วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2567

การประยุกต์ใช้พุทธธรรมเพื่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด


ตามที่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีอาการดีขึ้นแล้วหลังเมื่อสองวันก่อน มีอาการเสียงแหบ สีหน้าเหนื่อยอิดโรย มีอาการป่วยไข้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30ตุลาคม 2567 พร้อมทั้งยกเลิกภารกิจตลอดวันที่ 31 ต.ค.2567 ก่อนที่จะปฏิบัติภารกิจตามปกติต่อไป โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานร้อยเอ็ด ตำบลหนองพอก อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด

สำหรับการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อติดตามและรับฟังปัญหาด้านการป้องกัน ปราบปรามยาเสพติดและกระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในโครงการมินิธัญญาลักษณ์ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม นอกจากจะเป็นการติดตามงานตามนโยบายของรัฐบาลที่แถลงนโยบายแล้ว ยังเป็นการดำเนินการเพื่อให้สอดรับกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาคอาเซียน ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศลาวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

โครงการมินิธัญญาลักษณ์ เป็นแนวคิดขยายพื้นที่บริการและเพิ่มการเข้าถึงของผู้ป่วยยาและสารเสพติดในเขตสุขภาพ ลดความแออัดสำหรับผู้ป่วยที่เข้ารับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพระยะยาวในโรงพยาบาลเฉพาะทางซึ่งมีจำนวนเตียงไม่เพียงพอสำหรับจำนวนผู้ป่วยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น

ประกอบกับ พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ได้มีการปรับระบบการบำบัดรักษาจากเดิม คือ ระบบสมัครใจ ระบบบังคับบำบัด และระบบต้องโทษ เป็นการสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษา ซึ่งการขับเคลื่อนนโยบายด้านการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567โดยประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ ภายใต้ความร่วมมือของทุกหน่วยงาน โดยยึดหลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย”

โครงการมินิธัญญาลักษณ์ สนับสนุนให้ผู้เสพเข้ารับการบำบัดรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง โดยมี สธ. เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ด้วยการพัฒนารูปแบบการเข้ารับบริการที่เชื่อมโยงตั้งแต่ศูนย์คัดกรอง สถานพยาบาลยาเสพติด สถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด และศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม ภายใต้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 และได้กำหนดให้เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของ สธ. จะต้องเร่งรัดดำเนินการให้เห็นผลภายใน 100 วัน (Quick win)

ทั้งนี้ มีเป้าหมายการดำเนินการ 3 เรื่อง คือ 1. จัดตั้งมินิธัญญารักษ์ ดูแลผู้ป่วยยาเสพติดระยะยาวให้ครอบคลุม 76 จังหวัดทั่วประเทศ ปัจจุบันมีโรงพยาบาลชุมชนที่ประสงค์จัดตั้งมินิธัญญารักษ์ 146 แห่ง รองรับผู้ป่วยยาเสพติดได้ทั้งสิ้น 1,957 เตียง แบ่งเป็น รูปแบบ Intermediate Care 692 เตียง และ Long Term Care 1,265 เตียง โดยเปิดบริการผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดในรูปแบบมินิธัญญารักษ์ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประยุกต์ใช้พุทธธรรมเพื่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นอีกวิธีการหนึ่งทั้งนี้พบว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาที่ท้าทายทั้งในระดับสังคมและระดับบุคคล เพราะก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพ จิตใจ และสังคมอย่างลึกซึ้ง ส่งผลกระทบไม่เพียงแต่กับผู้เสพ แต่ยังรวมถึงครอบครัวและชุมชนด้วย การจัดการปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แม้ว่าจะมีการใช้วิธีการทางกฎหมาย การบำบัด และการฟื้นฟูสภาพ แต่ก็พบว่ายังไม่สามารถป้องกันและปราบปรามปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น การประยุกต์ใช้พุทธธรรมซึ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ อาจเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างยั่งยืน

พุทธธรรมในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

หลักอริยสัจ 4

หลักอริยสัจ 4 ประกอบด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค สามารถนำมาใช้ในการทำความเข้าใจและบรรเทาปัญหายาเสพติดได้ โดยการระบุถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหายาเสพติด (สมุทัย) เช่น ความเครียด ความไม่พอใจในชีวิต หรือการขาดความสุขจากภายใน และใช้มรรคซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องในการฟื้นฟูและการป้องกัน เช่น การสร้างความมั่นคงทางจิตใจ การฝึกฝนสติ และการพัฒนาจิตใจด้วยการมีสมาธิและปัญญา ซึ่งจะช่วยให้บุคคลสามารถสร้างความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมและเป็นสุขจากภายใน

ศีล 5

การรักษาศีล 5 ในข้อที่เกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงจากสิ่งมึนเมา เป็นแนวทางในการเสริมสร้างจิตใจที่แข็งแกร่งให้กับบุคคล เพื่อป้องกันการทดลองหรือใช้สารเสพติด การรักษาศีลนี้ในชุมชนสามารถสร้างบรรยากาศแห่งความสงบและปลอดภัย และลดโอกาสในการเข้าถึงสารเสพติดได้

ภาวนาและการฝึกสติ

การฝึกสติผ่านการปฏิบัติภาวนา เช่น การเจริญสติปัฏฐาน 4 และการฝึกสมาธิ ช่วยให้บุคคลมีการควบคุมอารมณ์และพัฒนาปัญญาในการพิจารณาตนเอง ลดการใช้ยาเสพติดที่อาจเกิดจากการหลีกหนีจากความทุกข์ใจหรือความวุ่นวายทางจิตใจ

การประยุกต์ใช้เมตตาและกรุณา

การปลูกฝังเมตตาและกรุณาสามารถช่วยให้บุคคลสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น รวมถึงเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดจากการเสพติดที่มีต่อตนเองและสังคม ความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจนี้จะทำให้บุคคลรู้สึกถึงคุณค่าตนเองและลดความต้องการที่อาจนำไปสู่การเสพยาเสพติด

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

ส่งเสริมการศึกษาในพุทธธรรมในสถานศึกษา

หน่วยงานภาครัฐควรส่งเสริมการศึกษาเกี่ยวกับพุทธธรรมในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่เยาวชน รวมถึงส่งเสริมกิจกรรมการฝึกสติปัญญาและการภาวนาในหลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งสามารถช่วยในการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การใช้ยาเสพติด

จัดกิจกรรมการพัฒนาจิตใจในชุมชน

การจัดกิจกรรมฝึกสติและภาวนาในชุมชนสามารถเป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และพัฒนาจิตใจ ซึ่งจะช่วยลดความเครียดและสร้างความสุขจากภายในได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรสร้างความร่วมมือกับวัดหรือศูนย์ปฏิบัติธรรมในการจัดกิจกรรมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

บำบัดผู้เสพด้วยการฟื้นฟูจิตใจตามหลักพุทธธรรม

การบำบัดที่เน้นการฟื้นฟูจิตใจโดยใช้หลักพุทธธรรม ควรนำมาใช้ควบคู่กับการบำบัดทางการแพทย์เพื่อฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติด โดยใช้การฝึกสมาธิและสติภาวนาเพื่อพัฒนาความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง ลดความวิตกกังวล และเพิ่มความมุ่งมั่นในการละเว้นจากการเสพยาเสพติด

การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในหลักพุทธธรรม

เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บำบัด และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ควรได้รับการฝึกอบรมในหลักพุทธธรรมเพื่อสร้างความเข้าใจในเชิงจิตใจและทัศนคติที่ดีในการทำงานเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 

การประยุกต์ใช้พุทธธรรมเพื่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นแนวทางที่สามารถช่วยเสริมสร้างจิตใจของบุคคลให้แข็งแกร่งและลดโอกาสการเกิดพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การเสพติดได้ การนำหลักธรรมเข้ามาใช้ในการฟื้นฟูและการป้องกัน สามารถเป็นแนวทางที่เสริมสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสังคมไทย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์

  วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23: พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ พระไตรปิฎกเล...