บทบาทของครูติ๋วในการสมัครนายก อบจ.สกลนครเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการพัฒนาการเมืองท้องถิ่นที่ยึดหลักการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน การชูเอกลักษณ์ของจังหวัด เช่น การเป็นเมืองพุทธธรรมและการพัฒนาตามแนวคิด "โค ข้าว คราม เม่า" ช่วยสร้างความหวังใหม่ให้กับประชาชนในจังหวัดและภูมิภาคอีสาน
การเลือกตั้งท้องถิ่นในประเทศไทยสะท้อนถึงการพัฒนาประชาธิปไตยในระดับฐานราก โดยเฉพาะบทบาทขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่มีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาท้องถิ่น นางอนุรักษ์ บุญศล หรือ "ครูติ๋ว" อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 4 สมัย จากพรรคเพื่อไทย ถูกเสนอชื่อเป็นผู้สมัครนายก อบจ.สกลนคร เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในจังหวัดภายใต้แนวคิด "สกลนครสามารถดีกว่าเดิม" การวิเคราะห์ครั้งนี้จะพิจารณาบริบทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของครูติ๋วในฐานะนักการเมืองท้องถิ่นและผู้เสนอตัวเป็นผู้นำในระดับจังหวัด
ความเป็นมาและสภาพปัญหา
จังหวัดสกลนครมีความโดดเด่นทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะในฐานะ "เมืองพุทธธรรม" อันเป็นที่ตั้งของสถานปฏิบัติธรรมสำคัญ เช่น วัดป่าสุทธาวาส และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อาทิ อาจารย์มั่น ภูริทัตโต อย่างไรก็ตาม จังหวัดยังเผชิญกับปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาท้องถิ่นที่ยังไม่ทั่วถึง การศึกษา และความยากจนที่ยังคงอยู่ในหลายพื้นที่
การเปิดตัวของครูติ๋วสะท้อนถึงความต้องการแก้ปัญหาเหล่านี้ ผ่านวิสัยทัศน์การพัฒนาโดยเน้นทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมของจังหวัด เช่น "โค ข้าว คราม เม่า" เป็นจุดแข็งในการพัฒนา
หลักการและอุดมการณ์
1. หลักการพัฒนา
ยึดหลักการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม โดยเน้นให้ทุกภาคส่วนในจังหวัดมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทาง ใช้แนวคิด "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" เพื่อสร้างความเท่าเทียมและลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ
2. อุดมการณ์การเมือง
เน้นความโปร่งใสและธรรมาภิบาล สนับสนุนประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น ใช้ประสบการณ์จากการเป็นครูและนักการเมืองในการบริหารและแก้ปัญหา
วิธีการและวิสัยทัศน์
1. วิธีการดำเนินงาน
ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนโดยตรง ใช้สื่อดิจิทัลและสื่อสารมวลชนเพื่อเผยแพร่แนวคิดและนโยบาย ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมะ เช่น การจัดเทศกาลเมืองพุทธธรรม
2. วิสัยทัศน์
"สกลนครสามารถดีกว่าเดิม" มุ่งสร้างจังหวัดที่มีความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต และส่งเสริมเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศและนานาชาติ
แผนยุทธศาสตร์และโครงการ
1. แผนยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ: ส่งเสริมสินค้าและบริการในท้องถิ่น เช่น โคขุนโพนยางคำ ผ้าย้อมคราม
ยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา: พัฒนาโรงเรียนในสังกัด อบจ. ให้เป็นต้นแบบการศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชน
ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว: สร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมะ
2. โครงการสำคัญ
โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตามแนวคิด "โค ข้าว คราม เม่า"
โครงการสร้างโอกาสการศึกษาสำหรับเยาวชนในชนบท
โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและผู้ยากไร้
อิทธิพลต่อสังคมไทย
การผลักดันของครูติ๋วในการบริหาร อบจ.สกลนครมีแนวโน้มส่งผลต่อสังคมไทยในด้านต่างๆ ได้แก่:
การสร้างต้นแบบการพัฒนาท้องถิ่นที่เน้นความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
การส่งเสริมประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่นผ่านการบริหารแบบมีส่วนร่วม
การกระตุ้นการท่องเที่ยวในภูมิภาคอีสาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ส่งเสริมการศึกษา: ควรมีนโยบายพัฒนาโรงเรียนในสังกัด อบจ. ให้เป็นต้นแบบการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น: สนับสนุนโครงการที่ส่งเสริมผู้ประกอบการในชุมชน โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมเป็นจุดขาย
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ระบบน้ำประปา และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อรองรับการท่องเที่ยวและการพัฒนาชุมชน
ยกระดับการท่องเที่ยว: เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดกับจังหวัดใกล้เคียงเพื่อสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น