วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2567

แนวความร่วมมือทุกมิติอย่างยืน ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา



“อนุทิน” ลงนามความร่วมมือชายแดนไทย - กัมพูชา 10 ข้อ หวังส่งเสริมความสัมพันธ์ ความร่วมมือทุกมิติระหว่างจังหวัดชายแดนสองประเทศอย่างยืน 

เมื่อวันที่ 24  ตุลาคม 2567 ตามที่เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2567 ที่โรงแรมสุขะ พนมเปญ ประเทศกัมพูชา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 8 ภายใต้หัวข้อ “การเสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน และครอบคลุมในพื้นที่ชายแดน” โดยทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และยืนยันที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ และความร่วมมือในทุกมิติระหว่างจังหวัดชายแดนของทั้งสองประเทศ รวมถึงการเสริมสร้างพรมแดนร่วมกันที่สงบสุขมีมิตรภาพ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ โดยการประชุมเน้นย้ำ การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชาในหลายด้าน โดยสะท้อนผลสำเร็จสำคัญของคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2565 

และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ โดยการประชุมเน้นย้ำการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา 10 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการข้ามแดน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างการปฏิบัติตามความตกลงระหว่างกันและกระตุ้นให้หน่วยงานจังหวัดชายแดนร่วมมือในการควบคุมการข้ามพรมแดน , ด้านความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนบริเวณชายแดน ส่งเสริมการค้าชายแดน การนำเข้า - ส่งออกสินค้าทางการเกษตรอำนวยความสะดวกในการขนส่งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรข้ามแดน โดยเฉพาะในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว , ด้านอุตสาหกรรม สนับสนุนนักลงทุนของสองประเทศที่ดำเนินกิจการในจังหวัดชายแดน , ด้านการคมนาคมขนส่ง เสริมสร้างและขยายความร่วมมือ เชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน ตั้งด่านชายแดนในพื้นที่ชายแดนที่มีศักยภาพ พัฒนาบริการขนส่งสินค้าทางรถไฟข้ามแดนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนด้านการคมนาคมขนส่ง , ด้านความร่วมมือด้านการเกษตรบริเวณชายแดน อำนวยความสะดวกในการค้าขายสินค้าทางการเกษตรของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณตามแนวชายแดน , ด้านความร่วมมือด้านแรงงาน ฝ่ายกัมพูชาได้ขอบคุณที่ไทยยกเว้นค่าธรรมเนียมกลับเข้าประเทศ สำหรับแรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 ถึง 15 พฤษภาคม 2567 ส่วนจุดผ่านแดน จะเร่งรัดเปิดจุดผ่านแดนที่ยังคงเหลืออยู่ และพิจารณายกระดับจุดผ่านแดนใหม่ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแก้ไขความแออัดบริเวณจุดผ่านแดน , ด้านการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ทั้งสองฝ่ายยืนยันในเจตนารมณ์ ที่จะไม่นำเอาประเด็นเส้นเขตแดนมากระทบความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ด้านการลักลอบตัดไม้โดยผิดกฎหมาย ร่วมมือป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า และอาชญากรรมที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติตามบริเวณชายแดน และด้านการป้องกัน และการปราบปราม อาชญากรรมบริเวณชายแดน ขยายความร่วมมือด้านความปลอดภัย ความเป็นระเบียบ และความมั่นคง เพื่อรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความปลอดภัยของทั้งสองประเทศ ย้ำถึงจุดยืนร่วมกันที่ไม่อนุญาตให้ผู้ใดใช้ดินแดนของทั้งสองฝ่ายแทรกแซงกิจการภายในต่อกัน หรือใช้ดินแดนเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมคุกคามความมั่นคงของอีกฝ่าย รวมถึงประเทศอื่นด้วย

ที่ประชุมได้หารือความร่วมมือด้านอื่น ๆ ระหว่างจังหวัดชายแดนของทั้งสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ท้องที่ และท้องถิ่น ประชุมหารือร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ สลับกันเป็นเจ้าภาพ โดยความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน ท้องที่ และท้องถิ่นของทั้งสองประเทศ ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายแสดงความยินดีอย่างยิ่งในโอกาสครบรอบ 75 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ในปี พ.ศ.2568

ในช่วงท้ายของการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของทั้งสองประเทศ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมของการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย -กัมพูชา ครั้งที่ 8 ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้การประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชาครั้งที่ 9 จัดขึ้นที่ราชอาณาจักรไทย

“การประชุมครั้งนี้ไทยจะได้ประโยชน์จากความร่วมมือของสองประเทศ ถ้าเราเปิดด่านเข้าออกตามจุดต่างๆได้มากเท่าไหร่ ก็จะมีคนเข้ามาซื้อข้าวของ ค้าขาย การป้องกันปราบปรามยาเสพติด ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทย เห็นตรงกันโดยกระทรวงมหาดไทยของทั้งสองรัฐบาล มีความเข้มงวดเข้มข้นในการป้องกันปราบปราม ซึ่งจะเห็นว่าปริมาณยาเสพติดที่มาทางชายแดนไทย-กัมพูชา มีการป้องกันปราบปรามได้อย่างดี นอกจากนี้ ยังจะให้มีความร่วมมือกันมากขึ้นในส่วนของการป้องกันอาชญากรรมทางออนไลน์ และคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งกัมพูชาก็ให้ความสำคัญมากเช่นกัน“ นายอนุทิน กล่าว

วิเคราะห์แนวทางความร่วมมือแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ความร่วมมือทุกมิติอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้จากการวิเคราะห์แนวทางความร่วมมือแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ความร่วมมือทุกมิติอย่างยั่งยืน ทำให้ทราบว่า  ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชามีประวัติศาสตร์ยาวนานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการทหาร เนื่องจากทั้งสองประเทศมีพรมแดนติดกันยาวกว่า 800 กิโลเมตร ความร่วมมือในพื้นที่แนวชายแดนจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และเป็นกลไกในการส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บทความนี้จะวิเคราะห์แนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาในมิติการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม เพื่อสร้างความสัมพันธ์อย่างยั่งยืนในแนวชายแดน

1. แนวทางความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง

ความสัมพันธ์ด้านการเมืองและความมั่นคงเป็นปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชา ความขัดแย้งเรื่องเขตแดนในอดีต เช่น กรณีปราสาทพระวิหาร ได้ก่อให้เกิดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมความร่วมมือทางการเมืองผ่านการเจรจาทางการทูตอย่างสันติและการใช้กลไกความร่วมมือทวิภาคี เช่น คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee) จะช่วยลดความขัดแย้งและส่งเสริมความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน

การพัฒนาความร่วมมือทางด้านความมั่นคง เช่น การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อต้านการค้ามนุษย์ และการควบคุมการค้ายาเสพติด ยังเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างความมั่นคงและความสงบสุขในพื้นที่ชายแดน การสร้างกลไกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและการพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับทหารจะช่วยให้ทั้งสองประเทศสามารถแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. แนวทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ

ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นแหล่งศักยภาพทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากมีการค้าขายข้ามแดนอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (Special Economic Zones, SEZs) เป็นหนึ่งในแนวทางที่จะส่งเสริมการค้าและการลงทุนในพื้นที่ชายแดน เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ การพัฒนาถนน และเส้นทางคมนาคม จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการขนส่งสินค้าและการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ การส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิต การเกษตร และพลังงานจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนและสร้างโอกาสในการจ้างงานให้กับประชาชนในพื้นที่

3. แนวทางความร่วมมือด้านสังคมและการศึกษา

ความร่วมมือด้านสังคมและการศึกษาเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาและการฝึกอบรมระหว่างสถาบันการศึกษาของไทยและกัมพูชา จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีในระยะยาว

โครงการความร่วมมือด้านการสาธารณสุข เช่น การจัดทำโครงการสุขภาพชายแดน การปราบปรามโรคติดต่อที่แพร่กระจายข้ามแดน และการจัดตั้งศูนย์บริการสุขภาพในพื้นที่ชายแดน จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศให้ดีขึ้น

4. แนวทางความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

การส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างไทยและกัมพูชาเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม เช่น การจัดเทศกาลศิลปวัฒนธรรมร่วม การสนับสนุนการเรียนรู้ภาษาของทั้งสองประเทศ และการแลกเปลี่ยนประเพณีท้องถิ่น จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจอันดีและสร้างความผูกพันระหว่างประชาชน

การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามแนวชายแดน เช่น การเยี่ยมชมแหล่งประวัติศาสตร์ เช่น ปราสาทพระวิหารหรือโบราณสถานต่างๆ จะเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างเสริมการท่องเที่ยวข้ามแดนให้มีความยั่งยืน

5. แนวทางความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

แนวชายแดนไทย-กัมพูชามีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ เช่น ป่าไม้ และแม่น้ำ การส่งเสริมความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น การจัดทำโครงการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การอนุรักษ์พื้นที่ป่า การป้องกันไฟป่า และการจัดการทรัพยากรน้ำ จะช่วยป้องกันการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงความร่วมมือ

การสร้างกลไกความร่วมมือระดับท้องถิ่น: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นทั้งสองประเทศในการพัฒนาโครงการความร่วมมือ เช่น การมีคณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่นเพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากประชาชน

การพัฒนาระบบข้อมูลและการสื่อสาร: ควรพัฒนาระบบการสื่อสารระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศให้มีประสิทธิภาพ เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงทีและการตัดสินใจที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย

การเพิ่มงบประมาณสนับสนุน: ควรเพิ่มงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชายแดนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่

การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว: ความร่วมมือชายแดนควรมีการวางแผนระยะยาวที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในทุกมิติ

บทสรุป

การสร้างความร่วมมือแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม แนวทางการพัฒนาเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดน แต่ยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและการสร้างสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ครูติ๋วชูสกลนครเมืองพุทธธรรม เพื่อไทยเปิดตัวส่งชิงนายก อบจ.

"สกลนครดีกว่าเดิม"  ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌ ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno     คลิกฟังเพลงที่นี่ (Intro)   แดนธรรมพุทธา สกลนครเมืองงาม โค ข้...