เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 เวลา 09.00 น. ที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ศ.ดร.ดุษฎีวัฒน์ แก้วอินทร์ ประธานชมรมพิทักษ์พระพุทธศาสนา ได้ยื่นหนังสือต่อ นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองประธานกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฏร เรื่องการแก้ไขปัญหาวัดที่สร้างในเขตพื้นที่ นสล.
ศ.ดร.ดุษฎีวัฒน์ กล่าวว่า กรณีวัดสร้างอยู่ในที่สาธารณะประโยชน์ (นสล.) ประเภทพลเมืองใช้ร่วมกันบางกรณีวัดสร้างอยู่ก่อนแต่ออกโฉนด นสล. ภายหลังทับที่วัด บางกรณี นสล. ออกโฉนดก่อนวัดสร้างที่หลัง จึงเกิดข้อพิพาทระหว่างวัดกับหน่วยงานของรัฐ มีคดีความข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บางคดีพิพาทกันถึงศาลฎีกา เป็นเหตุให้พระสงฆ์ ถูกดำเนินคดีศาลพิพากษาสั่งปรับ,สั่งให้พ้นออกจากวัด,จำคุก,วัดถูกศาลสั่งรื้อ เป็นตันด้วยเหตุผลดังกล่าว ทางชมรมพิทักษ์พระพุทธศาสนาจึงได้ร้องเรียนมายังคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมรัฐสภา ได้โปรดพิจารณา
ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯจะนำเข้าสู่การประชุมในคราวต่อไป โดย ดร.ณพลเดช มณีลังกา อนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ กล่าว่า ในประเด็นพื้นที่ นสล. มีประเด็นที่ถกเถียงกันมาก ในหลายเขตพื้นที่ ทั้งนี้การตีความในแง่กฎหมายมีความเห็นต่าง โดยเฉพาะกรณีพื้นที่ "ป่าช้า" ซึ่งวัดหลายๆ แห่งจะเกิดในพื้นที่ป่าช้า และมีการตีความหมายว่า พื้นที่ป่าช้าเป็นพื้นที่ นสล. หรือไม่ ซึ่งแต่ละวัดก็มีระยะเวลาที่ก่อตั้งมานาน การขีดเส้นพื้นที่ นสล. กับ วัด อาจจะนำเข้าพิจารณาและหารือกันในหลายฝ่าย ซึ่งมีกฎหมายในหลายส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณากันอย่างละเอียดและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกร่วมกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น