วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2567

มนต์เพลงพุทโธจีพีที - ภูมิชสูตร : “การพิจารณาสาเหตุแห่งสุขและทุกข์ตามภูมิชสูตร: การประยุกต์ใช้ในการพัฒนาจิตใจและสังคม

  ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

 คลิกฟังเพลงที่นี่

 บทความทางวิชาการ: “การพิจารณาสาเหตุแห่งสุขและทุกข์ตามภูมิชสูตร: การประยุกต์ใช้ในการพัฒนาจิตใจและสังคม”


บทคัดย่อ

ภูมิชสูตรในพระไตรปิฎกเล่มที่ 16 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 8 สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เป็นคำสอนที่กล่าวถึงแหล่งที่มาของสุขและทุกข์ โดยในสูตรนี้ ท่านพระสารีบุตรชี้ให้เห็นว่าการเกิดขึ้นของสุขและทุกข์นั้นเป็นผลจาก "ผัสสะ" หรือการกระทบทางประสาทสัมผัส กล่าวคือ สัมผัสที่มนุษย์มีต่อสิ่งต่างๆ ในชีวิตไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจา หรือจิตใจ ล้วนเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางอารมณ์


เนื้อหาและหลักธรรมสำคัญในภูมิชสูตร

พระพุทธเจ้าได้ทรงอธิบายว่าความสุขและความทุกข์เป็นผลมาจากเหตุปัจจัย ซึ่งปัจจัยสำคัญคือผัสสะ หรือสัมผัสทั้งทางกายและใจ ภูมิชสูตรได้ให้มุมมองสำคัญในแง่ของ "กรรมย่อมบัญญัติ" ในลักษณะต่างๆ คือ การกระทำตนเอง การกระทำโดยผู้อื่น การกระทำผสม และการเกิดขึ้นของสุขและทุกข์ที่ไม่ได้เกิดจากตนหรือผู้อื่นโดยตรง


ภูมิชสูตรชี้ให้เห็นว่า การมีผัสสะเป็นปัจจัยนั้นถือว่าเป็นข้อสำคัญ ซึ่งตรงกับหลักธรรมเรื่อง "ปฏิจจสมุปบาท" หรือการเกิดขึ้นของธรรมด้วยอาศัยเหตุปัจจัย


พระผู้มีพระภาคทรงอธิบายให้เข้าใจว่า เมื่ออวิชชา (ความไม่รู้) ลดลงหรือละไปแล้ว สุขและทุกข์ที่เกิดจากความจงใจในกาย วาจา และใจนั้นจะลดลงตามไปด้วย


ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย


ส่งเสริมการฝึกฝนจิตใจเพื่อการลดทุกข์: การพัฒนานโยบายที่สนับสนุนการฝึกสมาธิและการศึกษาเรื่องปฏิจจสมุปบาทจะช่วยให้ประชาชนเข้าใจเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดสุขและทุกข์ ลดความยึดมั่นในอารมณ์และปฏิกิริยาที่เกิดจากผัสสะ

สนับสนุนโครงการด้านจิตวิทยาและการฝึกปัญญา: การฝึกปัญญาและการควบคุมอารมณ์ตามแนวทางภูมิชสูตรจะช่วยให้ประชาชนเข้าใจสุขและทุกข์อย่างมีเหตุผล จัดการกับผัสสะและความคิดในเชิงสร้างสรรค์

บูรณาการหลักคำสอนกับการศึกษา: การสอนให้เยาวชนเข้าใจหลักปฏิจจสมุปบาทและการควบคุมปฏิกิริยาทางอารมณ์เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสังคมที่เต็มไปด้วยสติปัญญาและความเข้าใจ

การประยุกต์ใช้ภูมิชสูตรในชีวิตประจำวัน


ฝึกสติในชีวิตประจำวัน: นำหลักปฏิจจสมุปบาทและผัสสะมาใช้ในการสังเกตปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในใจจากผัสสะ เช่น เมื่อเกิดอารมณ์โกรธจากคำพูดผู้อื่น ควรสังเกตถึงที่มาของอารมณ์นั้นและตั้งสติ ไม่ให้เกิดการกระทำที่เป็นผลของโทสะ

เพิ่มความรู้และความเข้าใจในอารมณ์ตนเอง: การเข้าใจว่าทุกข์และสุขที่เกิดขึ้นเป็นผลของผัสสะจะทำให้เรารู้เท่าทันและหลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นไปตามอารมณ์

พัฒนาความเมตตาต่อผู้อื่น: ด้วยความเข้าใจว่าสุขและทุกข์ล้วนมาจากการกระทบต่อผัสสะ จึงควรมีเมตตาและการยอมรับในความต่างของแต่ละคน

ชื่อเพลง: “ทุกข์ สุข สัมผัส”


เนื้อเพลงตัวอย่าง

*ทุกข์และสุขนั้นเกิดจากใจ

ผ่านสัมผัสจากกาย วาจา ใจ

คำที่เราได้ฟัง ผ่านความรู้สึกที่เจอ

เป็นดั่งกองไฟที่ลุกขึ้นเมื่อใด


สุขเกิดจากสัมผัส ทุกข์อยู่ไม่ไกล

เกิดจากการปะทะที่ไม่มีวันพ้น

สัมผัสทำให้เกิดภายในใจเรา

จะทุกข์หรือสุขก็เพียงรู้ทัน*


เมื่อใจรู้เท่าทัน ก็พ้นทุกข์ไป

สัมผัสเพียงผัสสะ ไม่ต้องยึดมั่น

อารมณ์เพียงน้ำที่ผ่านไปไม่เหลือ

ปล่อยให้ใจสงบ ไม่ผูกพัน


เอกสารอ้างอิง

พระไตรปิฎกเล่มที่ 16 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 8 สังยุตตนิกาย สคาถวรรค    https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=16&A=931   


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์

  วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23: พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ พระไตรปิฎกเล...