วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563

หลวงปู่ทอง ปทีโป (พระครูทีปการโกศล) เจ้าตำรับลงพระคาถา"พลิกชีวิตเปลี่ยนชะตา"



หลวงปู่ทอง ปทีโป  เดิมชื่อ นายทอง บุญรินทร์ เกิดเมื่อวันที่ 11 เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2486 ที่บ้านเหม้า หมู่ที่ 2 ต.ละทาย อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ (ไม่ปรากฏบ้านเลขที่) โดยมีบิดาชื่อ นายวันดี บุญรินทร์ และมีมารดาชื่อ นาง หนู บุญรินทร์ ซึ่งทั้งสองท่านประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยพ่อวันดี กับแม่ หนู นั้น มีบุตร-ธิดา ร่วมกันทั้งสิ้น 7 คน ซึ่งหลวงปู่ทอง เป็นบุตรชายคนที่ 6 ของท่านทั้งสอง (ปัจจุบันหลวงปู่อายุ 79 ปี 59 พรรษา)

ในด้านการศึกษา หลวงปู่ทอง ปทีโป จบการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนบ้านเหม้า ต.ละทาย อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อจบการศึกษา ก็ได้มาประกอบอาชีพเกษตรกรรมช่วยเหลือบิดาและมารดา อันเป็นบุพการีของตน 


เนื่องด้วยหลวงปู่ทอง เป็นคนที่รักในความสันโดษ และชอบศึกษาวิชาอาคมเป็นอย่างมาก เมื่อครั้นอายุครบบวช จึงได้ตัดสินใจละทางโลก หันหน้าเข้าสู่ทางธรรม โดยมุ่งอาศัย ร่มกาสาวพัตร ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง อุปสมบทในปีพุทธศักราช 2507 ณ อุโบสถ วัดเหม้า ต.ละทาย อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ  มีหลวงปู่นวล กลฺญาโณ วัดบ้านเหม้า อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อหลวงปู่ทองอุปสมบทแล้ว หลวงปู่จึงได้เริ่มศึกษาสรรพวิชาและปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง เรื่อยมาจนกระทั่งล่วงเข้าสู่ ปีพุทธศักราช 2514


หลวงปู่ทอง ซึ่งได้ศึกษาสรรพวิชาและปฏิบัติธรรมมาแล้วอย่างเคร่งครัดถึง 7 พรรษา ได้ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อเสาะแสวงหาสรรพวิชาและปฏิบัติธรรมเพิ่มเติม ต่อไป 

หลวงปู่ทอง ได้ออกธุดงค์ มุ่งหน้าสู่ประเทศลาว ซึ่งมีจุดหมายปลายทางที่วัดมหาพุทธวงศาป่าหลวง นครเวียงจันทร์ ประเทศลาว โดยในขณะนั้นเจ้าอาวาสวัดมหาพุทธวงศาป่าหลวง คือพระอาจารย์ ชารี ขันติโก ซึ่งท่านเป็นคนไทย  เนื่องด้วยเจ้าอาวาสองค์ก่อนคือพระอาจารย์ใหญ่ มหาปาน อานันโท ได้มรณภาพลง ทางวัดจึงได้นิมนต์พระอาจารย์ ชารี ขันติโก มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทน) 


ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่า พระอริยะสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ ณ วัดมหาพุทธวงศาป่าหลวง แห่งนี้เป็นศิษย์ของหลวงปู่ใหญ่สมเด็จลุน โดยหลวงปู่ทอง ท่านได้ฝึกวิชากรรมฐาน ณ วัดแห่งนี้ 

ในการธุดงค์ของหลวงปู่ครั้งนี้ หลวงปู่ได้จำพรรษาที่วัดมหาพุทธวงศาป่าหลวง นครเวียงจันทร์ ประเทศลาว เป็นเวลา 1 พรรษา  ต่อมาในปี พ.ศ. 2515 หลวงปู่ทองได้กราบลา พระอาจารย์ ชารี ขันติโก และพระอริยะสงฆ์ ที่วัดมหาพุทธวงศาป่าหลวง ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงปู่ทอง เพื่อเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย  ด้วยเหตุเพราะชาวบ้านหนองเรือ ได้กราบนิมนต์ขอให้หลวงปู่ทองเดินทางกลับมา เพื่อดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองเรือ  เพราะในขณะนั้นที่วัดไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส หลวงปู่จึงได้ตอบตกลงและเดินทางกลับมาเพื่อดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองเรือ เรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน


เมื่อหลวงปู่ทองได้กลับมายังมาตุภูมิบ้านเกิดแล้ว ด้วยเหตุที่ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ ท่านก็ยังมีใจศรัทธาในการศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ ศึกษาพระเวทย์ อย่างต่อเนื่อง  เมื่อกลับมาจากประเทศลาวหลวงปู่ทองท่านได้เสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ และ ผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้า ทั้งพระอริยะสงฆ์เจ้า และ ฆราวาสผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ซึ่งหลวงปู่ได้ศึกษาพระเวทย์เพิ่มเติมจากพระอริยะสงฆ์เจ้า และ ฆราวาส ดังต่อไปนี้

1.หลวงปู่นวล กลฺญาโณ วัดบ้านเหม้า อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ (พระพระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่ทอง) พระอริยะสงฆ์เจ้า ผู้ศึกษาวิชาสายหลวงปู่ใหญ่สมเด็จลุน โดยหลวงปู่นวลท่านเก่งในด้าน วัวกระทิง เป็นอย่างมาก  หลวงปู่นวลได้ถ่ายทอดวิชาให้หลวงปู่ทองจนหมดสิ้น พร้อมทั้งมอบตำราพระเวทย์ให้กับหลวงปู่ทองอีกด้วย   


2.หลวงปู่เพ็ง วัดบ้านละทาย พระอริยะสงฆ์เจ้า ผู้เป็นศิษย์เอกของหลวงปู่อ้วน โสภโณ แห่งวัดบ้านโนนค้อ โดยหลวงปู่ทองได้ศึกษาวิชาปราบผี ไล่พรายจากหลวงปู่เพ็ง และสรรพวิชาอื่นๆ จนหมดสิ้น

3.พ่อใหญ่ดี ปลงใจ ฆราวาสผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและแก่กล้าในพระเวทย์ แห่ง  อ.ขุขันธ์ โดยหลวงปู่ทองได้ศึกษาวิชา มนตรามหาเสน่ห์ จากพ่อใหญ่ดี จนหมดสิ้น

4.พ่อใหญ่ผาง ฆราวาสผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและแก่กล้าในพระเวทย์ แห่งบ้านผักแพรว อ.กันทรารมย์  โดยหลวงปู่ทองได้ศึกษาวิชา คงกระพันชาตรี จากพ่อใหญ่ผาง จนหมดสิ้น

5.พ่อใหญ่หวั่น ฆราวาสผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและแก่กล้าในพระเวทย์ แห่งบ้านเปือยอำเภอกันทรารมย์ ซึ่งพ่อใหญ่หวั่นนี้เป็นคนที่เก่งกล้าพระเวทย์ในทุกๆด้าน โดยหลวงปู่ทองได้ศึกษาวิชาในทุกแขนง จากพ่อใหญ่หวั่น จนหมดสิ้น

6.พ่อใหญ่ทอง ฆราวาสผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและแก่กล้าในพระเวทย์ แห่ง อ.ห้วยทับทัน  พ่อใหญ่ทองนี้เป็นอีกคนที่เก่งกล้าพระเวทย์ในทุกๆด้าน โดยหลวงปู่ทองได้ศึกษาวิชาในทุกแขนง จากพ่อใหญ่ทอง จนหมดสิ้นเช่นกัน

7.จนสุดท้ายหลวงปู่ทองได้ยกครูอาจารย์ถึง 25 ท่านเเละศึกษาวิชาพระเวทย์จนได้สำเร็จแตกฉานวิชาที่เรียนมาทุกแขนงจนเป็นที่เลือมใส ขอบรรดาลูกศิษย์ทั้งชาวไทยเเละต่างชาติ  โดยเฉพาะด้านการลงพระคาถา "พลิกชีวิตเปลี่ยนชะตา"  

ที่เหล่าบรรดาลูกศิษย์ต่างบอกว่า ถ้าได้มาลงพระคาถากับหลวงปู่ทอง ปทีโป เเล้วชีวิตเปลี่ยน ดีขึ้นจนผิดหูผิดตาทุกๆ คน เข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

https://www.facebook.com/groups/950405268376485/?ref=share


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"มจร"สีเขียวยุคAI! จัดกิจกรรม "รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม คืนขยะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน"

กิจกรรม “รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม” เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างจริยธรรมและเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ด้วยหล...