วันเสาร์ที่ 11 กันยายน 2564 ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึง กรณีที่การประชุมมหาเถรสมาคม ไม่พิจารณานำกรณี พระมหาสมปอง ตาลปุตโต และพระมหาไพรวัลย์ วรวัณโณ พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งวัดสร้อยทอง ที่มีการไลฟ์สดสอนธรรมโดยมีส่วนของการขบขัน ทำให้มีผู้ติดตามชมมากถึง 2 แสนคน ส่งผลให้มีผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ได้แสดงความคิดเห็นไปต่างๆ นาๆ แต่ด้วยมหาเถรสมาคม (มส.) ได้เคยแนะนำว่าหากเกิดเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระสงฆ์ ให้ดำเนินการตามลำดับการปกครองก่อน ซึ่งถือว่าปฏิบัติไปตามกฎหมายการปกครองสงฆ์ ตามหมวด 3 พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505
ดร.นิยม กล่าวต่อไปว่าตนต้องขออนุโมทนากับ นายสิปป์บวร แก้วงาม รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะโฆษก พศ. ที่ออกมาแถลงการณ์ดังกล่าว เพราะด้วยสังคมปัจจุบันประชาชนไม่สามารถเข้าถึงพระพุทธศาสนาได้เทียบเท่าในอดีต ด้วยมีกระบวนการทางการเมืองที่มีความพยายามให้เยาวชน การศึกษา การเชื่อมโยงระหว่างศาสนาและจารีตประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของไทยแยกออกจากกัน เพื่อสร้างความเสื่อมให้วงการพุทธศาสนาในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่การเพิ่มงบประมาณให้กับกระทรวงศึกษาดึงสามเณรเข้ามาเรียนในหลักสูตรสามัญ ทำให้จำนวนพระเณรในประเทศลดลงไปตามลำดับ การตัดงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนา การทำลายพุทธศาสนาด้วยสื่อที่จ้องจะทำลายพระสงฆ์ในมิติต่างๆ ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในพระสงฆ์จนลุกลามให้พระพุทธศาสนาในไทยจากที่เคยได้รับการสนับสนุนว่าประเทศไทยที่มีพุทธมณฑลนั้นเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก โดยมติชาวพุทธทั่วโลก
ขณะนี้เราคงไม่มีหน้าไปบอกใครในสังคมโลกว่า พุทธศาสนาในประเทศไทยมีความแข็งแกร่งและมั่นคง เราอาจเพียงจะมีตัวเลขว่ามีชาวพุทธในทะเบียนบ้านที่มีจำนวนถึง 95% ที่พร้อมจะลดลงเรื่อยๆ โดยชาวพุทธเราไม่ปฏิบัติธรรม ไม่สวดมนต์ทุกวันเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เราไม่เข้าถึงแก่นของพระพุทธศาสนา ทำให้สังคมไทยปากว่าตาขยิบ เกิดปัญหาคอร์รัปชัน ยาเสพติด บ่อนการพนัน การทำผิดกฎหมายนำเข้ารถหรู การซื้อขายตำแหน่ง จนส่งผลให้เกิดปัญหาคนล้นคุก อย่างไม่เคยมีมาก่อน เราต้องนำภาษีที่ได้ ไปปราบปราม รักษา บำบัด คนดีที่เสียแล้วซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุโดยไม่คิดที่จะนำพระพุทธศาสนามาแก้ที่ต้นเหตุเลย
ดร.นิยม กล่าวต่อไปว่า การที่ มส. เปิดให้พระสงฆ์ที่ดูแลการปกครองตรวจสอบตามลำดับ จะทำให้เกิดความยุติธรรมที่ฝ่ายการเมืองไม่อาจเข้าไปแทรกแซงได้ ทำให้เปิดช่องให้มีการเผยแผ่ธรรมะอย่างกว้างขวางมากขึ้น พระสงฆ์ทั้งสังฆมณฑลจะตื่นตัวและพัฒนาตัวเองเพื่อเป็นนักเทศน์ที่ดี ซึ่งจะดีกว่าอยู่วัดเฉยๆ เพื่อรอโยมมาวัดอย่างในอดีต แต่โลกปัจจุบันคนเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้นไม่จำเป็นต้องไปปรึกษาพระหรือไปวัด พวกเขาสามารถไปปรึกษาเรื่องราวต่างๆ ในช่องทางอื่นๆ ได้ ระยะห่างของประชาชนกับพระสงฆ์และวัดก็จะห่างไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็จะกลายเป็นอดีตเมืองพุทธเหมือนเมืองนาลันทา ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศอัฟกานิสถาน ประเทศอินเดีย ประเทศเนปาล ฯลฯ แต่หากเราปรับตัวได้ทันตนมั่นใจว่าแผ่นดินสุวรรณภูมิที่มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง จะยืนยงคงพระพุทธศาสนาถึง 5,000 ปี ตามพระราชดำรัสของพระเจ้าตากสินมหาราช ท่านเคยปวารณาเอาไว้ที่จะถวายแผ่นดินนี้ให้กับพระพุทธศาสนา ในครั้งที่พระองค์คงพระชนม์ชีพอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น