วันที่ 14 กันยายน พ.ศ.2564 เ พรรคเพื่อไทยจัดเสวนาในหัวข้อ "จนมุมกลางสภา แล้วยังกล้าไปต่ออีกหรือ" นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา แม้จะไม่ทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งทันที หากเปรียบเทียบเหมือนคนป่วยคือตายคาที่ดูจากเสียงสนับสนุนยกมือโหวตในสภา
นายสุทิน กลาวต่อว่า พลเอกประยุทธ์จากการปลดร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเเรงงาน เป็นการนำวิธีทางทหารมาตัดสินทางการเมือง ปลดผู้อื่นเพื่อสังเวยความผิด เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ ทำให้เกิดความปั่นป่วนภายในพรรค และเชื่อว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อค จะมีการปลดคนในพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มอีกแน่นอน
นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ตอกย้ำความล้มเหลวในการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ของพลเอกประยุทธ์ ที่สร้างความล้มเหลว ส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคม จนไม่เห็นทางจะฟื้นฟูได้ และฝ่ายรัฐบาลยังมี 4 พฤติกรรม ที่ตอบคำถามไม่ชัดเจน ได้แก่ 1.ตอบก่อนถาม 2.ตอบแบบไร้ภูมิปัญญา 3.ตอบไม่ตรงคำถาม 4.ไม่ตอบเลย
นางสาวจิราพร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ฝ่ายค้านได้เปิดแผลและรวบรวมเป็นหลักฐานพร้อมยื่นต่อ ป.ป.ช. ซึ่งการกระทำของรัฐบาลจะเป็นข้อมูลชั้นดีให้ประชาชนตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้ครั้งนี้พลเอกประยุทธ์ จะมีมือในสภา แต่เลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่สามารถฝ่าด่านศรัทธาประชาชนได้
"สภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ คือสินค้าหมดอายุ รอวันย่อยสลาย แม้ครั้งล่าสุดจะชนะในสภาไปแบบทุลักทุเล แต่จะไม่สามารถฝ่าด่านประชาชนกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกแน่นอน" นางสาวจิราพร กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น