วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2564

“ส.ส.เพื่อไทย” จี้ “ประยุทธ์” รีบยกเลิก พรก. ฉุกเฉิน พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ช่วยแก้โควิด



วันเสาร์ที่ 11 กันยายน 2564  นางสาวกิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี  กรรมาธิการการปกครอง คณะทำงานการกระจายอำนาจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ได้ตั้งข้อสังเกตไว้แล้วว่าน่าจะมีความพยายามทำตัวเลขผู้ติดเชื้อให้ดูเหมือนต่ำลง โดยเฉพาะในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ปริมาณผู้ติดเชื้อจริงไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด น่าจะเกิดจากการตรวจที่ลดลง อีกทั้งไม่รวมปริมาณผู้ติดเชื้อจากการตรวจ ATK เองด้วย นอกจากนี้ ยังจะมีโอกาสที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกด้วย สังเกตได้จากจำนวนผู้เสียชีวิตซึ่งแต่งตัวเลขได้ยากยังคงสูงอยู่ มีผู้เสียชีวิตในแต่ละวันสูงถึงกว่า 200 คน ซึ่งสูงกว่าตอนสั่งล็อกดาวน์ที่มีผู้เสียชีวิตเพียงวันละ 70-80 โดยไม่ได้ลดลงแต่อย่างไร โดยล่าสุดมีการคาดหมายกันว่าอาจจะเกิดการระบาดรอบที่ 5 ได้ และอาจจะมีผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นถึงวันละ 30,000 คน ตามที่ ศบค. ออกมาเตือนเอง 

ทั้งนี้ การบริหารจัดการวัคซีนยังเป็นปัญหาอย่างมาก วัคซีนคุณภาพยังมีประมาณน้อย วัคซีนที่สั่งล็อตใหม่ 12 ล้านโดส ไม่เป็นที่เชื่อถือของประชาชน อีกทั้ง พลเอกประยุทธ์ และรัฐบาลยังไม่ได้แสดงหลักฐานพิสูจน์ความโปร่งใส ส่วนต่างของราคาวัคซีนซิโนแวคที่พรรคเพื่อไทยได้เปิดเผยในสภา และได้เรียกร้องไป จะแก้ตัวด้วยคำพูดโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้ ประชาชนหมดความเชื่อถือแล้ว และ เชื่อว่าน่าจะต้องมีการทุจริตในการจัดซื้อวัคซีนแน่ และทั้งๆ ที่รู้ดีว่าวัคซีนที่สั่งมามีคุณภาพต่ำจากข้อมูลที่ปรากฏในต่างประเทศทั่วโลก ก็ไม่รู้จะเถียงไปเพื่ออะไร แต่ก็ยังจะสั่งกันอยู่ โดยน่าจะสั่งวัคซีน mRNA ในปริมาณที่มากๆ แทน โดยประเทศจีนเองก็เริ่มหันมาผลิตวัคซีน mRNA เพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนวัคซีนเดิมแล้ว เพราะเชื่อว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า แต่รัฐบาลไทยกลับไปสั่งซื้อวัคซีนคุณภาพด้อยกว่า

ทั้งนี้ ตามที่มีกระแสจะยกเลิก พรก. ฉุกเฉิน ที่ใช้มานานกว่า 1 ปี 5 เดือนแล้ว ก็ควรจะรีบยกเลิก เพราะการรวบอำนาจมาอยู่ที่พลเอกประยุทธ์ คนเดียว พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้แก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิดได้แต่อย่างใด การระบาดกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น ที่ผ่านมาความล้มเหลวในการจัดการโควิดและการจัดการวัคซีน ที่พลเอกประยุทธ์ ทำต้องรับผิดชอบมากที่สุด เพราะรวบอำนาจมาอยู่ที่ตัวเอง อีกทั้งปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ พลเอกประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแต่ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจก็ต้องรับผิดชอบด้วย จากการที่ประชาชนลำบากกันอย่างแสนสาหัส อดอยากกันทุกวันนี้ ดังนั้นเมื่อพลเอกประยุทธ์รวบอำนาจแล้วล้มเหลว ก็ควรจะยกเลิก พรก. ฉุกเฉิน เพื่อกระจายอำนาจให้เกิดประสิทธิภาพจะดีกว่า ที่ผ่านมา พรก. ฉุกเฉินกลับถูกนำไปใช้จัดการผู้เห็นต่างจำนวนมาก ที่ออกมาประท้วงความล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ มากกว่าที่จะใช้จัดการการระบาดของไวรัส ซึ่งเป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าพลเอกประยุทธ์ กำลังเผชิญกับปัญหารอบด้าน ทั้งปัญหาการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐเองที่แตกละเอียดแล้ว รอวันโบกมือลากันเท่านั้น ปัญหาเศรษฐกิจที่ล้มเหลวซ้ำซ้อน ความทุกข์ยากของประชาชนไม่ได้รับการเยียวยา ทั้งธุรกิจที่เจ๊งกันมาก คนตกงาน ราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ การระบาดของไวรัสยังไม่ลดแถมยังจะมากขึ้น การบริหารจัดการวัคซีนที่ยังขาดแคลนวัคซีนที่มีคุณภาพ แถมยังมีปัญหาคาใจเรื่องการทุจริตการจัดซื้อวัคซีนที่ประชาชนทั้งประเทศเชื่อไปแล้ว ปัญหาเหล่านี้พลเอกประยุทธ์ จะไม่มีทางแก้ไขได้ ยิ่งวันปัญหาจะยิ่งมากขึ้น พลเอกประยุทธ์ ไม่เหลือสภาวะผู้นำ และหมดสภาพจะนำพาประเทศนี้แล้ว ยิ่งดันทุรังอยู่ต่อไปจะยิ่งล้มเหลวมากขึ้น ประชาชนจะทนไม่ได้และออกมาขับไล่กันทั้งประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"มจร"สีเขียวยุคAI! จัดกิจกรรม "รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม คืนขยะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน"

กิจกรรม “รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม” เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างจริยธรรมและเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ด้วยหล...