายไปจำนวน 8 หมื่นรูป เหลือเพียง 220,000 รูปนั้น ไม่ตรงกับข้อมูลความเป็นจริง ปัจจุบันประเทศไทยมีวัดอยู่ทั้งหมดประมาณ 42,000 กว่าวัด ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบันมีจำนวนพระไม่เกิน 250,000 รูป ซึ่งตรงนี้แสดงให้เห็นว่าในคำอภิปรายหรือคำเสนอแนะในการอภิปรายนายกรัฐมนตรีนั้น บางครั้งอาจจะฟังได้ บางครั้งอาจจะฟังไม่ได้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ 3. สุนทรวรรค ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 24 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 16 อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต จตุตถปัณณาสก์

  วิเคราะห์ 3. สุนทรวรรค ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 24 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 16 อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต จตุตถปัณณาสก์ ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ สุน...